#NekkogotoJapan ครั้งที่ 1 ย้อนรอยสถานีรถไฟแมวทามะ และฟินกับคาเฟ่แมวที่ญี่ปุ่น
เรื่องโดย PROY~🐈 (แอ็ดมินน้าปรอย จากเพจ a Cat Circus)
เรียบเรียงและรูปภาพโดย PuY ~🐱 (แอ็ดมินมี้ปุ้ย จากเพจ a Cat Circus)


สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแชร์เรื่องราวบันทึกการเดินทางไปญี่ปุ่น ครั้งแรกของเรา ที่มาที่ไปของทริปนี้คือ เห็นที่เพจทูลหัวของบ่าว เขามีกิจกรรมให้เขียนเล่าความประทับใจเกี่ยวกับแมวเพื่อลุ้นตั๋วไปทริปกับ Nekko #NekkogotoJapan เราคิด เฮ้ย! นี่มันงานถนัดเจ้นี่นา  
เราก็เลยไปขอให้เจ้ปุ้ย ช่วยส่งบทความไปประกวด เพื่อชิงรางวัล 
สุดท้าย ด้วยความเป็นทาสแมว และการเล่าเรื่องที่น่ารัก เกี่ยวกับประสบการณ์การคลอดลูกแมวที่บ้าน เลยทำให้เราสองพี่น้องได้มาอยู่ที่นี่ เป็นส่วนนึงของทริปในฝันครั้งนี้ 

ทริปนี้เราจะไป Wayakama - Osaka - Nara กัน ทั้งหมด 40 ชีวิตค่ะ

ระหว่างเดินทางบนรถทัวร์ มีให้ออกมาแนะนำตัว เลยรู้ว่ามีเจ้าของเพจแมวชื่อดังอื่นๆ มาด้วย เช่น เพจเค้าเรียกผมว่าแมว  (เจ้าของแมวเส้าหลิน ที่โด่งดัง) 

เพจ Cookie ang the gang มีสื่อมวลชน คือ พี่เรย์โกะ บก.นิตยสาร Skawaii Thailand

ตัวแทนจาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ นิตยสารอินสไตล์ และเทสโก้โลตัส ฯลฯ และเหล่าทาสแมวเมืองไทย ที่มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับแมวที่น่าสนใจด้วย อย่างเช่น พี่แป้งโกะ @wonderingpango ถึงแม้จะไม่ได้เลี้ยงแมวที่บ้าน แต่เป็นคนชอบแมวมาก และเคยร่วมกับเพื่อนพาแมวอโศก ไปรักษาครั้งหนึ่งด้วย (พี่แป้งมากับพี่ฝน @fontip.y  ผู้จักการส่วนตัว ที่เท่ห์ไม่แพ้กันค่ะ)

มีบล็อกเกอร์ คุณวา @aiwa555

โครงการรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร ก็เลี้ยงแมวเยอะมาก 400 ตัว อนุโมทนาสาธุด้วยค่ะ 

และผู้โชคดีทางบ้านที่ร่วมสนุกกับเพจทูลหัวของบ่าว และ Nekko มีทั้งชิงราลวัลมาอย่างเรา 2 คน และแบบที่ชิงโชคจากการส่งซองอาหาร มีคนโชคดีมาก มาได้เพราะซื้ออาหารให้แมวข้างบ้าน แค่ 5 ซอง แล้วส่งซองมาชิงโชค แล้วก็ ได้!! สุดยอดมีบุญสุดๆ

คุณขมิ้น @p_kamijn  เค้ามาจากการเป็นผู้โชคดี แต่ว่าเค้าก็เซเล็ปนะคะ (เจ้บอก เจ้ตามผลงานเเขาอยู่)


