:: ประสบการณ์การลดน้ำหนัก ( Before 65 After 53 ) ::
วันนี้กลับมาบ้านแล้วเบื่อๆ ไม่มีอะไรทำเป็นเรื่องเป็นราว เลยเอารูปเก่าๆ มาเปิดดู โอ้วพระเจ้าจอร์จ เห็นรูปตัวเองเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เกิดอาการกร๊ากส์ เอามาเล่าสู่กันฟังแบบฮาโฮกดีกว่าเรื่องมันมีอยู่ว่า ข้าพเจ้าเป็นคนที่คิดๆ หมกมุ่นๆ อยู่กับการลดน้ำหนักมาตั้งแต่จำความได้ กินอะไรแล้วดี กินอะไรแล้วเผาผลาญ กินอะไรแล้วผอม โดยนิสัยเป็นคนชอบออกหากิน ร้านไหนดี ร้านไหนดัง ขอให้บอก จะดั้นด้นไป แล้วกินทีละเยอะๆ สนุกสนานกับการกิน ดื่มด่ำกับรสชาดของอาหารได้แบบไม่มีลิมิต ถ้าไม่อิ่มจนทรมาน ไม่หยุด อย่ามาห้าม มีเหวี่ยงแต่น้ำหนักก็จะไม่เคยเกิน 57 กก. ลดๆ ขึ้นๆ อยู่ร่ำไป ช่วงไหนลด ก็โอย ต้องงดแป้ง มื้อเช้าต้องดื่มน้ำผัก หรือทานโปรตีนเสริม กินวิตามินโน่น นั่น นี่ ช่วยเผาผลาญไขมัน ชีวิตยุ่งยาก ชุลมุนวุ่นวายอยู่กับเรื่องกิน และลดน้ำหนักอยู่ตลอดเวลาเหตุของการเกิดไขมันปะทุแตกตัว พุ่งมาอยู่ที่กว่า 65 กก. เนื่องจากมีเหตุให้ต้องย้ายมาพำนักอยู่ฟากฝั่งยุโรป อันเป็นดินแดนของนม เนย ขนมปัง ไส้กรอก ชีส ของหวาน ฯลฯ ที่ข้าพเจ้าโปรดปราน แถมโซนนี้เค้าเสิร์ฟอาหารแต่ละครั้ง ประมาณสามเท่าของโซนบ้านเรา มาแรกๆ กินไม่ไหว อยู่ไป อยู่มา เริ่มกินหมด หลังๆ จานเดียวไม่อิ่ม น่ากลัวมากๆถึงแม้ว่าจะเป็นคนที่รักการออกกำลังกาย แต่มักจะกินมากกว่าออกแรงไป หลังออกกำลังก็จะเริ่มคิดค้น เย็นนี้จะทำอะไรกินดีหนอ ทำแล้วเผื่อใส่กล่องไปกินกลางวันพรุ่งนี้ด้วย สุดท้าย กินมันหมดทุกอย่างเลย แถมต่อด้วยขนม แล้วก็นอนวันนึงมองตัวเองในกระจก แล้วตกกะใจ อ้วนมาก อ้วนมาย อะไรได้ขนาดนี้ วันอื่นๆ ฉันก็ว่าฉันสวยดีอยู่หรอก แต่ทำไมวันนี้ หน้าอืด พุงปลิ้น ต้นแขนทะลัก สะโพกไซส์กระทะหอยทอดได้ขนาดนี้ เห็นควรว่าไม่ไหวแล้ว ต้องดำเนินการอะไรซักอย่าง หันเหเข้าทิศทางเดิม สร้างความลำบากให้ชีิวิตอีก งดแ้ป้ง กินโปรตีนผงผสมนมมื้อเช้า นับแคลอรี่ 1200 ต่อวัน อดไป อดมา มันก็ค่อยๆ ลง บางทีตบะแตกก็ขึ้นอีก เป็นอย่างนี้อยู่กว่า 1 ปีจนกระทั่งช่วงที่งานเยอะมากๆ เครียดๆ บ้าบอคอแตก ถึงกับไม่มีเวลากิน กลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืนทุกวัน เป็นเวลากว่า 4 เดือน ช่วงแรกๆ กลับบ้านมาก็กินข้าวเย็นได้อีก แต่หลังๆ ไม่ไหวแล้ว เหนื่อย นอนก่อนล่ะ พอไม่ได้กินมากๆ เหมือนเมื่อก่อน นานๆ เข้า กระเพราะมันคงหดเล็กลง กินอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็อิ่ม น้ำหนักลดฮวบฮาบ และไม่โทรม เพราะมื้อเช้า และมื้อกลางวันทานเต็มที่ มีแต่มื้อเย็นที่อด แต่ที่ว่าทานเต็มที่ ไม่ก็ไม่ได้มากมายผีสิงเหมือนเมื่อก่อน กระเพราะมันคงเล็กลงแล้ว ทีนี้เลยเหมือนจับหลักได้ มีกำลังใจด้วย เพราะน้ำหนักลงเยอะ เลยพยายามไม่ทานเยอะเหมือนเมื่อก่อน ทานแค่พออิ่ม อิ่มแล้วหยุดทันที อย่าเสียดาย ออกไปทานอาหารนอกบ้าน ให้เอาบรรยากาศ มากกว่าอาหาร ทำทานเองที่บ้าน ก็ลดปริมาณลง ยังไงก็อิ่มอยู่แล้ว และที่สำคัญที่สุด ต้องออกกำลัง สำคัญมาก จาก 65 กก. ปัจจุบันลดลงมาเหลือ 53 กก. และคงที่มากว่า 6 เดือน ทุกวันนี้ทานอาหารเช้าเต็มที่ กลางวันเน้นทานผักเยอะๆ มีข้าว และเนื้อสัตว์ด้วย เย็นทานผลไม้ หรือโยเกิร์ต เสาร์-อาทิตย์ ทานแค่ 2 มื้อ ทานมื้อสาย (เพราะนอนกินบ้านกินเมือง) และมื้อเย็นเร็วหน่อย ถ้าไม่มีทางเลือก ต้องสังสรรค์มื้อเย็น จะพยายามเลือกทานผักกับข้าว หรือผักกับเนื้อสัตว์ ไม่ทานข้าวกับเนื้อสัตว์ปนกัน แต่บางทีก็มีหลุด ก็คนมันรักที่จะกินนี่นา อย่าท้อ อย่าโมโห พรุ่งนี้ก็กินน้อยหน่อย ออกกำลังอย่างน้อย 1 ชม. สัปดาห์ละ 2 ครั้ง คติประจำใจคือ ตอนดึกๆ นึกอยากทานอะไร อดใจไว้ ค่อยทานพรุ่งนี้เป็นมื้อเช้าแทนนะตัวเองอ้วนหรือผอมไม่สำคัญ ขอให้เราสุขภาพดี และมีความสุขตอนส่องกระจกเป็นพอเป็นกำลังใจให้ทุกคนดูแลตัวเอง และรักษาสุขภาพค่ะ
All Right Reservedสงวนลิขสิทธ์ ตาม พรบ. ลิขสิทธ์ พ.ศ. 2539