Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
All Blog
Review Shopping @ Zalora

สวัสดีครับ วันนี้จะมาเปิดกล่องช๊อปปิ้งของเวป Zalora พร้อมกับรีวิวเกี่ยวกับการช๊อปปิ้งของเวปนี้นะครับ

ต้องบอกก่อนเลยว่าผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับทางเวปเลยเพราะฉะนั้นทุกอย่างจึงมาจากความรู้สึกของผม

และสินค้าก็ซื้อมาด้วยเงินของผมเองครับ

เมื่อประมาณกลางเดือนสิงหาที่ผ่านมา ผมได้ไปเจอโฆษณาลดกระหน่ำของ zalora มาจาก youtube

ตอนแรกไม่รู้จักเวปนี้เลยครับพอดีกำลังดูคลิปอะไรไปเรื่อย แล้วไปสะดุดตรงที่ sale 70% หรือยังไงนี่แหละครับ

ตามสไตล์คนกิเลสหนาก็ลองคลิ๊กไปดูครับ ขอบอกว่าเยอะมาก มีสินค้าให้เลือกสรรมากมาย ทั้งชายและหญิงหรือแม้แต่เด็กน้อย

เรื่องหน้าตาของเวป

ดูมืออาชีพดีครับ ทำให้นึกถึงพวก asos หรือvancl ของจีนเลยทีเดียว

เวลาดูสินค้าแต่ละชิ้นมันจะยังสามารถซูมดูดีเทลของสินค้าชิ้นนั้นๆได้ชัดภาพคมชัด

ในเวปมีการใช้ลูกเล่นอยู่เยอะ ทำให้เกิดการโหลดช้าบ้าง ใครเน็ตแรงคงไม่มีปัญหาเท่าไหร่

เรื่องบริการ

ทางเวปเค้าเคลมว่าสามารถเปลี่ยนสินค้าได้ใน7 วัน แต่ว่าต้องส่งของอะไรยังไง เค้ามีกฎของเค้า

อ่อ ในเวปเองมีบริการlive chat โดยพนักงานของร้านด้วยครับ ประมาณว่าหนกมีข้อสงสัยอะไรก็ถามเค้าได้เลยครับ

สะดวกจัง แต่!!!ขอบอกว่า feature นี้ควรปรับปรุงครับเพราะว่าถ้าเราปล่อยเอาไว้โดยไม่ได้พิมพ์อะไรโต้ตอบ (เวลาราพนักงานตอบเรา)

 ถ้าปล่อยไว้นาน ระบบมันจะตัดเราออกครับ! ต้องล๊อคอินเข้าไปใหม่ซึ่งเสียเวลาที่จะต้องเล่าปัญหาให้พนักงานใหม่อีก

ส่วนเรื่องส่งของเค้าส่บของให้เร็วเหมือนกันครับ โดยวันที่ของจะถึง จะมีคนโทรศัพท์มาถามทาง

และจะบอกว่าจะถึงอีกประมาณช่วงไหนอันนี้ของบอกว่าชอบครับ

เรื่องสินค้า

สินค้ามีให้เลือกมากมายเลยครับบางอัยก็สวย บางอันก็ธรรมดาไม่ค่อยเหมาะกับราคา

ส่วนตัวเลือกเฉพาะอันที่ลดราคา 5555 ด้วยความงก

พวกเสื้อผ้าผมไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่แต่ที่ชอบมากๆคือรองเท้า เพราะรองเท้าราคาไม่แพง

อย่างที่รู้ๆกันว่ารองเท้าผู้ชายในตลาดหน่ะแพงมากๆเมื่อเทียบกับของผู้หญิง

ของเวปนี้ลดราคาแล้วบางคู่สี่ห้าร้อยถือว่าไม่แพงครับ สวยไม่สวยค่อยว่ากันอีกเรื่อง

ข้อเสียอ่่งหนึ่งที่ไม่ชอบเลยคือเรื่องราะเอียดสินค้าที่มีไม่ละเอียดเลย!

บอกขนาด size ได้แบบชุ่ยๆ เช่น กางเกง ขนาด S M L จบ

อ่าวแล้ว s m l แต่ละไซ๊ส์มันเอวเท่าไหร่ละครับคุณ ผมเลยต้อง livechat ไปถามพนักงาน

และต้องเสียใจกับขนาดเพราะว่าขนาด S แล้วก็ยังใหญ่ไปสำหรับผมเลย

อดกันไปเลยคิดว่าตรงส่วนนี้ทางเวปควรจะระบุให้ละเอียดมากกว่านี้ครับ

ส่วนตัวคิดว่าเสื้อผ้าส่วนใหญ่เป็นขนาดสากลหรือเป็นไซ๊ส์สำหรับฝรั่งรึเ่า ถึงได้ทำออกมาใหญ่

เรื่องระบบ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ค่อปลื้มครับ!เพราะระบบไม่ค่อยเสถียรเท่าไหร่

บางทีคลิ๊กลงตะกร้าไม่ได้ทั้งๆที่มันโชว์ว่ามีสินค้าอยู่1 ชิ้น

ผมยถามพนักงานได้คำตอบมาว่า ของหมด เลยพอจะเดาได้ว่าในเวลาเดียวกันนั้นได้มีคนคลิ๊กเลือกไปก่อนเรา

อีกประเด็นที่ผมคิดไม่ค่อยปลื้มเลยคือระบบการจ่ายเงินทางเวปได้มีบริการการจ่ายเงินที่ดูปลอดภัยครับ

จะสามารถลิงค์ยอดซื้อจากออเดอร์ไปยังธนาคารออนไลน์ของเราเลยครับจุดนี้ของบอกว่าสะดวกมาก

แต่ประเด็นคือผมทำการจ่ายเงินเสร็จ ก็ไม่ได้รับการคอนเฟริมหรือแจ้งอะไรมายืนบันเลยว่าเค้าได้เงินฉันแล้วนะ

ผมร้อนใจ เลย live chat ไปถามพนักงาน พบว่า"เงินยังไม่เข้า!!"

ผมแบบเอาแล้วไงโดนหลอกหรือเปล่่าฟะ?! พอถามแบบนี้มาผมก็เสียความมั่นใจ

(ทั้งๆที่ได้รับแมสเสจจากธนาคารผ่่านมือถือมาว่าการโอนเงินสำเร็จเหลือยอดเงินที่ใช้ได้ .... บาท)

พอเจอคำตอบจากพนักงานผมก็เครียดเลย เลยไปเช๊คในเวปธนาคารอีกทีว่าการโอนเงินสำเร็จหรือไม่

พอไปดูพบว่าเงินออกไปแล้วครับ ผมก็ไปบอกพนักงาน

เค้าเลยให้ผมส่งหลักฐานไปให้เค้าทางเมล

โชคดีมากๆๆๆๆๆๆๆที่ผมเซ๊ฟหน้าจอตอนจ่ายเงินไว้ ไม่งั้นไม่รู้ว่าผมจะได้ของรึเปล่า

ผมเลยส่งรูปไปให้เค้าเค้าบอกโอเค ถ้ามีหลักฐานก็เรียบร้อยครับ

ผมก็โล่งอกและหลังจากนั้นวันนึงก็มีเมลมายืนยันเรื่องหลักฐานและจะดำเนินงานต่อ บลาๆ

ทำเอาหัวใจแทบวาบจุดนี้ ควรปรับปรุงมากครับ!

