ติดตามผล ลดอายุให้ได้ 10 ปี... ฉบับมนุษย์เงินเดือน สัปดาห์ที่ 1

(ต่อเนื่อง)
จากสัปดาห์ที่แล้วที่เริ่มเขียนบทความให้ได้ 10 ปี ฉบับมนุษย์เงินเดือน มาอัพเดท หลังผ่านไป 1 สัปดาห์  

 (อ่านบล็อกก่อนหน้าได้ที่นี่ https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=sinyindee&date=07-07-2019&group=1&gblog=9 )


สัปดาห์ที่ 0 เริ่มต้น สภาพตัวเองเมื่อเดือนที่แล้ว 

  • นอน  6-7 ชั่วโมง
  • วิ่งได้ต่อเนื่อง 0.5 กม  เดิน 2 กม จะรู้สึกล้า

  • ทาน 2 มื้อ/วัน ทานอาหารนอกบ้านทุกมื้อ

  • น้ำ 5-6 แก้วต่อวัน 

  • ใจสั่น มีอาการวูบ ชีพจร 98

  • น้ำหนัก 58 กก
     

สัปดาห์ที่ 1 

  • นอน 9 ชั่วโมง

  • วิ่งต่อเนื่อง 0.8 กม + เดิน 4 กม รู้สึกเหนื่อย

  • ออกกำลังกายวันเว้นวัน 

  • ทาน 3 มื้อ/วัน ทำอาหารเองเกือบทุกมื้อและไม่ใส่เกลือน้ำปลา
    กินเลี้ยงนอกบ้าน 3 มื้อ

  • น้ำหนัก 56.7 กก

 

อะไรที่เปลี่ยนแปลงอย่างเห็นชัด

  • น้ำหนักลงไปแบบงงๆ เกือบ 1.5 กิโล ทั้งที่กินเยอะกว่าปกติ เดาว่าอาหารที่กินเค็มน้อยลงมาก ทำให้ร่างกายขับน้ำออก ตัวไม่บวมเหมือนเดิม (ทานเยอะขึ้นครึ่งจานทุกมื้อและยังออกกำลังกายไม่เยอะ)
  • ผิวหน้ายังคงเหมือนเดิม ยังมีสิวใหม่ๆ ขึ้นแต่จำนวนน้อยลงเยอะ รอยสิวเก่าก็ยังเป็นรอยอยู่
  • เข้านอนเวลาปกติ แต่หลับได้เร็วขึ้น 
  • ยังตื่นหลายครั้งตลอดคืน
  • อาการที่มักจะทำเวลาเผลอหายไป พวกกัดฟัน กำมือแน่น
  • ไม่ได้ออกกำลังกายมานานแต่ตื่นมาแล้วไม่รู้สึกปวดตัว  เป็นอานิสงส์จากการยืดเส้นหลังออกกำลังกายเสร็จทุกครั้ง
  • สถิติดีสุดที่ทำได้:  วิ่ง+เดินเร็ว+เดินหย่อนใจ รวม 11.5 กิโลเมตร ต่อเนื่อง 3 ชั่วโมง หลังเลิกงาน 


กินอาหารอะไรไปบ้าง

กินของสด ทานผักผลไม้ทุกวันแทนการกินวิตสมินเสริม ไม่ใส่เกลือ น้ำตาล 

เมื่อเช้า
วันไหนออกกำลังกายก็จะกินไข่หลายฟอง ทานทั้งไข่แดงและไข่ขาวพร้อมกับอย่างอื่น วันไหนไม่ออกกำลังกายทานไข่ฟองเดียวและเน้นผลไม้หรือมะเขือเทศเยอะหน่อย

มื้อเช้า โยเกิร์ตรสธรรมชาติใส่ธัญพืช มะเขือเทศสด ไข่ต้ม อโวคาโด
 

 



















 



มื้อเที่ยงกับมื้อเย็น
ทานคล้ายๆกัน ปริมาณพอๆกัน  เนื้อสัตว์ประมาณ 250-300 กรัม ผัก 2 กำมือ ข้าวหรือหัวมัน ผลไม้ 1 ลูก ชีส น้ำ 1-2 แก้ว 

มื้อเที่ยง มื้อเย็น มีเนื้อสัตว์ (ปลา ไก่ หมู เนื้อ สลับไป) ผัก ข้าวหรือหัวมัน





มีออกไปทานอาหารข้างนอกกับเพื่อนๆ ด้วย 3 มื้อ ก็กินตามอิสระ
ปล. คิดหนักตอนจะกินเค้กเหมือนกัน
แต่คิดไปคิดมาทั้งอาทิตย์ได้กินขนมชิ้นเดียวตอนไปเจอเพื่อน จากเดิมที่ทานบ่อยมาก เลยบอกตัวเองว่าโอเคน้า :)







 



Create Date : 10 กรกฎาคม 2562
Last Update : 10 กรกฎาคม 2562 22:50:53 น.
Counter : 709 Pageviews.

0 comment
ลดอายุให้ได้ 10 ปี ฟิตสุขภาพ หน้าอ่อนลง แบบไม่เสียตังค์และไม่โกง
ปีที่ผ่านมาทำงานหนักมากซะจนรู้สึกร่างกายจะไม่ไหวแล้ว… ไทรอยด์เริ่มมา หัวใจเต้นเร็วปี๊ดเกือบจะร้อยตลอดเวลา
ต้องลดอายุซะแล้วให้ได้ 10 ปี ฟิตสุขภาพ นอกจากหน้าอ่อนลง คล่องตัว ก็จะได้มีลูกได้ง่ายขึ้น แบบไม่เสียตังค์และไม่โกง


....ทุกวันนี้ชีวิตเป็นไงนะหรอ...
ตื่นมากับอาการปวดหลังตลอดเวลา มือชา คอบ่าไหล่ตึงเพราะใช้คอมเยอะ แขนกับข้อมือเดี้ยงจากหิ้วกระเป๋าหนักทุกวัน วันๆมองแต่จอกับมือถือ สายตาสั้นแย่ไปอีกเยอะ

