Group Blog
  •  
  •  
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
  •  
All Blog
[CR] Review แปรงแต่งหน้า Part2


ต่อไปเป็นของ Import บ้าง จาก Sephora ฟังดูหรูหรา แต่ซื้อจากจีนครับ ฮ่าๆ ฝากพี่สาวซื้อจาก shop ที่ปักกิ่ง


ราคา 199 หยวน เกือบ 1,000 แอบแพงนะเธอ เป็นขนสังเคราะห์ สีด้ามสดได้ใจ แต่ส่วนตัวไม่ชอบสีชมพู ตอนสั่งพี่สาวซื้อ บอกแค่ว่า อยากได้แปรงรองพื้น เธอซื้อมาให้แบบนี้ก็โอเค


ใช้ไป จากที่ใช้ โอเคในระดับหนึ่ง ขนาดไม่ใหญ่หรือไม่เล็กเกินไป แอบรู้สึกว่ามันกินเนื้อรองพื้นนะ ทำไมหรอ? เพราะเวลาล้างหน่ะ ล้างหลายรอบจัง


การลงรองพื้นด้วยแปรงลักษณะแบบนี้ จะให้ความปกปิดที่สูงกว่าการใช้แบบ Duo fibre


แปรงแบบนี้ต้องใช้ให้ถูก คือถ้าทาไม่ดี จะเป็นเส้น วิธีทาคือ ปาดรองพื้นลงบนหน้า (แนะนำว่าทีละส่วน เพราะรองพื้นบางยี่ห้อจะเซ็ทตัวเร็ว ทำให้เกลี่ยยาก)


ปาดไปเลยครับ ปื๊ดๆๆ พอรองพื้นคลุมทั่วบริเวณแล้วก็ใช้การ กดเบาๆ แท๊บๆๆๆ ไปเรื่อยๆ หรือจะปาดเป็นช่วงสั้นๆ ย้ำว่าสั้นจริงๆ และปาดด้วยความเบามือนะ


ไม่งั้นเส้นบังเกิด และอาจจะแถมมากับริ้วรอย

ราคา: 8/10

ความนุ่ม: 7/10 จริงๆแปรงรองพื้น ไม่ได้หวังว่าจะนุ่มอยู่แล้วอ่ะครับ

ความพอใจ: 8/10 ชอบที่ package เค้าดูเอาใจใส่ จริงๆจะมีปลอกพล๊าสติกแข็งๆใส่อีกที ดูเป็นการป้องกันแปรงได้ดีกว่าใช้ปลอกพล๊าสติกนิ่มๆ และแปรงของ Mac ให้มาแค่ซองพล๊าสติกบางๆที่ห่อแปรงไว้แค่นั้น

ขนร่วง?: 10/10 ไม่เคยร่วงเลย


===========================================================


 

 

ต่อไปเป็น Nars: Yachiyo


ราคา 1,750 บาท แพ๊งแพงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง แต่ว่าก็ช๊อบชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ


ถูกใจจากเซ็ทโจโจ้ซังที่ซื้อให้คุณอั้มจนไปถอยมาใช้เอง เพราะขนนุ่ม น้ำหนักเบา และดีไซน์ที่แปลกตาไม่เหมือนใคร ถึงแม้บางคนจะบอกว่าไอที่เค้าพันๆจะเสื่อมเมื่อใช้ไปหลายปีเข้า


แต่ข้าพเจ้าไม่เคยแคร์ เพราะมันใช้ดีอ่ะ นอกจากดีไซน์ที่ประหลาดตาที่ชวนให้หวนคิดถึงศิลปะพู่กันวาดภาพและ ขนมันก็นุ่มมมมมมมมมมมม


และเห็นแบบนี้ มันสามารถจิกเอาแป้ง หรือบรัชออนขึ้นมาอย่างง่ายดาย ถ้าจำไม่ผิด เป็นขนแพะ ไม่บาดหน้า เป็นแปรง Handmade ที่เค้าค่อยๆเรียงมันทีละเส้นๆ


พูดถึงส่วนดีไปเยอะ มาว่าเรื่องข้อเสียกันบ้าง อย่างที่บอกเรื่องดีไซน์ที่ดูกิ๊บเก๋ แต่ว่าเวลาจับ มักไม่ค่อยถนัดมือเท่าไหร่ และเวลาล้าง ต้องล้างระวังๆอย่าให้น้ำโดนตรงที่เค้าพันๆมัน


เพราะเราไม่อยากให้แปรงยาชิโย กลับกลายเป็นแปรง โอ้วโน๊โน่ อะนะครับ เลยต้องพิถีพิถันกัน ณ จุดนี้


ผมเอามาทาแป้งอ่ะ จริงๆเค้าเอาไว้ทาแก้มอะไรอย่างงี้จะโอเคกว่า เพราะขนาดมันเล็ก แต่ผมอยากเอามาแป้งอ่ะ บางทีก็แป้งฝุ่น บางทีก็แป้ง Mineral skin finish natural ของ MAC


มันช่างนุ่มดีจริง น้ำหนักก็เบามือ ถึงราคาแพง แต่ผมจ่ายเงินสดไปแค่ ไม่กี่ร้อยบาทเอง เพราะว่ามีคูปอง Voucher ที่ได้เป็นลาภลอยจากที่คุณอั้มไปถล่ม shopping จนได้คูปองมา

ราคา: 8/10 แพงนะ แต่ฉันยอม

ความนุ่ม: 10/10 นุ่มเหลือเกิน

ความพอใจ: 10.5/10 อย่างที่บอก อยากจะให้ 11 แต่ว่าหัก 0.5 ตรงที่ขนาดเล็ก ขอบอกว่า Package ก็ดูใส่ใจ มาในกล่องกระดาษสีดำดูขลังดั่งแปรงที่ถูกสืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษ

ขนร่วง?: 9.5/10 ร่วงนิดๆตอนแรกที่ล้าง แต่ไม่เคยที่จะร่วงบนหน้า

ซื้อต่อนะ ถ้าเกิดว่ามันเสื่อมจริงๆ ถึงแม้จะเจอแปรงที่ถูกและดีกว่าแล้วก็เถอะ แต่เพราะดีไซน์และความปราณีต


============================================================

 

แปรงต่อไป เป็นแปรงที่ได้มาฟรีๆที่พี่สาวส่งต่อมาให้ ไม่ทราบว่าเจ๊แกซื้อมาให้ หรือเพราะซื้อมาแล้วไม่ชอบเลยเอามาให้อ่ะนะครับ


แต่ว่ามาในสภาพใหม่ๆเลย เลยงงว่า ซื้อมาให้ฉันทำไม? ตอนนั้นไม่เคยใช้เลย วางไว้นิ่งๆ จนถึงช่วงจะรับปริญญา เลยคิดถึงมันและเอามาใช้


มันคือแปรง Hakuhodo อันเลอค่า ฉันมีของดี แต่ไม่เคยแยแสมันมานาน! มันเป็นแปรงสัญชาติญี่ปุ่นครับ


เป็นแปรง Hi-end เลยก็ว่าได้ เพราะมีแต่แปรงที่มีคุณภาพทั้งนั้น ขนที่ใช้ เป็นขนสัตว์ มีให้เลือกตั้งแต่ ขนม้า ขนแพะ กระรอก และอื่นๆ อันนี้เป็นขนแพะครับ


ความนุ่มก็คงไม่ต้องพูดไรมาก กับราคาที่สูงเวอร์ขนาดนี้ (ผมไม่ทราบราคาที่แน่ชัด แต่ว่าหลายพันนะครับ)


นอกจากขนจะนุ่มสุดๆแล้ว มันไม่บาดหน้าเลย ทำไมหน่ะหรอ? เพราะว่าเค้าไม่มีการตัดปลายขนเลย


ซึ่งการตัดปลายขน จะทำให้มันกระด้าง และบาดหน้า แล้วผู้ผลิตยังจะค่อยๆเรียงขนทีละเส้นๆอีกด้วย


ราคาที่แพง อาจจะเพราะปัจจัยนี้ และรุ่นนี้ ตรงด้ามเหล็ก เค้าชุบทองอะไรไม่รู้อ่ะครับ Luxury สุดๆ (ไปอ่านจากเวปทีหลัง ถึงก่ะตาโต เพราะไม่เคยแยเส)


ด้ามนี้จริงๆเอาไว้ปัดแก้มอ่ะ แต่ผมเอามาทาแป้งซะงั้น ใช้สลับๆกัน เบื่อๆคงเปลี่ยนเอามาเฉดดิ้ง คุณภาพน่าทึ่งครับ!