ภาพปกหนังสือ If Cats Disappeared From the World

บันทึกการเดินทางของทาสแมว ครั้งที่ 1  เริ่มต้นขึ้นเมื่อ
28 ก.ย.2558 คณะทาสแมวมืองไทย เดินทางถึงสนามบิน Kansai
ก้าวแรกที่ลงจากเครื่องก็ WoW! ประทับใจเลย คือ การจัดการตรวจคนเข้าเมือง ของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น ทำงานว่องไว มีการจัดการที่ดี
ประทับใจมากเลยอะ เพราะออกจากที่นี่ไป พวกเราต้องไปขึ้นรถไฟให้ทันเวลา
ระหว่างต่อแถวตรวจคนเข้าเมือง แถวมันยาวมากถ้ายืนเฉยๆ มันก็จะหลับไง (นอนน้อย)
ก็เลยส่องคณะที่มาด้วย แน่นอนที่รู้จักคือ พี่นัชญ์ เพจทูนหัวของบ่าว ก็ก้มกราบสวัสดีทักทายกันไป และหันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งผมยาวๆ 
เฮ้ยน่ารักงะ พอเขาเงยหน้าขึ้นมานี่ ช็อค!!!!!!! หันไปสะกิดเจ้ปุ้ยเลย  "นั่น นั่น แป้งโกะหรือเปล่า?”
จนพี่นัชญ์กระซิบ "ใช่จ้า ทริปนี้น้องแป้งโกะมาด้วย”

กรี๊ดดด (ในใจ) มายบุดด้า พี่แป้งตัวเป็นๆ ติดตาม IG มานาน ตัวจริงน่ารัก หน้าเล็ก ผอมสูง ฮิปสเตอร์กว่าใน IG หลายเท่า =>_<=

รูปพี่แป้งโกะ


>หยุดความติ่งไว้เท่านี้ก่อนนะ ไปที่หมายแรกกันดีกว่า 

IMG_5167


ขอเล่านิดหนึ่งเกี่ยวกับที่หมายแรก เราจะไปตามรอย นายสถานี รถไฟแมว ทามะ

ซึ่งจุดกำเนิดเกิดขึ้นที่ เมืองวากายาม่า (Wakayama) เมืองชนบทเล็กๆ ที่เงียบเหงา และที่แห่งนี้เอง ก็มีสถานีรถไฟที่เล็กมาก แทบจะไม่มีผู้โดยสารมาใช้บริการกันสักเท่าไร อีกทั้ง ด้วยความเป็นเมืองที่มีประชากรในพื้นที่ก็น้อย แถมยังมีการตัดถนนเข้ามาในเมืองอีก ซึ่งการโดยสารด้วยรถยนต์สร้างความสะดวกสบายให้กับคนในพื้นที่มากกว่า ทำให้สถานีรถไฟแห่งนี้ดูจะถูกปล่อยทิ้งไว้ให้ทรุดโทรม
ทางกิจการรถไฟของเมืองวากายาม่า เห็นว่าถ้าปล่อยให้ดำเนินการเช่นนี้ต่อไป คงจะไม่ไหว รอวันปิดสถานีเพียงอย่างเดียว นายสถานีรถไฟแห่งนี้ (โทะชิโกะ โคะยะมะ เจ้าของร้านขายของชำที่อยู่ใกล้เคียง) จึงผุดไอเดีย หัวใสขึ้นมา จากการสังเกตุเหตุการณ์รอบๆ ตนเอง นั่นคือ ตนได้เลี้ยงแมวเพศเมียน่ารักตัวหนึ่งไว้ชื่อว่า ทามะ
ทุกๆ วันนายสถานีรถไฟ เขามาทำงานที่นี่ เจ้าทามะ ก็เดินติดตามเขามาทุกวัน ซึ่งกิจกรรมประจำวันของเจ้าทามะ ก็คือ การนั่งเฝ้าเจ้าของ หลับบ้าง ตื่นบ้าง พอนานๆวันเข้า เจ้าแมวตัวนี้ ชักเริ่มเรียนรู้ภาษามากขึ้น บางครั้ง เจ้าทามะ เดินเล่นบริเวณสถานีรถไฟ แล้วเห็นผู้โดยสารมาใช้บริการ ตัวมันจะเดินเข้าไปเคล้าเคลีย ให้ผู้คนลูบเล่น แล้วพวกเขาก็ถ่ายรูปคู่กับมัน บางทีก็นั่งตามชานชาลาสถานีรถไฟ เพื่อรอขบวนรถไฟวิ่งเข้ามา เปรียบเสมือนเป็นพนักงานต้อนรับ นั่นเอง


