All Blog
|
[HAUL/REVIEW] เปิดถุงและรีวิวเบาๆจาก MAC Cosmetics
สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมจะมารีวิวและเปิดถุงของที่
ผมไปซื้อที่สาขา เซ็นทรัลปิ่นเกล้าครับ ประสบการณ์ช๊อปปิ้งกับบีเอ MAC มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ผมว่าคนคิดกลัวกันไปเอง หรืออาจจะเพราะผมไปแบบมีความตั้ จะมีติก็แค่ซื้อยอดสี่พันกว่ ต่อไปผมจะรีวิวของที่ซื้อมา หลังจากที่ได้ลองใช้มาสองอาทิ เริ่มที่ แปรง 109 Contour Brush ขนแปรงทำจากขนสัตว์แท้ สีดำผ่านการย้อมมา ราคาเต็ม 1,850บาท เนื่องจากแปรงยังใหม่อยู่ เลยจะยังคงลีบไม่บานเหมือนท่ เพราะว่าผมต้องการแปรงที่มี จะมีปลายที่แหลมกว่า และขนจะไม่ฟูฟุ้งเท่าของ MAC จากที่ลองใช้ ข้อดี ๑. ง่ายต่อการคอนทัวจริงๆ เพราะขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กเกินไป ๒. มีความฟูฟุ้ง ทำให้เวลาคอนทัว สีจะฟุ้งๆ ไม่เป็นเส้นเป็นปื้นๆ ๓. ขนนุ่ม ไม่บาดหน้าเลยจริงๆ ๔. ด้ามไม่เทอะทะ จับถนัดมือ ๕. (เคยได้ยินว่าเอามาลงรองพื้นได้ ข้อเสีย ๑. ราคาสูง ๒. สีตกนิดหน่อยเวลาล้างแปรง ๓. ขนร่วง นิดหน่อย (จริงๆราคาเท่านี้ เป็นสิ่งที่ไม่ดีเลยที่ขนร่วง แต่จากที่สังเกตุมา แปรงเค้าเตอร์ที่ทำจากขนสัตว์ สรุป โดยรว แปรงMAC 109 เป็นแปรงที่เหมาะกับการคอนทั ต่อไป แปรง MAC 130 Short Duo fibre brush ราคาเต็ม 1,950 บาท ขนแปรงทำจากขนสัตว์(สีดำ) และขนไฟเบอร์ (สีขาว) เหมาะกับการลงผลิตภัณณ์เนื้อครี ถ้าเทียบกับ MAC187 เจ้า MAC130 นี่เล็กกว่ากันมาก วางเทียบกันเหมือนเป็นแม่ลูก ขนของ 130 ตรงส่วนของไฟเบอร์จะสั้นกว่า และโดยรวมขนจะหนาแน่นกว่า MAC 187 ด้ามแปรงจับถนัด ดูหรูหรา มีไว้ครอบครองแล้วเหมือนมือโปร ฮ่าๆ ความชอบส่วนตัวนะครับ ผมเอามาใช้ลงรองพื้นตามที่พี่บี ข้อดี ๑. ลงรองพื้นได้เป็นธรรมชาติ ๒. สามารถลงรองพื้นได้แบบบาง หรือจะทำให้หนาได้ เพียงแต่เปลี่ยนวิธีลง (วนๆเบาๆ จะบางๆ แต่หากแตะๆแท๊บๆทิ่มๆแล้วค่ ๓. ขนไม่บาดหน้า ไม่ทิ่มหน้า ไม่ระคายเคืองเลย ข้อเสีย ๑. ขนาดเล็ก ใช้เวลาเกลี่ยนานกว่าปกติหากเที ๒. ราคาสูง ๓. ขนสีดำมีร่วงบ้างนิ๊ดดดเดียว ตอนซักแปรงครับ สรุป เป็นแปรงที่ลงรองพื้นได้ดีอีกอั เอาไปซื้อแปรงลงรองพื้นของ RT จะเข้าท่ากว่า แปรงนี้เหมาะกับใคร? เหมาะกับคนบ้าแปรง(แบบผม) คนที่มีเวลาแต่งหน้ามาก ชอบแต่งละเอียดๆ และต้องการแปรงแต่งหน้าที่ทำให้ ผมชอบมันมากเหมือนกันนะ (แหงสิ มันแพงนิ) เพราะความรักในการสะสมแปรง หากถามว่าแนะนำสำหรับมือใหม่หรื สุดท้ายของวันนี้ มันคือ MAC Face and Body Foundation ผมใช้สี C3 ราคาเต็ม 1,500 บาท ปริมาณ 30ml ปกติจะหาซื้อได้ที่ MAC Pro ที่สยามเซ็นเตอร์ แต่พอดีมันเป็น ลิมิเตดอะไรนี่แหละ เลยออกขวดเล็กมา (ในราคาที่แพงแทบเทียบเท่าขวดใหญ่) ขวดเป็นพล๊าสติกขนาดเล็ก เบา พกพาง่าย ฝาเกลียวหมุน เวลาใช้ควรเขย่าขวดก่อน เนื้อรองพื้นเหลวมากเหมือนน้ำ บีบแล้วไหลย้อย เมื่อลองปาดแล้วจะพบว่าบางมาก บางเหมือนไม่ได้ทาอะไรเลย สามารถทาซ้อนกันหลายชั้นเพื่ แต่ส่วนตัว หน้าผมไม่ได้มีปัญหาอะไร เลยไม่ต้องโบกซ้ำ สิ่งนึงที่พบคือเนื่องจากมั มันต้องใช้เยอะกว่ารองพื้นเนื้ ทาเสร็จจะใสๆขึ้น หน้าจะดูฉ่ำๆสุขภาพดี ดิ้วอี้ๆ และดูแทบไม่ออกว่าทารองพื้น เพียงแค่มันปรับสีหน้าให้ดูดีขึ ข้อดี ๑. เนื้อบางเบา ๒. ใช้แล้วไม่แพ้ และยังไม่พบการอุดตัน ๓. ไม่หนักหน้า ๔. เกลี่ยง่ายมาก ๕.