ราคา: 6/10 แพงแบบเวรี่ แอ๊กสตรีมลี่ แพง

ความนุ่ม: 11/10 นุ่มเหลือเกิน

ความพอใจ: 10.5/10 ให้เพิ่ม .5 เพราะได้ฟรีจากพี่สาว ฮ่าๆ

ขนร่วง?: 10/10 ไม่ร่วงนะ แต่ถ้าซื้อเองคนร่วง หมายถึงขนหน้าแข้งนะครับ

ซื้อต่อไหม? ถ้าซื้อใช้เอง คงไม่ซื้อ เพราะแปรงที่มี ก็ใช้ไม่ไหวแล้ว คงเก็บตังซื้อให้คุณอั้มดีกว่า แต่เมื่อไหร่ละฉันจะมีเงินมากมาย?

=========================================================




















Sigma กันบ้าง ได้ยินกระแสมานาน เลยอยากลองบ้าง


ครั้นเราจะซื้อเป็นเซ็ทมาใช้ คงไม่โอเค เพราะใช้จริงๆแค่ไม่กี่ด้าม เลยซื้อแยก ด้ามแรกเป็นแปรงคอนซีลเลอร์


อันนี้เพิ่งซื้อมาจากในเว็ป มีเปิดถุงไปในกระทู้ที่แล้ว


ขนสังเคราะห์ แข็งๆลื่นๆตามสไตล์ของแปรงคอนซีลเลอร์ ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ กำลังดีเลย


จากที่ใช้ทาคอนซีลเลอร์ ชอบมากเลย ทาแล้วลื่นๆ เกลี่ยได้ง่ายดี จริงๆใช้นิ้วเกลี่ยก็ได้ แต่ว่าอยากลองใช้แปรง


ซึ่งผมว่า ผลออกมาก็คล้ายๆกัน เพียงแค่นิ้วเราไม่เลอะแค่นั้นแหละ

ราคา: 9.5/10 กำลังดี

ความนุ่ม: 6/10 แปรงแบบนี้ไม่ได้ออกแบบมาให้นุ่มอยู่แล้วนะครับ

ขนร่วง?: 10/10 ไม่เคยร่วง

ความพอใจ: 10/10 ไปเลย ชอบนะ ด้ามก็จับถนัดมือ

 =======================================================

ต่อไปก็ของ Sigma: Sigma Tapered Face brush F25


ซื้อมาเพราะอยากลองล้วนๆ จริงๆอยากลองของ MAC แต่ราคาแบบนั้น รอเก็บเงินก่อนนะ เพราะว่ามีของที่อยากได้มากมายเหลือเกิน


เลยลองของซิกม่าดู ทรงเหมือนกัน เพราะยี่ห้อนี้เค้าผลิตแปรงหลายรุ่นที่ก๊อบ MAC ออกมาเลย แต่มาในราคาที่ย่อมเยากว่าเยอะเลย


อ่านรีวิวมามากเกี่ยวกับแปรงนี่ มีทั้งข้อดีและเสีย แต่ก็ซื้อมา เพราะอยากลองว่าแปรงทรงนี้จะเป็นยังไง


ขนนุ่มมากๆ ข้อดีคือสามารถเข้าถึงซอกมุมเพราะว่าปลายเป็นทรงแหลม ขนร่วงบ้างนิดนึง มันไม่ได้ร่วงติดหน้านะ (เคยอ่านรีวิวฝรั่งคนนึงบอกว่าร่วงอย่างมาก!)


หรือของผมยังใหม่ หรือใช้ทาเบาๆ?


ผมว่าเหมาะกับการคอนทัวนะ เรพาะว่าปลายแหลม จะทาจุดที่ต้องการเน้นได้อย่างง่ายดาย


ข้อเสียคือ ขนมันไม่ค่อยแน่น จริงๆก็หน้าแหละครับแต่ว่าพอเรากดแต้มแปรงลงบนหน้า ขนมันจะงอแบะออกมา ซึ่งบางทีคนที่ต้องการเฉดดิ้ง คอนทัวจัดๆอาจจะรำคาญ


แต่ผมไม่ซีเรียสนะ ใช้ได้ดีโอเคอยู่ นึกตลกก็เอามาทาแป้งบ้างไม่มีบาดหน้า ด้ามใหญ่สะใจ

ราคา: 9/10 หากเทียบกับพี่ MAC ที่คิดว่าคงจะ 2000-3000

ความนุ่ม: 10/10

ขนร่วง: 8/10

ความพอใจ: 9/10

============================================================

ต่อไปเป็น Real Technique กันบ้าง


อ่านรีวิวเยอะมากๆเลย เป็นแปรงของ Samantha Chapman แห่ง Pixiwoo


อดใจไม่ไหวจริงๆ เลยซื้อมา บอกก่อนเลยว่า ตอนแรกไม่ชอบรูปลักษณ์ของมันเลย


เพราะมันดูราคาถูก กะโหลกกะลา ก๊องแก๊งอย่างก่ะของเด็กเล่น


แต่พอได้ลองใช้เท่านั้นแหละ........หลงรักจริงๆ ผมไม่ได้เวอร์ หรืออวยแต่อย่างใด คือ มันช่างดีจริงๆ


เมื่อเทียบกับราคาของมัน คุ้มมากก ถึงแม้มันจะไม่ได้เป็นแบรนด์ไฮโซที่ใช้แล้วจะดูหรูก็เถอะ


คุณภาพของมันผมว่าเกินกว่าราคาด้วยซ้ำ


ผมซื้อ ชุด Core collection เพราะคิดว่าคงจะมีประโยชน์ เนื่องจากผมเอามาใช้ตอนแต่งรับปริญญา


ราคาเซ็ทนี้ซื้อมาได้ 890 บาท


ขนเป็นขนสังเคราะห์ ซึ่งจริงๆตอนแรกไม่ชอบเลย เพราะขนสังเคราะห์มักจะไม่ค่อยจิกอะไรขึ้นมาได้ และมันดูปลอม


ขอให้คะแนนรวมทั้งเซ็ทเลยแล้วกันนะครับ

ราคา: 10/10 คุ้มจริงนะ

ความนุ่ม: 10/10

ความพอใจ: 9.5 /10 หักนิดเดียวตรงที่ดีไซน์ และแปรงบางแท่งไม่ค่อยได้ใช้ แต่โดยรวม มันยอดมากๆ

