|
ปีใหม่ควรตั้งเป้าหมายในชีวิตใหม่ด้วยนะ ชีวิตจึงจะพัฒนา
วันขึ้นปีใหม่ 2554 แม้ว่าจะผ่านไปแล้วหลายวัน แต่บรรยากาศของปีใหม่ในใจของคนหลายคนรวมทั้งผมด้วยก็ยังคงติดอยู่กับมันบ้างนิดหน่อยเหมือนกัน สำหรับผมนั้นโดยปกติผมจะใช้วันขึ้นปีใหม่เป็นช่วงเวลาที่จะได้ตั้งเป้าหมายให้กับชีวิตตนเอง เพื่อให้ชีวิตของตนเองดีขึ้น ทำให้เกิดการพัฒนาตนเอง อย่างที่เขาเรียกกันว่า New Year’s Resolution
สมัยเป็นวัยรุ่นนั้น ผมมักจะใช้การเขียนเป็นคำสัญญากับตัวเองว่า ปีใหม่นี้จะทำอะไรให้มากขึ้น อะไรน้อยลง และจะเลิกอะไรบ้าง ผมพบว่า New Year’s Resolution ได้ช่วยให้ชีวิตของผมเดินไปได้ถูกทางมากขึ้น เพราะว่ามันทำให้ผมได้ไตร่ตรองว่า ตลอดเวลาหนึ่งปีที๋ผ่านไปนั้นได้ทำอะไรดี อะไรไม่ดีอย่างไร และปีใหม่ที่จะมาถึงนี้จะแก้ไขอะไรบ้างจึงจะทำให้ชีวิตดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม สมัยโน้นที่ผ่านไปแล้ว แม้จะได้ทำ New Year’s Resolution แต่ก็เป็นการทำแบบลูกทุ่ง ไม่มีแบบแผน พอได้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องของทฤษฎีการตั้งเป้าหมาย (Goal Setting Theory) ผมคิดว่า ถ้าเรานำเอามาเป็นแนวทางในการทำ New Year’s Resolution น่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการทำแบบไม่มีแบบแผนเหมือนอย่างที่เคยทำมาในสมัยก่อน
ก่อนอื่นขอเล่าถึงทฤษฎีการตั้งเป้าหมายเสียก่อน เอ็ดวิน ล๊อค (Edwin Locke) และคณะของเขาได้ทำการวิจัยในหลายรูปแบบเป็นเวลานานกว่า 10 ปี เขาได้ค้นพบสาเหตุที่คนบางคนทำงานได้ผลดีกว่าคนอื่นๆ ว่า เป็นเพราะการตั้งเป้าหมายไว้ก่อนจะปฏิบัติงาน ซึ่งล๊อคและคณะของเขาได้วิจัยเรื่องการตั้งเป้าหมายจนได้ข้อค้นพบหลายอย่าง ซึ่งสรุปกลายเป็นทฤษฎีการตั้งเป้าหมายในที่สุด ข้อค้นพบดังกล่าวที่สำคัญๆ มีดังนี้
• เป้าหมายยากทำให้คนเรามีการปฏิบัติงานสำเร็จมากกว่าเป้าหมายง่าย
• เป้าหมายมีความเฉพาะเจาะจงและชัดเจนมากทำให้ต้องแสดงพฤติกรรมที่ชัดเจนมาก
• เป้าหมายที่ทั้งมีความเฉพาะเจาะจงและยากจะนำไปสู่การปฏิบัติงานได้มากเป้าหมายที่ไม่เฉพาะเจาะจง
• ความผูกพันใจกับเป้าหมายจะมีอย่างสำคัญต่อเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและยาก ความผูกพันใจต่อเป้าหมายคือความตั้งใจที่จะปฏิบัติงานไปให้ถึงเป้าหมายอย่างจริงใจ