หน้าดูฉ่ำๆ ดิวอี้ๆ ดูสุขภาพดี ข้อเสีย ๑. ไม่ค่อยปกปิด (หากใครต้องการการปกปิด บอกผ่าน หรือไม่ก็ใช้คอนซีลเลอร์ช่วยครั ๒. ต้องใช้ปริมาณมากกว่าปกติ ๓. ไม่คุมมัน ๔. หาซื้อได้ยากกว่าปกติ ถึงแม้จะมี MAC Online แล้ว แต่หากคุณไม่เคยใช้มาก่อน จะทราบสีได้อย่างไร? อย่างผม สีที่บีเอแนะนำมา พอมาลองจริงๆกลับเหลืองไป ต้องลองเอง สรุป ตั้งแต่ใช้'รองพื้น'มาไม่กี่ตัว เจ้า MAC face and body foundation เป็นรองพื้นที่ชอบที่สุด เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีปั ติอย่างเดียวเลยจริงๆคือ ถ้าของหมดผมต้องไปสยามเลยหรอ? หรือไม่ก็คงต้องสั่งจากเว็ปเอา ใครสนใจ แนะนำให้ไปลองสีก่อนซื้อนะครับ เอาละ อ่านรีวิวแล้วใครใคร่สอย ตั้งสติก่อนสอย ใครใคร่ลอง ต้องลองนะครับผม ขอบคุณที่เข้ามาอ่านรีวิวของผม พบกันใหม่รีวิวหน้า ขอบคุณครับ สวัสดีครับผม Review Eye Shadow Chanel Maybelline THREE ETC ของคุณอั้ม ภัช-ชราภาพ
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะมารีวิวEye Shadow ที่มีซื้อมาใช้ในพักหลังๆนี้
เม้าก่อนเข้าเรื่อง.... คุณคิดเหมือนผมป่าวครับ ว่าอายแชโด้วเป็นสินค้าหลอกกิ เพราะมันมีสีมากมาย หลายเนื้อ มากTEXTURE สีนั้นยังไม่มี สีนี้ก็อยากได้ ถามว่าเคยใช้หมดซักอันรึเปล่า? สำหรับคุณอั้มละน้อยมากที่จะใช้ การรีวิวในครั้งนี้ ไม่ได้รับการว่าจ้าง รีวิวจากประสบการณ์การใช้สินค้ หากพูดถึงการทาอายแชโด้วแล้ว สิ่งนึงที่ขาดไม่ได้เลย นั่นคืออะไรครับ? ถูกต้อง มันคือ eye primer ในท้องตลาด มีให้เลือกหลายยี่ห้อ จากถูกไปแพง แล้วแต่คุณภาพ เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การลงทุน เพราะนอกจากมันจะช่วยให้สีตาติ เพราะฉะนั้นซื้อมา ได้ใช้แน่ กรุคุณอั้มนั้น มีสองตัวครับ ตัวแรกนั่นคือ MAC Painterly Paintpot (จำราคาไม่ได้ครับ ขออภัย) อันนี้ใช้มานานมากแล้วครับ น่าจะกระปุกที่สองหรือสามแล้วละ เพราะเมื่อก่อนใช้ทุกวัน (สังเกตการใช้past tense) มันมาเป็นกระปุกแก้วที่ต้ ผมจำราคาไม่ได้แล้วครับ ข้อดี ๑. ช่วยให้สีอายแชโด้วติดทนทั้งวัน ไม่เละ ๒. ช่วยให้สีอายแชโด้วชัดขึ้น ๓. สามารถซื้อได้ที่ไทย ข้อเสีย ๑. หากไม่ได้ใช้นาน จะแห้งเกลี่ยยาก (พอเกลี่ยมากอาจทำให้หนังตาเหี่ ๒. หากใช้ในปริมาณมากไป จะหนา แต่ไม่น่าเกลียดนัก เพราะเป็นสีเนื้อ สรุป ชอบมากเหมือนกันครับ แต่ชอบที่มีในกรุนั้น แห้งหดจนเกลี่ยลำบากมาก เพราะไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน หากใครที่ไม่อยากพรีออเดอร์ หรือเสี่ยงซื้อพวก Urban decay ทางเน็ต เจ้า MAC Paintpot ตัวนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ใช้ได้ ตัวต่อไป มันคือ อายไพรเมอร์อันโด่งดัง