- นาฬิกาชีวิตไม่เคยตรง ก็เริ่มจากตื่นตามงาน แปลว่าอะไรนะหรอ ก็จะทำงานเมื่อไหร่ก็ตื่นแป๊บนึงก่อนหน้านั้นไง  
- รีบอาบน้ำแต่งตัว แต่งหน้า ไม่ได้กินอาหารเช้า ขึ้นที่วินมอเตอร์ไซค์ซิ่งไปให้ทันเวลาเข้างานน่ะสิ
- เข้าออฟฟิตก็เกาะอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน จะมีก็เดินไปประชุมบ้าง 
- มื้อเที่ยงก็เป็นอาหารสิ้นคิด อะไรก็ได้ที่เร็วที่สุด เพื่อกลับไปทำงานต่อ 
- ตอนบ่ายก็นั่งนั่งทำงานไปแล้วก็บ่นว่าปวดหลัง ปวดมือไป 
- มื้อเย็นนะหรอไม่ต้องพูดถึงเลย กว่าจะเลิกงานนู่น 2 ทุ่ม 4 ทุ่ม บางวันเที่ยงคืน กลับถึงบ้านก็สลบคาโซฟา อาบน้ำบ้างไม่อาบน้ำบ้าง 
- เสาร์อาทิตย์ก็นอนตุน ตื่นเที่ยง ไม่อยากออกไปไหนแล้ว เพราะรู้สึกว่าอดนอนมาตลอดอาทิตย์


ปีที่ผ่านมาน้ำหนักขึ้นมาหลายกิโล
......หลายคนบอกว่ากินดึก หลายคนก็บอกว่าไม่ได้ออกกำลังกาย จะอะไรก็ช่างเถอะ  สุดท้ายมันแย่กะตัวเรา

 

จุดตั้งต้นของการปฏิวัติครั้งนี้เกิดจาก คุณสาวฟิตเนสที่ยืนแจกใบปลิวให้ทดลองเล่นฟรี 3 วันนั่นแหละ
ฉันก็ลองเข้าไปที่ฟิตเนสตามที่เขาบอก (ยังไม่ได้สมัครนะ ไปดูก่อน) เพราะหวังบังคับตัวเองให้ออกกำลังกายมากขึ้น เลือกฟิตเนสที่ใกล้ออฟฟิศที่สุดให้ได้ใช้แน่ๆ 

วันแรกเข้าไปดูลาดลาวก่อน น้องที่ให้บริการดูแลดีมาก เขามีเครื่องทดสอบ ให้ยืนวัดค่านู่นนี่ จำได้ว่าปีก่อนเคยวัดครั้งหนึ่ง ยังจำตัวเลขได้ วัดแล้วก็ตกใจ ไอ้หยา.. แค่ปีเดียวทำไมมาตรวัดร่างกายชั้นมันแก่ขึ้นมา 7 ปี!   ขอน้องเช็คใหม่อีกรอบ

ตายจริง ทำงานปีเดียวแก่ขึ้น 7 ปี อย่างนี้ก็ตายเร็วดิ...

อายุตามปฏิทินกับอายุสุขภาพอาจไม่เหมือนกัน
เคยเห็นคนอายุ 25 แต่สุขภาพโทรม จะวิ่งสัก 2 กิโลยังทำไม่ได้ป่ะ แต่ลุงอายุ 60 ทำอะไรกระฉับกระเฉงเหมือนคนอายุ 40 ต้นๆ 

...แต่อายุสุขภาพกับอายุมดลูกมันไปด้วยกัน ...
ถ้าสุขภาพกายแย่ สุขภาพใจเครียด ก็มีลูกยาก ไม่ก็มีไม่ได้สักที ต้องไปพึ่งการแพทย์ทำเด็กหลอดแก้วบาง IVF บ้าง ถ้าฟิตร่างกายขึ้นมาก็เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว  ฟิตร่างกายใหม่แล้วก็ได้มดลูกใหม่มั้ง 555

ไม่ได้แล้ว...ในเมื่อร่างกายมันแก่ขึ้น 7 ปีในปีเดียวได้ มันก็ต้องอ่อนลง 10 ปีได้เหมือนกันถ้าทำตัวดีๆ 
ปีนี้อายุย่าง 40 ปวดโน่นนี่ไปหมด มีลูกก็ไม่ได้ โอกาสตั้งครรเหลือน้อยนิดแค่ 10% ตั้งใจว่าถ้าฟิตให้ร่างกายเหมือนคนอายุ 30 ปี ชีวิตน่าจะดีขึ้นเยอะ

กลับไปดูตารางทำงานตลอดทั้งปี ฉันยังไม่ได้ลาพักร้อนเลยนี่นา ทำงาน 365 วันพักร้อน 0 วัน เอิ่ม....
ว่าแล้วฉันดึงพักร้อนทั้งหมดขึ้นมาใช้เพื่อปฏิบัติตัวเอง ส่วนหนึ่งที่คิดได้มาจากคุณแม่ ที่อายุ 74 แต่ดูแก่กว่านั้นมาก จากการทำงานหนักและเครียดตลอดชีวิต หู ตา ร่างกาย หัวใจทุกอย่างเหมือนจะแก่กว่านั้นมาก  แม่บอกว่า "ตั้งใจติดร่างกายให้เหมือนอายุ 60 อีกครั้ง"

นี่คือแรงบันดาลใจสูงสุดซึ่งฉันเดินตามแม่ แม่ลดอายุ ฉันขอลดด้วยคนนะ 

 

