20 เดทจากเวปหาคู่ - My 20 tinder dates - เดทที่ 3 ในรูปไม่หล่อแต่ใจแทบละลาย
หลังจากนั้นเขามีติดต่อมาเรื่อยๆ ส่งข้อความมาบ้าง แต่โทรศัพท์เข้ามาในช่วงเวลางานบ่อยมาก โทรดึกๆตอนนอนไปแล้วก็มีเหมือนกัน ซึ่งไม่รู้คนอื่นเป็นยังไง แต่สำหรับฉันแล้ว เวลาทำงานจะไม่โทรมาคุยเล่นกันนะ ส่งข้อความบอกแล้วว่าช่วงเวลาทำงานไม่สะดวกคุยก็ยังโทรมาทันที  เพื่อนส่วนใหญ่จะฝากข้อความไว้ ถ้าจะโทรคุยกันจริงๆ ก็ค่อยหลังเลิกงานซะมากกว่า 

พอเจอเขาถือวิสาสะโทรหาระหว่างทำงานบ่อยๆ เลยเลือกที่จะไม่รับสายแล้ว ไม่รู้ฉันเข้มเกินไปหรือเปล่านะ แต่มันไม่สะดวกใจจะคุยจริงๆขึ้นมาแล้วนี่นา พอไม่รับสายแค่ไม่กี่วัน เค้าก็unfriendแล้วหายไป ทำให้รู้ว่าเค้าอ่อนไหวมากเหมือนกับกับวันแรกที่ฉันปลอบเค้านั่นแหละ ซึ่งคบไม่ไหวหรอก

------------------------------------------
...Justin หน้าไทย เกิดที่สิงคโปร์ โตออสเตรเลีย หนุ่มสาย IT...
เราออกมาเจอกันภายใน 24 ชั่วโมง!! (^^) และสิ่งแรกที่เขาบอกคือ “คุณใจกล้ามาก”

รูปในโปรไฟล์ของจัสติน เค้าดูเหมือนคนจีนไทยผิวคล้ำ มีแผลเป็นที่หน้า หัวโล้น หน้าตาเหมือนอายุน้อยกว่าฉันสัก 10 ปี แต่ที่น่าสนใจ เค้าแปะรูปตอนเล่นกีฬาหลายอย่าง ร้านอาหารที่เขาไปเราชอบทุกร้าน แต่พอเข้าไปอ่านคำบรรยายแล้วประทับใจนะ 

“คนสิงคโปร์ โตในออสเตรเลีย ชอบเล่นกีฬากลางแจ้ง” ภาษาที่ใช้เขียน เขียนได้ดีและสละสลวย บอกว่าเขาชอบเล่นกีฬาหลายอย่าง เขาอยากได้ soulmate ลากแตะไปนอนบ้านริมทะเลด้วยกัน นอนเอนหลังในเปลชายหาด จนแก่ไปด้วยกัน เขาดึงคำคม 1 ประโยคเพื่อบอกความเป็นตัวตนของเขา

แม้ว่าหน้าตาจะไม่ถูกใจ แต่วิธีการเขียนของเขาบอกว่า น่าจะเป็นคนที่ชั้นอยากคุยด้วยนะ คิดอยู่นานกว่าจะตัดสินใจปาดขวา 

วันถัดมา เขาทักเข้ามากับก่อนพร้อมกับส่งรูปมาให้ 1 รูป  ซึ่งเป็นรูปของฉันเองในโปรไฟล์ บอกว่ารอยยิ้มของเราสวยดี พอเขียนขึ้นต้นมาดีเลยชวนแชทต่อง่าย

วันนั้นเป็นวันเสาร์ ตอนเช้าไปดูคอนโดแล้วกลับมาทำความสะอาดห้อง ตอนนี้เขารู้สึกขี้เกียจมาก วันๆไม่อยากทำไรได้แต่นอนอยู่ห้องดู netflix กับ YouTube  เขาถามต่อว่าฉันทำอะไรบ้างวันหยุด

555 ฉันขี้เกียจเหมือนกัน บอกเขาไปว่าวันนี้ฉันไม่มี ไม่กลับมานอนบ้านคุณพ่อคุณแม่ ตอนเช้าตื่นสายแล้วแต่ตอนบ่ายก็นอนต่อได้อีก รู้สึกเหมือนตลอดวันอาทิตย์นอนมาไม่พอเลย อันนี้เย็นเสร็จฉันก็จะเดินทางกลับไปบ้านฉันแล้วล่ะ 
เขาน่ารักมากตอบมาว่าเขาเข้าใจ วันที่อยากจะนอนอุตุอย่างเดียวไม่อยากทำอะไรเลย เขาก็เป็นอย่างนั้นตั้งแต่ 1 เดือนที่ผ่านมาแล้ว  