ที่หลายๆคนรู้จัก นั่นคือ Urban Decay Primer Potion เจ้าตัวนี้ พี่สาวซื้อให้คุณอั้มจากอเมริกา ไม่ทราบราคาเช่นกันครับ เจ้านี่คือสาเหตุที่ทำให้คุณอั้ ข้อดี ๑. ช่วยให้สีอายแชโด้วติดทนทั้งวัน ไม่เละ ๒. ช่วยให้สีอายแชโด้วชัดขึ้น ๓. เนื้อเกลี่ยง่าย ข้อเสีย ๑. เนื่องจากอยู่ในบรรจุภัณฑ์จิ้ ๒. หากเกลี่ยไม่ทั่ว เกลี่ยไม่ดี สีอายแชโด้วจะด่างๆครับ (อันนี้เป็นบ่อยเพราะคุณอั้มมั ๓. ยังไม่มีเค้าเตอร์ในไทย (ได้ข่าวว่าปีนี้จะมาแล้ว รอๆ) มาต่อกันที่ Cream Eye Shadow ดีกว่า เพราะมีไม่กี่อัน ตัวแรกในหมวดนี้ นั่นคือ Shiseido Shimmering Cream Eye Color (สีBK912) หากจำไม่ผิด ราคาจะอยู่ที่ 900ปลายๆ เป็นครีมอายแชโด้วแบบมีชิมเมอร์ ผมเลือกซื้อสีดำมาเพื่อเอามาเป็ เจ้านี้เป็นสีดำแต่มีชิมเมอร์สี ใช้ไม่บ่อยเท่าไรนักเพราะพักหลั ข้อดี ๑. เนื้อนุ่ม นิ่ม creamy ทำให้เกลี่ยง่ายมาก หากจะทำเป็นฐานแต่ง สโม๊คกี้อายละก็เยี่ยมเลย แต่คงต้องเซ็ทด้วยอายแชโด้ ๒. ใช้นิดเดียว สีชัดสีเข้ม ข้อเสีย (จริงๆจากประสบการณ์ที่ใช้ยั ๑. หากไม่เซ็ทด้วยอายแชโด้วแบบฝุ่น อาจจะเลอะเปลือกตาได้ครับ แต่คุณอั้มยังไม่เคยประสบ ๒.ราคาสูงตามสไตล์ เค้าเตอร์แบรนด์ ตัวต่อไปในหมวดครีม นั่นคือสิ่งดีเป็นกระแสดังมาก แรงมากอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะกระแสแรง ผมเลยไปสอยมาลองเมื่อปลายปีที่ นั่นคือ Maybelline New York Color Tattoo นั่นเอง ราคาที่ผมซื้อมารู้สึกว่ ซื้อมาสามสีครับ ซึ่งแต่ละสีให้ความรู้สึกต่างกั สีแรก 05 Too Cool เป็นสีขาวมุก สีนี้เป็นสีแรกที่ซื้อ และเป็นสีที่ชอบน้อยที่สุด เพราะว่าเนื้อเกลี่ยยาก ขนาดตอน Swatch ให้ดูยังเป็นก้อนบ้างเลยครับ ต้องเกลี่ยย้ำๆซ้ำๆให้สีสม่ อีกอย่างคือ หากนำไปทาที่หัวตา สีมันจะเด่นชัดมากเกินไป ยิ่งถ้าเอาไปทำเป็นอายเบสให้สี แต่ผมหาวิธีใช้ใหม่ คือเอามาเขียนเหนือหางEye liner บนเส้น Wing นิดนึงเพื่อให้ลุ๊คแต่งหน้านั้ ดูมีดีเทลที่แปลกตา เพราะเวลากระพริบตาจะเห็นสี สีต่อไป คือสี Tough as Taupe เนื้อแมท ไม่เหมือนสีอื่นๆเค้า สีจะเป็นน้ำตาลเทาๆหม่นๆตุ่ เพราะสีมันแน่นมากเคยลองเอามาคั เอาไปทำเป็นฐานแต่งตาสีน้ สีสุดท้ายของเมเบอลีน นั่นคือ 25 Bad To The Bronze สีน้ำตาล Metallic (เปิดเอ๊ฟเฟคเสียง ฮาาาา เลลูยะ แบบโอเปร่า) มันต้องอย่างงี้ซี้ สีนี้เด็ดสุด แต่งง่ายสุด และสวยสุดในสามสีที่สอยมาเลยครั มันแต่งง่ายมาก แต่งเดี่ยวๆสีเดียวเขียนตา ปัดมาสคาร่า ปัดแก้มทาปากจบ!! เนื่องจากสีนี้มันมีดราม่าของมั เวลาใช้ผมจะใช้แปรงแบนๆขนแน่ ขึ้นตอนนี้ทำแบบง่ายและเร็วมาก จริงๆครับ จะจบแค่นี้ก็ไหว แต่ส่วนมากจะไม่จบ เพราะหากมีเวลาเยอะ ก็ชอบเนรมิตรคุณอั้มให้แปรงร่ โดยการเสริมสีอื่น เพิ่มทักษะบลาๆ แต่โดยรวม ชอบสีนี้สุด บางทีวันไหนรีบจะคว้าอันนี้ ขอสรุปข้อดีข้อเสียโดยรวมของ Maybelline Color Tattoo นะครับ ข้อดี ๑. ราคาไม่แพง ๒.หาซื้อง่าย ๓.มีหลายสี ๔.