เพื่อนถามว่าลดลง 10 ปีทำยังไง... ลองคิดเองได้แบบนี้นะ 
- ออกกำลังกายให้ฟิต ร่างกายมันสร้างเซลล์ใหม่ตามธรรมชาติ
- พักหลังออกกำลังกาย พอออกกำลังกายส่วนไหน ก็พักส่วนนั้น 24-48 ชั่วโมงให้ร่างกายมันซ่อมและสร้างเซลล์ใหม่ทดแทน
- กินอาหารครบหมู่เพื่อให้ได้วิตามินเพียงพอ (ต้องกินค่อนข้างเยอะ) ด้วยวิธีพื้นๆตามธรรมชาติ
- ดื่มน้ำเปล่าให้เยอะ ไปช่วยซ่อมแซม ช่วยอาหาร และเพื่มความดันเลือดให้ดี 
- นอนเต็มอิ่มทุกวัน ให้ระบบซ่อมแซมได้ซ่อมแบบสูงสุด
- ปรับอารมณ์จิตใจ ตัดโรคที่เกิดจากพฤติกรรมตัวเอง พวกโรคหัวใจ เบาหวาน ไมเกรน โรคทางระบบประสาทออกไป มันน่าจะช่วยเรื่องวัยเจริญพันธุ์มีลูกด้วยน้าาา
อมยิ้ม03
อ่านเจอหลัก 5 อ คิดว่าถูกสุด สำเร็จเยอะสุด เลยลองเอามาใช้และประยุคหลักการณ์ ที่ทำให้ได้ผลดีขึ้นอีกเข้าไป
"อาหารสด ออกกำลังกายเบาแต่นาน อารมณ์สงบ อากาศสะอาด อุจจาระทุกวัน"
"แล้วก็เพิ่ม นอน 9 ชั่วโมง น้ำเปล่า 9 -10 แก้ว "
"แล้วก็งด น้ำตาล เกลือ อาหารเสริม วิตามินเม็ดๆ สบู่ โลชั่น ครีมทั้งหลาย ให้ระบบเลือด ตับ ไต ได้พัก"
นอนแค่ไหนถึงพอดี
ลองทดสอบว่าตัวเองนอนกี่ชั่วโมงแล้วถึงพอ เข้านอนเวลาที่คิดว่าโอเค เช่น 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม แล้วไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก ลองทำอย่างนั้นหลายๆ ครั้ง ดูว่าเวลาที่นอนนั้น ใช้เวลาประมาณกี่ชั่วโมงร่างกายถึงจะตื่นเองแบบสดชื่น ตัวฉันเองต้องใช้เวลาประมาณ 9 ชั่วโมงกว่าๆ ฉะนั้นก็ไม่ได้ตามหลักที่ใครๆ บอกว่านอน 6-8 ชั่วโมงแล้วพอ เพราะตัวเองนอน 8 ชั่วโมง ตื่นแล้วยังเพลียอยู่ แต่พอนอน 9-10 ชั่วโมง ตื่นมาตาใสปิ๊ง 555 แต่ถ้านอนต่อเยอะกว่านั้นเป็น 11 ถึง 12 ชั่วโมงจะเริ่มตื่นมาแล้วปวดตัว สะโหลสะเหล ในหัวรู้สึกเหมือนสมองบวม 


ดื่มน้ำ
ปีที่ผ่านมาทำงานหนัก อยู่กับความเครียดตลอดเวลา หัวใจก็รวน เต้นเร็วบ้างช้าบ้าง ตรงที่หัวใจเต้นช้านี่ลำบาก คุณหมอแนะนำว่า เคยดื่มน้ำประมาณเท่าไหร่แล้วพอก็ให้เพิ่มเข้าไปอีกนิดครับ เดิมเคยดื่มประมาณ 1.5 ถึง 2 ลิตร ตอนนี้เพิ่มเข้าไปอีกครึ่งลิตร ก็คือเฉลี่ยประมาณ  9-10 แก้วต่อวัน

อาหารสด
มีช่วงหนึ่งฉันไปทำงานในชนบท ทำให้ต้องทำอาหารเองตลอด ใช้ของสด อุปกรณ์เครื่องปรุงไม่ค่อยมี สุขภาพร่างกายดีขึ้นมากจนผิดหูผิดตา กลับมาเข้าเมืองเพื่อนทุกคนถามว่าทำไมผิวสวย หน้าอ่อนเชียว เลยงัดวิธีนี้ขึ้นมาใช้อีกครั้ง 555
ตลอดเดือนนี้ ในเมื่อมีเวลาเยอะขึ้น (ทุ่มสุดตัวเพื่อหาเวลาพัก) ฉันจะกินอาหารที่ปรุงแต่งน้อยสุด เป็นของสดให้เยอะพวกผัก ผลไม้ ไข่ต้ม เนื้อ นม ข้าว ถั่ว ไข่ทานได้วันละหลายฟองมากเพราะ ตราบใดที่ใช้แรง ขยับร่างกาย ก็กินได้เยอะตามต้องการจ้าา ตอนนี้กินไข่เยอะมาก (วันละ 4-6 ฟอง) แต่ผลเลือดออกมาดีเว่อ ยิ้ม  งดกินวิตามินกะอาหารเสริมก็หันมาทานผลไม้มื้อละลูก ผักมื้อละ 2-3 กำมือ

ตัดอาหารแปรรูปออกไปก่อน เช่น ไส้กรอก หมูหมัก ขนมปัง ชานมไข่มุก กาแฟซองๆ ขนมถุง น้ำอัดลม ขนมจีน มื้อไหนทำได้ก็พยายามจะทำเอง เพราะเวลาทำเองฉันจะไม่ใส่เกลือ น้ำปลา น้ำตาลอะไรเลย ใส่ก็แต่พริกไทย หัวหอม ได้รสชาติอาหารแบบนั้นจริงๆ 

ออกกำลังกาย
ตอนนี้ร่างกายแย่มากจะวิ่งสักกิโลต่อเนื่องยังทำไม่ได้เลย ตั้งเป้าว่าสิ้นเดือนนี้จะวิ่งให้ได้ 10 กิโลเมตรต่อเนื่อง ไม่รู้ทำไงเหมือนกัน แต่ว่าจะเริ่มจากเดินให้ได้ 10 กิโลเมตรต่อวัน แล้วค่อยๆเพิ่มเป็นวิ่งสลับเดิน

อากาศ 
อันนี้เรื่องสำคัญเพราะกรุงเทพฯ คงเลี่ยงอากาศเสียไม่ได้ ต้องเอาวันลาพักร้อนเข้ามาช่วยฟอกปอด ลาไปอยู่ในที่ที่อากาศดีๆ โดยเฉพาะตอนที่วิ่งนอกบ้าน กรุงเทพฯถึงแม้อากาศจะแย่แต่ในสวนสาธารณะ หรือนอกเมืองที่มีเขตต้นไม้เป็นแนวกำบังแน่นๆ ก็พอใช้ได้นะ 

สภาพผิว
สภาพผิว กับตับ ไต มันไปด้วยกัน  เดือนนี้ลดการใช้ทุกอย่าง ทั้งครีมบำรุงและเครื่องสำอาง รวมถึงวิตามินต่างๆ ด้วย อาหารเสริมอะไรตัดออกไปให้หมด ทำไมนะหรอ กินอาหารเสริมก็น่าจะดีสิ? 