แล้วเธอทำอะไรที่กรุงเทพฯหรอ เขาถาม

เวลาผ่านไปเขากับฉันผลัดกันเขียนเล่างานของตัวเอง ประสบการณ์ที่เราเคยถูกย้ายไปที่ต่างๆ จนเหมือนกับว่าเราไม่มีบ้านมาหลายปี แล้วก็คุยเรื่องเพื่อนสักพักเขาขอย้ายได้คุยบน LINE แทน ได้ไหม
เขาถามง่ายๆพร้อมส่ง LINE ID มาให้ฉัน ตัวเลขบน LINE ID ของเขาบอกมันว่าเราเกิดปีเดียวกัน แสดงว่าอายุบนทินเดอร์เป็นอายุจริง

เราย้ายมาคุยกันต่อบน line ทำให้ส่งรูปได้ด้วย มีคุยกันหลายเรื่อง ทั้งเรื่องภาษา เขาพูดจีนได้หลายจีนและภาษาอังกฤษแบบ Perfect ฉันเองชอบคุยกับคนที่พูดได้หลายภาษา เพราะคนพวกนี้มักจะเข้าใจคนอื่นได้ดี และสนุกที่จะคุยด้วยเสมอ

เขาพูดภาษาไทยได้แค่บอกทางแท็กซี่นะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเท่านั้นแหละ เพราะเขาเดินทางบ่อยมาก ปีที่แล้วอยู่เมืองไทยนานสุดแค่ 2 อาทิตย์เท่านั้นเองที่เหลือก็ต้องเดินทางตลอด

เขาเห็นหน้าฉันออกจีนๆ ถามว่าฉันพูดจีนได้ไหม …เหอะๆ พูดไม่ได้เรื่องเลย ได้แต่ยิ้มเป็นภาษาจีนอย่างเดียว (^^”)

“ทำไมถึงเลือกมาทำงานที่เมืองไทยล่ะ ในเมื่ออยู่สิงคโปร์ก็ดีอยู่แล้วหรือไม่ก็ไปออสเตรเลีย”
แันอยากถามแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป ทำไมน่ะหรอ? ก็ฉันว่ามันมักจะเป็นคำถามแรกที่ใครๆถามเสมอ ต้องตอบมาแล้วนับร้อยนับพันครั้ง เขาคงไม่อยากตอบอีก

เริ่มแชทกับเขาตั้งแต่ก่อนอาหารเย็นจนกระทั่งถึงบ้าน รวม 3 ชั่วโมง
บางครั้งฉันติดอะไรก็บอกเขาไปว่า “ฉันจะตอบช้านะ”  
“ไม่เป็นไร” เขาบอก เขาติดหนังอยู่เหมือนกัน 

เราคุยกันไปกันมาจนกระทั่งรู้ว่า จริงๆแล้วออฟฟิศของเราอยู่ตึกข้างกัน บ้านของเราก็อยู่ห่างกันแค่ 2 3 สถานี ที่ตลกคือเขาชอบมาร้องคาราโอเกะแถวบ้านฉัน ทั้งที่ฉันยังไม่รู้เลยว่าแถวบ้านฉันมีร้านคาราโอเกะ!! 

แชทกันถูกคอมากจนฉันไม่เคยคิดเลยว่า ไม่นึกว่าฉันจะแชทกับคนแปลกหน้าได้นานขนาดนี้ภายในวันเดียว

พอกลับถึงบ้าน ใจยังอยากจะออกไปนั่งร้านกาแฟข้างนอกอยู่ เลยถามเขาว่าสนใจมาจอยกันไหมเพราะบ้านอยู่ไม่ไกลกันนัก เขาปฏิเสธบอกว่าติดหนัง อยากดูหนังมากกว่า ซึ่งก็โอเคนะ ชวนกระทันหันขนาดนั้นตอนหัวค่ำด้วยใครมันจะไปได้ แต่ลองชวนก็ไม่เสียหาย