ขนร่วง: 10/10 คือไม่ร่วงเลย


ปล. Credit รูปจากอากู๋

===========================================================

เริ่มจากตัวที่ใช้น้อยสุดเลยแล้วกัน


มันคือ Detailer brush ขอโทษที พอดีลืมถ่ายรูปไว้ จุดประสงค์ของมันคือเอาไว้ทา คอนซีลเลอร์ เวลาที่คุณต้องการเก็บรายละเอียดที่เนี๊ยบ ด้วยขนาดที่เล็ก มันจึงเหมาะกับการนี้นัก แต่มันก็เล็กเกินไป ผมไม่ค่อยได้ใช้อ่ะ เอาไปทาคิ้วยังได้อ่ะ


บางคนเอาไปทาลิป


============================================================

 

 

 

 

 

ต่อไปในเซ็ทคือ Pointed Foundation brush เป็นแปรงรองพื้นที่มีปลายแหลม


ข้อแตกต่างของมันกับแปรงรองพื้นประเภทนี้ของยี่ห้ออื่นคือขนาดที่เล็กกว่า ผมวางเทียบให้ดูในรูปว่าเล็กแค่ไหน คือเอาไปใช้แทนแปรงคอนซีลเลอร์ยังได้อ่ะครับ ฮ่าๆ บางคนบ่นว่าเล็กไปทารองพื้นแล้วใช้เวลานานกว่าปกติ แต่ผมไม่มาย


ก็ใช้ไป เพราะซื้อมาแล้ว ใช้ดีทีเดียว ความรู้สึกเวลาทา ผมว่าดีกว่าของ Sephora อีกนะเออ


 ===========================================================               


ต่อมาเป็น Contour brush ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ ด้ามกลม ตามชื่อของแปรงเลยคือ เอามาคอนทัวได้ หรือจะไฮไลท์ก็ดี เพราะมันไม่ได้ใหญ่มาก ขนนุ่มมาก ไม่บาดหน้า ด้ามใหญ่ไปหน่อย แต่น้ำหนักเบา เอาจริงๆก็จับมือนะครับ ขนไม่ร่วง จิกสีได้ดี วิเศษจริงๆ

 ======================================================

สุดท้าย มันคือแปรงที่คิดว่าดีที่สุดในเซ็ทนี้ Buffing brush


มันช่างนุ่มและแน่น ถึงแม้ขนจะดูจอมปลอมมากก็เถอะ แต่ประสิทธิภาพของมันช่างน่าตกใจ


เอามาบัฟแป้งก็ได้ หรือจะเอามาลงรองพื้นยิ่งดี! คือดีจริง ลงรองพื้นแล้วเนียนมาก และไม่เป็นเส้นเลย ความรู้สึกดีกว่าใช้แปรงรองพื้นแบบแบนๆอีกครับ ใช้แปรงนี้แล้วออกมาธรรมชาติมากๆ ขอบอกว่า มันดีจริงๆ


ผู้อ่านอาจจะฟังดูเหมือนว่าผมอวยนะ แต่มันดีจริงๆอ่ะ และที่สำคัญมันไม่แพงเลยสำหรับแปรงดีๆสี่ด้าม


แต่อย่างที่บอกคือ สิ่งที่ไม่ชอบของแปรงยี่ห้อนี้คือด้ามจับมันดีไซน์ออกมาไม่ค่อยจะดูหรูหราเท่าไหร่ มันก็แหวกแนว และ Unique ดีนะครับ แต่ว่าอะไรที่คล๊าสสิคๆ มันก็ดูน่าใช้กว่า อันนี้เป็นรสนิยมส่วนตัวนะครับ แต่ประเด็นเรื่องขนแปรงของเค้าเนี่ย ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ



หมดแล้วครับสำหรับการรีวิว หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนนะครับผม


รีวิวรอบหน้าจะเป็นพวก Make up, Skincare อะไรทำนองนี้ แต่ยังไม่ค่อยว่างทำเลยครับ มีเวลาจะมาตั้งนะครับผม

 

 

 






Create Date : 20 กรกฎาคม 2555
Last Update : 18 สิงหาคม 2555 10:45:50 น.
Counter : 7414 Pageviews.

0 comment
[CR] Review แปรงแต่งหน้า Part1

สวัสดีครับทุกคน ห่างหายไปนานอีกและกลับมาอีกครั้งซึ่งครั้งนี้จะมารีวิวแปรงสำหรับหน้า ซึ่งประกอบไปด้วย แปรงรองพื้นลงคอนซีลเลอร์ แปรงทาแป้ง คาบุกิ คอนทัว คิ้ว และอื่นๆ

แปรงบางชิ้นอาจจะเคยเห็นจากกระทู้เปิดกรุแปรงของคุณอั้ม ภัทชรา-ภาพมาก่อนแล้ว ที่เอามาลงซ้ำเพราะว่าผมจิ๊กมาใช้เอง และเปลี่ยนวิธีการใช้แบบเก่า

ทุกชิ้นเป็นของที่ซื้อมาเองทั้งสิ้น ไม่ได้รับมาลองใช้แต่อย่างใดเพราะฉะนั้นสิ่งที่จะพูดถึง จึงเป็นความรู้สึกจากการใช้จริงๆไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับแบรนด์แต่อย่างใด

ก่อนที่จะพูดถึงแปรง สิ่งนึงที่สำคัญมากๆเลยคือการล้างแปรงใช้ไหมครับ?คุณคงไม่อยากเอาแปรงที่ใช้นานมาทาหน้าโดยที่ยังไม่ได้ทำความสะอาดใช้ไหมครับ?

การล้างแปรงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน บางทีแปรงสกปรก ทาหน้าไปสิวบุกหน้าแหกนะครับ

ส่วนตัวเคยใช้สองยี่ห้อ อันแรกเป็น ของ MAC


MAC Brush Cleaner น้ำสีชมพูๆ ราคา 650 บาท ปริมาณ 235ml.

เวลาใช้ก็เทใส่ทิชชู่แล้วเอาแปรงที่เราเพิ่งใช้ทามาปาดๆอย่าปาดแบบขยี้นะครับ เดี๋ยวขนแปรงเสียแล้วจะน้ำตาตกใน

จากที่ใช้ ชอบนะครับข้อดีคือ สะดวกรวดเร็วแห้งไว เทใส่ทิชชู่ที ล้างได้หลายแท่งเลยทั้งแปรงทาตาทั้งหลายแหล่ แล้วยังแปรง eye liner ส่วนข้อเสียคือ แพงครับ!

ให้คะแนน

ความสะอาด: 9.5/10 คงจะสู้ Deepclean แบบล้างสบู่ไม่ได้นะครับ แต่ว่าก็สะอาดดีเหมือนกันนะส่วนมากจะเอาไว้ล้างพวกแปรงแต่งตาของคุณอั้มมากกว่า เพราะไม่อยากให้สีมันผสมกัน

Package: 9/10 เนื่องจากเป็นแบบฝากดแล้วเททำให้บางทีกะยาก และมักจะเทออกมามากเกินความจำเป็น ซึ่งอยากจะบอกว่าเสียดาย....

ความพอใจ: 8/10 เพราะมันแพง

ราคา: 6/10 แพงจังเลยนะเธอ เอาเป็นว่าซื้อความสะดวก

ซื้อต่อป่ะ?: ซื้อเพราะว่าไว้ล้างแปรงแต่งหน้าให้คุณอั้มสำหรับเวลาล้างประจำวัน ใช้มาขวดที่สามและครับ

ปล. เครดิตรูปภาพจาก อากู๋

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จากนั้นผมได้พบกับเธอ.....เธอผู้นี้ช่างไฉไล


มันคือ Brush Bath by Beauty Buffet by Gino McCray

ราคา 295 ปริมาณ 250 ml.