ครีมบำรุงทั้งหลายแหล่ ที่ทาและประโคมเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นโทนเนอร์ ครีม เซรั่มอะไรก็แล้วแต่ ที่เขาบอกว่ามันมาจากธรรมชาติ มันไม่ธรรมชาติทั้งหมดหรอก ธรรมชาติจริงวางทิ้งไว้ไม่เข้าตู้เย็นแค่วันเดียวก็เสียแล้ว มันต้องใส่เคมีเยอะแยะ ให้มันอยู่ได้ตั้ง 2 ปี 4 ปี  พอทาผิว น้ำผสมเคมีก็จะซึมเข้าเส้นเลือด แล้วตับไตก็จะทำหน้าที่ฟอกเลือด กำจัดเคมีพวกนั้น ถ้าหยุดใช้มันก็ให้เหมือนกับตับไตข้างในที่เป็นเหมือนโรงฟอกเลือดให้ตัวเราได้พักด้วย ขนาดวิตามินซีเม็ดๆ ต่อให้ธรรมชาติยังไง ตับยังต้องทำงานหนักเลย

เดือนนี้ว่าจะลดจำนวนพวกเครื่องประทินผิวลงเหลือแ่ค่วันละไม่กี่ชิ้น เครื่องสำอางเรารู้กันอยู่แล้วว่ามันทำให้ผิวแก่ ฉะนั้นหยุดใช้ไปก่อนดูซิว่า ผิวจะสวยขึ้นไหม อยู่กับหน้าสดไปนะจ๊ะ  ไม่ได้ออกไปทำงานก็ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวนี้เขานิยมหน้าสด คนไม่แต่งหน้าออกมาข้างนอกเยอะแยะ

ใจและอารมณ์
ส่วนนี้ฉันเอาเรื่องออกกำลังกายเข้ามาช่วยในเมื่อร่างกายอ่อนแอเหลือเกิน วิ่งต่อเนื่องไม่ได้ ก็แบ่งเป็นออกกำลังกายวันละ 2-3 ครั้งแทน  

ครั้งแรกตื่นเช้ามาช่วงปิดขี้เกียจนี้แหละ กระโดดลงไปเดินหย่อนใจเริ่มต้นวันด้วยความสบายใจก่อนเลย สักครึ่งชั่วโมง เดินดูอะไรสวยๆ หายใจเข้าปอดลึกๆ ขยับเส้นสาย

หลังทานข้าวเที่ยง เดินย่อยอาหารหย่อนใจไปด้วยในตัวสัก 20 นาที ก่อนจะลุยงานตอนบ่าย
หลังเลิกงานตอนเย็น แทนที่จะขึ้นรถไปตุเลงตุเลงกลับบ้านทันที ลองเดินคลายความเครียดจากงาน ให้ได้สักครึ่งชั่วโมง ช่วงนี้เป็นช่วงเพิ่มความอยากที่จะกลับไปวิ่งด้วย 

เบ็ดเสร็จรวมการออกกำลังกาย 2 ชั่วโมงต่อวันไหนได้หย่อนใจไปด้วย

หย่อนใจ เป็นการจัดการความเครียดที่ไม่รู้ตัวนี่สำคัญมากๆ นะ พักผ่อนแต่ไม่หย่อนใจก็ได้แต่กล้ามเนื้อ แต่ระบบประสาทก็ยังไม่ช่วยเท่าไหร่  โรคที่เกิดจากความเครียดมันเยอะขึ้นมาก หัวใจ ความดัน ปวดหัว ปวดท้อง โรคระบบประสาททั้งหลาย มันมาจากอารมณ์ขุ่นมัว ความเครียด ใจที่มันตึงๆ ทั้งนั้น ถ้าเอาส่วนนี้ออกไปได้สุขภาพผิว หน้าตา ฮอร์โมน อะไรๆ มันก็ดีตามไปด้วย 

กรกฎาทั้งเดือนตั้งเป็นเดือนปฏิวัติตัวเอง ได้แค่ไหนไม่รู้ ค่อยมาอัพเดทเรื่อยๆ ได้ผลไง ค่อยมาแชร์นะจร้า...
139134139134139 134139134139 134139134139



Create Date : 07 กรกฎาคม 2562
Last Update : 7 กรกฎาคม 2562 16:43:18 น.
Counter : 343 Pageviews.

0 comment
20 เดทจากเวปหาคู่ - My 20 Tinder dates เดทที่ 5 นักบอลมืออาชีพลูกติด
.......แพทริก นักบอลมืออาชีพลูกติด หนุ่มใหญ่ไม่มีรูป แต่ประวัติน่าทึ่ง......