เรื่องการ Packaging พัสดุ

แพ๊คเกจมีการห่อสินค้ามาอย่างดีด้วยกล่องสีดำมีชื่อzalora อยู่ที่กล่อง

จุดนี้ทำได้ดีครับพอใจ

เรื่องการตลาด

อยากจะบอกว่าเค้ามีการตลาดที่ดุดันมากๆ เพราะว่ามีการใช้เรื่องคูปองโค๊ดลดราคา 200 บาททันที

เมื่อสมัครรับข่าวสารจากเวปผมก็จัดการสมัคร และได้โค๊ดมา

แต่ที่เจ็บใจคือลืมใส่ครับ!!!!!!!!! จริงๆไม่ได้ลืมหรอก ใส่ไปแล้วครับ แต่พอจะกดคิดเงิน

มันเกิดข้อผิดาดต้องเริ่มการกรอกข้อมูลชื่อที่อยู่ใหม่ หลายช่องมีข้อมูลครบ ยกเว้นอีช่องใส่โค๊ด!!

ผมเลยดูพลาดไปคิดว่าที่ใส่ไปมันไม่ได้หาย ต้องบอกว่าผมเองก็ไม่ระวังไม่ละเอียดเอง แค้นใจตัวเองมากๆ

แต่อย่างที่บอกครับระบบไม่ค่อยเสถียร ผมต้องกดดำเนินการชำระเงินหลายรอบเหมือนกัน กว่าจะผ่าน

หลังจากที่สมัครรับข่าวสารแล้ว..... 

มีข่าวสารส่งมาครับ

ส่งมา"ทุกวัน" โอ๊ยยย ข่าวเอย โปรโมชั่นเอย แอบรำคาญเหมือนกันครับ

เพราะว่ามันถี่เกินไปการตลาดดีเหลือเกิ๊น เอาเรื่องลดราคามาล่อตลอด

อ่อมีสิ่งนึงที่เคืองคือ ตอนผมช๊อป เค้าบอกอีก จดราครอีกไม่กี่วันเท่านั้น!!!

ปัจจุบันนี้ซึ่งผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว ไอของที่ลด ก็ยังเห็นลด 30% อยู่

เพลียครับเหมือนโดนหลอกนิดนึงนะ แต่เอาเถอะ ได้ของมาก็ดีแล้ว


ไหนเรามาเปิดกล่องที่ผมสั่งกันดีกว่าแพ๊คมาอย่างดี



ในกล่องจะมีใบที่อธิบายเรื่องวิธีการเปลี่ยนคืนสินค้าด้วยมาพร้อมกับคูปองcode discount


Pack รองเท้าผมมาแบบนี้ น่าจะใส่กล่องมา แต่เข้าใจว่าต้องการประหยัดพื้นที่ในการจัดส่ง

คิดในแง่ดีคือบ้านจะได้ไม่รกเพราะมีแต่กล่องรองเท้าเยอะมากเลยครับ >_<


แกะถุงออกมาปิ้งงงง



ส่วนเสื้อ ห่อมาด้วยกระดาษสีขาวบางๆ ไม่ทราบว่าเรียกว่าอะไร 

ถ้าใครจะขอเปลี่ยนคืนสินค้า คงต้องแกะอย่างระวังมากๆครับ แต่ผมฉีกออกมาเลย

ออกมาเจอเสื้อ

สรุป

เวปนี้ก็ถือเป็นร้านที่สะดวกอีกร้านหนึ่งมีเสื้อผ้าหลากหลายยี่ห้อให้เลือก

ลดราคาแล้วราคาก็ถือว่ารับได้ครับถูกใจที่สุดคือรองเท้า

แต่ถึงกระนั้นเวลาช๊อปควรมีสติ และควรระวังเรื่องระบบที่ไม่ค่อยเสถียร

เรื่องจ่ายเงินยังต้องปรับปรุงเวลาช๊อปควรเก็บหลักฐานการชำระเงินทุกครั้ง!

คะแนน

สินค้าที่ซื้อมา:

ระบบ: 4/10

ความเร็วในการส่งสินค้า:9.5/10

ความน่าเชื่อถือ: 10/10

ราคาสินค้าโดยรวม: 7/10

โปรโมชั่น: 7/10



ใครที่คิดจะช๊อปจากเวปนี้ก็ควรดูให้ละเอียดนะครับไม่ใช่ว่าของเค้าไม่ดี แต่เรื่องระบบอาจจะทำให้คุณหงุดหงิดได้

ถ้าอยากจะตัดปัญหาโทรสั่งเอาเลยก็ได้ครับ สำหรับผม คงรอไปก่อนรอให้เจอของที่อยากได้และลดราคาเยอะๆก่อน
ไม่งั้นคงเสียตังหลายรอบเพราะโฆษณามาทุกวัน

หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านนะครับ



Disclaimer: these products werebought by the author. 





Create Date : 19 กันยายน 2555
Last Update : 19 กันยายน 2555 18:56:26 น.
Counter : 1547 Pageviews.

0 comment
Review L'Oreal Youth Code Pre-essence





สวัสดีครับวันนี้ผมจะมารีวิว L'OrealYou Code Pre-essence
แจงก่อนนะครับว่าผมไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับแบรนด์ทั้งสิ้นซื้อมาใช้เองด้วยเงินของตัวเอง
และเป็นการรีวิวที่ซื่อสัตย์ซื่อตรงตามแบบทหารเพราะผมเป็นพลทหาร?! เกี่ยวกันป่ะ?
หลังจากที่หาข้อมูลมานานเลยได้ไปหาซื้อมาลองใช้ดู ต้องไปซื้อที่เค้าเตอร์ของ L'Oreal นะครับ ตามboots Watson ไม่มีขาย
ราคา 990 บาท แต่ผมซื้อช่วงโปรโมชั่นวันแม่ เลยลดเหลือ 841 บาท
ปริมาณ 30 ml