• ความผูกพันใจต่อเป้าหมายจะมีสูงเมื่อ ก.) บุคคลได้รับการยืนยันว่าเป้าหมายนั้นสำคัญ ข) บุคคลได้รับการยืนยันว่าเป้าหมายนั้นสามารถไปถึงได้ อย่างน้อยก็สามารถเห็นความสำเร็จที่มุ่งไปสู่เป้าหมายได้
• การตั้งเป้าหมายจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อมีการให้ข้อมูลย้อนกลับที่แสดงให้เห็นว่ามีความก้าวหน้าที่มุ่งไปสู่เป้าหมาย
ต่อมาได้มีคนนำเอาข้อค้นพบเหล่านี้ไปทำเป็นคำย่อว่า SMART เพื่อให้จำได้ง่ายขึ้น โดยตัวอักษรแต่ละตัวมีความหมายดังนี้
S – Specific มีความเฉพาะเจาะจง, M – Measurable สามารถวัดผลได้เป็นปริมาณ, A – Attainable สามารถไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้, R – Reasonable มีเหตุผลสมควรกระทำ, T – Trackable สามารถติดตามผลได้เป็นระยะ
ดังนั้นโดยอาศัยนวัตกรรมแห่งทฤษฎีการตั้งเป้าหมายนี้ ผมอยากเชิญชวนผู้อ่านบทความนี้ได้ตั้งเป้าหมายโดยอาศัยหลัก SMART นี้ในด้านต่างๆ ของชีวิตตนเอง ไม่ว่าใครก็ควรตั้งเป้าหมายทั้งด้านการทำงาน การเรียน การหาความรู้ การสังคม นิสัยส่วนตัว การรักษาสุขภาพ การพัฒนาจิตใจด้วยศาสนา การพักผ่อนหย่อนใจ งานอดิเรก ฯลฯ
ผมขอแนะนำให้ท่านใช้กระดาษสมุด หรือถ้าใครมีไดอะรี่ก็จะหรูขึ้นมาอีกหน่อย เปิดหน้าแรกเขียนได้เลย เพราะว่าถ้าไม่เขียน เราจะไม่ค่อยผูกพันใจกับมัน ท้ายที่สุดจะลืมไปเลย แต่ถ้าเขียนไว้เราจะได้เปิดดูมันเป็นระยะ เป็นการเตือนใจตนเองว่าต้องกระทำตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ นี่เรียกว่าเป็นสัญญาอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งจะทำให้เราผูกพันใจกับสิ่งที่เราต้องการจะทำให้ดีขึ้นหรือยังไม่ได้ทำต้องทำขึ้นมาใหม่ก็ตาม
ในเทคนิคการปรับพฤติกรรม (Behavior Modification Intervention) บางกรณีเราอาจจะให้ผู้ที่เราจะปรับพฤติกรรมเขาเป็นผู้เขียนสัญญาพฤติกรรม (Behavioral Contract) เนื่องจากเราต้องการให้เขาเกิดความผูกพันกับข้อสัญญาเหล่านั้น และเรามักจะใช้สัญญาพฤติกรรมนั้นๆ เป็นแนวทางในการให้ข้อมูลย้อนกลับเกี่ยวกับความก้าวหน้าหรือถอยหลังของการปรับพฤติกรรมของเขา ดังนั้นสัญญาพฤติกรรมจึงมักจะถูกเขียนขึ้นมาอย่างเฉพาะเจาะจง วัดผลได้เป็นระยะ มีเป้าหมายที่ชัดเจน
ลองเขียนให้เป็นตัวอย่างคงจะได้ประมาณนี้ครับ
ในปีใหม่นี้ข้าพเจ้าจะตั้งใจทำสิ่งต่อไปนี้คือ
ด้านการเขียนหนังสือ จะเขียนหนังสือจิตวิทยาสำหรับคนทั่วไปอ่านได้เข้าใจได้ นอกจากนั้นผู้ที่เรียนจิตวิทยาก็สามารถอ่านได้ด้วย ให้หนังสือสำเร็จออกมาวางขายในร้านขายหนังสือได้ 2 เล่ม