นายสถานีรถไฟ จึงพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส เค้าจึงแต่งตั้ง เจ้าทามะ ขึ้นเป็นนายสถานีรถไฟ พร้อมเครื่องแต่งกาย ประดับยศหรูหรา ใส่หมวกให้ดูเท่ห์ เพื่อให้กลายเป็นข่าวใหญ่โต เป็นจุดสนใจแก่ผู้คน พอเจ้าทามะแต่งองค์ทรงเครื่องเข้าให้ ดูแล้วสร้างความน่ารัก น่าชังมากกว่าเดิม แถมยังทำออฟฟิซเล็ก ติดแอร์ รับขวัญนายสถานีรถไฟตัวใหม่ให้อีก
นอกจากจะมีนายสถานีเป็นแมวแล้ว จะต้องมี รถไฟแมว ทามะ ให้เข้ากับธีมน่ารัก ชวนอยากไปใช้บริการจริงๆ 

(เรียบเรียงเรื่องจาก สถานีรถไฟแมว ทามะ, ญี่ปุ่น และ วิกิพีเดีย ทะมะ_(แมว))


ดังนั้น หลังจากลงเครื่องบิน เป้าหมายเราที่เราพุ่งไปก็คือ สถานีรถไฟ Wakayama
ซึ่งที่ Wakayama นี้มีรถไฟสาย Kishigawa Line ของบริษัท Wakayama Electrice Railway ทั้งหมด 3 สาย
1. Tama Densha รถไฟทามะ
2. Omocha Densha รถไฟของเล่น
3. Ichigo Densha รถไฟสตอเบอร์รี่
ซึ่งเป้าหมายหลักของทาสแมวในวันนี้ คือ รถไฟทามะ ของเจ้าแมวทามะผู้ไม่ธรรมดา 
ทุกอย่างรอบขบวนรถไฟนั้นตกแต่งด้วยตัวการ์ตูนทามะ จะมีแมวจริงๆ บนโลกสักกี่ตัวกันที่มีรถไฟลวดลายการ์ตูนเป็นของตัวเอง! ไม่ธรรมดาจริงๆ 
นอกจากภายนอกแล้ว ด้านในยังมีมุมน่ารักให้ถ่ายรูปมากมาย เรียกได้ว่าทุกๆ อณูนั้นตกแต่งด้วยการ์ตูนทามะ แถมมีหนังสือเกี่ยวกับแมวให้อ่านกันฟรีๆ อีกด้วย
ทาสแมวอย่างเรา ฟิน~ อยากจะนั่งเกลือกกลิ้งอยู่บนรถไฟขบวนนี้ไปทั้งวัน

IMG_5346

ขอถ่ายรูปคู่กับ บ.ก. เรย์โกะ ตัวจริงน่ารัก ใจดีสุดๆ ค่ะ


เจ้ปุ้ย ปรอยถ่าย ภาพเบลอ เพราะรถไฟวิ่งนะ ไม่ใช่ฝีมือห่วย 555

ซึ่งวันที่เราไปกันนี้ เป็นวันที่ขบวนรถไฟทามะจะวิ่งเป็นเที่ยวสุดท้าย 
และจะปิดปรับปรุงอย่างไม่มีกำหนด ถือว่าเรามากันด้วยโชคสุดๆ 
ดังนั้นถ้าใครจะไปเพื่อนั่งรถไฟทามะต้องเช็คดีๆ ว่าเปิดให้บริการวันไหน

โรงเก็บขบวนรถไฟทามะจะอยู่ที่สถานี Idakiso 
จากนั้นพวกเราจึงเดินทางต่อไปยังสถานี Kishi

สถานีรถไฟ Kishi

IMG_5328

เมื่อเรื่องราวของทามะโด่งดังไปทั่วโลก ผู้คนที่หลงรักในแมว พากันเดินทางมายังที่สถานี Kishi  ทำให้รถไฟสายนี้มีรายได้ในปีแรกถึง 1.1 พันล้านเยน! ทามะจึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Super Station Master ต่อมาเลื่อนขั้นเป็น Ultra Station Master หรือ สุดยอดนายสถานีกันเลยทีเดียว จากสถานีรถไฟที่เงียบเหงา จึงกลับมาคึกคัก มีชีวิตชีวาด้วยนายสถานีสุดน่ารักตัวนี้เป็นเวลาหลายปี


และแล้วข่าวช็อควงการทาสแมวโลก ได้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2558 ทามะได้จากพวกเราไปตลอดกาล ด้วยวัย 16 ปี (เทียบเท่ากับคนอายุ 80 ปี) รวมเวลาปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมด 8 ปีครึ่ง เสียใจตรงที่เรามาไม่ทัน เฉียดไปแค่ไม่กี่เดือน ความฝันที่จะได้เจออยู่แค่เอื้อมแล้วแท้ๆ แต่มาถึงที่ ได้เห็นแค่ Gallery Wall ที่มีรูปทามะ ก็ประทับใจอย่างบอกไม่ถูก 