เฝ้ารอหลายเดือน กว่าจะเจอคนนี้ 

หนุ่มคนนี้ไม่มีรูป ตำแหน่งประธานบริษัท เหลือบไปเห็นว่าคำบรรยายเกี่ยวกับตัวเองในโปรไฟล์ยาวมาก เลยเข้าไปอ่าน

เขาขึ้นต้นด้วยการอธิบาย ชีวิตการเดินทางของเขาว่า เขาเดินทางระหว่างสองเมืองไปกลับ 600 กิโลทุกอาทิตย์ สัปดาห์ละ 3 วันเป็นเวลาหลายปี เพราะได้งานไก่บ้าน อาชีพเป็นผู้บริหารโรงงานอุตสาหกรรม เป็นคนคิดบวก พยายามใช้เหตุผลในการตัดสินใจ มีความสมดุลในชีวิตระดับหนึ่ง 

ส่วนที่สะดุดใจเรา เขาบอกว่าสมัยเด็กเคยเป็นนักกีฬาฟุตบอลมืออาชีพ ซึ่งสำหรับประเทศที่เขามาแล้ว การเป็นนักกีฬาฟุตบอลมืออาชีพไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตามฉันเดาว่าคงมีฝีมือมาก ยิ่งทำให้ฉันอยากอ่านรายละเอียดของเขาต่อ 

เขาเขียนมาอย่างตรงไปตรงมาว่า ได้แยกทางกับภรรยาเก่าได้ปีนึงแล้วและอยู่กับลูก อาทิตย์เว้นอาทิตย์ 

ที่ตลกคือคนคนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่มีรูปอะไรเลยที่ฉันยอมรับได้ ก็เพราะคำบรรยายของเขามันบอกเหตุผลในตัวว่าทำไมเขาถึงไม่กล้าใส่รูปลงไปไง การเป็นผู้บริหารเบอร์ 1 ขององค์กรแถมยังเคยเป็นนักกีฬามืออาชีพมาก่อน คงรู้สึกอายเหมือนกันที่จะต้องแปะรูปตัวเอง มันเป็นความรู้สึกที่ฉันเคยอายมาก่อน

ว่าแล้วก็ปาดขวา! 

ผ่านไป 1 สัปดาห์ เขาตอบมาครั้งแรก เราได้แชทกับหลายประโยค ฉันชวนคุยก่อนนิดหน่อยว่า นักบอลมืออาชีพมันเป็นยังไงหรอ แล้วอยู่ทีมอะไร 

แพทริคชมกลับมาเอารูปฉันยิ้มสวยดี ก่อนเล่าให้ฟังว่า ตอนสมัยฉันเด็กๆ พ่อเขาชอบเตะบอลที่สโมสรก็เลยได้เตะบอลด้วย จนเขาเกิดความชอบและสมัครเข้าเป็นทีมของจังหวัด เขาอายุมากกว่าฉันประมาณ 8 ปี เลยรู้ว่าสมัยที่เขาบอกนั้นว่าเตะบอลเป็นนักกีฬามันนาน...มากแล้ว เขาเตะฟุตบอลอยู่จนถึงเกือบเข้ามหาวิทยาลัย ตะเวนแข่งข้ามเมืองไปเรื่อยและได้เปลี่ยนไปสังกัดถึง 4 สโมสร จนกระทั่งคิดได้ว่าอาจจะใช้ฟุตบอลเป็นอาชีพได้ไม่นาน จึงตัดสินใจเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและเลือกสายบริหารจนจบปริญญาโท การเป็นนักฟุตบอลมีอาชีพทำให้เขารู้จักการทำงานเป็นทีมและได้ตำแหน่งผู้บริหารเร็วมากตั้งแต่อายุ  30 กลางๆ 

ความที่ฉันเป็นคนบ้างาน เลยยิ่งรู้จักแพทริคมากขึ้นเพราะเขาเก่งในทุกอย่างที่เขาทำทั้งงานและกีฬา ยิ่งแชทฉันก็ยิ่งประทับใจและรู้สึกว่า อยากเจอคนนี้จัง เฮ้อ...
ปัญหานะหรอ ความแย่ของเขาคือ ตอบแชทช้ามาก เราได้คุยกันวันหนึ่งประโยค พอฉันตอบไป วันรุ่งขึ้นเขาจะกลับมา ตอบไปตอบมาอยู่อย่างนี้นานนับเดือน 

คุยไปเรื่อยๆ ฉันเริ่มเก็บข้อมูลของเขา เริ่มรู้สึกแล้วว่าอยากเจอคนนี้จัง แต่คงรอไปอีกชาตินึงก็ไม่ไหว
ถึงเวลาสวมวิญญาณนักสืบ ใช้วิชา Google Search หาในอินเตอร์เน็ต ได้ข้อมูลมาแล้วว่าเป็นนักฟุตบอล มีชื่อจริง แต่ไม่มีนามสกุล เดาจากระยะห่างน่าจะอยู่จังหวัดไหน หานานมากก็หาไม่เจอ ช่วงที่แชทกับคุณแพทริค ฉันเหมือนทำงานไม่ค่อยได้เล้ยยย มัวแต่คิดว่าเย็นนี้เขาจะตอบไหมตอบว่าอะไรนะ อยากบอกทุกคนว่าการตอบช้าก็เป็นเรื่องดี ทำให้อีกคนอยากคุยมากขึ้นด้วย พิสูจน์แล้วด้วยตัวเอง มันทรมานมากกกก

ความที่เขาเสมอต้นเสมอปลาย เขาก็ตอบเกือบทุกวันตอนค่ำๆ วันไหนหายไปใจเราก็หล่นตุ๊บ  
พอคุยน้อย ทำให้รู้ว่าทุกคำถามที่ถามไป ต้องถามแบบได้ข้อมูลกลับมา เพราะกว่าเขาจะตอบมานานมาก เขียนยาวก็กลัวว่าน่าเบื่อ แต่ละวันกล้าส่งแค่วันละสองสามประโยคเท่านั้นเอง ทำไมคิดอย่างนั้นน่ะหรอ 

ก็วิธีการตอบของเขาไง เขาตอบกระชับสั้นตรงประเด็นและมีความกันเองเล็กๆอยู่ในนั้น ทำให้ฉันพยายามปรับวิธีการใช้ภาษาเป็นเดียวกัน จะได้คุยกันเข้ากันได้  