เวลาใช้ เหมือนของพี่ MAC เลยครับ เพียงแต่อันนี้เป็นหัวสเปรย์ก็ใช้ฉีดๆลงทิชชู่ มีกลิ่นหอม แต่ฉีดมากมันฉุนครับ!ถ้ากลิ่นบางกว่านี้คงดี

อันนี้ผมเอามาใช้เอง ให้คุณอั้มแกใช้ MAC ไฮโซๆไปส่วนตัวลูกใช้ของถูกๆพอ เปรียบเทียบปริมาณ ของพี่แม๊คเค้า 235 ml ของ Beautybuffet มี 250 ml.

ของ MAC มาในปริมาณที่น้อยกว่า แต่แพงกว่าเท่าตัว คือซื้อของ BeautyBuffet ได้สองขวด แล้วยังเหลือเงิน 60 บาทเอาไปซื้อขนมได้

เพียงแต่ใครที่ชอบความหรูหรา มีทุนมาก และไม่ชอบน้ำหอม คุณอาจจะชอบของMAC มากกว่า แต่ถ้าไม่ซีเรียสก็แนะนำตัวนี้เลย

ราคาช่างเป็นมิตร

ให้คะแนน

ความสะอาด: 9/10 ดีพอๆกับของ MACแต่ต้องฉีดหลายรอบกว่าอาจจะเพราะว่าราคาถูกเลยฉีดๆไปโดยไม่เกรงกลัวว่าจะเปลือง

Package: 9/10 สะอาดดีครับเพราะว่ามีฝาครอบหัวสเปรย์มาอีกที แต่ข้อเสียของการใช้แบบสเปรย์คือต้องฉีดหลายรอบเนื่องจากปริมาณที่ออกมาไม่เยอะสู้แบบเท

ความพอใจ: 9/10 ไม่ให้เต็มเพราะหักเรื่องน้ำหอมที่หอมจนฉุน

ราคา: 10/10 ไม่ถูกไม่แพง ถ้ามียี่ห้อไหนถูกกว่านี้คงต้องพิจารณาว่ามันจะดีกับหน้าฉันหรือ?

ซื้อต่อป่ะ?: ซื้อครับแต่กว่าอันนี้จะหมดคงนาน เพราะฉีดออกมาทีละนิดเอง

 --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เรามาเข้าเรื่องแปรงกันดีกว่า ขอดูผมหมู่ซิ


ปล. ถ่ายมาไม่ครบอะ เพิ่งรู้ตัวทีหลัง ฮ่าๆ


อันดับแรกที่จะพูดถึงคือแปรงทาคิ้ว อันนี้จะไม่พูดมากเพราะว่าแค่เอามาปัดๆคิ้วให้เรียงเส้น และมันแทบจะไม่ได้สัมผัสกับใบหน้าเลย

นอกจากนั้นยังเอามาปัดเวลาที่ทามาสคาร่าที่คิ้วแล้วต้องการความเป็นธรรมชาติก็เอาแปรงเปล่าๆนี่แหละมาปัดย้อนแล้วปัดไปตามแนวขนอีกทีเคยปัดแล้วคนอื่นไม่รู้ว่าปัดคิ้วดำมา

เพราะบางที พอเอามาสคาร่าปัดคิ้วแล้วจะเป็นก้อนๆใช้ป่ะครับแปรงนี่จะช่วยได้

ยัง....ยังไม่จบ แปรงนี่ยังมีประโยชน์ให้การกันคิ้วด้วยเวลาผมกันคิ้วให้คุณอั้ม มักจะใช้แปรงนี่เป็นตัวช่วยปัดให้คิ้วเรียงเส้นดีหรือเอาไปหวีคิ้ว ขนคิ้วเส้นไหนยาวนอกแถวก็จะโดนตัดออกเหมือนตัดผมอ่ะครับ

อันซ้ายสุดคือ...ใช่ครับ มันคือแปรงที่เอามาจากฝามาสคาร่าที่หมดไปแล้วด้วยความงกในอดีต เลยเอาไปล้างแล้วเก็บมาใช้ ใช้ได้ดีเหมือนแปรงที่ต้องเสียตังซื้อทุกประการเพียงแต่ว่าอาจจะดูยาจกไปหน่อย

อันกลาง เป็นของ Beauty Buffet ราคา 135บาทอันนี้ถือว่าคุ้มตรงที่ได้สามอย่างเลย แต่เวลาผมใช้เอง ไม่ได้ใช้หัวที่เป็นหวีเลยอันนั้นเหมาะกับเวลาแต่งคิ้วคุณอั้มมากกว่า

อันขวาสุดเป็นแปรงหัวตัด ที่จะเอามาลง eye liner ได้ แต่ผมเอามาเขียนคิ้วราคา 125 บาท ยังไม่เคยเอาไปลองเขียนตาให้คุณอั้มเพราะว่าส่วนตัวถนัดใช้แปรงหัวเล็กมากกว่าหัวตัด โอเคเลยครับ ราคาไม่แพงและจิกสี eyeshadow ได้ดี

==========================================================


แปรงตัวต่อไปเป็นแปรงกะโหลกกะลากาไก่ที่ซื้อจากเมืองจีนด้วยราคาที่แสนจะถูก ไม่กี่หยวน คือไม่ถึงร้อยอ่ะครับ ขนนิ่มไม่แน่น เอามาทาคอนทัวหรือเฉดดิ้งแก้มได้

ขอไม่พูดอะไรถึงมันมากเพราะยังไงมันเป็นแบรนด์โนเนมที่คุณๆจะไปหาซื้อมาใช้แบบนี้เด๊ะๆได้ยากเกิน 

========================================================


อันนี้เป็นแปรงที่สามารถเอามาเบลนได้ ซื้อจากจีนเหมือนข้างบน ก่อนซื้อลองแล้วว่าขนนุ่มดีเลยจัดมา ราคาก็รู้สึกจะ 5 หยวนมั้งครับ 50บาทโดยประมาณคุณพระ!

เอามาไล้ดั้ง ไล้โหนกแก้ม เบลนสีตาก็ได้ซึ่งอันนี้เคยพูดถึงไปแล้วในกระทู้เปิดกรุแปรงของคุณอั้ม แต่ที่จะมานำเสนอใหม่คือผมลองเอามาเบลนคอนซีลเลอร์ใต้ตาครับ

ใช้แบบน้ำ แต้มๆแล้วเอาแปรงนี่เบลน ก็โอเคครับ ธรรมชาติดีสามารถพลิกแพลงได้กับแปรงหัวฟูที่คุณมีครอบครองไว้นะครับจงเอามันมาใช้กับเทคนิคใหม่นี้ดู

=================================================================


แปรงต่อไปเป็นแปรงที่ซื้อจาก Plattinum ยี่ห้อ Magique

จริงๆมันก็ไม่เชิงโนเนมหรอกนะครับ แต่ว่ามันหาซื้อตามห้างไม่ได้ไง

จุดประสงค์เอามาทาแก้ม แต่ผมเอามาทาบรอนเซอร์ ขนนุ่มปานกลางนะราคาจำไม่ได้นะครับ รู้สึกจะ 300-400 บาท

ข้อเสียที่ร้ายแรงคือ มันขนร่วง! ทาๆๆ ป๊าดดอะไรขาวๆหงิกๆติดที่หน้า ต้องมาคอยหยิบออก และไม่ใช่ว่าเส้นเดียวสามสี่เส้นเลยคร๊าบบบบ

