ถึง บุญเหลือ เพื่อนรัก
วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2549 เวลา 11.00 น. เขียนที่อาคารสูงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯสวัสดีว่ะเหลือ เป็นอย่างไรบ้างวะกับชีวิตตอนนี้ วันนี้กูไม่รู้เป็นงัย...คิดถึงมึงว่ะ....มึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกูตอนเรียน ม.4 ตอนนั้น กูยังจำได้นะกูอยู่ห้อง 2 มึงอยู่ห้อง 6 รึเปล่าวะ?... ยังจำได้ว่าวันเจอมึงครั้งแรกเนี่ยเพื่อนๆ(ห้องกู)มันชวนไปเยี่ยมที่มึงโดนยิง น่ะภาพแรกที่กูเห็นมึง(ถึงตอนนั้นไม่สนิท)กูรู้สึกว่ามึงโชคดีมากๆเลยนะโว้ยที่ไม่ตาย แต่ภาพที่หมอเอาไส้มึงออกมาใส่ถุงกองไว้นี่กู........บอกไม่ถูกว่ะ ที่มึงเล่าตอนที่หายแล้วน่ะบอกว่า...มีคนมาเรียกพ่อมึงแล้ว จังหว่ะมึงออกมาหน้าบ้านพอดี เลยเจอกระสุนลูกซองเข้าไป ลอยทั้งตัวเลย (หุ่นและหน้าตามึงดันเหมือนกับพ่อ) แล้วพ่อมึงเอาเสื้อโค้ชมาซับเลือดจนบิดเป็นน้ำได้เนี่ย หุหุ น่ากลัวว่ะ แต่สุดยอดก็ตรงที่มึงรู้ตัวตลอดไม่งั้นนะ เสร็จมัน พอมึงหายป่วยแล้วเราก็สนิทกัน(ซึ่งกูก็จำไม่ได้อีกแหล่ะว่าตอนไหน)จำได้ว่ามึงซึ่งมอเตอร์ไซค์สีแดงคันเก่งของมึงมารับกูแทบจะทุกวัน มึงแดรกเหล้าไม่ได้ แต่ก็ดันตามพวกกูไปแมร่งทุกๆที่ที่กูไปเมากัน กูเลยรู้จักคำว่า เมาดิบ มันเป็นอย่างนี้นี่เองว่ะ ตอนนั้นมึงอยากเป็นศิลปินนักวาดรูป(กูเริ่มจำได้) ไอ้อ๋องเพื่อนที่มันออกจะเกเรๆหน่อยน่ะมึงชอบงานมันกูก็ชอบ แต่กูก็ได้แต่เตือนๆมึงไปว่า ระวังๆหน่อยนะกลุ่มพวกมันมีเรื่องกันบ่อยมีอะไรแล้วมึงจะหนีไม่ทัน......และมึงก็ยังบอกกูด้วยว่า ไอ้พวกลูกคนรวยๆเรียนเก่งๆน่ะ มันไม่จริงใจหรอก (ซึ่งตอนนั้นเพื่อนกลุ่มของกูส่วนใหญ่ก็พกวนั้นแหล่ะ) ...เหลือ..เดี๋ยวนี้มึงยังชอบโชว์แผลให้ใครๆดูอีกป่าววะเพื่อน กูว่ามันเป็นเครื่องหมายสินค้าของมึงเลยนะนั่น ทำไมมึงมาคบกูวะ?? ทั้งๆที่เพื่อนห้องมึงมีตั้งเยอะ และตัวกูก็ไม่มีห่าอะไรเลย อยู่คนเดียวจนจบม.6 ตุ้งตังค์ก็ไม่มีอย่างเขา พ่อแม่กูอยู่ในกรุงเทพฯ กันหมด มึงก็มาหากูเอาข้าวมาฝากบ่อยๆและก็กินกับกูเนี่ยมึงอร่อยมากกับฝีมือผัดผักบุ้งของกู ล่อซะพุงกางเลยมึง 555 ตอนกูไปแข่งบาสมึงยังเคยตามไปเชียร์เลย 555 กูว่าความรู้สึกสมัยเรียนตอนนั้นนี่แม่งโคตรมันส์เลยมึงว่ามั้ยเพื่อน ไม่ต้องคิดอะไรมาก ตอน ม.4 กลุ่มพวกเราแม่งใหญ่มากๆ เกือบๆ 50 คนมั้ง ดีตรงที่พวกเราไม่ตีกับใคร (แดรกเหล้ากันอย่างเดียว) แต่ถ้ามีเรื่อง มึงกับกู จะเป็นฝ่ายห้ามซะส่วนใหญ่ .