เค้าโฆษนาว่า มันสามารถช่วยทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์โดยการฟื้นฟูยีนส์
ด้วยเทคโนโลยี advanced Pro-Gen ที่คิดค้นมาเป็นเวลา 10ปี จะสามารถช่วยเพิ่มพลังในการซ่อมแซมของผิวได้มากขึ้น 
ด้วยเนื้อผลิตภัณฑ์ที่บางเบา จะช่วยทำใก้สภาพผิวของเราดูดีขึ้น ดูอ่อนเยาว์ 
และยังจะช่วยทำให้ครีมบำรุงที่เราทาทับตามลงไปทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย 
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวและทุกวัย
(แปลคร่าวๆนะครับ)
แหมฟังแค่คำโฆษณามันก็ดูจะเป็นอะไรที่วิเศษวิสม ตามสไตล์การตลาด



ส่วนผสม

มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์อยู่ครับแต่ว่ากลิ่นหอมไม่แรงมาก 
ส่วนเรื่องแอลกอฮอล์กลิ่นน้อยนะครับ แต่ไหงอยู่ในอันดับที่4 เลย OMG! 
ส่วนตัวคิดว่่ายี่ห้อนี้ใส่น้องแอลเยอะอยู่หลายตัวเชียวหล่ะจากประสบการณ์ลองใช้

คาดว่าใส่มาเพื่อให้ตัวเอสเซ๊นส์ซึมลงผิวได้ไวใครมีผิวแพ้ง่ายก็พิจราณาไตร่ตรองก่อนตัดสินใจใช้ก็ดีนะครับ
นอกจากนั้นยังมีสาร Bifida Ferment Lysate ซึ่งเป็นส่วนผสมที่มีในครีมยี่ห้อดังๆหลายตัวเช่น Lancome 
ล้วไอเจ้า Bifida Ferment Lysate เนี่ยมันเป็นแบคทีเรียชนิดที่ดีที่มีความสามารถในการช่วยให้ผิวของเราสร้างคอลาเจนได้ดีขึ้น
 แล้วยังช่วยบำรุงผิวที่ถูกทำลายจากแสงแดดอีกด้วย เอ๊ะ? มันคือแบคทีเรียมหัศจรรย์หรือยังไง?ฟังดูชีวิตมีแต่เรื่องดีๆเนอะ 
แต่จากที่ผมหาข้อมูล 
ยังไม่มีการค้นคว้ามากพอเกี่ยวกับเรื่องของประสิทธิภาพของเทคโนโลยี  AdvancedPro-Gen ของเค้าว่ามันได้ผลดั่งที่เค้าเคลมจริงรึเปล่า
ตัวผลิตภัณฑ์ ยังมีส่วนผสมของน้ำอยู่อันดับแรกซึ่งทำให้ตัวเนื้อของเจ้า L'Oreal YouthCode Pre-Essence 
เนี่ยค่อนข้างเหลวแนว emulsion และยังมี silicone ในส่วนประกอบด้วย โอ้ มันใส่ Hyaluronicacid 
ที่ช่วยดรื่องความชุ่มชื้นอีกด้วยเพราะฉะนั้นนอกจากจะเกลี่ยง่าย ซึมไว 
แล้วยังช่วยเรื่องความชุ่มชื้นอีกด้วยแถมไม่ทำให้หน้าดูมันเยิ้มเพราะความบางเบาของมัน



Packaging

มาในขวดแก้วทรงกระบอกยาวๆดูดีเหมือนกันนะในความคิดผม แต่ว่าถ้าไม่ระวังทำขวดหลนก็ "แตก"ไงครับพี่น้อง!! 
พอเราหมุนฝาออกมา จะเจอหัวสลิ๊งโดยเราต้องกดไอปุ่มบนฝาเพื่อทำการดูดเนื้อผลิตภัณฑ์ขึ้นมา 
ขอบอกว่าเรื่องดีไซน์ดูดีครับ แต่เรื่องการใช้สอย ผมว่ามันยังไม่ค่อย practical เท่าไหร่ 
เพราะกว่าจะหมุนฝา กดปุ่มดูดแล้วกดปุ่มให้มันหยดใส่มือ เอ๊า พอหยดลงมืิก็ต้องรีบทา ไม่งั้นไหลลงพื้น 
อ่าว!!เดี๋ยวๆ ต้องใส่สลิ๊งเข้าขวดระวังๆ เดี๋บวขวดล้มแตก
เหนื่อยครับ 555 แล้วไอปุ่มกดเพื่ิดูดขึ้นมาเนี่ยแอบแข็ง ใช้งานลำบาก ส่วนตัวชอบแบบปั้มๆมากกว่า


เนื้อผลิตภัณฑ์

เมื่อกดสลิ๊งค์ออกมาจะเจอน้ำเหนียวๆสีขุ่นๆครับกลิ่นหอมอ่อนๆ 
ขอบอกว่าใข้แค่หยดเดียวก็สามารถเกลี่ยได้ทั่วทั้งหน้าแล้วครับ 
เวลาผมใช้คือ กดออกมาหยดนึงแล้วรีบปิดฝา ( ในขณะเดียวกันนิ้วที่มีผลิตภัณฑ์อยู่ต้องกลิ้งๆ
เพื่อไม่ให้มันหยดลงพื้นเพราะเสียดายพอได้จังหวะก็เอามาแต้ม 5 จุดบนหน้าแล้วก็เกลี่ยๆทาๆครับ 
ลื่นปลื๊ดๆคงเพราะมีส่วนผสมของน้ำเยอะ และยังใส่น้อง สิริ เอ้ย silicone มาด้วย เลยทำให้อะไรๆก็ไหลลื่น 
พอทาทั่วแล้วไม่นานก็ซึมครับซึมไวเหมือนกัน ผมชอบทาทั่วหน้าแล้วตบๆ 
เพื่อเป็นการกระตุ้นให้หนังหน้ามันสร้างคอลาเจน ไม่รู้ว่าจริงรึเปล่าพี่สาวบอกมาอีกที ทีนี้ไม่ว่าจะทาอะไรเสร็จ 
ผมตบมันทุกอย่างเลย 5555 สรุปทาเสร็จหน้าช้ำ ตึงงงงงงง just kidding!
พอทาเสร็จก็ทาครีมอย่างอื่นต่อไปได้เลยครับ
ผมทาเช้าและก่อนนอน