หมดเดือนแรก ฉันบอกเขาว่าฉันจะเลิกใช้ tinder สักพักถ้าอยากคุยกันต่อก็ขอวิธีอื่น เขาโอเคแล้วส่งอีเมลมาให้ หลังจากนั้นเราคุยโต้ตอบกันด้วยอีเมลทุกวัน มันเป็นความรู้สึกที่แปลกเพราะคงไม่มีใครเขียนอีเมลคุยกันแล้ว แต่ก็เตือนสติตัวเองได้ว่าก็เพราะกำลังแชทกลับคนที่แก่กว่ามากไง แล้วเขาก็มีความอายที่จะให้เห็นหน้าอย่างมาก จึงไม่ให้ Facebook LINE หรืออะไรเลยที่จะรู้ว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง 

เราคุยอีเมลกันทุกวันวันละ 1 อีเมล์เป็นเวลา 2 เดือนต่อมา รวมอีเมลทั้งหมดมาเขียนเป็นเรื่องสั้นได้เลยอ่ะ
สุดท้ายฉันก็ได้ข้อมูลเกือบเพียงพอที่จะมาหาใน Google  มาสรุปแล้วว่าคงเป็น 2-3 รูปนี่แหละแต่ว่าจะเป็นคนไหนนะ  ที่สำคัญรูปใน Google หน้าตาเหมือนจิ๊กโก๋ แต่จะใช่เขาไหมนะ 

และแล้ว เข้าเดือนที่ 4... 
เย็นวันนึงเขาตอบอีเมล์มาเร็วประมาณทุ่มกว่า เดี๋ยวจะออกไปสังสรรค์กับเพื่อนแถวๆบ้านฉัน จะไปโยนโบวลิ่ง วันนั้นเปิดอ่านอีเมล์ช้าไปประมาณ  2 ชั่วโมงหลังจากที่เขาส่งมา ว้ายยย ใจมันสั่นระรัวเพราะฉันรู้แล้วว่าโบว์ลิ่งที่ไหน ถ้าเป็นคุณจะทำยังไงคะ?? 

ฉันน่ะหรอ ก็รีบอาบน้ำแต่งตัวให้สวยที่สุดเท่าที่ทำได้ รีบวิ่งออกไปที่ลานโบว์ลิ่ง มันต้องมองเห็นสักคนแหละที่เป็นคนคนนี้ 

จำได้ไหมคะคุณแพททริคเขาไม่แปะรูปแล้วเขาก็ไม่ให้อะไรเลยที่ทำให้ ฉันรู้ว่าเขาหน้าตาเป็นยังไง 

เข้าไปที่ลานโบว์ลิ่ง...
พระเจ้าช่วยคนแน่นมาก ฮือๆ คนนับร้อย หาไม่เจอแน่ๆ คนไหนล่ะ กลับไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้ 

เดินมองไล่ตั้งแต่เลนแรกจนถึงเลนสุดท้าย ใช้มันสมองทั้งหมดที่มีมันจะเป็นใครได้บ้าง ฉันเริ่มกรองคนออกไปทีละกลุ่ม ทีละกลุ่ม เริ่มจากกลุ่มอายุที่น่าจะใช่ มองหาการแต่งตัว ถ้าเขาเป็นผู้บริหารเขาอาจจะแต่งตัวแบบนี้ สุดท้ายเหลืออยู่ 2 ทีมค่ะ ทีมแรกมีเกือบ 10 คนอีกทีมนึงมีอยู่ 5 คนผู้ชายล้วน 

สมองตอนนั้นบอกว่า ถ้าฉันไม่หาเขา เขาก็คงไม่คิดจะมาเจอกัน ยิ่งคุยก็ชอบคนนี้มากและที่สำคัญความรู้สึกบอกว่าใช่ ต้องหาเขาให้เจอ!!

ทำไงต่อนะหรอ 
ก็รวบรวมความกล้าทั้งหมดหาวิธีแทรกตัวไปขอเล่นกับทีมแรก ใหญ่กว่าโอกาสเจอมากกว่าค่ะ 

เกิดมาก็ไม่เคยทำเหมือนกันแต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ต้องหาให้เจอ เล่นไปฉันแอบเดินคุยไปทั่ว แนะนำตัวถามชื่อคนนู้นคนนี้ไปเรื่อย เล่นจบไป 2 เกมแล้ว เกือบครบวงก็ยังไม่เจอคนชื่อแพทริค 

ยิ่งนานจำนวนคนในลานโบว์ลิ่งก็ยิ่งน้อยลง โอกาสที่เขาจะกลับไปแล้วก็มีสูงขึ้น 
แต่ยังเหลืออีกทีม จะย้ายจากทีมนี้ไปอีกทีนึงยังไงดีล่ะ ทำตัวน่ารักผูกมิตรเป็นเพื่อนไปแล้ว ย้ายตอนนี้ไปหาวงผู้ชายล้วนคงน่าเกลียดมาก แต่จะเดินไปคุยอีกวงคงไม่ไหวมั้ง ทำไงดีทำไงดี...



Create Date : 22 มิถุนายน 2562
Last Update : 22 มิถุนายน 2562 1:29:57 น.
Counter : 729 Pageviews.

2 comment
20 เดทจากเวปหาคู่ - My 20 tinder dates - เดทที่ 4 หนุ่มใหญ่สายน้ำมัน
…... คุณโจ้ ผจก  GM บริษัทแท่นขุดเจาะ  …..