แต่ไม่ต้องเสียใจไป ปัจจุบันมีทายาทรุ่นใหม่ ชื่อว่า นิทามะ (แปลว่าทามะรุ่น 2) มาปฏิบัติหน้าที่เป็นนายสถานี Kishi แทนแล้ว

ตอนที่ไปถึง เจ้าแมวนิทามะ ก็กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในออฟฟิซ หลับสบายเลย จริงๆ

เราไปถึงช่วงสายๆ เป็นเวลาอู้งานของเขาพอดี ฮ่าฮ่าฮ๋า (จริงๆ แล้วแมวจะหลับช่วงสายกับบ่าย) 

IMG_5380


ถึงจะดูเท่ ที่ว่า มีออฟฟิซ ส่วนตัว

แต่เรารู้สึกหดหู่นิดน้อยที่ นิทามะต้องนอนในตู้ 

แอบสงสาร เพราะคงชินกับแมวบ้านเรา ที่มักจะรักอิสระ

แต่ถ้าคำนึงถึงสุขอนามัย และความปลอดภัยของนิทามะแล้ว ตู้เป็นสิ่งจำเป็น 

ลองคิดดูวันๆ หนึ่งนักท่องเที่ยวมาเป็นร้อยๆ ถ้าไม่ให้ความเป็นส่วนตัวกับแมวบ้าง 

แมวคงเครียดแย่อะ หรือทุกคนมาจับแมวกันหมด แมวช้ำตายพอดี 


ที่สถานี Kishi จะมีศาลของทามะตั้งอยู่ด้วย ก็สามารถไปเยืยมเยือนทามะผู้ล่วงลับกันได้

นอกจากนี้ ตัวสถานีเองก็ตกแต่งเป็นพิพิธภัณฑ์ หลังคาเป็นรูปหน้าแมว 


มีร้านขายของที่ระลึก ที่มีรูปทามะเยอะแยะเลย มี Tama Cafe มีชุดนายสถานีรถไฟให้ใส่ Cosplay กันอีกด้วย

IMG_5247




ความประทับใจต่อที่นี่คือ คนญี่ปุ่นนอกจากจะรู้จักพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสแล้ว 

ยังพยายามรักษาโอกาสที่มีอยู่นั้นไว้ให้ยั่งยืนที่สุด

เห็นได้จากตั้งแต่ปี 2555 ก็ได้ตั้งนิทามะ มาเป็นนายสถานีฝึกหัดประจำอยู่ที่สถานี Idakiso 

ซึ่งสถานีนี้ก็ตั้งอยู่บนทางรถไฟสาย Kishigawa เช่นเดียวกันกับสถานี Kishi 

จนกระทั่งทามะจากไป จึงแต่งตั้งนิทามะ มาประจำการที่สถานี Kishi แทน

ด้วยความคิดนี้ สถานีแห่งนี้คงมีนายสถานีเป็นแมวเหมียวสืบต่อไปเรื่อยๆ

เจ้ปุ้ยขอถ่ายรูปกับพี่แป้งโกะ เจ้ตื่นเต้น ยืนเกร็งมาก


อีกอย่างวันนั้นเราเจอ Omocha Densha รถไฟของเล่นด้วย 

ข้างในตกแต่งด้วยของเล่นนานาชนิด ฟิกเกอร์หุ่นยนต์ตรึม แถมมีตู้ให้กดของเล่นด้วย

เกือบเดินขึ้นไปละ แต่กลัวหลงกับคณะทัวร์ฮ่าฮ่าฮ่า

รับประทานอาหารกลางวันที่ Osaka






อาหารขึ้นชื่อของ Osaka คือ Kushikatsu เป็นอาหารเสียบไม้ชุบเกล็ดขนมปังทอด พอได้มาลองกินที่นี้แล้ว รสชาติคนละเรื่องกับร้านที่ไปเปิดเมืองไทยโดยสิ้นเชิง แล้วก็มีของหวานเป็นช็อกโกแลตฟองดู และไอศกรีมด้วยนะเออ  ดีงามตามวัตถุดิบ ควรมาโดนเป็นอย่างยิ่ง (ร้านชื่อ Kushiya Monogatari since 1997 อยู่บนห้าง Yodobashi Umeda)