ติดทนมากถึงมากที่สุด (พอมันเซ็ทตัวแล้วเอานิ้วถู สีไม่มีเคลื่อน) ข้อเสีย ๑. เนื้อแอบมีแห้งบ้าง ๒. บางสียังไม่เวิ๊ค ๓. เนื่องจากเนื้อมันเซ็ทตัวเร็ว คุณควรรีบเกลี่ยให้ไว ไม่งั้นจะเกลี่ยไม่ไป ย้ำว่าเกลี่ยให้ไว โดยรวมเป็นอะไรที่ยอดเยี่ มาต่อกันที่อายแชโด้วแบบฝุ่นกั หากพูดถึงสีทาตาที่ทุกคนควรมี ผมกล้าตอบเลยนะว่ามันคือสีน้ มันคือสีกันตาย ทาได้ทุกวัน ส่วนมากผมจะเอามาคัดเบ้ ที่ผมใช้หลักๆมีสามยี่ห้อ นั่นคือ Urban Decay Naked1-2,MAC, และ NARS สามยี่ห้อที่ขึ้นชื่อเรื่องเครื่องสำอางละเนอะ naked 1-2 มันจะมีสีน้ำตาลแมทมาให้ ถือว่าสะดวก ส่วนของ MAC ผมใช้สีที่ชื่อว่า Cork เป็นเนื้อ Satin คือถ้าไปแล้วไม่วิ้ง แต่ก็ไม่ได้แม๊ทแมทอะไร ของ Nars จะเป็นสีที่ชื่อว่า Blondie จะเป็นน้ำตาลตุ่นๆ สามารถนำมาเขียนคิ้วได้ด้ ทั้งสามยี่ห้อนี้ที่กล่าวมา ในสีโทนนี้ "ใช้ดีเหมือนกันหมด" จะต่างกันตรงราคาสินค้า ตามทุนของท่านเลยครับว่าจะเลื ช่วงหลังๆมานี้ บ้านผมเป็นสาวก Chanel จนได้สอย quadra eye shadow มาครับ เป็นพาเล็ทเล็กๆที่มีอายแชโด้ มีหลายเฉดสีให้เลือก แล้วแต่รสนิยมของแต่ละบุคคลว่ คุณอั้มสอยมาสองครับ คือเบอร์ 36 INTUITION เป็นสีโทนน้ำตาลทอง เริ่มจากสีไฮไลท์จะออกเป็นสี ตามด้วยสีทอง สีน้ำตาลเข้ม และสีน้ำตาลทอง ทั้ง4 สีจะวิ้งมากๆ จจะมีกลิ๊ตเตอร์เล็กๆอยู่เต็ โดยเฉพาะสีทองและสีน้ำตาลเข้ม จากการ Swatch ให้ดู ผมไม่ได้ทาไพรมเมอร์อะไรเลย จะเห็นได้ว่าสีที่ได้ค่อนข้างอ่ จากที่ลองใช้ดู สีสวยดูไฮโซ (แหงละ สีโทนนี้เป็นสีที่เบสิคสุดๆ คุณอั้มแต่งแล้วรอดทุกครั้ง) กลิ๊ตเตอร์เยอะมาก ทาไม่ดีมาร่วงใต้ตา ส่วนตัวผมไม่ได้โปรดปรานอะไรกั อีกสีนึง คือสี 31 ROSE ENVOLEE เป็นโทนชมพูม่วง ตอนอยู่ที่เค้าเตอร์ ลองปาดแล้วหลงรัก เพราะว่ากำลังอยากได้โทนชมพูวิ้ แต่ว่า.....พอมาลองแต่งจริง มันไม่เวิ๊คเลยครับ หรือผมเข้าใจอะไรผิดเองรึเปล่า สีไม่ชัดเลยครับ สีจะอ่อนม๊ากกกก สงสัยจะเหมาะกับคนที่แต่ สีนี้ผิดหวังที่สุด เสียดายเงินที่สุด ทั้งๆที่หลงรักทุกสิ่งของ Chanel ส่วนตัวจากทั้งสองพาเล็ท ผมคิดว่าอายแชโด้วของแชแนลมีดี แต่เรื่องเนื้ออายแชโด้วแล้ว สู้ยี่ห้ออื่นไม่ไหว เพราะมันจะอารมณ์แข็งๆ สากๆบอกไม่ถูก คงเพราะมีกลิ๊ตเตอร์มาก แล้วถามว่าสิ่งที่ได้กับราคาที่ บ๊าย ถึงแม้จะรักตั้งแต่น้ำหอม ลิป สกินแคร์ เม๊คอัพอื่นๆ แต่อายแชโด้วนี่ เราขอลาจากกัน เราเลิกกันนะ หลังจากที่เสียใจผิดหวังกับแชแนล ที่ไม่สามารถให้สีชมพูกลิ๊ เลยไปสอยเจ้าตัวนี้อย่างไม่ได้ หรือจะเรียกว่า Pigment ก็ได้ ราคา 1,400+- บาท ผมจำไม่ค่อยได้ แพงทีเดียว แต่ว่าใช้ได้นานอยู่ ตอนลองที่เค้าเตอร์ ตะลึงกับความวิ้งของมันมากครับ สีที่เลือกมาชื่อว่า Angel Mine เป็นสีชมพูกลิ๊ตเตอร์เล็กๆคล้ (ผมพยายามถ่ายหลายครั้งมาก แต่กล้องทุกตัวไม่สามารถจับสี (ซ้ายป้ายเดี่ยวๆ ขวาทาทับอายเบสสีมุกๆ) ในกล้องนี่ไม่เหมือนของจริ แนะนำให้ไปลองเทสสีดูที่เค้ เพียงแต่มันมาในฟอร์มของแบบผง ซึ่งเวลาใช้มันใช้ลำบาก หากเปิดพัดลม กลิ๊ตเตอร์แสนแพงจะปลิวไปตามลม หากแตะมากไป ก็จะวิ้งเกิน ต้องใช้แต่พอดี เคาะแปรงก่อนทา ขอหักคะแนนตรงนี้ แล้วก็เรื่องราคาด้วย