แต่ก็ยังใช้ ถามว่าซื้อต่อไหม? คงไม่อ่ะ

=============================================================


แปรงอันต่อไปเป็นแปรงของ MAC ที่เคยเอาไปรีวิวเปิดกรุของคุณอั้มไปแล้ว

มันคือ MAC 136 อดีตเป็นของคุณอั้ม ที่ผมเอาไปทาแก้ม แต่หลังๆมันไม่เวิ๊คเพราะขนไม่แน่นเท่าไหร่และมีขนาดใหญ่ ผมเลยจิ๊กเอาแปรงนี่มาใช้ ทาแป้งฝุ่นที่หน้าครับ

พอใจพอสมควร เพราะว่าขนนิ่ม เรื่องราคา ผมจำไม่ได้เลยเพราะว่าอันนี้เป็นของที่คุณอั้มซื้อมาเมื่อนานมาก มานขนาดตัวเลขบนแปรงยังเลือนหายและด้ามจับจากที่เคยเงา กลายเป็นเยี่ยงนี้

เวลาผมใช้ทาแป้งฝุ่นสำหรับเซ็ทรองพื้น ผมไม่ได้เอามาปัดๆ วนๆนะครับแต่ใช้วิธีกดเบาๆลงไปที่หน้าแล้วบิดมือซ้ายขวา ทำไมหรอ? เพราะว่าเวลาเราลงรองพื้นหน้าจะมีความมันจากตัวรองพื้นนิดนึงใช่ไหมครับ?

บางทีถ้าเราปัดๆวนๆ มันจะเกิดคราบได้วิธีกดแปรงนาบไปกับหน้าแล้วบิดข้อมือซ้ายขวานิดๆจะช่วยให้แป้งนั่นถูกเจ้ารองพื้นดูดลงไปเกาะที่หน้าทำให้รองพื้นเซ็ทตัวได้ดีกว่าและไม่ทำให้เกิดคราบรอยครับ

ให้คะแนน

ราคา: 7/10 จำราคาไม่ได้ แต่คาดว่า 2000+นะครับ เพราะเป็นขนแท้

ความนุ่ม: 8/10 นุ่ม แต่หักตรงที่มันไม่แน่น

ความพอใจ: 8.5/10 ถ้ามันแน่นกว่านี้คงดีนะเออ

ขนร่วง?: 9/10 ร่วงไม่มาก นานๆมาที

ซื้อต่อไหม?: คงไม่นะเพราะราคา และยังไม่ถูกใจสุดๆ

====================================================


ต่อไปยังคงเป็นของพี่ MAC จิ๊กคุณอั้มมา เป็นแปรง MAC 222 taperedblending เป็นขนเท้นะครับ ขนไม่ค่อยนุ่มเท่าไหร่นะ ถ้าเทียบกับแปรงเบลนดิ้งอื่นๆที่เคยใช้

แต่ก่อนเคยเอาไว้เบลนสีตาของคุณอั้ม แต่เนื่องจากหัวเล็กและมันไม่ค่อยฟู เลยมีแปรงอันอื่นมาใช้แทน แปรงนี้จึงวางนิ่งในกรุคุณอั้ม

ผมเลยจิ๊กมาเอาไว้เบลนไล้ดั้ง ซึ่งไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่อ่ะราคาจำไม่ได้เหมือนกัน ซื้อมานานแสนนาน คำว่า MAC 222 บนแท่งเลือนหายไปจะหมดอยู่แล้ว

ราคา: 7/10 ถึงจำไม่ได้ แต่แพงชัวร์

ความนุ่ม: 7/10 ไม่ค่อยนะ

ความพอใจ: 7/10 ดีกว่าใช้มือเบลน

ขนร่วง?: 10/10 ไม่เคยร่วงเลย

ซื้อต่อไหม?: ไม่เอาอ่ะ 

=============================================================


พี่ MAC 187 ก็มาแจมนะครับ จิ๊กมาจากคุณอั้มเช่นเคยแต่ทีนี้เปลี่ยนวิธีใช้ ตอนนี้เอามาลงรองพื้น ขนนิ่มใช้แปรงนี่เบลนแล้วเป็นธรรมชาติดี

แต่ว่ามันไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่ ยิ่งเวลาเปียกๆนะคุณ.........เอ๊ะหรือเพราะว่าไม่ได้ซื้อเอง เราเลย ไม่ Appreciate ในความสามารถที่แท้จริงของมัน

เวลาผมใช้คือ จะเทรองพื้นที่หลังมือแล้วแตะรองพื้นทีละนิดมาวนเบาๆที่หน้าคำว่าเบาๆคือให้แค่ส่วนขนสีขาวแตะหน้าเท่านั้น พอแปรงแห้งก็แตะรองพื้นเพิ่ม

แล้วฉีดน้ำแร่เพิ่มการลื่นในการลงรองพื้น ผลออกมาก็ดูเนียนดีนะ

ราคา: 7/10

ความนุ่ม: 10/10 เป็นขนไฟเบอร์อ่ะ ไม่ข่วนหน้าเลย

ความพอใจ: 9/10

ขนร่วง?: 10/10 ไม่เคยร่วงเลย

ซื้อต่อไหม?: จะซื้ออีกทำไมเยอะแยะ? ไม่เอาแล้วครับ

=============================================================


สุดท้ายของพี่ MAC คือ MAC 168 ที่โด่งดังผมซื้อมาไม่นานนี้เองครับ ด้วยความงงๆ และไม่ได้ตั้งใจจะซื้อ

อยู่ดีๆมือบอนๆของผมไปหยิบมาจากชั้นสินค้าตอนพี่ BA กำลังจะรวมของไปคิดเงินราคา 1,800 บาท แพงจริง

เป็นขนแท้ครับ เอาไว้คอนทัวหน้า หรือทาแก้ม เนื่องจากเป็นแบบแนวเฉียง จึงรับกับใบหน้าเวลาทาแก้มพอดี

ผมเอาไว้เฉดดิ้ง สร้างมิติ(ลี้ลับ)ให้กับใบหน้า ขนนุ่ม และแน่นจิกเนื้อแป้งหรือบรัชออนได้ดีทีเดียว

แต่ด้วยความแน่นของมัน ทำให้เวลาเบลนจึงลำบากหากใช้แค่ทาลงไปนั้นดีมากๆเลย คือทาที่กรอบหน้า หรือโหนกแก้ม และตรงกราม

ถ้าจะเบลน เอาแปรงฟูๆอันอื่นมาเบลนคงดีกว่า

ราคา: 7/10 แพงกว่าแป้งหรือเครื่องสำอางอีกแต่มันก็เป็นการลงทุนที่ดีสำหรับแปรงดีๆแท่งนึง

ความนุ่ม: 9.5/10

ความพอใจ: 9.5/10 ถ้าฟูอีกหน่อยจะดีมากสามารถทาเฉดดิ้งที่แก้มได้อย่างง่ายดาย

ขนร่วง?: 10/10 ไม่เคยร่วงเลย

============================================================




Create Date : 20 กรกฎาคม 2555
Last Update : 18 สิงหาคม 2555 10:46:54 น.
Counter : 10554 Pageviews.