อธิบายเสริมไว้หน่อยได้ว่า กรณีตามตัวอย่างนี้ Specific คือการเขียนหนังสือที่เกี่ยวกับจิตวิทยาให้ผู้อ่านที่ไม่ใช่นักศึกษาจิตวิทยาอ่านได้ Measurable ภายในปีนี้ 2 เล่ม Attainable คือมีความเป็นไปได้ที่จะทำได้สำเร็จ เนื่องจากได้เขียนเก็บเอาไว้จำนวนหนึ่งแล้ว Reasonable มีเหตุผลสมควรทำ เนื่องจากหนังสือแนวนี้ส่วนมากมักจะไม่ค่อยมีในท้องตลาด ส่วนมากเป็นการแปล Trackable สามารถติดตามงานได้เป็นระยะๆ
อย่าลืมว่าชีวิตของเรานั้นมีหลายด้าน เราคงต้องพิจารณาด้านต่างๆ ให้รอบตัวเรา เขียนเป้าหมายในการพัฒนาตนเองในด้านเหล่านั้น (เช่น ด้านสุขภาพ น้ำหนัก ศาสนา การเรียนวิชาต่างๆ การสังคม ฯลฯ) เอาไว้อย่างจริงใจนะครับ หมายความว่าตั้งใจที่จะทำอย่างจริงจัง ถ้าเห็นว่ามันมากด้านเกินไป อาจจะเริ่มจากด้านที่ทำได้ไม่ยากนักเสียก่อน พอทำได้จริงๆ มันจะได้ทำให้เกิดกำลังใจที่จะพัฒนาตนเองในด้านอื่นอีกต่อไป
ขอให้เชื่อคำพระพุทธองค์ที่ว่า ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ต้องไปบนบานศาลกล่าว ใครที่ไหนก็ช่วยเราไม่ได้ นอกจากเราต้องอธิษฐานให้เรามีจิตใจแข็งแกร่งที่จะเอาชนะ สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้ได้
ขอแถมหลักธรรมที่จะช่วยเป็นแนวทางให้สำเร็จในการพัฒนาตนเอง ซึ่งผมยึดเอาไว้ในใจเสมอในการกระทำสิ่งต่างๆ ได้แก่ หลักธรรมแห่งอิทธิบาท มี 4 แนวทางได้แก่ ฉันทะคือความพอใจรักในสิ่งที่ทำ วิริยะคือความหมั่นเพียรที่จะทำ จิตตะคือความมีสมาธิเอาใจใส่จดจ่อในสิ่งที่ทำอยู่เสมอไม่วอกแวก วิมังสาคือการหมั่นทบทวนการกระทำที่ทำไปแล้วว่ามีที่ดีหรือไม่ดีอย่างไรจะได้ปรับปรุงให้เหมาะสมต่อไปได้
ขออวยพรให้ท่านที่ตั้งใจจะนำไปปฏิบัติ ประสพความสำเร็จ และสนุกกับมันด้วยครับ
Create Date : 10 มกราคม 2554 |
Last Update : 10 มกราคม 2554 23:26:10 น. |
|
4 comments
|
Counter : 460 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: ชนิดา MIOP21 IP: 10.226.17.228, 203.185.131.97 วันที่: 11 มกราคม 2554 เวลา:16:50:23 น. |
|
โดย: Yee (sizeXXL ) วันที่: 12 มกราคม 2554 เวลา:15:29:46 น. |
|
โดย: ภรต IP: 124.121.172.65 วันที่: 13 มกราคม 2554 เวลา:14:17:26 น. |
|
โดย: Apicha IP: 124.121.13.234 วันที่: 30 มกราคม 2554 เวลา:2:46:35 น. |
|
|
|
|
sithichoke |
|
|
|
|