ความรู้สึกหลังการใช้

หลังจากที่ผมใช้มา 3 อาทิตย์ โดยรวมแล้วชอบครับเพราะว่ามันทาง่าย ซึมไว 
ถึงแม้จะมีแอลกอฮอล์กับน้ำหอมผมก็ไม่ได้แพ้อะไรปกติผมเป็นคนไม่ค่อยแพ้อะไรอยู่แล้ว 
(แต่ว่าหน้าผมเพิ่งย่อยยับจาก Neutrogenaไว้จะมารีวิวให้ฟัง) ตอนนี้เลยกลัวว่าใช้อะไรใหม่แล้วจะแพ้อีก 
แต่เจ้านี่ไม่ทำให้หน้าผมสิวเห่อเลยครับ หน้านุ่มๆ
เรื่องริ้วรอย เนื่องจากว่าอายุยังไม่เยอะริ้วรอยพอมีเวลายิ้มหรือเลิกคิ้ว รอยพวกนี้ยังมีอยู่ 
ไม่ได้หวังว่ามันจะหายไปเพราะว่าริ้วรอยพวกนี้มันคงไม่หายไปง่ายๆจากการใช้ครีมบำรุงหรอกครับ
 นอกจากจะไปฉีด botox ซึ่งจุดนี้ ผมขอบายครับใช้เจ้านี่ไป ก็หวังว่ามันจะทำให้ผิวหน้าเราดูดี 
ชะลอหรือต้านทานริ้วรอยในอนาคตมากกว่าครับ
สิ่งหนึ่งที่ไม่ชอบคือ package ที่ใช้ลำบากนอกนั้นถือว่าพอใจครับและราคาก็ไม่ได้แรงเกินไป
 เป็นอะไรที่สามารถเอื้อมถึง

คะแนน
ส่วนผสม
8.5/10หักเรื่องแอลกอฮอล์กับน้ำหอม

Packaging 7/10 หักเรื่องใช้ลำบาก
ราคา 9/10
ความรู้สึกหลังการใช้ 9/10


หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนที่เข้ามาอ่านนะครับ
มีสติก่อนจะซื้อ หากคุณพบสิ่งที่ดีสำหรับหน้าคุณแล้วจงอย่าเปลี่ยน
เพราะหน้าผมแหกจากการลองนูโทรจีน่ามาแล้วเศร้า แต่ก็ยังไม่เข็ด มาลองเจ้านี่อีก
โชคดีที่ไม่แพ้และรู้สึกว่ามันไม่ได้เลวร้ายอะไรกับผิวหน้าของผมนัก


Disclaimer: the product was bought by theauthor.






Create Date : 19 กันยายน 2555
Last Update : 19 กันยายน 2555 18:21:45 น.
Counter : 3099 Pageviews.

4 comment
Review Chanel Le Blanc : Light Revealing Whitening Makeup Base Spf 35 / Pa +++

สวัสดีครับบล๊อกนี้จะมานำเสนอการรีวิวเบสของ Chanel ที่ผมซื้อมาตอนก่อนรับปริญญาครับ
ตอนแรกไม่ได้หวังจะไปซื้อเลยครับจริงๆจะซื้อ tinted moisturizer ของ BobbiBrown 
แต่เดินผิดเค้าเตอร์เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตากดไอโฟนเงยหน้ามาถามพี่บีเอก่อนเลยว่าจะเอา tinted moisturizer 
พี่บีเองงเลยครับบอกว่าไม่มีนะ ผมเลยแปลกใจเพราะว่าทำรีเสริชมาก่อนแล้ว เลยมองขึ้นไป ตึงงง ฃ
ฉันเดินมาผิดเค้าเตอร์!!! เค้าเตอร์ Bobbi Brown อยู่ข้างๆกันสีดำๆเหมือนกัน
หน้าแตกมากครับแก้อาหารหน้าแตกโดยการถามพี่บีเอว่ามีอะไรใช้แทนกันได้บ้างฃ
เค้าเลยแนะนำตัวนี้มาผมบอกไปว่าอยากได้อะไรที่เบาบาง เพราะจะไปแต่งตอนรับปริญญา ไม่อยากได้รองพื้น
พี่บีเอเลยหยิบเจ้า lightrevealing whitening makeup base spf35 มาลองที่มือ 
พอดูแล้วบวกกับคำอธิบายของพี่บีเอก็เลยตกลงซื้อมา


อ่ะเรามาดูสิ่วที่ทาง Chanelเค้าเคลมมากัน

LE BLANC

LIGHT REVEALING WHITENING MAKEUP BASE SPF 35 / PA +++

ความเชี่ยวชาญด้านแสงและสีสัน

CHANEL ผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านแสงและสีสันเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสรรค์ขั้นตอนแรกที่ขาดไม่ได้ในการปรนนิบัติผิวให้ขาวใส
LE BLANC LIGHT REVEALING WHITENING MAKEUP BASE SPF 35 / 

PA +++ ช่วยมอบประกายเปล่งปลั่งตามธรรมชาติให้ผิวคุณ

ความพิสุทธิ์สว่างใส

ได้รับการพัฒนาโดย InternationalMakeup Studio เฉดสีต่างๆ จะช่วยแก้ไขโทนสีผิวที่ไม่เรียบเสมอกัน
โดยการปรับสีผิวตามธรรมชาติ ทำให้สีของจุดบกพร่องดูเลือนลงและเผยผิวใหม่ที่เจิดจรัสและกลมกลืนกันอย่างสมบูรณ์แบบ

PURE WHITE MINERAL CERAMIC PIGMENT ช่วยให้ผิวดูสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบด้วยประกายสว่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
ในขณะที่ Pearlescent Pigment ช่วยให้ผิวบริเวณที่หมองคล้ำดูสว่างขึ้นนอกจากนี้
สารสกัดจากชะเอมยังเข้าทำงานกับกระบวนการผลิตเมลานินเพื่อลดการเกิดจุดด่างดำและทำให้ผิวเนียนเรียบ
สารสกัดจากโปรตีนไข่มุกจะเติมความสว่างใสให้ใบหน้าด้วยการแก้ไขผิวที่หมองคล้ำและมอบความชุ่มชื้นให้ผิวในทันที
คุณสมบัติในการปกป้องผิวจากรังสี UV (SPF 35/PA+++) จะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและยังช่วยรักษาความงามของผิวให้ยืนยาว

3 เฉดสีเพื่อการแก้ไขที่ตรงตามความต้องการ

มีให้เลือก 3เฉดสี (Rosée, Mimosa และ Lys) เพื่อให้สามารถเลือกได้กลมกลืนกับสีผิวตามธรรมชาติตรงตามความต้องการของผู้หญิงแต่ละคน
ช่วยให้ผิวหน้าดูเปล่งปลั่งเป็นประกายตามธรรมชาติได้อย่างยาวนานและสมบูรณ์แบบ

