Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
All Blog
Review UPDATE แปรงแต่งหน้าในกรุ และอุปกรณ์นิดหน่อย Part 3
ต่อไปเป็นแปรงที่ไม่ได้คิดจะซื้อเลยครับ เพราะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมามาก
ว่าแปรงยี่ห้อนี้ดีมาก และ แพงมากก (เอาจริงๆ บางด้ามไม่ได้แพงเลย)
มันคือ Hakuhodo ครับ
บังเอิญได้ไปเจอบู๊ทฮาขุโฮโดะที่ Isetan สาขาชินจุกุ
รีบพุ่งตัว สิ่งนึงที่ชอบห้างญี่ปุ่นคือเค้าจะมีราคาบอกไว้ข้างๆที่โชว์ผลิตภัณฑ์นั้นๆเลย
ทำให้เรารู้ราคาของ และดูกำลังทรัพย์ของเรา
ตอนไปสอย พวกเราอยู่ในช่วงใกล้กลับไทย คือทุนจะหมดแล้ว ช๊อปมากไม่ได้ แต่มันอดไม่ได้
จ้องดูตาแป้วๆ สัมผัส และสั่งซื้อ
ได้มาสี่อย่างครับ ของผมเองขอชิ้นเดียว อีกสามเป็นของคุณอั้ม
ด้ามแรกของ ฮาขุโฮโดะที่จะพูดถึงคือ แปรงแต่งตา


จำเบอร์ไม่ได้ครับ
เพราะที่ด้ามไม่มีเบอร์เขียนอยู่เหมือนยี่ห้อทั่วๆไป
เป็นรุ่นด้ามไม้สีดำธรรมดาๆ ด้ามสั้น ทำจากขนแท้ (จำไม่ได้ว่าขนอะไร)
แต่ว่า นุ่มครับ ด้ามนี้  1,500เยนครับ ตกแล้ว  480  บาท
แปรงลักษณะแบนสั้น เหมาะสำหรับลงสีเปลือกตา ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ไป
หากไม่ลงสีตา จะเอามาไล้ดั้งก็ได้ครับ แต่ผมเอามาลงสีตาคุณอั้มครับ
คุณอั้มยังบอกเลยว่านุ่ม ไม่บาดตา สบายมาก เอาจริงๆผมว่าไม่แพงเท่าไหร่
คงเพราะซื้อที่ญี่ปุ่นด้วยมั้ง รุ่นแพงจะเป็นรุ่นด้ามสีส้มที่มีตัวยึดทำจากทอง
บางรุ่นที่แพงมาก ทำจาก blue squirrel ที่จะนุ่มมากกกก และแพง
ข้อเสียของแปรงด้ามนี้หรอ? อย่างเดียวเลยคือ ด้ามสั้น(แบบพกพาอีกแล้ว)

ด้ามต่อมาขอฮาขุโฮโดะ เป็นแปรงเบลนดิ้ง


ที่ผู้ที่แต่งตาต้องมี เป็นอะไรที่ Essential มาก
คล้ายๆ แปรงเบลนดิ้งของMAC แต่มาในแบบด้ามสั้น ทำจากขนแท้(จำไม่ได้อีกแล้วว่าขนอะไร)
เอามาเบลนสีได้ดี ขนนุ่ม ไร้ที่ติ ไร้ที่ติ ราคาเท่าอันบนครับ ตกแล้ว 480 บาท อะไรจะคุ้มแบบนี้

ชิ้นถัดมา เป็นแปรง คาบูกิ เนื่องจากงบที่จำกัด เลยเลือกอันเล็กมาแทนครับ


จริงๆมีรุ่นลิมิเตด ด้ามสีชมพู ทำจากขนBlue Squirrel   แต่แพงกว่ากันมาก
แต่ว่ามันนุ่มมาก เพราะแพงเลยไม่ได้เอามา
รุ่นนี้ด้ามก็ยังคงเป็นไม้ตามสไตล์ยี่ห้อนี้นะครับ ขนจะเป็นลักษณะเป็นโดมมน
คือว่า.... ถึงแม้ไม่ใช่ขนกระรอกฟ้าอะไรนั่น แต่อันนี้ก็นุ่มมากกกกกกกกก
แบบว่ามันนุ่มลื่น ไม่บาดหน้า รู้สึกฟิน อิจฉาคุณอั้มมาก
และขนไม่มีการเสียทรง มีการเด้งตัวดี ไม่บานแบะออก ราคาอันนี้อยู่ที่ 10,000 เยน
หรือประมาณ 3,200 บาท แพงมากนะผมว่า แถมขนาดมันเล็กด้วย ถ้าใหญ่กว่านี้อีกนิดจะฟิน
ถามว่ามันดีรึเปล่า ตอบเลยว่าดีมากครับ นุ่มจริงอะไรจริง ฟินจริงอะไรจริง
และแพงจริงอะไรจริง
คือหากทุนมาก ผมแนะนำนะครับ แต่หากทุนไม่มาก ยี่ห้ออื่นก็ใช้ได้ครับ มันแพงจริงๆ

ชิ้นสุดท้ายของยี่ห้อนี้มันคือ fan brush

เอ้ะ เรียกแบบนี้รึเปล่า
ที่สอยอันนี้มันเพราะลักษณะที่แปลกตากว่าอันอื่นๆ
และส่วนตัวยังไม่เคยมีอะไรแบบนี้ เลยสอยมาในราคา 3,600 เยน หรือประมาณ 1,152 บาท
เป็นแปรงรีๆขนเป็นขนแท้สีขาว ลักษณะมนหนา ขนนุ่มไม่บาดหน้าเลย