ช่วงบ่าย เขาพาทาสแมวไปปล่อยที่

Aeon Mall  Osaka dome City, Aeon pet mall 

IMG_5281


ทาสแมวเมืองไทยได้แยกกันไปซื้ออาหาร เสื้อผ้า ของเล่น ไปให้แมวที่บ้านกันคนละถุงสองถุง เจอร้านหนังสือ มีหนังสือแมวเต็มเลย คนที่นี่ให้ความสำคัญกับแมวจริงๆ 

เราแอบเห็นเจ้ปุ้ยซื้อติดมือกลับมา 2 เล่ม สงสัยจะชอบมาก ถามว่าอ่านออกมั้ย "ไม่" แต่ข้างในภาพสวยทุกภาพเลย

ส่วนเราหรอ แน่นอน มาญี่ปุ่นทั้งทีต้องไปตามหาลูฟี่ (ฟิกเกอร์การ์ตูน One piece) สักหน่อย เจอด้วยนะ แต่สู้ราคาไม่ไหวจริงๆ แพงอะ เดี๋ยวล้มละลาย เลยไม่ซื้อดีกว่า  


มื้อค่ำไปกินอาหารปิ้งย่าง Yakiniku มิชอบเลยอะ ผักไม่มี หมูก็มัน แต่ใครที่ชอบทานเนื้อวัวคงฟินอะ เนื้อวัวไม่อั้น! 

ทานเสร็จกลับโรงแรม Hotel Plaza Osaka (เจ้บอก ถ้าเรามากันเองคงไม่ได้นอนดีขนาดนี้)

แต่เดี๋ยวก่อน ภารกิจของสองพี่น้องยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากพวกเราลืมเอาแบตกล้องมา 


ในขณะที่ทุกคนกำลังพักผ่อน การผจญภัยในแดนปลาดิบ  เพื่อตามหาแบตกล้องจึงเริ่มขึ้น 

เริ่มจากลองปรึกษาพนักงานโรงแรมว่า ซื้อที่ไหนดี เขาแนะนำให้ไป ร้านสารพัดนึก Don Quijote หรือ "ดองกี้” 

แต่พนักงานดองกี้บอก ที่นี่ไม่มี ให้ลองไป Umeda 

ซืดเลยตอนนั้น เพราะสามทุ่มแล้ว ร้านต่างๆ ปิดหมดแล้ว แต่เขาบอกว่าห้างที่ Umeda ปิด 4 ทุ่มไป แถมนั่งรถไฟจาก ที่นี่สถานีJuso ไป Umeda ใช้เวลา 5 นาทีเอง 


เดินมาถึงสถานี Juso 

ได้ยินกิตติศัพท์มาว่า รถไฟใต้ดินที่ญี่ปุ่นนั้น งงงวยและซับซ้อน เพราะมีหลายเส้น หลายชนิดรถไฟ และชานชาลาก็มีหลายชั้นด้วย

บอกไว้ตรงนี้เลยว่า ที่ได้ยินมานั้น ของจริงนั้น น่าสะพรึงกว่าเยอะ เพราะตอนซื้อตั๋วรถไฟนายสถานีบอกให้ขึ้นที่ชานชาลา 4 ก็วิ่งไปขึ้นขบวนรถไฟที่เลข 4 

พอขึ้นไปสักพัก ลางสังหรณ์มันฟ้องว่า พวกเราหลงชัวร์ เพราะป้ายที่บอกสถานีต่อไป มันไม่มี Umeda อยู่เลย

เลยถามคุณลุงข้างๆ ว่าไป Umeda ยังไง

คุณลุงก็อธิบายว่า นี่ไม่ใช่สาย... ที่จะต้องไปมันสาย... อยู่ชานชาลาฝั่งตรงข้าม~ อธิบายยาวและหลายรอบ 

สรุปคือ ขึ้นถูกชานชาลาแล้ว แต่ขึ้นผิดฝั่ง ชีวิตเปลี่ยนเลยทีเดียว

ตอนจะลงไปขึ้นฝั่งที่ถูก คุณลุงยัง บอกให้ “Ki o Tsukete ne" (ดูแลตัวเองด้วยนะ)  แหม! น่ารักจริงๆ คุณลุง