- ROSÉE ช่วยเพิ่มความสว่างสดใสให้ผิวที่ดูหมองคล้ำด้วยการเสริมประกายเปล่งปลั่ง

- MIMOSA ช่วยให้สีผิวที่ไม่เรียบเนียนและดูหมองคล้ำกลับเนียนกลมกลืนกัน

- LYS ช่วยปรับผิวหน้าให้สว่างและเปล่งประกายดุจไข่มุกที่ปราศจากตำหนิ

บริสุทธิ์และเปล่งประกายยาวนาน

เนื้อผลิตภัณฑ์แบบอีมัลชั่นที่เนียนละเอียดและสดชื่นจะซึมซาบลงสู่ผิวและเผยผิวหน้าที่เปล่งปลั่งและสดใส
โดยใช้เป็นเครื่องสำอางชั้นแรก มอบความรู้สึกสบายผิวได้ตลอดวัน และใช้คู่กับรองพื้นได้อย่างสมบูรณ์แบบเพื่อผิวหน้าที่เจิดจรัสไร้ที่ติ

Credit to Chanel website

สรุปสั้นๆคือ ช่วยปรับสีผิวเนื้อบางเบา ให้ความชุ่มชื้น และมีสารกันแดด โปรยซะยาวเลย 555

เค้ามีสามสีนะครับแต่พี่บีเอแนะนำว่าให้ผมใช้สี เบจ หรือสี Mimosa(มาอ่านจากในเวปทีหลังถึงเห็นว่าปรับสีผิวหมองคล้ำ 
อิดโรยเลยเสียเซ๊วฟ์เลย เค้าหาว่าฉันอิดโรยหมองคล้ำรึนี่ แต่ก็นะคงจริง

ปริมาณ: 30ml. 

ราคา: 2,100บาท


เมื่อเทียบปริมาณกับราคาแล้วมันแรงอยู่นะครับ เบสที่ราคาสองพันต้นๆ ราคาแพงกว่ารองพื้นหรือ tintedmoisturizer ที่ฉันใช้อีกเร๊อะ

แต่ก็ซื้อมาเพราะเดี๋ยวขายหน้าพี่บีเอ



ส่วนผสม

ในเรื่องส่วนผสมก็เหมือนหลายๆแบรนด์ที่มีการใส่แอลกอฮอล์และน้ำหอมเข้ามาด้วยน้ำหอมกลิ่นแรงอยู่เหมือนกัน 
แต่ว่าหอมครับ หอมกลิ่นเหมือนผลิตภัณฑ์ในไลน์ของ LeBlanc  
แต่ผมไม่ระคายเคืองเลย ส่วนเรื่องแอลกอฮอล์ผมไม่ค่อยได้กลิ่นนะ แหมใช่สิก็น้ำหอมกลบหมดนิ!

หากใครผิวแพ้ง่ายกลัวน้ำหอม แพ้แอลกอฮอล์ก็ควรพิจารณา หรือไปขอลองเทสที่เคาเตอร์ ดูว่าแพ้รึเปล่า 
นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของ Titanium Dioxide ที่ช่วนกันแดดได้ ซึ่งเค้าเคลมว่าของิค้ากันได้ถึง spf 35 เลยทีเดียว


Packaging

มาในขวดพล๊าสติกสี่เหลี่ยมผืนผ้าฝาสีขาวมีโลโก้ Chanel อยู่

ขนาดขวดเล็กครับสำหรับ 2,100บาทที่จ่ายไปคิดว่าแพ๊กเกจจิ้งควรจะดูหรูหรากว่านี้อีกนิดนึงจะสมราคากว่านี้
แต่ว่าข้อดีของขวดพล๊าสติกคือ ตกไม่แตก และน้ำหนักเบา เอาใส่กระเป๋าไปด้วยได้โดยไม่หนัก เวลาใช้เขย่าขวดก่อน ในขวดไม่มีลูกกระสุน 
ลูกประคำ ลูกอะไรก็แล้วแต่ทั้งสิ้นแต่เค้าให้เขย่าก่อนเป็นการผสมเนื้อเบสให้เข้ากันก่อนมั้งครับในนั้นอาจจะมีตกตะกอนอยู่ 
หรืออะไรยังไงผมไม่ทราบ จากนั้นก็บิดฝาออกมาจะเจอปากขวดแบบแหลมๆ


เวลาจะใช้ เราก็บีบออกมาครับ

ใช้ไม่เยอะประมาณน้อยกว่าก้นดินสอนิดนึง ไม่ใช่เยอะเพราะเปลืองครับ เสียตังตั้ง 2,100จะใช้แป๊บๆหมดได้ไง?! 55
จริงๆคือใช้นิดเดียวก็เพียงพอแล้วไม่งั้นจะวอกเกินไป

จากนั้นก็แต้ม5จุดแล้วทาๆเกลี่ยๆเลยครับ ทาง่ายมากๆเพราะว่าเนื้อเบสเป็นน้ำเหลวๆ

เหมือนเวลาทากันแดดน้ำนมยังไงอย่างงั้น


ทาแล้วกลิ่นหอมโชยมาให้ความรู้สึกหรูหราไฮโซทันที แบบหน้าฉันนี่แชแนลเลยนะ! ไม่ใช่อะไรกะโหลกกะลานะเออ

แต่พอเกลี่ยจนทั่วหน้าปุ๊บจะเห็นเลยว่าหน้าดูไบร์ทขึ้น สว่างขึ้น ดูตื่นและสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและที่สำคัญคือไม่เป็นคราบ 
สีไม่ทำให้หน้าวอกเท่าไหร่ ต้องขอบคุณพี่บีเอที่แนะสีนี้มา
ความรู้สึกหลังการคือ ชอบมากๆครับนอกจากจะบางเบาแล้วยังมีกลิ่นหอม ไม่เป็นคราบ 
และกันแดดได้อีกด้วยแบบว่าทาแล้วหน้าสว่างขึ้นทันที 
อันนี้ไม่ได้โม้ ผมขอบมากขนาดที่ไปแนำนำคุณอั้มให้ไปซื้อมาใช้ตามเลยทีเดียว
คุณอั้มใช้สี Rosée ออกชมพู ทาแล้วก็ไบร์ทเหมือนกันและคุณอั้มบอกว่าใช้แล้วชอบมากๆเช่นกัน
สรุปเอาเป็นว่าทั้งแม่ทั้งลูกปลื้มครับ!!!!แต่ไมปลื้มนิดเดียวเรื่องราคา

สรุป

เจ้า ChanelLe Blanc Light Revealing Whitening Makeup Base Spf 35 / Pa +++ เนี่ยเนื้อบางเบา 
และสามารถปรับสีผิวให้ดูกระจ่างใสไม่หมองคล้ำได้ดังคำโฆษณาจริงๆ
ใครที่ชอบอะไรที่บางเบาละก็คิดว่าเจ้านี่น่าจะตอบโจทย์ของคุณ 
เพียงแต่ราคามันค่อนข้างสูงแต่ว่าถ้าเราลงทุนกับมัน และเราสามารถใช้ได้ทุกวัน
 แถมไม่เป็นคราบผมว่ามันก็เป็นการลงทุนที่ดีครับ
ส่วนเรื่องสีที่มีเพียงสามสีนั้นผมว่าไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ 
เพราะว่ามันอะแด๊บด้วยกันได้และมันแต่มาช่วยปรับสีผิวเราเพื่อเตรียมแต่งหน้าต่อไป 

