ถึงจะดูเท่ ที่ว่า มีออฟฟิซ ส่วนตัว
แต่เรารู้สึกหดหู่นิดน้อยที่ นิทามะต้องนอนในตู้
แอบสงสาร เพราะคงชินกับแมวบ้านเรา ที่มักจะรักอิสระ
แต่ถ้าคำนึงถึงสุขอนามัย และความปลอดภัยของนิทามะแล้ว ตู้เป็นสิ่งจำเป็น
ลองคิดดูวันๆ หนึ่งนักท่องเที่ยวมาเป็นร้อยๆ ถ้าไม่ให้ความเป็นส่วนตัวกับแมวบ้าง
แมวคงเครียดแย่อะ หรือทุกคนมาจับแมวกันหมด แมวช้ำตายพอดี
ที่สถานี Kishi จะมีศาลของทามะตั้งอยู่ด้วย ก็สามารถไปเยืยมเยือนทามะผู้ล่วงลับกันได้
นอกจากนี้ ตัวสถานีเองก็ตกแต่งเป็นพิพิธภัณฑ์ หลังคาเป็นรูปหน้าแมว
มีร้านขายของที่ระลึก ที่มีรูปทามะเยอะแยะเลย มี Tama Cafe มีชุดนายสถานีรถไฟให้ใส่ Cosplay กันอีกด้วย
ความประทับใจต่อที่นี่คือ คนญี่ปุ่นนอกจากจะรู้จักพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสแล้ว
ยังพยายามรักษาโอกาสที่มีอยู่นั้นไว้ให้ยั่งยืนที่สุด
เห็นได้จากตั้งแต่ปี 2555 ก็ได้ตั้งนิทามะ มาเป็นนายสถานีฝึกหัดประจำอยู่ที่สถานี Idakiso
ซึ่งสถานีนี้ก็ตั้งอยู่บนทางรถไฟสาย Kishigawa เช่นเดียวกันกับสถานี Kishi
จนกระทั่งทามะจากไป จึงแต่งตั้งนิทามะ มาประจำการที่สถานี Kishi แทน
ด้วยความคิดนี้ สถานีแห่งนี้คงมีนายสถานีเป็นแมวเหมียวสืบต่อไปเรื่อยๆ
เจ้ปุ้ยขอถ่ายรูปกับพี่แป้งโกะ เจ้ตื่นเต้น ยืนเกร็งมาก
อีกอย่างวันนั้นเราเจอ Omocha Densha รถไฟของเล่นด้วย
ข้างในตกแต่งด้วยของเล่นนานาชนิด ฟิกเกอร์หุ่นยนต์ตรึม แถมมีตู้ให้กดของเล่นด้วย
เกือบเดินขึ้นไปละ แต่กลัวหลงกับคณะทัวร์ฮ่าฮ่าฮ่า
รับประทานอาหารกลางวันที่ Osaka
อาหารขึ้นชื่อของ Osaka คือ Kushikatsu เป็นอาหารเสียบไม้ชุบเกล็ดขนมปังทอด พอได้มาลองกินที่นี้แล้ว รสชาติคนละเรื่องกับร้านที่ไปเปิดเมืองไทยโดยสิ้นเชิง แล้วก็มีของหวานเป็นช็อกโกแลตฟองดู และไอศกรีมด้วยนะเออ ดีงามตามวัตถุดิบ ควรมาโดนเป็นอย่างยิ่ง (ร้านชื่อ Kushiya Monogatari since 1997 อยู่บนห้าง Yodobashi Umeda)
ช่วงบ่าย เขาพาทาสแมวไปปล่อยที่
Aeon Mall Osaka dome City, Aeon pet mall
ทาสแมวเมืองไทยได้แยกกันไปซื้ออาหาร เสื้อผ้า ของเล่น ไปให้แมวที่บ้านกันคนละถุงสองถุง เจอร้านหนังสือ มีหนังสือแมวเต็มเลย คนที่นี่ให้ความสำคัญกับแมวจริงๆ
เราแอบเห็นเจ้ปุ้ยซื้อติดมือกลับมา 2 เล่ม สงสัยจะชอบมาก ถามว่าอ่านออกมั้ย "ไม่" แต่ข้างในภาพสวยทุกภาพเลย
ส่วนเราหรอ แน่นอน มาญี่ปุ่นทั้งทีต้องไปตามหาลูฟี่ (ฟิกเกอร์การ์ตูน One piece) สักหน่อย เจอด้วยนะ แต่สู้ราคาไม่ไหวจริงๆ แพงอะ เดี๋ยวล้มละลาย เลยไม่ซื้อดีกว่า
มื้อค่ำไปกินอาหารปิ้งย่าง Yakiniku มิชอบเลยอะ ผักไม่มี หมูก็มัน แต่ใครที่ชอบทานเนื้อวัวคงฟินอะ เนื้อวัวไม่อั้น!