สุดท้ายแล้วก็มาถึงย่าน Umeda โหวว! ห้างแถวนี้ยิ่งใหญ่มากจริงๆ

อารมณ์เอาสยามพารากอน ห้า เซ็นทรัลเวิร์ล แปด สยามเอ็มเเบสซี่ 

มาสร้างทางเชื่อมรวมๆ กัน ในที่สุด เราก็ได้แบตกล้องมาจากห้าง Yodobashi

IMG_2103
เจ้บอกว่าอันละ 8,500 เยน ถูกกว่าบ้านเราไม่กี่บาท

ตอนขากลับโรงแรม ปัญหาคือไม่รู้ว่าขึ้นชานชาลาไหน

เลยถาม กลุ่มนักศึกษาแถวนั้น เขาบอก “ให้ตามพวกผมมาเลยจะไปทางนั้นอยู่แล้ว" 

ตอบเป็นภาษาอังกฤษ! ดีใจมาก! เสมือนเจอน้องชาย ที่พลัดพรากจากกันมานาน

เด็กกลุ่มนี้ พยายามตอบทุกสิ่ง ซึ้งมากมาย 

เราบอกลาพวกเขาด้วยคำว่า Doumo Arigatou gozaimasu (ขอบคุณมากค่ะ แบบสุภาพ) 

จริงๆ ในใจอยากพูดว่า Suki desu (ชอบคุณค่ะ) >___< ฮ่าฮ่าฮ่า ก็เด็กญี่ปุ่นหล่อ ง่ะ


คำแนะนำสำหรับวันนี้

1. จงอย่าลืม เอาแบตกล้องของท่านมา ไม่งั้นมีเหนื่อย

2. จงเช่า Wifi Router มา อินเตอร์เนตนั้น ช่วยอะไรเราได้เยอะ ในต่างถิ่น 

3. ไม่รู้ จงถาม คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ พร้อมช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว แม้เขาไม่พูดภาษาอังกฤษ แต่ด้วยความอยากช่วยเหลือ ถึงแม้เขาจะพูดญี่ปุ่นล้วน แต่มีความพยายามในการสื่อสาร ด้วยภาษากาย ภาษาใบ้ วาดรูปหรือเขียนโน้ตให้  (เราก็ทำเออออ ห่อหมกกับเขาไป แล้วกล่าวขอบคุณ)

4. นับเหรียญไม่ถูก ก็ให้คนญี่ปุ่นช่วยนับสิ เขามีกฎหมายคุ้มครองเรื่องเงินทอนอยู่ ไม่ต้องห่วง (กำเหรียญมาทั้งพวง แล้วแบมือให้เขาเลย) 

5. มาญี่ปุ่นทั้งที โอกาสฝึกภาษามาถึงแล้ว รู้ภาษาญี่ปุ่นน้อยนิดแค่ไหน ก็พูดไปเหอะ 

เรานี่พูดหมด รู้แค่บางคำที่ได้ยินบ่อยๆ ในซี่รี่ย์กับการ์ตูน ยังพูดเลย

6. คนญี่ปุ่น ขี่จักรยานบนทางเท้าได้นะ หมวกก็ไม่ใส่ ถุงมือไม่มี๊ ผู้หญิงก็ถกกระโปรงปั่นด้วยความเร็วสูงได้ ปั่นจักรยานกันเสมือนเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในร่างกาย สุโก่ยที่สุด อย่างพลิ้วอะ คนเดินเอ๋อๆ เดินกดมือถือนี่ มีโดนชนนะ ต้องเดินระวังๆ ไม่ก้มหน้า โอมจงเงย

IMG_4621

คุณลุงกับหมาชิบะ เราเจอเขาหน้าทางเข้าปราสาท โอซาก้า วันที่ 3 ค่ะ


29 ก.ย. 2558 Kiyomizu dera,Kyoto  เกียวโตเมืองหลวงเก่าที่รอคอย 

เราเป็นคนชอบวัฒนธรรมโบราณ ชอบดูหนังพีเรียด ทางเดินที่จะไปวัด เราเลยแอบหวังเล็กๆ ว่าจะมีคนแต่ง Cosplay เป็นซามูไร มาเดิน (อยากเจอเคนชินอะ) แต่ที่เจอคือทัวร์จีน 