6 comment
[CR] รีวิวไปเม้าไป ตอน สกินแคร์สไตล์พลทหาร กับความเปลี่ยนแปลงเรื่องสีผิวของผม

สวัสดีครับ ยังจํากันได้รึเปล่าเอ่ย หลังจากหายไปนาน จากกระทู้รีวิว และเปิดถุงเปิดกรุคุณอั้ม ภัช-ชราภาพ ในช่วงปลายปีที่แล้ว

ผมก็มารับใช้ชาติเป็นทหาร ใช้ชีวิตอย่างทรหดลําบากยากเข็นเหนื่อยล้าบอดี้มากมาย ตอนนี้จะมานําเสนอตอนสั้นๆ

เกี่ยวกับสกินแคร์ที่ผมใช้อยู่ในช่วงที่เป็นทหารนี้นะครับ บางตัวมันจะเหมือนๆกับที่ผมใช้ปกติอยู่แล้วบ้าง ก็อย่าว่ากันนะครับ 

เอ้อ บางคนอาจจะสงสัยว่าทําไมผมมาเล่นคอมมีเวลาตั้งกระทู้ พอดีหลังจากฝึกเสร็จ ผมได้มาใช้ชีวิตเป็นทหารรับใช้ประจําบ้านครับ 

เลยมีความอิสระมากขึ้นในหลายๆเรื่อง ออกตัวก่อนเลยว่า ของที่ใช้ก็พวกของธรรมดาที่เค้าดังๆกันแหละครับ เห็นกันบ่อย 

แต่ผมจะเม้าไปด้วยตามสไตล์นะครับ

จริงๆแล้ว ช่วงที่ฝึกนั้น ผมไม่ได้ใช้ไรดีๆเลยครับ พวกครีมกันแดด ครีมบํารุง หรือ โลชั่นทาผิวต่างๆ 

เพิ่งมาใช้ครีมก็ช่วงที่เค้าเริ่มให้เยี่ยมญาติ แต่ครีมกันแดดอะไรงี้ก็ยังไม่ได้ใช้อยู่ดี

ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีเวลาทา แล้วแดดประเทศไทยเราอะเมซิ่งมากครับ เพียงไม่ถึงห้าวันที่เริ่มเป็นทหาร

ผิวผมก็เริ่มเปลี่ยนสี คือ ถอดเสื้อแล้วเหมือนใส่เสื้อคอวีสีขาว แต่ก็ไม่มีโอกาสส่องกระจก จนเวลาผ่านไป 3 อาทิตย์

เห็นตัวเองในรูปที่พี่สาวถ่ายแล้วตกใจกับความดําของตัวเอง ถ่ายรูปกับครอบครัวนี่อย่างกับอยู่คนละเผ่าพันธุ์ คุณอั้มเห็นทีแรกจําไม่ได้ 

เค้ามีการมาจับมาลูบแขนผมช้าๆเบาๆ เห็นแล้วจะร้องให้  เป็นภาพที่หดหู่มาก มารู้ทีหลังจากพี่สาวว่าคุณอั้มแอบร้องไห้ตอนกลางคืน

แต่พอพี่สาวถาม เธอบอกหนังเกาหลีมันเศร้า (ทั้งๆที่เป็นหนังตลก) ดูความปากแข็งของเธอสิ 5555

เค้าบอกเค้าไม่กล้าร้องให้ต่อหน้าผม เพราะกลัวผมเห็นแล้วผมร้องตาม ในขณะเดียวกัน 

พอเค้าถามผมว่าเป็นไงบ้าง ผมก็บอกสบายดีทนได้อยู่ได้ไม่ต้องห่วง แต่ใจจริงคือ โอ๊ยไม่ไหวแล้ว เอาหนูออกไปจากนรกนี่ที 555555 

ตอนนี้ผมมาอยู่บ้านนายแล้ว เลยตั้งเป้าว่า ผมจะต้องขาวขึ้นให้ได้ ไม่รู้จะเท่าตอนก่อนเป็นทหารเมื่อไหร่ 

แต่ขอให้ใกล้เคียงที่สุดก็ยังดี ว่าแล้ว ผมก็หอบของเข้ามากอบกู้ผิวผม ทั้งกายและใบหน้า 

ดูภาพหมู่กันไปเลยครับ

พวกโฟมล้างหน้าก็ใช้แบบปกติที่ใช้อยู่คือ ชิเซโด้ของผู้ชาย ใช้สลับกับตัวขัดหน้าของเค้า 

แล้วก็มีของกานิเย่ for menด้วย ไว้ล้างระหว่างวัน เพราะหน้ามันและสกปรกจากฝุ่นกับเหงื่อมาก

ไหนมาดูซิ ว่าก่อนกับหลังเป็นทหารแล้วเป็นไง ผมขออนุญาตคาดตาไว้นะครับ


ปล. รูปซ้าย ถ่ายช่วงกลางปี 54 ก่อนเป็นทหาร สองเดือนครับส่วนรูปขวา ถ่ายเมื่อ 4-12-2011 

เป็นวันเยี่ยมญาติครั้งแรกที่ตาคลี จ.นครสวรรค์


ไหนเทียบแขนกับแขนพี่สาวซิ ใช้ไอโฟนถ่ายนะครับ ถ่ายในวันเดียวกับรูปข้างบน 

เชื่อไหมครับ ว่า แต่ก่อนพี่สาว(เจ้าของแขนขาวๆนั่นอ่ะ) ตะก่อนเธอเป็นคนดำที่สุดในบ้าน คือ ดำแต่เกิดอ่ะ เพื่อนสมัยเรียนจำเธอได้ด้วยฉายาว่า ตัวดำ แต่เธอกลัวแดด ดูแลตัวเรื่อยมา

จนมันขาวกว่าผมตอนก่อนเป็นทหารอีก  แล้วดูสิ ตอนนี้กลายเป็นฉันที่ดำสุดๆ เฮ้อออ

ขออีกรูป อย่างที่บอกอ่ะครับ อย่างกับคนละสายพันธุ์กัน

เลยเป็นการจุดประกายให้ผมเริ่มดูแลตัวเองฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมให้ไวที่สุด

==================================================

ตัวแรกที่จะพูดถึงคือ Nash-cracked heel cream. 

เป็นครีมบํารุงผิวเท้าแตกที่คุณอั้มแนะนําผมมาครับ เห็นเธอเจอทีก็กอบโกยมาเกือบหมดชั้นวาง 

เธอบอกว่าดีมาก ประจวบเหมาะกับ ส้นเท้าผมมันแตกเป็นร่องลึกจนเศษดำๆไปติดค้างเหมือนคนแก่อะครับ 

อายุเพิ่ง23 เองน้า เลยสอยของคุณอั้มมาหลอดนึง ที่เท้าผมเป็นงั้นคงเพราะสมบุกสมบันกับการใช้ชีวิตแบบทหารด้วยมั้งครับ 

วันๆก็ฝึกๆ แต่ส่วนมากจะโดนทำโทษซะมากกว่า เกือบตายทุกวัน ดีที่เวลาไม่ไหว

ผมคิดถึงคุณอั้มตลอด ซึ่งมันเป็นแรงจูงใจให้ผมอดทนกัดฟันต่อไป ไม่เคยเป็นลม ไม่เคยอ้วก 

ไม่เคยไม่ไหวเหมือนคนอื่นเลย เริ่มนอกเรื่องอีกและฮ่าๆ อ่ะ เวลาผมใช้คือทาที่ส้นเท้าก่อนนอนแค่นั้น

ใช้ไปเป็นอาทิตย์ก็เริ่มเห็นผลแล้วครับ ไอร่องที่แตกลึกๆก็ตื้นขึ้นครับ เศษดำๆที่เคยไปติดก็ไม่มีแล้ว