แต่ด้วยความสวยของมัน ถือว่าเป็นที่พอใจ สิ่งสุดท้ายที่จะมารีวิวนั่นคือ Eye Shadow ของ Catrice ที่มีขายตามร้าน Boots Watson รุ่นนี้หลงรักตั้งแต่แรกเห็นมั ชื่อรุ่น Liquid Metal Eye Shadow ราคา 215 บาทโดยประมาณ มาในแพ๊คเกจจิ้งพลาสติกใสเห็นสี น่าซื้อเก็บ ใช้ไม่ลง ปราณีตดีครับ สีแรกชื่อสี 020 Gold n' Roses ดูจากถาด จะเป็นสีชมพูทองๆสวยงามสุดพลัง พอปาดจริงสีจะไม่ชมพูเท่ แต่ว่าเนื้ออายแชโด้วจะนุ่มๆ ที่สีชัดมากกกกก วิ้งมากกกกกก เทียบให้ดูนะครับ ผมปาดเจ้านี่ทีเดียวไม่ได้ย้ำ และปาดแชแนลเมื่อกี้ทีเดียวไม่ ออกมาตามภาพครับ เป็นอะไรที่แนะนำมากหากคุ ข้อเสียของมันคือ มีสีไม่มากเท่าไหร่ ทุกสีเป็นเเนื้อชิมเมอร์ และบางสาขาไม่มี คือผมซื้อจากสาขานอกเมือง แต่พอจะไปสอยเพิ่มที่วัตสั วันนี้ผมขอจบการรีวิวเอาไว้เท่ Review UPDATE แปรงแต่งหน้าในกรุ และอุปกรณ์นิดหน่อย Part 3
ต่อไปเป็นแปรงที่ไม่ได้คิดจะซื้อเลยครับ เพราะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมามาก
ว่าแปรงยี่ห้อนี้ดีมาก และ แพงมากก (เอาจริงๆ บางด้ามไม่ได้แพงเลย) มันคือ Hakuhodo ครับ บังเอิญได้ไปเจอบู๊ทฮาขุโฮโดะที่ Isetan สาขาชินจุกุ รีบพุ่งตัว สิ่งนึงที่ชอบห้างญี่ปุ่นคือเค้าจะมีราคาบอกไว้ข้างๆที่โชว์ผลิตภัณฑ์นั้นๆเลย ทำให้เรารู้ราคาของ และดูกำลังทรัพย์ของเรา ตอนไปสอย พวกเราอยู่ในช่วงใกล้กลับไทย คือทุนจะหมดแล้ว ช๊อปมากไม่ได้ แต่มันอดไม่ได้ จ้องดูตาแป้วๆ สัมผัส และสั่งซื้อ ได้มาสี่อย่างครับ ของผมเองขอชิ้นเดียว อีกสามเป็นของคุณอั้ม ด้ามแรกของ ฮาขุโฮโดะที่จะพูดถึงคือ แปรงแต่งตา จำเบอร์ไม่ได้ครับ เพราะที่ด้ามไม่มีเบอร์เขียนอยู่เหมือนยี่ห้อทั่วๆไป เป็นรุ่นด้ามไม้สีดำธรรมดาๆ ด้ามสั้น ทำจากขนแท้ (จำไม่ได้ว่าขนอะไร) แต่ว่า นุ่มครับ ด้ามนี้ 1,500เยนครับ ตกแล้ว 480 บาท แปรงลักษณะแบนสั้น เหมาะสำหรับลงสีเปลือกตา ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ไป หากไม่ลงสีตา จะเอามาไล้ดั้งก็ได้ครับ แต่ผมเอามาลงสีตาคุณอั้มครับ คุณอั้มยังบอกเลยว่านุ่ม ไม่บาดตา สบายมาก เอาจริงๆผมว่าไม่แพงเท่าไหร่ คงเพราะซื้อที่ญี่ปุ่นด้วยมั้ง รุ่นแพงจะเป็นรุ่นด้ามสีส้มที่มีตัวยึดทำจากทอง บางรุ่นที่แพงมาก ทำจาก blue squirrel ที่จะนุ่มมากกกก และแพง ข้อเสียของแปรงด้ามนี้หรอ? อย่างเดียวเลยคือ ด้ามสั้น(แบบพกพาอีกแล้ว) ด้ามต่อมาขอฮาขุโฮโดะ เป็นแปรงเบลนดิ้ง ที่ผู้ที่แต่งตาต้องมี เป็นอะไรที่ Essential มาก คล้ายๆ แปรงเบลนดิ้งของMAC แต่มาในแบบด้ามสั้น ทำจากขนแท้(จำไม่ได้อีกแล้วว่าขนอะไร) เอามาเบลนสีได้ดี ขนนุ่ม ไร้ที่ติ ไร้ที่ติ ราคาเท่าอันบนครับ ตกแล้ว 480 บาท อะไรจะคุ้มแบบนี้ ชิ้นถัดมา เป็นแปรง คาบูกิ เนื่องจากงบที่จำกัด เลยเลือกอันเล็กมาแทนครับ จริงๆมีรุ่นลิมิเตด ด้ามสีชมพู ทำจากขนBlue Squirrel แต่แพงกว่ากันมาก แต่ว่ามันนุ่มมาก เพราะแพงเลยไม่ได้เอามา รุ่นนี้ด้ามก็ยังคงเป็นไม้ตามสไตล์ยี่ห้อนี้นะครับ ขนจะเป็นลักษณะเป็นโดมมน คือว่า.... ถึงแม้ไม่ใช่ขนกระรอกฟ้าอะไรนั่น แต่อันนี้ก็นุ่มมากกกกกกกกก