เรายังแชทกันต่อจยฉันจะออกจากบ้านอีกครั้งไปร้านกาแฟ ฉันบอกเขาว่าบ้านฉันไม่มีทีวีหรอกเพราะฉันตั้งใจจะใช้เวลากับสังคมนอกบ้านมากกว่า วันๆ แค่ติดคอมกับมือถือก็จะแย่อยู่แล้ว ไม่ได้เงยหน้ามองใครเลย

เขายังย้ำจุดยืนที่อยากอยู่บ้าน โดยเล่าบรรยายห้องที่เขาทำความสะอาด ซักผ้าปูที่นอนจนหอม และติดหนังบน netflix จนวันนี้ติดจอทั้งวัน

“ฉันเข้าใจนะ” ฉันก็ออกนอกบ้านนานๆที เพราะวันทำงานเลิกงานดึกมากจนนอนน้อย เสาร์อาทิตย์เลยชอบนอนอยู่บ้าน แต่วันนี้ฉันพยายามจะทำกิจกรรมนอกบ้านให้นานที่สุดแทนที่จะอยู่บ้านตามความเคยชิน

เขาถามว่าฉันเป็นคนเดียวไหม …. “ใช่” ฉันตอบสั้นๆ
“เดี๋ยวขออาบน้ำก่อน สถานที่เธอจะไปเป็นเรียกว่าอะไรเขียนมาบอกแล้วเดี๋ยวจะไปหา” เฮ้ย.. จริงดิ เซอร์ไพรส์มากเขาตอบกลับมา จะมาจริงหรอ..เพิ่งคุยกันได้วันเดียวนะ...

ได้เวลานัดฉันไปยืนรออยู่ก่อนที่ร้านกาแฟ ปรากฏว่าหาเขาไม่เจอ แต่เค้าหาฉันเจอ 
ก็ในรูปดูเป็นผู้ชายตัวเล็กๆ แต่ตัวจริงเขาสมส่วนมาก หุ่นดี สูงเหมือนนักกีฬา พูดภาษาอังกฤษเพราะมาก เพราะกว่าคนอเมริกันหลายคนที่ฉันเจอด้วยซ้ำ...

ออกมาเจอกันตอนเกือบสี่ทุ่มแล้ว ตกลงกันว่าจะนั่งคุยกันแค่ชั่วโมงเดียว ไปๆมาๆ เรานั่งคุยกันถึง 2 ชั่วโมงแต่รู้สึกเหมือนแค่ครึ่งชั่วโมง เวลาผ่านไปเร็วมาก  จัสตินบุคลิกดี สะอาด สุภาพ และมีรสนิยมที่ดี ไม่เหมือนกับรูปของเขาเลย ฉันดีใจที่ไม่ได้ตัดสินเขาจากรูปโปรไฟล์ สิ่งที่เขาเขียนเป็นตามที่เขาเป็นจริงๆ ไปรับราชการทหารที่สิงคโปร์เป็นหน่วยฝึกพิเศษจำนวน 12 คนซึ่งฝึกหนักเป็นปีๆ ทำให้เขาดูมีความเป็นสุภาพบุรุษ 

ขณะที่ฟังจัสตินพูด ในใจก็คิดว่าอยากเจอคนนี้อีกจัง เพราะเป็นคนที่คุยกันรู้เรื่องทุกเรื่อง ผ่านเรื่องอะไรมาคล้ายๆกัน มีมุมมองดีๆ หลายอย่าง เขาเป็นคนคิดดีแต่ไม่โลกสวย ดูไม่ over หรือเครียดเกินไป ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสังคมปล่อยให้คนคนนี้เป็นโสดมาได้ ด้านธุรกิจก็เก่ง นิสัยเข้ากับคนอื่นได้ดี ดูไม่มากไปไม่น้อยไป ชอบทำกิจกรรม เป็นสุภาพบุรุษด้วย 
หลังจากเลิกคุยวันนั้นเรานัดกันว่าจะเจอกันก่อนเข้าไปฮ่องกงในอีก 3 วันข้างหน้า แต่สุดท้ายทั้งฉันและเค้าก็ติดงานท่วมหัวด้วยกันทั้งคู่ ครั้งนี้เขาไปนานนับเดือน ลองดูสิว่าอาทิตย์หน้าเขาจะกลับมาแล้วจะติดต่อมาไหม



Create Date : 16 มิถุนายน 2562
Last Update : 16 มิถุนายน 2562 0:13:43 น.
Counter : 894 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 5313638
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]