หรือทาเพียวๆก็ได้ใครผิวธรรมดา หรือคล้ำหน่อยก็สี Mimosa เหมือนผมใครขาวหน่อยก็สีชมพู 
ส่วนสีขาว ผมไม่แน่ใจ ต้องไปลองกันที่เค้าเตอร์ดูนะครับนอกจากนี้ยังมีข้อดีเรื่องสารกันแดด และยังให้ความชุ่มชื้นในระดับหนึ่ง

ส่วนตัวแล้ว แนะนำครับและจะซื้อต่อแน่ๆ เพียงแต่เห็นเล็กๆแบบนี้ ใช้ได้นานอยู่เหมือนกัน


ให้คะแนน

ราคา: 6/10 

Packaging: 8.5/10

ส่วนผสม: 9.5/10หักเพราะแอลกอฮอล์กับน้ำหอมที่บางคนอาจจะแพ้อต่ผมไม่มีผลกระทบใดๆนอกจากดมกลิ่นหอมๆของผลิตภัณฑ์

เนื้อผลิตภัณฑ์: 10/10 บางเบามาก

ความรู้สึกหลังการใช้: 10/10 ชอบมากๆ

Disclaimer: this product was bought by the author





Create Date : 09 กันยายน 2555
Last Update : 16 กันยายน 2555 18:02:43 น.
Counter : 5872 Pageviews.

4 comment
[CR] Review Shu uemura uv underbase mousse spf30

สวัสดีครับวันนี้จะมารีวิว เบสเนื้อมูสของ shuuemura กัน
ชื่อเต็มๆของมันคือ Shu uemura uv underbase mousse spf30
รุ่นนี้มีหลายสีครับแต่ตอนที่ผมซื้อมีแค่สองสีคือสีชมพู และสีเนื้อ
เนื่องจากว่าตอนนั้นอ่านนิตยาสารหลายเล่มแล้วมีการแนะนำสินค้าตัวนี้ เลยคิดอยากจะลองซักตั้ง
เลยจัดไป


ปริมาณ65 g.


ราคา 1,650 บาท (โดยประมาณ ผมซื้อมานานแล้วเลยจำไม่ค่อยได้)


เรามาดูคำโฆษณาของเค้ากัน

ลุงชูแกเคลมว่า


"aweightless mousse makeup base that helps to even out 

the skintone and texture, reduce redness and minimize 

the appearance of pores. use before makeup application 

to prepare the face for flawless makeup. why you'll love this base:


-delightfully fresh and light for the utmostcomfort on skin. 

light and airy mousse makeup base is 20 times lighter inweight 

compares to liquid or cream type makeup bases, this allows t

he skin tofeel as if it can breathe freely.


-fine-textured mousse gently & effortlesslyspreads onto the skin 

to create a thin even layer. provides an excellent fitfor a beautiful 

and lasting foundation finish.


-“silcoat” smoothing technology for exquisitecoverage. 

covers skin imperfections, smoothes & evens the skin surface 

witha sheer veil, for an exquisite coverage with less visible pores."


 (เครดิตจาก Shu uemura website)



ย่อๆก็คือ เป็นเบสเนื้อมูสที่มีเนื้อบางเบามากๆเมื่อเทียบกีบับเบสชนิดอื่นๆในตลาดทำให้เรารู้สึกสบายผิว

 เหมือนว่าผิวสามารถหายใจได้แล้วยังจะช่วยเตรียมผิว ลดรอยแดงปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ


 อำพลางรูขุมขนให้ผิวดูเรียบเนียนพร้อมต่อการลงรองพื้นหรือแต่งหน้าขั้นตอนต่อๆไป


คำโฆษณามักสวยหรูโก้เก๋เสมอแต่มันจะดีดั่งที่เค้าเปลยเอาไว้ จริงหรือเท็จ ชัวหรือมั่วนิ่ม เรามาดูกัน


ก่อนอื่นขอพูดเรื่องส่วนผสมก่อน

เบสมูสของลุงชูรุ่นนี้ มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ครับ และมาพร้อมน้ำหอมด้วย 


ส่วนตัวคิดว่ากลิ่นเหมือนแป้งเด็ก


ใครที่แพ้น้ำหอมหรือไม่ชอบแอลกอฮอล์ก็พิจารณาดูนะครับ


มีส่วนผสมที่ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นอยู่นิดหน่อยและยังมีสารที่ป้องกันรังสียูวีอีกด้วย


เบสมูสลุงชูตัวนี้จึงสามารถป้องกันแสงแดดได้ในระดับ spf30 ตามชื่อของผลิตภัณฑ์


ซึ่งผมคิดว่าเป็นข้อดีเพราะหลายๆคนอาจจะชอบความสะดวกสบายในวันรีบๆ


แต่ส่วนตัวผมติดนิสัยทากันแดดแยกต่างหากอีกทีเพราะต้องเจอแดดบ่อย


และก็นะแสงแดดของสยามเมืองยิ้มนี่ช่างไร้ความปราณีเสียนี่กระไร


ประโคมกันแดดเท่าไหร่ก็สามารถทำให้คล้ำขึ้นได้อยู่ดี



ต่อไปเรื่องบรรจุภัณฑ์

มาในรูปแบบกระป๋องสีขาวดูสะอาดตามีฝาพล๊าสติกครอบด้วย ซึ่งดูแล้วถูกสุขลักษณะมาก


เพราะเราไม่ต้องเอานิ้วล้วงเข้าไปสัมผัสกับเนื้อผลิตภัณฑ์โดยตรง


ในจุดนี้ ชอบมากครับ เวลาใช้ต้องเขย่าก่อนจะมีเสียงแก๊กๆเหมือนพวกสเปรย์ฉีดสี แต่!