วันนั้นที่มึงเจ็บแผลน่ะกูนึกว่ามึงจะเดี้ยงซะแล้วนะเพื่อน ... พอมึงหายก็ก็สบายใจกับมึงด้วย เสียงหัวเราะ(เล็กๆ แห้งๆ)ของมึงกูยังจำได้จนถึงทุกวันนี้เลย มีมึงคนเดียวที่เรียกกูว่า เสือโหน่ง แหมมันดูดีจริงๆว่ะเพื่อน ตอนม.6 เราห่างๆกันเน้อะ กูมีกิจกรรมทั้งเรียน กีฬาอีก ช่วงนั้นมึงก็อยู่กับกลุ่มไอ้อ๋องมันเต็มๆตัว แต่กูก็ถามๆพรรคพวกบ่อยๆนะว่ามึงเป็นอย่างไรบ้าง ผลการเรียนมึงโอเค กูก็ดีใจกับมึงด้วย ถึงแม้เกรดกูจะห่วยก็เถ่อะ.....กูจำได้ว่าตั้งแต่จบ ม.6 มาแล้วเนี่ยะไม่เคยเจอมึงเลย ตั้งแต่ปี 33 จนถึงทุกวันนี้ มึงไปทำอะไรบ้างวะ ตั้งแต่เรียนจบไป ?ส่วนกูก็เรียนจนจบปริญญาฯ เล่นบาสไปด้วยว่ะ ทำงานหลายๆอย่าง ไม่รวยว่ะ 555 เพื่อนรุ่นเดียวกับเราหลายคนมันระดับบิ๊กๆ กันทั้งนั้นเลยนะมึงกูเคยได้ข่าวมึงว่าอยู่โรงแรมที่กระบี่ ปีนั้นกูไปทำรายการทีวีที่นั่น เลยถามๆเขา เขาว่ามึงออกไปแล้ว ไม่มีเบอร์มึงด้วย แป่ววววว ตามเคย............นี่มึงกลับไปเที่ยว งานงิ้ว(งานประจำปี)ที่บ้านมาบ้างมั้ยวะ .....ได้ข่าวว่าเพื่อนเราหลายคนมันเป็นนักการเมืองท้องถิ่นก็มี เป็นครู เป็นตำรวจก็มาก ถ้ามึงกลับไปฝากความระลึกพวกมันด้วยนะ เพราะกูไม่ได้ไปหลายปีแล้วว่ะอยากเจอมึงว่ะ อยากคุยกับมึงว่าที่ผ่านมามึงเจออะไรมาบ้าง กูจะได้โม้เรื่องของกูว่าเจออะไรมาบ้าง แล้วมึงยังผอมเหมือนเดิมมั้ย เสียงยังเล็กอยู่มั้ย เมีย + ลูกมึง เป็นอย่างไรบ้าง สังคมทุกวันนี้มันบั่นทอนความเป็นมึงไปมากน้อยเพียงใด และมึงยังคุยสนุกเหมือนเดิมรึเปล่าวะเพื่อน ฯลฯ ส่วนกูก็มีเรื่องราวมากมายอยากเล่าให้มึงฟังเหมือนกันว่ะ และไอ้คำพูดที่มึงเคยเตือนๆกูไว้น่ะ มันจริงว่ะ กูไม่รู้ว่ามึงจะได้อ่าน จม. ฉบับนี้หรือเปล่าไม่ว่ามึงจะอยู่ส่วนใดของโลกนี้ หรือไม่อยู่แล้วก็ตาม ขอให้มึงรู้ว่า เพื่อน อย่างกูยังคิดถึงมึงอยู่ตลอดและหวังว่าสักวัน เราคงได้พบกัน... จนกว่าจะถึงวันนั้น ...... คิดถึงมึงว่ะ ...... กูเอง (เสือโหน่ง) ...