ทานเสร็จกลับโรงแรม Hotel Plaza Osaka (เจ้บอก ถ้าเรามากันเองคงไม่ได้นอนดีขนาดนี้)
แต่เดี๋ยวก่อน ภารกิจของสองพี่น้องยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากพวกเราลืมเอาแบตกล้องมา
ในขณะที่ทุกคนกำลังพักผ่อน การผจญภัยในแดนปลาดิบ เพื่อตามหาแบตกล้องจึงเริ่มขึ้น
เริ่มจากลองปรึกษาพนักงานโรงแรมว่า ซื้อที่ไหนดี เขาแนะนำให้ไป ร้านสารพัดนึก Don Quijote หรือ "ดองกี้
แต่พนักงานดองกี้บอก ที่นี่ไม่มี ให้ลองไป Umeda
ซืดเลยตอนนั้น เพราะสามทุ่มแล้ว ร้านต่างๆ ปิดหมดแล้ว แต่เขาบอกว่าห้างที่ Umeda ปิด 4 ทุ่มไป แถมนั่งรถไฟจาก ที่นี่สถานีJuso ไป Umeda ใช้เวลา 5 นาทีเอง
เดินมาถึงสถานี Juso
ได้ยินกิตติศัพท์มาว่า รถไฟใต้ดินที่ญี่ปุ่นนั้น งงงวยและซับซ้อน เพราะมีหลายเส้น หลายชนิดรถไฟ และชานชาลาก็มีหลายชั้นด้วย
บอกไว้ตรงนี้เลยว่า ที่ได้ยินมานั้น ของจริงนั้น น่าสะพรึงกว่าเยอะ เพราะตอนซื้อตั๋วรถไฟนายสถานีบอกให้ขึ้นที่ชานชาลา 4 ก็วิ่งไปขึ้นขบวนรถไฟที่เลข 4
พอขึ้นไปสักพัก ลางสังหรณ์มันฟ้องว่า พวกเราหลงชัวร์ เพราะป้ายที่บอกสถานีต่อไป มันไม่มี Umeda อยู่เลย
เลยถามคุณลุงข้างๆ ว่าไป Umeda ยังไง
คุณลุงก็อธิบายว่า นี่ไม่ใช่สาย... ที่จะต้องไปมันสาย... อยู่ชานชาลาฝั่งตรงข้าม~ อธิบายยาวและหลายรอบ
สรุปคือ ขึ้นถูกชานชาลาแล้ว แต่ขึ้นผิดฝั่ง ชีวิตเปลี่ยนเลยทีเดียว
ตอนจะลงไปขึ้นฝั่งที่ถูก คุณลุงยัง บอกให้ Ki o Tsukete ne" (ดูแลตัวเองด้วยนะ) แหม! น่ารักจริงๆ คุณลุง
สุดท้ายแล้วก็มาถึงย่าน Umeda โหวว! ห้างแถวนี้ยิ่งใหญ่มากจริงๆ
อารมณ์เอาสยามพารากอน ห้า เซ็นทรัลเวิร์ล แปด สยามเอ็มเเบสซี่
มาสร้างทางเชื่อมรวมๆ กัน ในที่สุด เราก็ได้แบตกล้องมาจากห้าง Yodobashi
เจ้บอกว่าอันละ 8,500 เยน ถูกกว่าบ้านเราไม่กี่บาท
ตอนขากลับโรงแรม ปัญหาคือไม่รู้ว่าขึ้นชานชาลาไหน
เลยถาม กลุ่มนักศึกษาแถวนั้น เขาบอก ให้ตามพวกผมมาเลยจะไปทางนั้นอยู่แล้ว"
ตอบเป็นภาษาอังกฤษ! ดีใจมาก! เสมือนเจอน้องชาย ที่พลัดพรากจากกันมานาน
เด็กกลุ่มนี้ พยายามตอบทุกสิ่ง ซึ้งมากมาย
เราบอกลาพวกเขาด้วยคำว่า Doumo Arigatou gozaimasu (ขอบคุณมากค่ะ แบบสุภาพ)
จริงๆ ในใจอยากพูดว่า Suki desu (ชอบคุณค่ะ) >___< ฮ่าฮ่าฮ่า ก็เด็กญี่ปุ่นหล่อ ง่ะ
คำแนะนำสำหรับวันนี้
1. จงอย่าลืม เอาแบตกล้องของท่านมา ไม่งั้นมีเหนื่อย
2. จงเช่า Wifi Router มา อินเตอร์เนตนั้น ช่วยอะไรเราได้เยอะ ในต่างถิ่น
3. ไม่รู้ จงถาม คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ พร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว แม้เขาไม่พูดภาษาอังกฤษ แต่ด้วยความอยากช่วยเหลือ ถึงแม้เขาจะพูดญี่ปุ่นล้วน แต่มีความพยายามในการสื่อสาร ด้วยภาษากาย ภาษาใบ้ วาดรูปหรือเขียนโน้ตให้ (เราก็ทำเออออ ห่อหมกกับเขาไป แล้วกล่าวขอบคุณ)
4. นับเหรียญไม่ถูก ก็ให้คนญี่ปุ่นช่วยนับสิ เขามีกฎหมายคุ้มครองเรื่องเงินทอนอยู่ ไม่ต้องห่วง (กำเหรียญมาทั้งพวง แล้วแบมือให้เขาเลย)
5. มาญี่ปุ่นทั้งที โอกาสฝึกภาษามาถึงแล้ว รู้ภาษาญี่ปุ่นน้อยนิดแค่ไหน ก็พูดไปเหอะ
เรานี่พูดหมด รู้แค่บางคำที่ได้ยินบ่อยๆ ในซี่รี่ย์กับการ์ตูน ยังพูดเลย
6. คนญี่ปุ่น ขี่จักรยานบนทางเท้าได้นะ หมวกก็ไม่ใส่ ถุงมือไม่มี๊ ผู้หญิงก็ถกกระโปรงปั่นด้วยความเร็วสูงได้ ปั่นจักรยานกันเสมือนเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกาย สุโก่ยที่สุด อย่างพลิ้วอะ คนเดินเอ๋อๆ เดินกดมือถือนี่ มีโดนชนนะ ต้องเดินระวังๆ ไม่ก้มหน้า โอมจงเงย
คุณลุงกับหมาชิบะ เราเจอเขาหน้าทางเข้าปราสาท โอซาก้า วันที่ 3 ค่ะ