สิ่งที่ผมขัดใจคือ เวลาเรากดหัวปั้มมันอ่ะพบว่าสามารถควบคุมปริมาณเนื้อมูสออกมาได้ยาก


กดออกมาครั้งแรกตอนลองที่เค้าเตอร์ตกใจเลยเพราะออกมาก้อนเบอเริ่ม 


พี่บีเอทำหน้านิ่งๆเหมือนไม่พอใจหรือยังไงไม่ทราบผมเลยถามว่าขอโทษทีมันออกมาเยอะไปครับ 


และถามต่อว่า “มันเยอะไปรึเปล่า” พี่บีเอบอกว่า"นี่ใช้ได้หน้านึงค่ะ" ผมก็อึ้งเล็กน้อยเพราะหน้านึงใช้เยอะเช่นนี้เลยหรอ


หลังๆพอรู้ก็จะกดแบบเบามือ กดนิดเดียวเพราะใช้นิดเดียวเองครับ ใช้เยอะๆไม่เวิ๊คอย่างแรง



มาดูกันที่เนื้อผลิตภัณฑ์กัน

กดออกมาจะเป็มูสโฟมฟูๆ(คล้ายๆมูสใส่ผม) ของผมเป็นสีเนื้อครับ หากปล่อยทิ้งไว้ซักพักก็จะค่อยๆแฟ่บ


พอเราทาที่หน้าเนื้อก็จะยุบตัวเปลี่ยนเป็นของเหลวถามว่าเบาบางเหมือนที่เค้าเคลมไหม?


มันก็เบานะครับเพราะเหมือนเราเอาฟองมูสที่ไม่แน่นเท่าไหร่มาลูบหน้า


พอเราทาแล้วจะเห็นเป็นน้ำสีเนื้ิอๆบนหน้า คล้ายๆว่าเราเอาแป้งฝุ่นไปผสมน้ำอย่างงั้นอ่ะครับ


ต้องเกลี่ยให้ทั่วและเกลี่ยให้ดีเพราะมันทำให้หน้าเป็นคราบได้ และจะดูวอกนิดๆ


คาดว่ามาจากส่วนผสมกันแดดที่ใส่มาด้วยตอนแรกๆที่ผมใช้ กดออกมาใช้ในปริมาณที่มากเกินไป


หน้าวอกและหมองอย่างแรงไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่


แต่พอลองใช้น้อยลง พบว่าโอเครอดอยู่


เพียงแต่ต้องเกลี่ยให้ทั่วหน้าจริงๆเรื่องรูขุมขน สามารถอำพลางได้ดีในระดับหนึ่ง


ปล. ผมเป็นคนผิวผสม มักจะมันตรงจมูก





ทาหน้าแล้วเป็นเช่นนี้ครับ



ด้านขวาคือข้่างที่ทา ส่วนอีกข้างไม่ได้ทาอะไรทั้งสิ้น


เห็นได้เลยว่า้ข้างที่ทาดูสว่างขึ้น


มันจะทำให้หน้าสว่างขึ้นอย่างเห็นได้ชัดควรทาคอด้วย ไม่งั้นหน้าลอยครับ


พอเราทาลงหน้าแล้วทิ้งไว้ซักพักผมก็ทาแป้งทับลงไป ก็ดูผ่องๆดี


เพียงแต่พอเวลาผ่านไป เหงื่อออกหน้าเริ่มมัน จะเป็นคราบ!


จุดนี้ไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่ครับความเห็นส่วนตัวคิดว่ามันติดไม่ค่อยทน


ถ้าเราทิชชู่ซับก็จะหายครับ คาดว่าถ้าทา primer ก่อนคงจะดีกว่านี้


อ่อ เคยอ่านเจอว่าควรใช้กับแป้งของลุงชูเค้าแล้วจะเกิดอันนี้จริงไม่จริงยังไง


คงต้องลองกันแต่ผมคงใช้วิธีซับแล้วเกลี่ยใหม่ หรือไพรเมอร์แทน


ข้อดี

- ปรับสีผิว ผมว่าทำได้ดีหน้าดูไบรท์ขึ้น

- มีส่วนผสมกันแดดสำหรับคนที่ชอบความสะดวกรวดเร็วในวันรีบๆ

- เนื้อบางเบา ไม่หนักหน้า

- package ดูสะอาดสะอ้าน

- พลางรูขุมขนได้


ข้อเสีย

- ต้องเกลี่ยให้ดีไม่งั้นจะเป็นคราบและวอก

- หากใช้ในปริมาณมาก จะวอกเกินไป

- หัวปั้มก่ะปริมาณมูสได้ยากกดแรงไป ออกมาเยอะ =เปลือง

- มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำหอมที่บางคนอาจจะไม่ชอบหรือแพ้(ส่วนตัวผมไม่แพ้ครับ)

- เป็นคราบระหว่างวันเล็กๆ


สรุป

คิดว่า Shu uemura uv underbase mousse spf30

ก็เป็นเบสที่มาในรูปแบบที่น่าสนใจเพราะเป็นเนื้อมูสซึ่งแตกต่างจากหลายๆยี่ห้อในตลาด

มีสารกันแดด spf 30 ซึ่งถือว่าดีอยู่สำหรับคนที่ไม่ต้องเจอแสงแดดแรงมาก

เนื้อเบสมูสก็แสนจะบางเบาปรับผิวให้สว่างขึ้น กระจ่างใสขึ้น อำพลางรูขุมขนได้ด้วย

ต้องใช้อย่างถูกวิธี ไม่งั้นจะเป็นคราบหรือวอก


คะแนนที่ผมให้ก็.....


ส่วนผสม: 9/10

Packaging: 10/10

ราคา: 8/10 แอบแพงเหมือนกันนะเธอ

เนื้อผลิตภัณฑ์: 10/10

ความรู้สึกหลังการใช้: 7.5/10 หักตรงที่มันเป็นคราบนิดหน่อย


Disclaimer: This product wasbought by the author.




Create Date : 03 กันยายน 2555
Last Update : 3 กันยายน 2555 19:04:14 น.
Counter : 3703 Pageviews.

2 comment
[CR] Review Kose: Intelliģe mask ลอกสิวเสี้ยน




สวัสดีครับ วันนี้จะมารีวิวตัวลอกสิวเสี้ยนของ Kose กัน

เนื่องจากสิวเสี้ยนมันกำจัดได้ไม่หมดซะที มีมาเรื่อยๆเลยถ้าปล่อยไว้นานจมูกจะดูดำๆน่าเกลียด

ถ้ามองใกล้ๆจะเห็นเลยว่าเป็นปุ่มๆขึ้นมา เวลาเอามือลูบแล้วรู้สึกว่าหน้าไม่เรียบมันตะหงิดใจมากๆ

จึงชอบใช้ mask ลอกสิวเสี้ยนครับ ผมใช้ไม่ค่อยบ่อย นานๆที ประมาณ2 อาทิตย์ครั้ง+/-


Mask ลอกสิวเสี้ยนของ Kose มันจะมาเป็นเซ็ทครับ ในกล่องจะมาสองชิ้นหลอดใหญ่คือ Sebum Remover Mask (60g.)