แบบว่ามันนุ่มลื่น ไม่บาดหน้า รู้สึกฟิน อิจฉาคุณอั้มมาก และขนไม่มีการเสียทรง มีการเด้งตัวดี ไม่บานแบะออก ราคาอันนี้อยู่ที่ 10,000 เยน หรือประมาณ 3,200 บาท แพงมากนะผมว่า แถมขนาดมันเล็กด้วย ถ้าใหญ่กว่านี้อีกนิดจะฟิน ถามว่ามันดีรึเปล่า ตอบเลยว่าดีมากครับ นุ่มจริงอะไรจริง ฟินจริงอะไรจริง และแพงจริงอะไรจริง คือหากทุนมาก ผมแนะนำนะครับ แต่หากทุนไม่มาก ยี่ห้ออื่นก็ใช้ได้ครับ มันแพงจริงๆ ชิ้นสุดท้ายของยี่ห้อนี้มันคือ fan brush เอ้ะ เรียกแบบนี้รึเปล่า ที่สอยอันนี้มันเพราะลักษณะที่แปลกตากว่าอันอื่นๆ และส่วนตัวยังไม่เคยมีอะไรแบบนี้ เลยสอยมาในราคา 3,600 เยน หรือประมาณ 1,152 บาท เป็นแปรงรีๆขนเป็นขนแท้สีขาว ลักษณะมนหนา ขนนุ่มไม่บาดหน้าเลย เอามาลงแป้ง ลงบรอนเซอร์ ได้หมดครับ คือมันให้ความรู้สึกหรูหรา แต่ถามว่าจะเป็นรึเปล่า ตอบว่า ไม่จำเป็น เพราะใช้แปรงอย่างอื่นลงแป้ง ลงบรอนเซอร์ก็ได้ แต่เพราะผมบ้าแปรงเลยสอยมาไว้ในกรุ ชอบนะครับ แต่ผมว่าไม่ใช่แปรง MUST HAVE ต่อไปมันคือแปรงสัญชาติญี่ปุ่นอีกอัน หลายๆคนคงไม่รู้จักยี่ห้อนี้ นั่นคือ Yojiya ซึ่งโลโก้เป็นรูปหน้าผู้หญิง (ที่ทุกครั้งที่เห็น มันทำให้ผมนึกถึงหนังโหดเรื่อง SAW อ่ะ ฮ่าๆ) ยี่ห้อนี้เค้าดังเรื่องกระดาษซับหน้ามัน ที่เค้าทำมาตั้งแต่สมัยที่ผลิตเอาไว้ซับหน้าเกอิชา (โอ้โหหหห) ในสนามบินนาริตะมีเค้าเตอร์ครับ ถูกกว่าร้านข้างนอกด้วยเพราะไม่เสียภาษี ด้ามนี้คือ Yachiyo brush เบอร์ใหญ่สุด (เค้ามีใหญ่ กลาง เล็ก) รูปร่างเค้าคล้ายของ Nars Yachiyo เลยครับ ต่างกันตรงปลายของแปรงที่ของยี่ห้อนี้จะมนกว่า ส่วนของ Nars จะออกtapered แหลมกว่า ด้ามนี้ผมจำราคาไม่ได้แล้วครับ พันปลายๆเยน หรือเท่าไหร่นี่แหละ ขออภัยไว้ในจุดนี้นะครับ คุณสมบัติเหมือน Nars Yachiyo เลยครับ ขนนุ่ม (แต่ก็ไม่ได้นุ่มเท่าฮาขุโฮโดะนะฮ่าๆ) ยังคงมีความกระด้างอยู่นิดหน่อยไม่ระคายเคืองนัก เพื่อการจิกสีที่ดี สอยมาเพราะชอบดีไซน์แปรงล้วนๆ มันเหมือนพู่กันวาดภาพ แถมเป็นขนสีขาวด้วย เอามาปัดแก้มได้ดีครับ แค่แตะสี และมา แตะๆตบๆที่แก้ม ไม่ต้องบัฟๆวนๆอะไรเท่าไหร่ สีก็ออกมาสวยแล้ว จะลงแป้งก็ได้ เพราะขนาดที่ไม่ใหญ่ ทำให้ลงได้ตามซอกซอนต่างๆได้ง่าย ข้อเสียของมันคือ ใช้ไปนานๆขนจะบาน (เหมือนของNars) ถ้าไม่ได้ไปญี่ปุ่นแล้วอยากได้ ให้ไป counter Nars แทนครับ เหมือนๆกัน แค่แพงกว่ากัน ชิ้นสุดท้ายแล้วครับ มันไม่ใช่แปรง แต่ก็เป็นอุปกรณ์ในการแต่งหน้าเหมือนกัน ได้ยินชื่อเสียงมานาน เลยไปลองสอยมาใช้บ้าง มันคือ Is'sie Magic blender ฟองน้ำรูปไข่นั่นเอง ราคารู้สึกจะ 800+ กว่าบาทครับ หาซื้อได้ง่ายครับ ผมซื้อจาก Boots มีสองสี ชมพูและสีเบจ เนื้อแน่นและเนียนมากครับ เวลาใช้ ต้องเอาไปแช่น้ำให้มันฟูพองเบิ้ลขนาดเป็นอีกเท่าตัวของมันก่อนครับ เพราะเป็นการประหยัดเนื้อผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ เวลาใช้ก็เอาด้านก้นของมันมาเกลี่ยๆ กดๆ วนๆทั่วหน้า ส่วนด้านแหลมเหมาะมากกับการลงตามซอกต่างๆ ทั้งข้างจมูก ใต้ตา เวิร์คคคคมากกกก