คุณโจ้เป็น GM  ผู้จัดการของบริษัทน้ำมันและแก๊สธรรมชาติแห่งหนึ่งในประเทศเพื่อนบ้าน ไปทำงานตอนเช้าวันจันทร์ที่ต่างประเทศและบินกลับวันศุกร์มากรุงเทพฯ เป็นอย่างนี้มาปีที่ 7 แล้ว แต่ทำงานประเทศใกล้ๆทำให้บินกลับเมืองไทยได้บ่อย

ตอนฉันดูโปรไฟล์ หน้าตาคุณโจ้ขอดูเฉยๆ แต่ชอบกิจกรรมของเขามากกว่า มีทั้งไปเที่ยวภูเขา โดดร่มไ ปทะเลสาบชิล ๆ ไปเที่ยวเมืองหนาว ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไปมาหลายประเทศ น่าจะปรับตัวกับหลายๆ คนได้ดี รวมถึงตัวฉันด้วย 

คุณโจ้เขียนบอกในโปรไฟล์ว่า ชอบที่จะเดินทางทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะญี่ปุ่น ยุโรปและนิวซีแลนด์ เขาทิ้งท้ายไว้ด้วยว่ายินดีจะแชทกันก่อนและเปิดสำหรับทั้งความสัมพันธ์เป็นเพื่อนและเป็นพี่ 

เรา Match กันวันอังคาร 
โจ้: สวัสดีครับ  เขาทักมาก่อน
ญ: สวัสดีค่ะ 
โจ้: ตอนนี้อยู่ไทยป่ะครับ 
ญ: อยู่ค่ะ กำลังไปงานสัมมนาของบริษัทที่ต่างจังหวัดค่ะ
เราคุยกันสั้นมากเพราะเป็นวันทำงาน  

วันพุธ 
โจ้: วันอาทิตย์ว่างทานมื้อเย็นกันไหมคะ 
      เดินทางปลอดภัยนะครับ
ญ: วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ใช่ไหมคะ 
     วันอาทิตย์ฉันจะปิดงานต้องเตรียมงานของสัปดาห์ถัดไป ขอเจอเป็นวันธรรมดาศุกร์หรือเสาร์ได้ไหม
โจ้: เสาร์หน้าสะดวกแถวไหนครับ 
      คุณโจ้ตอบกลับมาตอนเย็นของวันเดียวกัน

วันพฤหัส บทสนทนาเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ชัดเจน
ญ: ตามแนวรถไฟใต้ดินหรือรถไฟฟ้าก็ได้ค่ะ 

วันศุกร์ 
โจ้:  พรุ่งนี้ว่างไหมครับเผอิญผมเรียนเสร็จตอน 5:30 น 
ญ:  ตอนเย็นได้ค่ะ 
โจ้: งั้นเจอกันที่พารากอนได้ไหมครับ เขาบอกเวลามา น้องมีไลน์ป่ะคะ 

สุดท้ายฉันขอไลน์พี่เขาแล้วแอดไป 
ตอนเย็นวันศุกร์ ฉันเลิกงานเร็วเลยเขียนไปบอกว่าวันนี้ก็ว่างนะ เพิ่งคุยงานเสร็จในเมือง พี่เขาว่างไหม 
เขาตอบมาอย่างรวดเร็ว “กำลังจะบินกลับไทยครับ” และให้ไลน์ ID มา 

วันเสาร์ - วันเดท 139
ตอนเช้าออกไปทำธุระ ฉันมารอพี่เขาที่ห้างตามที่นัดกันล่วงหน้าหลายชั่วโมง
โชคดีที่ห้างมีงานเทศกาลอาหารญี่ปุ่นและมี free คอนเสิร์ตปาล์มมี่ ฉันบังเอิญเดินไปเห็นก่อน เลยชวนพี่เขาเปลี่ยนที่มาเจอที่คอนเสิร์ตปาล์มมี่ 

เขียนพิกัดบอกที่ที่เจอลงไปใน LINE และแล้วตัวเองก็เกาะขอบเวทีกระโดดร้องปาล์มมี่กับฝูงชนมหาศาล อยากบอกว่าคอนเสิร์ตปาล์มมี่สนุกมากๆ  นับจากที่เขา LINE มาบอกว่าถึงแล้ว เขาใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงที่จุดนัดพบ มาทัน 3 เพลงสุดท้ายพอดี 

ครั้งแรกฉันหันไป พี่เขาไม่กล้าเดินเข้ามา เขาจำได้แต่ฉันจำเขาไม่ได้เพราะหน้าเขาไม่เหมือนในโปรไฟล์ ตัวจริงดูเหมือนอายุมากกว่าโปรไฟล์สัก 10 กว่าปี แต่พอฉันหันไป เขายกมือทันที ฉันเลยคิดว่าใช่คนนี้ 

ในขณะที่เรากระโดดไปร้องเพลงไปกับปาล์มมี่ พี่เขายืนซึมกะทือมาก ดูไม่ออกว่าไม่พอใจหรืออย่างไรเราเลยหันไปถามประโยคแรกที่คุยกันว่า “ชอบไปดูคอนเสิร์ตบ้างไหมคะ”  เขาบอกว่าผมเคยไปของ greenwave ครับ ฉันนึกในใจค่อยยังชั่วหน่อยกรีนเวฟกับปาล์มมี่ก็สไตล์เดียวกัน เขาน่าจะไม่เบื่อนะ  

เราอยู่กันจนจบคอนเสิร์ต ฉันชวนให้ซื้อ Street Food ทานในงานเทศกาลอาหารญี่ปุ่นแต่พี่เขาขอให้ไปทานที่ร้านอาหารได้ไหม  เราก็โอเคนะ เขาโยนมาให้เราเลือกว่าอยากกินอะไรได้หมดทุกอย่าง แต่เราดันเป็นคนไม่มีไอเดียในเรื่องกิน รู้แต่กินอะไรก็อร่อยไปหมด ฮ่าๆ เลยกำหนดไปว่าให้เป็นอาหารไทย ญี่ปุ่นหรือฝรั่ง พี่เขาเลือกร้านได้ ไปถึงร้านเขาให้เราเลือกเมนู  

(ระหว่างเดินตามออกมาจากฝูงชน ฉันเริ่มได้กลิ่นตัวที่แรงมากของเขา เลยเลือกที่จะรักษาระยะห่างไว้และกลั้นหายใจเวลาเข้าลิฟท์) 

ข้อดีคือ ไม่ได้เกี่ยงกันมากในการเลือกเพราะเขาโยนมา ฉันก็ตอบ แล้วก็ตอบแบบเว้นไว้ส่วนหนึ่งให้เขาเป็นคนช่วยเลือกด้วย ชอบไม่ชอบไม่รู้หรอกแต่ฉันรู้สึกดีแบบนั้น 