ส่วนขวดเล็กๆคือ Sebum Quick up (20ml.) made in Japan

ราคาเซ็ทนี้ผมจำไม่ได้แล้วครับ เพราะว่าซื้อมานานพอสมควร

มาดูกันที่เนื้อผลิตภัณฑ์กัน


ด้านซ้ายที่เห็นว่าเป็นใสๆคือ ตัว Sebum quick up ขวดเล็กใน setครับเนื้อจะเป็นเจลเหลวๆ กลิ่นแอลกอฮอแรงมากมาย ตัวนี้จะเป็นตัวช่วยเปิดรูขุมขนแล้วจะช่วยดึงให้สิวเสี้ยนติดออกมาได้ดีขึ้นครับ

ส่วนด้านขาวสีขาวๆนั่นคือ Sebum remover mask ตัวเก่งนั่นเองเนื้อจะเป็นครีมหนืดๆข้นๆเหนียวๆครับ กลิ่นหอมอ่อนๆ ตัวนี้อย่างที่รู้ๆกันคือใช้ทาแล้วพอแห้งก็ลอกออก

วิธีการใช้:

1 ล้างหน้าให้สะอาด แนะนำว่าให้ใช้น้ำอุ่น เพื่อเป็นการเปิดรูขุมขนแล้วเช็ดให้แห้ง

2 บีบเจ้า Sebum quick up ใสๆนั่นมาปริมาณประมาณใหญ่กว่าถั่วเขียวนิดหน่อยแล้วทาและนวดที่จมูก หรือบริเวณ T-zone (ผมทำแค่ตรงจมูก)ด้วยความที่กลัวว่าจะดึงได้ไม่เยอะ ผมทาซ้ำสองรอบครับ นวดๆแล้วทิ้งไว้ซัก 2-3นาทีขอบอกว่า เกือบเมากลิ่น แอลกอฮอ เพราะแรงมากเลย ฮ่าๆ

3 จากนั้นก็เอาพระเอกบีบออกมาทาที่จมูก เลยมาตรงด้านฐานจมูกด้วยครับเพราะตรงซอกๆนี่แหละ ตัวดีเลยที่มีสิวเสี้ยน ทาอย่าบางมากและอย่าหนาจนเกินไปครับแอบทายากนิดนึงนะครับ เพราะว่าเนื้อมันข้นและหนืดมาก แต่ไม่ยากเกินไป

4 ทิ้งไว้ 15-20 นาที หรือจนกว่าจะแห้งสนิท ผมลืมตัวทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมงกว่าเพราะกลัวมันไม่แห้งสนิทจมูกตึงแข็งโป๊กเหมือนฉาบปูนเลยครับ พอมันแห้ง

5 ลอกออกจากด้านข้างทั้งสอง พร้อมๆกัน ค่อยๆลอกนะครับไม่งั้นผิวจะละคายเคือง ตอนลอกเนี่ย น้ำตาเล็ดเลยครับ ขนาดว่าผมค่อยๆแล้วนะ จากนั้นก็ดูผลงานอย่างสะใจ


มาดูผลงานของมันกันครับ


น่าเสียดายที่กล้องผมความชัดไม่มาก เลยเห็นได้ไม่คมชัดมาก

แต่ขอบอกว่าสะใจมากครับ ยิ่งตอนส่องจากด้านข้างนะอ่ะโห สยองงงงงงงงง

ออกมาได้เยอะพอสมควรครับ เอานิ้วลูบจมูกดู พระเจ้า มันเรียบเนียนลื่นๆแบบผิวเนียนมากๆ

แต่พอส่องกระจก พบว่าผิวมันมีอาการระคายเคืองจากการลอก แหมก็ใช่สิกระชากสิวเสี้ยนออกมาเยอะงี้ มันต้องเป็นแบบนี้อยู่แล้ว


ดูสภาพหลังลอกครับ สมูกแดงเป็นกวางเรนเดียร์เลยฮ่าๆ

แนะนำเลยครับว่าให้ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นเพื่อเป็นการปิดรูขุมขนซะแล้วค่อยทาบำรุงอะไรก็แล้วแต่ที่คุณใช้อยู่ครับ

แค่นี้ จมูกคุณก็เรียบเนียนดูดีแล้วครับ พอเห็นว่าสิวเสี้ยนกลับมาก็ทำอีก

ข้อดี:

- สามารถลอกสิวเสี้ยนออกมาได้เยอะสะใจ

- สามารถใช้ได้หลายครั้ง เพราะว่าเป็นแบบ Maskที่ไม่ต้องเอาแผ่นกระดาษหรือสำลีมาแปะแล้วลอกออกเหมือนบางยี่ห้อ

- ใช้ทา T-zone ได้ด้วยพวกตรงคางตรงปากอะไรอย่างงี้ก็ใช้ได้ครับ

- ใช้ง่าย

ข้อเสีย:

-             -         ราคาแพง รู้สึกว่าจะ 1,000+ หรือยังไงนี่แหละครับพี่สาวผมซื้อมาให้

-             -         หาซื้อยาก (ตอนนั้นไปซื้อหลายรอบมาก ของหมดตลอด)ไม่ทราบว่าเดี๋ยวนี้ดีขึ้นรึยัง แต่ว่าเซ็ทนี้ใช้ได้นานมากเลยครับขอบอก

-             - แอลกอฮอเยอะ ใครแพ้ง่าย ควรพิจราณา

- - หากกระชากแรงเกินไปจะระคายเคืองและแสบหน้ามาก

     - โดยรวมแล้วผมชอบครับ เคยลอกใช้แบบแผ่นๆที่เป็นซองๆแล้วออกมาไม่เยอะเท่าแบบนี้

ให้คะแนน 9.5/10 หักนิดเดียวตรงที่มันแพงกว่ายี่ห้ออื่น

อ้อ สำหรับใครที่อยากลอกสิวเสี้ยนแต่ไม่อยากลงทุนมากแนะนำวิธีที่ประหยัดกว่าครับ

คือ สำลีกับไข่ขาว โดยการตอกไข่แยกเอาแต่ไข่ขาวมา แล้วเอาสำลีบอกให้บางหน่อย แล้วเอาไปชุบไข่ แล้วก็มาแปะหน้าเลยครับ สิวเสี้ยนออกมาดีเหมือนกันประหยัดกว่า เพียงแต่ว่าไม่ค่อยสะดวกตรงที่บางทีสำลีไม่ได้รูปบ้างต้องมาตัดเป็นรูปจมูก หรือบางที ตัวเนื้อสำลีไม่ค่อยดีทำให้ดึงสิวเสี้ยนออกมาได้มากเท่าไหร่

Disclaimer: Product was bought by author





Create Date : 19 สิงหาคม 2555
Last Update : 19 สิงหาคม 2555 19:16:27 น.
Counter : 9705 Pageviews.

5 comment
1  2  3  4  

can you bring high fashion
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]