เอามาลงแป้ง ลงบรอนเซอร์ ได้หมดครับ คือมันให้ความรู้สึกหรูหรา
แต่ถามว่าจะเป็นรึเปล่า ตอบว่า ไม่จำเป็น เพราะใช้แปรงอย่างอื่นลงแป้ง ลงบรอนเซอร์ก็ได้
แต่เพราะผมบ้าแปรงเลยสอยมาไว้ในกรุ ชอบนะครับ แต่ผมว่าไม่ใช่แปรง MUST HAVE

ต่อไปมันคือแปรงสัญชาติญี่ปุ่นอีกอัน
หลายๆคนคงไม่รู้จักยี่ห้อนี้ นั่นคือ  Yojiya  

ซึ่งโลโก้เป็นรูปหน้าผู้หญิง (ที่ทุกครั้งที่เห็น มันทำให้ผมนึกถึงหนังโหดเรื่อง ​SAW อ่ะ ฮ่าๆ)
ยี่ห้อนี้เค้าดังเรื่องกระดาษซับหน้ามัน ที่เค้าทำมาตั้งแต่สมัยที่ผลิตเอาไว้ซับหน้าเกอิชา (โอ้โหหหห)
ในสนามบินนาริตะมีเค้าเตอร์ครับ ถูกกว่าร้านข้างนอกด้วยเพราะไม่เสียภาษี
ด้ามนี้คือ  Yachiyo brush เบอร์ใหญ่สุด (เค้ามีใหญ่ กลาง เล็ก)

รูปร่างเค้าคล้ายของ Nars Yachiyo  เลยครับ ต่างกันตรงปลายของแปรงที่ของยี่ห้อนี้จะมนกว่า ส่วนของ Nars จะออกtapered แหลมกว่า  ด้ามนี้ผมจำราคาไม่ได้แล้วครับ
พันปลายๆเยน หรือเท่าไหร่นี่แหละ ขออภัยไว้ในจุดนี้นะครับ
คุณสมบัติเหมือน ​Nars Yachiyo เลยครับ ขนนุ่ม (แต่ก็ไม่ได้นุ่มเท่าฮาขุโฮโดะนะฮ่าๆ)
ยังคงมีความกระด้างอยู่นิดหน่อยไม่ระคายเคืองนัก เพื่อการจิกสีที่ดี
สอยมาเพราะชอบดีไซน์แปรงล้วนๆ มันเหมือนพู่กันวาดภาพ แถมเป็นขนสีขาวด้วย
เอามาปัดแก้มได้ดีครับ แค่แตะสี และมา แตะๆตบๆที่แก้ม ไม่ต้องบัฟๆวนๆอะไรเท่าไหร่ สีก็ออกมาสวยแล้ว
จะลงแป้งก็ได้ เพราะขนาดที่ไม่ใหญ่ ทำให้ลงได้ตามซอกซอนต่างๆได้ง่าย
ข้อเสียของมันคือ ใช้ไปนานๆขนจะบาน (เหมือนของNars) ถ้าไม่ได้ไปญี่ปุ่นแล้วอยากได้
ให้ไป counter Nars แทนครับ เหมือนๆกัน แค่แพงกว่ากัน


ชิ้นสุดท้ายแล้วครับ

มันไม่ใช่แปรง แต่ก็เป็นอุปกรณ์ในการแต่งหน้าเหมือนกัน ได้ยินชื่อเสียงมานาน

เลยไปลองสอยมาใช้บ้าง มันคือ

Is'sie Magic blender ฟองน้ำรูปไข่นั่นเอง

ราคารู้สึกจะ 800+ กว่าบาทครับ หาซื้อได้ง่ายครับ ผมซื้อจาก Boots 

มีสองสี ชมพูและสีเบจ เนื้อแน่นและเนียนมากครับ 

เวลาใช้ ต้องเอาไปแช่น้ำให้มันฟูพองเบิ้ลขนาดเป็นอีกเท่าตัวของมันก่อนครับ

เพราะเป็นการประหยัดเนื้อผลิตภัณฑ์ที่จะใช้ เวลาใช้ก็เอาด้านก้นของมันมาเกลี่ยๆ กดๆ วนๆทั่วหน้า

ส่วนด้านแหลมเหมาะมากกับการลงตามซอกต่างๆ ทั้งข้างจมูก ใต้ตา เวิร์คคคคมากกกก

เทคนิคที่ชอบอย่านึงคือ ผมมักจะเอาด้านแหลมไปจิ้มๆคอนซีลเลอร์ แล้วเอามาทาๆเกลี่ยๆใต้ตา

มันจะทำให้คอนซีลเลอร์ไม่หนาจนเกินไปครับ เรื่องการเบลนรองพื้น มันทำได้เยี่ยมยอดจริงๆเช่นกัน

หน้าออกมาเนียน ไม่เป็นเส้นด้วย ไม่บดหน้าไม่ระคายเคือง ข้อดีเพียบ

แต่ข้อเสียของมันคือเวลาใช้มันยุ่งยากครับ ต้องไปเอาจุ่มน้ำทำให้เปียก แล้วพอใช้เสร็จต้องล้างทันที 

ไม่งั้นจะสกปรก อีกเรื่องคือ ราคาครับ ผมว่าแอบแพงนะ

 

เอาละ ยาวเลยฮ่าๆ หวังว่าข้อมูลทั้งหลายจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ช่วยในการตัดสินใจเลือกแปรงแต่งหน้านะครับ ถ้ามีคำถามอะไร หากผมพอรู้คำตอบ ผมจะแนะนำให้นะครับ
ขอบคุณมากๆครับผม พบกันใหม่เร็วๆนี้ครับ





Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2557 14:49:20 น.
Counter : 2042 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

can you bring high fashion
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]