เราคุยกันไม่มากระหว่างทานอาหาร ฉันต้องเป็นคนชวนคุยซะมากกว่า เราคุยกันสั้นๆ เป็นเรื่องๆ แล้วจบความไป พอเริ่มพูดครั้งถัดไปก็เป็นเรื่องใหม่ ความยากก็คือฉันมองเขาไม่ออกเลยว่าพี่เขาเซ็ง เบื่อ หรือ OK  เพราะหน้าเขานิ่งมาก คุยอะไรเขาก็ให้ฉันเลือกไปหมด แต่เขาก็ไม่เร่งให้ฉันใช้เวลาทานไปเรื่อยๆ  

เพราะพี่เขาไม่ค่อยพูด ฉันก็เลยไม่พูดเรื่องส่วนตัวมากนัก ถามเพียงแค่สิ่งที่เขียนไว้ในโปรไฟล์ เดินทางไปที่ไหนบ้าง แล้วฉันก็แชร์ว่าฉันเดินทางไปที่ไหนบ้าง หลังจากนั้นก็โยมาว่าเดินทางไปแต่ละที่เพราะอะไร 

เดทแรกจบไปอย่างเงียบแต่ไม่อึดอัด  พี่เขาเดินมาส่งขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้าน
สมองคิดว่าจากเดทนี้ได้เพื่อนมาอีกคน เราและเค้าสไตล์ไม่ตรงกันคงไม่มีเดทสองแต่น่าจะได้แชทเป็นเพื่อนคุยงานกันต่อน่ะ พี่เค้าระบุไว้แล้วในโปรไฟล์ว่าหาเพื่อนกะหาน้องไม่ได้หาคู่


ปล. อยากจะกระซิบคุณหนุ่มทุกคนที่เหงื่อเยอะว่า วันไหนจะไปเดทช่วยถูสบู่ 3 รอบได้ไหมคะ ไม่ต้องประโคมทาแอ็กส์เยอะเพราะมันจะยิ่งกลิ่นแรงกว่าเดิม  ถูสบู่ 3 รอบทั้งตัว ข้อพัก แผ่นหลัง เท้า นี่แหละช่วยได้ 



Create Date : 16 มิถุนายน 2562
Last Update : 16 มิถุนายน 2562 9:38:53 น.
Counter : 398 Pageviews.

0 comment
ทำยังไงให้ได้เดทจากเวปหาคู่ - online dating
จากคนที่ไม่เชื่อในออนไลน์เดทติ้ง...  ไปๆมาๆ ชั้นกลับได้ออกไปเจอคนใหม่ๆ จะเรียกเดทก็ว่าได้ ถึง 20 กว่าคนจาก Tinder!!

รวบรวมเทคนิคจากประสบการณ์ของตัวเองจากแต่ละเดท เริ่มต้นด้วย...

วิธีเขียนโปรไฟล์
  • คนดีๆ ที่หาคู่จริงจังก็มีบนทินเดอร์ ให้มองหาคนที่เขียนคำบรรยาย ไม่ใช่แค่แปะรูปสองรูป
  • เขียนบรรยายตัวเองนิดหน่อยด้วย สั้นๆ ชอบไร
  • มองหาความสัมพันธ์แบบไหน เขียนตรงๆ แบบที่มองหาไปเลย ถ้าเขียนแค่มองหาเพื่อนแต่จริงๆอยากหาแฟน เค้าก็จะปาดเราตกไปนะ
  • กด Super like ให้กับคนที่ชอบสุดๆจริงๆ เค้าจะได้เห็นคุณ
  • ใส่รูปที่เห็นหน้าตัวเอง ไม่ต้องโชว์เยอะจะได้มีลุ้นบ้าง
  • แปะรูปกิจกรรมบอกความชอบ กิจกรรมที่เค้าทำเราชอบไหม รสนิยมของที่ๆไป

ตอบแชทไงให้เค้าอยากคุย
  • พอ add เค้าไปแล้ว ถ้าเราเป็นคนหลังที่ match กะเค้า ให้ส่งข้อความหรือสติ๊กเกอร์ไปทันทีเลยจ้า
  • ส่วนตัวเจอว่าคนที่ add เราเค้าไม่ส่งข้อความมาก่อนถึง 7 ใน 10 
  • ถ้ามีให้เลือกเยอะ อยากคุยกับใครให้เลือกส่งข้อความถึงคนที่อยากคุยก่อนสัก 5 คนจะได้มีเวลาตอบเค้าจริงๆ
  • อย่าส่งแค่ "Hi" หรือ "สวัสดีค่ะ" หรือแค่ยิ้ม  ให้เขียนอะไรต่ออีกหน่อย อะไรที่คุณเห็นในโปรไฟล์เค้า ถ้านึกไม่ออกก็เขียนไปตรงง เช่น แปะรูปของกินเยอะก็เขียนไปว่า รูปของกินเยอะนะคะ ชอบทานไร
  • วิธีเขียน ใช้คำสุภาพแต่ไม่ต้องเป็นทางการ ใช้คำเล่นๆ ภาษาพูด ดูกันเองดีเข้าถึงกันง่ายด้วย
  • พวกที่โผล่มาแล้วขอแอ๊ดไลน์หรือเฟสบุ๊กเลย รอนิดนึงค่ะ แชทบนทินเดอร์ไปก่อนเพื่อความปลอดภัย เราก็ได้ดูด้วยว่าเค้าสนใจเราแค่ไหนและเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เค้าอยากคุยต่อ  เมื่อคุยถูกคอค่อยย้ายไป 
เจอกันครั้งแรก แต่งตัวไงดี

(ยังมีต่อ จะทะยอยเล่าเทคนิกจากแต่ละเดท มาไว้ที่นี่นะ)
----------------------------------------------------------------------------------------------



Create Date : 16 มิถุนายน 2562
Last Update : 16 มิถุนายน 2562 0:11:58 น.
Counter : 215 Pageviews.

0 comment
1  2  

สมาชิกหมายเลข 5313638
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]