|
ความสุขสามารถถ่ายทอดไปได้ 3 ทอดเป็นอย่างน้อย
ตอนนี้ใกล้จะถึงช่วงเปลี่ยนเวลาที่คนเราให้ความสำคัญมากอีกแล้ว คือการเปลี่ยนผ่านของปี ที่เราเรียกกันว่า ปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่กำลังจะมาแล้ว และเราเริ่มคิดที่จะส่งความสุขปีใหม่ให้กัน เตรียมทำขนม เตรียมทำของขวัญ และบัตรอวยพร บางครั้งผมเคยฉุกคิดเหมือนกันว่า การให้ของขวัญหรือส่งบัตรอวยพรปีใหม่สามารถทำให้คนได้รับมีความสุขจริงหรือเปล่า วันนี้ผมมีคำตอบให้กับตัวเองแล้ว และคิดว่าน่าจะเขียนให้เพื่อนฝูงลูกศิษย์ลูกหาได้อ่านด้วย เพื่อจะได้มั่นใจที่จะหาของขวัญหรือบัตรอวยพรส่งให้ใครต่อใครที่ท่านรักนับถือ เพราะว่าจะทำให้ผู้ได้รับมีความสุข และความสุขที่ว่านี้จะขจรขจายต่อไปได้อีกหลายทอด
คำตอบที่ว่านั้นผมเพิ่งไปอ่านพบข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องการกระจายความสุขมาครับ เป็นข้อสรุปจากผลการวิจัยของศาสตราจารย์จากโรงเรียนแพทย์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด 2 ท่านคือ James Fowler & Nicholas Christakis ที่ตีพิมพ์ใน British Medical Journal เขาค้นพบว่า ในสังคมของมนุษย์ที่มีการติดต่อสัมพันธ์กันนั้น ความสุขสามารถแผ่ขยายขจรขจายไปได้ถึง 3 ทอดเป็นอย่างน้อย หมายความว่า ถ้าคุณมีความรู้สึกเป็นสุข ความสุขของคุณจะส่งผลไปให้เพื่อนสุขไปด้วยเป็นทอดที่หนึ่ง และเพื่อนของเพื่อนของคุณจะมีความรู้สึกเป็นสุขไปด้วยเป็นทอดที่สอง และเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนเป็นทอดที่สาม
การวิจัยนี้เก็บข้อมูลจากโครงการศึกษาวิจัยโรคหัวใจชื่อว่า Framingham Heart Study จำนวน 4739 คน ตั้งแต่ 1983-2003 การวิจัยให้ผลว่า ผู้ที่มีความสุขนั้นสามารถส่งผลไปทำให้คนที่ใกล้ชิดทอดที่หนึ่ง (เพื่อน) มีความสุขไปด้วย 15% ในทอดที่สอง (เพื่อนของเพื่อน) มีความสุขไปด้วย 10% คนในทอดที่สาม (เพื่อนของเพื่อนของเพื่อน) มีความสุขไปด้วย 6%
อย่างไรก็ตาม ผู้วิจัยตั้งข้อสังเกตว่า ถ้าคนเรามีความสุข เรามักจะติดหนึบอยู่กับเพื่อนเพียงคนหรือสองคน ซึ่งทำให้ความรู้สึกเป็นสุขไม่ได้ขจรขจายไปหลายทอด
ในทำนองเดียวกัน ความเสียใจก็ส่งผลกระทบต่อคนใกล้ชิดอื่นๆรอบตัวเราด้วย เพียงแต่มีความเข้มข้นน้อยกว่า และไม่รวดเร็วเท่ากับความสุข โดยผลการวิจัยดังกล่าวรายงานว่า เพื่อนที่มีความสุขจะเพิ่มโอกาสทำให้คุณมีความสุขไปด้วย 9% ในขณะที่เพื่อนที่กำลังมีอารมณ์เสียใจส่งผลทำให้คุณเกิดอารมณ์เสียใจไปด้วย 7%
แดนเนียล กิลเบอร์ต (Daniel Gilbert) ศาสตราจารย์วิชาจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่อง Emotional Intelligence กล่าวว่า เรารู้มานานแล้วว่า ความสัมพันธ์ทางสังคมเป็นตัวทำนายความสุข แต่รายงานการวิจัยชิ้นนี้แสดงให้เห็นผลกระทบที่ทรงพลังซึ่งคนไม่เคยตระหนักมาก่อน มันเป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ที่มีหลักฐานยืนยันได้ว่า ผลอย่างนี้ขยายวงแห่งความสัมพันธ์ไปยังคนอื่นๆ ได้อีกด้วย เหมือนกับว่า ถ้าคุณเป็นศูนย์กลางแห่งความสัมพันธ์ คุณมีความสุขแล้วมันจะส่งผลกระทบไปยังคนอื่นๆ รอบตัวคุณไปอีกหลายทอด
นอกจากนั้นในโครงการ Framingham Heart Study ยังมีของแถมอีกคือ ผู้วิจัยได้พบข้อสรุปอย่างเดียวกันในวงความสัมพันธ์ของผู้เลิกสูบบุหรี่ และผู้ลดน้ำหนักด้วย กล่าวคือ ผู้ที่เลิกสูบบุหรี่และผู้ลดน้ำหนักได้สำเร็จจะส่งผลต่อเพื่อนและผู้ที่มีความสัมพันธ์กันเป็นทอดๆ เหมือนกันในแง่การสามารถเลิกสูบบุหรี่และการลดน้ำหนัก