เทคนิคที่ชอบอย่านึงคือ ผมมักจะเอาด้านแหลมไปจิ้มๆคอนซีลเลอร์ แล้วเอามาทาๆเกลี่ยๆใต้ตา มันจะทำให้คอนซีลเลอร์ไม่หนาจนเกินไปครับ เรื่องการเบลนรองพื้น มันทำได้เยี่ยมยอดจริงๆเช่นกัน หน้าออกมาเนียน ไม่เป็นเส้นด้วย ไม่บดหน้าไม่ระคายเคือง ข้อดีเพียบ แต่ข้อเสียของมันคือเวลาใช้มันยุ่งยากครับ ต้องไปเอาจุ่มน้ำทำให้เปียก แล้วพอใช้เสร็จต้องล้างทันที ไม่งั้นจะสกปรก อีกเรื่องคือ ราคาครับ ผมว่าแอบแพงนะ
เอาละ ยาวเลยฮ่าๆ หวังว่าข้อมูลทั้งหลายจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ช่วยในการตัดสินใจเลือกแปรงแต่งหน้านะครับ ถ้ามีคำถามอะไร หากผมพอรู้คำตอบ ผมจะแนะนำให้นะครับ Review UPDATE แปรงแต่งหน้าในกรุ และอุปกรณ์นิดหน่อย part 2
ต่อไปครับ เป็น Set ครับ ชื่อว่า Starter Set ซื้อมาใช้แต่งตาให้คุณอั้มภัช-
ตัวเซ็ท ประกอบด้วยแปรง 5 ด้าม มาพร้อมกระเป๋าแปรง(ที่ไม่ได้ เริ่มจากตัวที่ชอบน้อยที่สุ Pixel Pointer Eyeliner Brush ทำไมถึงไม่ชอบหน่ะหรอ เพราะมันใหญ่ครับ ปกติใช้ของแม๊ค มันเล็ก ให้เส้นที่คมกริบดีกว่า แต่ปัจจุบันเลิกใช้แปรงอายไลน์ ด้ามต่อมา Accent Brush เป็นแปรงทาตาที่มีขนาดเล็ เพราะกับการลงหัวตา หรือการแต่งตาที่มีดีเทลสูงๆ แต่คงเพราะขนาดที่เล็กมากๆของมั ผมชอบคิดว่ามันคือแปรงแต้มไฝ ฮ่าๆ (ใครแต้ม และแต้มตอนไหน?) ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ครับ แต่เร็วๆนี้เพิ่งซื้อพิ๊กเม้นท์ ผมเอาแปรง Accent Brush เนี่ยแหละแตะผงพิ๊กเม้นท์ แล้วมาแทะๆที่ตาคุณอั้ม ด้วยความที่ขนาดเล็ก และขนแน่นไม่ฟุ้ง การลงอะไรแบบนี้ จึงเหมาะมาก เพียงแต่เล็กไปนิดนึง แต่ก็โอเคครับ ได้หยิบมาใช้ ด้ามต่อไป เป็น Brow Brush แปรงปัดคิ้วที่มีขนาดค่อนข้ คงเพราะเจ๊แซมแกต้องการ Differentiate ตัวเองออกจากคู่ต่อสู้ ความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่ามันใหญ่ไปนิดนึง และมันมีความหนามากกว่าปกติ เวลาเขียนจึงจะได้เส้นที่ใหญ่ สามในห้า เป็นแปรงที่ไม่ค่อยถูกใจเท่ ด้ามต่อไป เริ่มเข้าสู่ยุคสว่างละ มันคือ Base Shadow Brush แปรงนี้ใช้ดีครับ นุ่ม ใช้เบลนสีตาได้ เนื่องจากแปรงมีความฟูฟุ้ง สีที่ได้จะไม่ค่อยแน่นนัก หากต้องการลงสีตาให้มีความคมเข้ มาถึงด้ามสุดท้ายของเซ็ทแปรงสี (ยืมรูปจากGoogle นะครับ ผมดีลืมถ่ายมาซะอย่างงั้นอ่ะ) เป็นแปรงขนแน่น ลักษณะกลมๆครับ เอาไว้คัดเบ้าตา หรือลงสีทั่วๆตา แต่ชอบเอามาคัดเบ้ามากกว่า ในเซ็ทนี้ บอกเลยว่าด้ามนี้ใช้ดีที่สุด (มายก๊อต หนึ่งใน5 น้ำตาจะไหล ซับน้ำตาแป๊บนะครับ) ถึงแม้ว่าขนาดจะใหญ่ แต่พอเอามาคัดเบาคุณอั้ม มันกลับพอดิบพอดี ความนุ่มที่เป็นจุดเด่นของยี่ห้ ที่ผมใช้ประจำคือ ใช้กับสีน้ำตาลอ่อนเนื้อ Matte แล้วทาลงตรงเบ้าตา ทาถูๆเหมือนใบปัดน้ำฝนไปมาๆ แล้วเอาแปรงเบลนกับสีที่ สรุป Real Techniques Starter Set นะครับ หากคุณมีแปรงแต่งตาที่ดีอยู่แล้ เพราะมีอย่างอื่นที่ดีกว่าครับ (แปรง Deluxe Crease Brush นั่นใช้แปรง Blending brush ที่หัวฟูๆขนนุ่มๆยี่ห้องอื่ ต่อไปเป็นแปรง Drug Store หาซื้อได้ที่ Watsons