อะเม้ซิ่งมากมาย มิน่าคุณอั้มถึงได้กอบโกยมาเยอะแยะ ดีจริงอะไรจังจริงครับ

===============================================================

ตัวต่อไปคือ Smooth E creamครับ ได้มาเพราะตอนฝึกทหารใหม่ที่ตาคลี 

คอผมเป็นเชื้อราคล้ายกรากเกลื้อน(อี๋ ไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดขึ้นกับเรา) เพื่อนทหารพากันรังเกียจ

แต่หารู้ไม่ หัวมันมีกันเกือบทุกคน ด่างๆ อย่างกะเอาเทียนไขสีขาวไปหยดเอาไว้ 

ผมบอกให้ครอบครัวหายาอะไรมาทารักษามันหน่อย พอดีผมบอกกระชั้นชิดไปหน่อย 

เลยไม่มีเวลาไปร้านขายยากัน เลยได้ครียมสมู๊ทอีมาแทน แหม มันตอบโจทย์ผมมากอะ แต่เอาวะ

ไหนๆก็ซื้อมาให้ละ ใช้ทาๆไปอะ เอามาทาหน้าได้ด้วย ผลคือ อีรอยเชื้อราไม่ห่างหาย 555 

ส่วนที่เอามาทาหน้าก็โอเคครับ ทาลวกๆเพราะแทบไม่มีเวลา จากที่สังเกตุได้ ทาแล้วมันก็เนียนๆดีนะครับ

ใช้ไปซักระยะ เพื่อนทักว่า แบ้ง ทําไมหน้าผากเงาจัง พอได้โอกาสมองกระจก

บร๊ะเจ้า เงาจิงด้วย คือ เงามันเต่งตึงเลย เดี๋ยวนี้ไม่ได้ใช้แล้วครับ เพราะว่าอากาศมันร้อนขึ้น 

ทาแล้วหน้ามันยิ่งกว่าเก่า กลิ่นมันก็หอมอ่อนๆดีอะนะครับ สรุป ไม่รู้มันดีหรือไม่ 

แต่รู้ว่า สําหรับพลทหารที่ไม่ค่อยมีตัวเลือกอะไรมากนัก มันก็โอเคอะครับ

=========================================================

ต่อไป เป็นกันแดดกันบ้าง เพิ่งมาเริ่มใช้หลังกลับมาอยู่ที่ดอนเมืองตอนปีใหม่เองครับ

ช่วงฝึกที่ตาคลีไม่ได้ใช้กันเลยแดด  หน้ากับตัวเลยดำไหม้เกรียมอย่างรูปด้านบน 

ดูสกปรกยํ่าแย่และเหมือนนักโทษสุดๆ วันกลับบ้านครั้งแรก ผมได้กลับชุดวอร์ม

พี่สาวเห็นบอกว่าเหมือนเด็กนักเรียนเชยๆ ส่วนคุณอั้มตีมึน จําลูกตัวเองไม่ได้ตามเคย 

เนื่องจากว่าการเป็นทหารเนี่ย แน่นอน เราต้องเผชิญกับแดดอันแรงกล้า เวลาฝึกก็ฝึกมันกลางแดด 

เวลาโดนแดกก็กลางแดด เห็นพวกผมเป็นแผงโซล่าเซลที่เอาไว้เก็บพลังงานแสงอาทิตย์มาทําไฟฟ้าหรือไร

จากวันแรก ทุกคนยืนเข้าแถวด้วยกันสีผิวแตกต่างกัน จนหลังๆ เข้าแถวที สีเนียนเป็ยนแผ่นเดียวกัน 

ผมได้ยินเสียงลํ่าลือหนาหูมานานว่ากันแดดของชิเซโด้สีทองมันกันดี เลยได้โอกาสที่ดีที่เราจะได้พบกับมัน 

เลยไปสอยมาใช้ครับ แต่ที่น่ารําคานคือต้องซื้อตัว cleansing oil ขออเค้ามาด้วย

เพราะพี่บีเอบอกมันจะอุดตันแล้วดูผิวหมองๆนะคะถ้าไม่ล้างมันออกให้สะอาด สองจิตสองใจอยู่นาน

เพราะแหม เราเป็นทหาร จะมีเวลาเยอะขนาดเอาออยมาถูหน้าก่อนแล้วค่อยล้างออกรึ? 

แต่สุดท้าย เพื่อเป็นการรักษาหนังหน้าตัวเองไว้ เลยซื้อมาครับ ตัวเนื้อกันแดดจะเหลวๆเป็นนํ้า 

ทาแล้วก็ไม่เหนอะนะครับ เวลาล้างก็เอาออยขวดฟ้ามาทาถูที่หน้า หรือบริเวณที่เราลงกันแดดไว้ 

แล้วล้างออกด้วยสบู่หรือโฟมล้างหน้า ความเห็นส่วนตัว ผมว่ามันก็ดีอย่างที่เค้าลือๆกันแหละครับ 

แต่ผมคงพึ่งมันอย่างเดียวไม่ได้เพราะยังไงหน้าผมตัวผมก็ต้องโดนแดดอยู่ดี แต่มันก็ดีขึ้นเรื่อยๆนะครับ

สีผิวผมอะ อาจจะเพราะพอย้ายเข้ามาบ้านนายแล้รเลยไม่ต้องอยู่กลางแดดนานๆเหมือนแต่ก่อน

โดยรวม ชอบครับ และจะชอบกว่านี้ถ้าไม่ต้องยุ่งยากกับการล้าง

==============================================================

ต่อไป เป็นกันแดดทาตัวครับ ใช้ของ Nutrogena 

ไม่ได้เอาชิสีทองทาตัวด้วยเหตุผลที่แสนง่ายคือ เปลืองงงง มันแพงอ๊ะ


ไม่แน่ใจว่ารีวิวคราวก่อนพูดถึงเจ้านี่ไปยัง แต่จะพูดอีกทีแล้วกันว่า 

ชอบตรงที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ จริงๆมันเหนอะนิดๆแค่ตอนแรก 

แต่พอซึมลงผิวก็สบายๆครับ

เคยใช้ของเรือกล้วยแล้วแพ้ครับ แสบร้อนมากเลย 

ใม่ปลื้ม เลยหันเหใจมาให้นูโทรจีน่า ใช้มาหลายหลอดแล้วครับ

โอ้เวลาทา ให้าตบๆให้ครีมหระจายไปทั่วแขน

แล้วค่อยเอามือปาดไปเป็นทางเดียวกันนะครับ อย่าไปทาถูมั่วซั่ว 

ไม่งั้นครีมกันแดดมันจะทํางานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพของมัน

====================================================

ต่อไปเป็นโลชั่นทาผิวบ้าง เหมือนเคยได้ยินมาว่าของกานิเย่สีเหลืองมันดี 

ทาแล้วขาว เลยโดนปีศาจกลูต้าครอบงําจิตใจ เลยถอยขวดเล็กมาทาลองก่อน

ผมทาตอนเช้าก่อนลงกันแดด เรียกว่า ประโคมบํารุงกันสุดพลังเลย 


คือจากที่ใช้ มันก็ขาวขึ้นนะครับ แต่โซนที่ผมเครียดสุดคือรอยเสื้อคอวีกับรอยตัดสีผิวของแขนเสื้อ