ยังมีของแถมให้อีกหน่อยครับ ผลการวิจัยที่ยังไม่ได้ตีพิมพ์ออกมาของ Fowler & Christakis ยังพบต่อไปว่า เมื่อเลือกใช้กลุ่มตัวอย่างใน Framingham Heart Study ที่เป็นผู้ใช้ facebook ซึ่งจะต้องลงรูปของตนด้วย พวกเขาได้พบว่า ใครที่เอาภาพใบหน้ายิ้มของตนเองลงใน facebook มักจะมีคนในวงสายสัมพันธ์ของตนใช้ภาพยิ้มลงใน facebook ไปด้วย แตกต่างจากคนที่เอาภาพใบหน้าไม่ยิ้มซึ่งในวงสายสัมพันธ์ของเขามักจะเป็นภาพแบบเดียวกัน แปลว่า คนชอบยิ้มมักอยู่กับคนชอบยิ้ม คนไม่ชอบยิ้มมักจะอยู่กับคนไม่ชอบยิ้ม
รู้แล้วเอาไปทำอะไรได้บ้าง
อย่างแรกที่สุดคือ การส่งความสุขไปยังคนใกล้ตัวนั้นตอนนื้ยืนยันได้แล้วว่า มีส่วนทำให้เขามีความสุขได้ด้วย แต่ตัวแปรส่งต่อ (Mediator) ของความสุขนั้นก็นับว่าสำคัญ เพราะจะเป็นสัญลักษณ์ให้รู้ว่า ผู้ส่งมีความสุขจริงนะ ผมหมายความว่า ผู้ส่งความสุขต้องส่งอะไรไปให้ผู้รับด้วยเพื่อเป็นสาร (Message) ให้ผู้รับเข้าใจ
สิ่งที่ส่งไปจะเป็นอะไรก็ได้ โดยทั่วไปวาระปีใหม่เรามักจะส่ง ขนม ไดอะรี่ ปฎิทิน ฯลฯ พร้อมคำอวยพร ซึ่งเราจะเขียนแนบไป หรือบางท่านเราอาจจะเดินทางไปด้วยตนเองเพื่อขอพรจากท่าน เพราะเราเป็นผู้น้อย แต่นั่นคือการนำความสุขไปให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใหญ่
เพราะว่าคนเราทุกคนนั้นมีธรรมชาติเหมือนกันหมดคือ อยากได้รับการยกย่องจากคนอื่นว่าตนเองมีความหมาย (ถ้าเป็นภาษาของ Maslow คือ Self Esteem หรือภาษาตลาดทั่วไปคือ อยากดัง นั่นแหละครับ) พอใครมาแสดงให้รู้ว่า ยอมรับและยกย่อง คนเราทุกคนจึงสุขใจ
การยอมรับและยกย่องนั้นสามารถทำกับคนที่อยู่ในระดับเดียวกัน หรือคนในระดับต่ำกว่าได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นในการส่งความสุขในวาระปีใหม่ก็ควรคิดถึง และปฏิบัติต่อคนเหล่านี้ด้วย เราจะได้อยู่ในวงของผู้คนรอบตัวที่มีแต่ความสุข
ความจริงการส่งความสุขในวาระปีใหม่นั้นเป็นการปฏิบัติธรรมด้วยนะครับ ผมเชื่อว่าเป็นสังคหวัตถุธรรม อันได้แก่ ทาน ปิยะวาจา สมานัตตา อัตถจริยา ลองคิดดูสิครับ เราต้องให้ของขวัญปีใหม่ (ทาน) ด้วยการใช้คำพูดอวยพรไพเราะ (ปิยะวาจา) เพื่อแสดงความคงเส้นคงวาว่าไม่ลืมกันยังระลึกถึงเสมอซึ่งหมายถึงว่าเขามีความหมายสำหรับเรา (สมานัตตา) และการกระทำนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้รับ (อัตถจริยา) เพราะทำให้เขามีความสุขอันเกิดจากการได้รับรู้ว่าเขาเป็นบุคคลสำคัญมีความหมายต่อเรา
ดังนั้นในช่วงปีใหม่นี้ขอให้เรามาส่งความสุข และมั่นใจได้ว่า ความสุขจะกระจายไปได้เป็นทอดๆ ไปได้อีกหลายทอด ยิ่งวงแห่งสายสัมพันธ์กว้างไกลยิ่งทำให้สุขไปทั่วหมด
Create Date : 26 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2552 21:47:27 น. |
|
7 comments
|
Counter : 416 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: Poisson IP: 110.164.81.216 วันที่: 2 ธันวาคม 2552 เวลา:23:00:16 น. |
|
โดย: ^-^ IP: 203.156.92.23 วันที่: 3 ธันวาคม 2552 เวลา:12:00:22 น. |
|
โดย: ตุ้ย IP: 202.90.6.36 วันที่: 8 ธันวาคม 2552 เวลา:15:52:13 น. |
|
โดย: คงเดช IP: 203.155.58.254 วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:13:32:44 น. |
|
โดย: เกรียงไกร IP: 10.20.32.78, 203.149.16.43 วันที่: 11 ธันวาคม 2552 เวลา:15:48:30 น. |
|
โดย: คงเดช IP: 203.155.58.254 วันที่: 14 ธันวาคม 2552 เวลา:12:02:56 น. |
|
โดย: RosieRose IP: 10.7.51.253, 202.28.181.220 วันที่: 29 ธันวาคม 2552 เวลา:11:53:57 น. |
|
|
|
|
sithichoke |
|
|
|
|