ขอพูดพร้อมกันทั้งสองด้ามเลย เพราะเหมือนๆกัน ต่างกันที่ขนาดเท่านั้น ยี่ห้อ Marionnaud ครับ ผมซื้อตามคนที่เคยมารีวิวในพันทิปห้องแป้งครับบอกตรงๆ เพราะอ่านแล้วน่าสอยมาก ราคาไม่แพง ขนาดใหญ่ ที่ผมมีคือ No1 Powder Brush กับ No2 Powder Brush แปรงทาแป้งขนาดใหญ่และกลาง มันยังไม่ฟินเท่าไหร่ และบางทีขนร่วง อันใหญ่ก็ใหญ่ได้ใจ เหมาะกับการนำมาปัดแป้งส่วนเกินมากกว่า เอาจริงๆ ชอบ ELF studio powder brush มากกว่ามากครับ(เทียบในเรื่องราคาและคุณสมบัติของขนแปรง) แอบเสริมรูป ELF นิดนึงและกัน ต่อไปนี้เป็นแปรงที่เพิ่งซื้อมาใช้ไม่นานครับ ปลายปีที่แล้วได้ไปเที่ยวญี่ปุ่น หลายคนบอกว่ามันเล็กมาก ข้อเสีย 1 ขนาดด้ามสั้น ส่วนตัวผมชอบด้ามยาวๆมากกว่า แต่ไม่เป็นไรครับ หยวนๆ
เรื่องกินเนื้อผลิตภัณฑ์ ที่ผมรู้เพราะว่าพอใช้เสร็จ วันต่อๆมา จะเห็นว่ามีเนื้อครีมติดเป็นปื้นๆที่ด้านในแปรง พอจะเอาไปล้าง ล้างยากมากครับ (ผมใช้กับ Chanel CC Cream) คือล้างแล้วเหนียวมาก แปรงอื่นไม่เห็นเป็น เลยหาข้อมูล มีคนบอกให้ล้างด้วยน้ำมันมะกอก ซึ่งมันเป็นความผิดที่ร้ายแรงมากๆ Continue Part 3 Review UPDATE แปรงแต่งหน้าในกรุ และอุปกรณ์นิดหน่อยpart 1
สวัสดีครับ ห่างหายหน้าไปนาน วันนี้ผมจะมารีวิวแปรงแต่งหน้าในกรุ ที่ซื้อมาเพิ่มและใช้มาเป็นเวลาหนึ่งนะครับ
แปรงแต่งหน้า เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การลงทุนจริงๆ ผมเองก็หลงไหลในการสะสมแปรงนะ เพราะมันเหมือนได้ซื้อพู่กันระบายสีอันใหม่มาระบายสี ฮ่าๆ โอเค ก่อนจะเริ่มรีวิวแปรง ขอบอกก่อนเลยนะครับว่า "ทุกอย่างที่รีวิว ไม่ได้รับการว่าจ้าง หรือรับมาจากบริษัท ทุกชิ้นซื้อเองทั้งสิ้นครับ" ก่อนรีวิวแปรง รอรีวิวสิ่งสิ่งนึงที่ออกแบบมาสำหรับคนที่รักแปรงแต่งหน้า ใช้แปรงแต่งหน้าบ่อย นั่นคือ Sigma Dry'n Shape มันคืออะไร? ง่ายมากเลย มันก็คือตัวที่ช่วยทำให้แปรงแต่งหน้าของเราแห้งไวขึ้นเวลาเราล้าง
หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ เป็นคล้ายๆกระเป๋าหนัง ดูทนทาน ไม่ก๊องแก๊งไก่กาอาราเล่ (แน่ละ ถ้าราคาแบบนี้แล้วก๊องแก๊งนะ ผมมีสาปส่ง)ด้านใน พอเปิดออกมา จะเป็นช่องๆเหมือนกระเป๋าใส่แปรงครับ มีช่องทั้งหมด 12 ช่อง โดยแบ่งตามขนาด how to use? ง่ายๆเลย หลังจากที่ล้างแปรงของคุณเสร็จแล้ว ก็เอาแปรงใส่ช่อง จากบนลงล่าง โดยด้านบนที่เป็นยางยืดจะทำหน้าที่บีบรัดและดูดซึมน้ำและความชื้นในแปรงออก และบีบกระชับรูปทรงแปรง ทำให้เวลาแปรงแห้ง จะไม่บานออกครับ ถนอมแปรงได้ดีเลยทีเดียวนะ เป็นแปรง อายแชโด้ว ขนนุ่มลื่ม ไม่ทิ่มไม่บาดหน้า ผมมันเอาไว้ใช้ไล้ดั้ง เนื่องจากใช้แล้วชอบเลยมีการซื้ แปรงด้ามนี้เป็นแปรงเดี่ยวๆที่ เวลาลงผลิตภัณฑ์จะใช้เวลานานกว่าหน่อย แต่จะละเอียดกว่าครับ เพียงแต่ว่าความเห็นส่วนตั ซื้อมาพร้อมกันกับอันข้างบน คือว่า ขนแปรงเค้านุ่มมากกกกครับเจ้ สังเกตว่าขนแปรงจะไม่แน่นมาก ทำให้ลงผลิตภัณฑ์แล้วจะฟุ้งๆ อ่อนๆ Continue Part2 |
can you bring high fashion
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] |