เพราะมันไหม้ดําชัดและหายยากมากเลยครับ หลังจากบํารุงไปซักพัก ก็เริ่มจากลงนิดนึง 

คือ นิดนึงจิงๆครับ เพราะมันก็ยังเป็นรอยตัดชัดเจนอยู่ 

คงต้องพยายามต่อไป โลชั่นทาแล้วเหนียวนิดนึงครับ

=============================================================

ตัวต่อไป คือโลชั่นแสนดัง เภสัจนั่นเองครับ อันนี้เอาไว้ทาตอนกลางคืน หลังอาบนํ้า

คงไม่ต้องพูดไรมากครับ อะไรที่บอกว่าใช้แล้วขาวเนี่ย แทบเปิดออกมากินเลย55 

มันก็ขาวขึ้นนะครับ ใช้ร่วมกับ กานิเย่ เลยไม่รู้อันไหนช่วยได้มากกว่า 

แต่ ณ จุดนี้ ให้มันร่วมพลังกู้ความขาวของผมคืนมาก่อน 

มาดูรูปแขนผมที่บอกว่าเป็นรอยตัดกันเถอะ เฮ้อ ดูแล้วก็เศร้าใจ

พี่สาวผมเห็นรูปแล้วบอกว่าเหมือนเยลลี่โคล่า ที่ชอบกินสมัยเด็กๆ  

พอคิดดู เออก็จริงของมันวะ ฮ่าๆๆๆปัจจุบันก็ยังเป็นแบบในรูปครับ ขาวช้ากว่าหน้าอีก

=========================================================

ต่อไปเป็นนํ้าโสมที่โด่งดังเช่นเคย มีเหลืออยู่ที่บ้าน

เลยเอามาใช้ แอลกอฮอเยอะหรอ? สภาพหน้าแบบนี้ มาเลย เอาเลยจ้า

ไม่หวั่นเกรงอะไรแล้ว ทําไงก็ได้ให้กลับมาขาวดั่งเดิม เวลาใช้ก็เหยาะๆ 

แล้วตบป๊าบๆเลย ไม่ต้องเนียบไรมาก ผมใช้แล้วหน้าไม่แห้งนะ 

สงสัยเพราะผมหน้ามันแล้วเหงื่อออกเยอะด้วยมั้ง

====================================================

ต่อไป แป้งตรางูครับ 55555 ฟังดูเชย ล้าสมัยและไร้รสนิยม 

แต่คุณเข้าใจหัวอกคนขี้ร้อนไม๊ครับ ยิ่งตอนนี้ร้อนจนผดร้อนขึ้นตามแขนตามคอผม แสบคันไปหมด 


แป้งตรางูเค้าก็ช่วงชีวิตผมไว้ได้ในเวลากลางคืนครับ แต่ผมไม่ได้เอามาทาให้หนาเหมือนเพื่อนๆในกรมหรอกนะครับ 


คือ ยังมีจิตระลึกได้ว่าตัวเองเป็นคน เลยทาแค่บางๆ บางคนทาหนาซะจนจ่าแซวว่าให้วิ่งลงกระทะเลยนะ ชุบแป้งมาซะเตรียมทอดเลยไอ......

ผมเห็นแล้วกลัว เพราะถ้ากลางดึกตื่นมาเจอหน้ามัน ผมต้องช๊อคตายแหง 


เหมือนผีผสมกับ พระเจ้าตะเบงชะเวตี้ในเรื่องสุริโยทัยอะครับ บรื๋อออออ


กลิ่นวาเวนเดอร์.....ตรงไหน?  ไม่เห็นจะลาเวนเดอร์เล้ย แต่ก็เอาเถอะ เราเน้นความเย็นและคล๊าสสิค ฮ่าๆ

=============================================================================

ตัวสุดท้าย มันคือ ตัวโปรดของผมเลย มันคือ shiseido purifying mask 


หลายคนคงแปลกใจว่า ตายแล้ว เป็นทหารแล้วเอาเวลาไหนมาพอกหน้า 

ตอนอยู่บ้านนาย ผมไม่กล้าพอกหรอกครับ 

เพราะห้องนํ้าอยู่นอกห้องนอน ถ้าเดินออกมาล้างแล้วจ๊ะเอ๋กับคุณผู้หญิง 

ผมคงล้มพับตรงนั้น แล้วบอกคุณผู้หญิงเสียงสั่นๆเบาๆว่า ผมพลาด 5555 


เวลาใช้ ผมแค่เอามาแต้มสิวครับ มันช่วยดูดให้สิวสุกไวขึ้นนะผมว่า พอเหลือง

บางเม็ดก็แห้งแกะออกได้ บางเม็ด่ทนไม่ไหว บีบมันเลย 

รอยแดงก็เอาชิตัวนี้แต้มแล้วนอนเหมือนเดิม

มันจะค่อยๆ จางลงครับ แต่อยากบอกว่า เวลาผมกลับบ้าน 

ผมพอกทุกวันเลย แบบจัดเต็ม พอกลับเข้ามา มีแต่คนทักว่าหน้าใสขึ้นนะ 

กลับบ้านสองครั้ง ก็มีคนทักทั้งสองครั้ง เพราะงี้ผมถึงได้ใช้มันมานานแสนนานและรักมันนักหนา

=================================================================


ต้องบอกว่าของทั้งหมดที่เยอะๆนี่คือผมเอามาใช้หลังจากอยู่บ้านนายแล้ว 


ไม่งั้นผมไม่มีเวลาทาหมดนี่หรอกครับ ต่อไป อยากลองนํ้าป้าเจี๊ยบดู เพราะนํ้าโสมจะหมดแล้ว 

แต่นํ้าป้าเจี๊ยบช่วยเรื่องรูขุมขนอะ ประเด็นของเราคือกอบกู้ความขาวกลับมา ไว้ค่อยคิดอีกที 

หมดแล้วครับ กับสกินแคร์ของการเป็นทหารของผม 


มาดูรูปปัจจุบัน ถ่ายเมื่อวันที่ 3-3-2012 หน้าขาวขึ้นกว่าตอนฝึกแล้วครับบบบบ สงสัยเพราะไม่ได้ตากแดดนานๆเหมือนช่วงที่ฝึกทหารใหม่ แต่ไม่ได้แปลว่าผมไม่ได้โดนแดดเลยนะครับ 

โดนเยอะเหมือนกัน แต่ไม่มากเท่าแต่ก่อน

เอาละวันนี้ กระผม พลทหาร can you bring high fashion ขออนุญาตจบการรายงานเพียงเท่านี้ครับ




Create Date : 26 พฤษภาคม 2555
Last Update : 18 สิงหาคม 2555 11:18:33 น.
Counter : 4415 Pageviews.

2 comment
[CR]++รีวิวกรุเครื่องสำอางคุณอั้ม ภัช-ชราภาพ ตอน แปรงแต่งหน้า ตามคำขอคุณ SweetAme และเปิดถุงช๊อป Nar

**เนื่องจากพยายามคัดลอกเนื้อหามาลงแล้วโพ๊สไม่ได้ซักที เลยขอแปะกระทู้ไว้เลยแล้วกัน

//topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2011/11/Q11327618/Q11327618.html

 

ขอบคุณครับ




Create Date : 26 พฤษภาคม 2555
Last Update : 27 พฤษภาคม 2555 19:43:26 น.
Counter : 1279 Pageviews.

0 comment
[CR]++รีวิวกรุเครื่องสำอางคุณอั้ม ภัช-ชราภาพ ตอน Blush on, Eye liner, Mascara++

**เนื่องจากพยายามคัดลอกเนื้อหามาลงแล้วโพ๊สไม่ได้ซักที เลยขอแปะกระทู้ไว้เลยแล้วกัน

 

//topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2011/11/Q11324150/Q11324150.html

 

ขอบคุณครับ




Create Date : 26 พฤษภาคม 2555
Last Update : 26 พฤษภาคม 2555 14:01:45 น.
Counter : 923 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  

can you bring high fashion
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]