พระใส่หมวกไม้ไผ่ใบโต เดินเงียบๆ ดูสำรวม 

เด็กประถมมาทัศนศึกษา และคู่รักใส่ชุดยูคาตะ


แต่เดินๆ อยู่ก็เจอร้านหนึ่งขายพวกดาบซามูไร มีด ดาวกระจาย และอาวุธลับต่างของนินจา ฆ่ากันโหดมากมายเลยสมัยก่อน

มีของที่ระลึกเป็นดาบย่อส่วนให้เล็กลง วางบนแท่นใส่ในกล่องกระจกเล็กๆ (แอบแพงอยู่) 

มีพวงกุญแจดาบซามูไรด้วย เกือบหยิบละตอนนั้น แต่สีไม่โดน ดาบสีม่วงอะ แบ๋วไปป่ะ

ไฮไลท์ของที่นี่คือ มุมวัดที่เห็นระเบียงเสาค้ำระเบียง ที่ว่ากันว่าไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว 

เป็นภาพไฟลต์บังคับของทุกคนที่ไป Kiyomizu

สมัยเอโดะที่นี่จะมีวลีฮิต คือ “กระโดดจากระเบียง Kiyomizu ลงไป” 

เป็นภาษิตดังของญี่ปุ่นแปลว่า "ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด”

 มาจากการกระทำจริงในสมัยเอโดะว่า ถ้าใครโดดจากระเบียงสูง 13 เมตร ที่วัด Kiyomizu แล้วรอดชีวิต ความปรารถนาจะเป็นจริง 

ส่วนใหญ่ในสมัยนั้นรอดนะ แต่ในปัจจุบันรัฐบาลได้ออกมาห้ามทดลองโดดแล้ว

เราก็ยืนมองระเบียงนี้นะ นึกถึงฉากกระโดด ตอนท้ายในหนัง Crouching Tiger, Hidden Dragon เลยอะ กล้าโดดกันได้ยังไงน้าา


ที่ฮอตๆ อีกที่คือ ใต้ห้องโถงของวัด มีน้ำตก Otowa เป็นน้ำตก 
ที่แบ่งย่อยออกเป็น 3 สาย เชื่อกันว่าดื่มแล้วจะสมความปรารถนา

สายที่ 1. ประสบความสำเร็จด้านการศึกษา  
สายที่ 2. สมหวังเรื่องความรัก                   
สายที่ 3. มีสุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาว        

เราไม่ได้ดื่มหรอก ไม่มีเวลาต่อคิว เพราะมีนักเรียนที่มาทัศนศึกษากัน ยืนต่อคิวอยู่ก่อนแล้ว
เราเลยยืนขอตรงนั้นเลย แน่นอนอยู่แล้ว ต้องขอข้อ 1. ขอให้ผ่านทุกสนามสอบ ราบรื่นทุกปริญญา สาธุ!

ในบริเวณวัด ยังมีศาลเจ้า Jishu อยู่ด้านหลังอารามหลักของ Kiyomizu สร้างไว้สำหรับบูชาเทพ Okuninushi no Mikoto เทพเจ้าแห่งความรักและความราบรื่นในชีวิตคู่
ในเมื่อที่นี่ขึ้นชื่อ เรื่องการขอพรเรื่องคู่และความรัก สาวบนคานอย่างเราจะรอช้าอยู่ใย 
รีบเดินขึ้นบันไดไปไหว้รัวๆ
พอขึ้นไป จะเห็นศาลเจ้ามากมาย และไฮไลท์คือ หินทำนายความรักสองก้อน โดยหากหลับตาเดิน จากหินก้อนหนึ่ง ไปถึงอีกก้อนได้ ก็จะได้เนื้อคู่แท้
แต่ก็นะ วันนั้นที่ไป ไม่เห็นมีใครทดลองเดินเลยอะ สงสัยคนเยอะ เดินยังไงก็ เสี่ยงทายไม่สำเร็จหรอก จะเดินชนคนอื่นมากกว่า

ข้อสังเกต
พี่ไกด์บอกเรา ว่าการสืบทอดความรู้ ทางสถาปัตยกรรมต่างๆ ของคนญี่ปุ่นคือ รื้อแล้วสร้างใหม่ เหหห! ใช่ สร้างเสร็จแล้ว รื้อเลย! ให้คนรุ่นต่อไปเรียนรู้ วิธีการสร้างของเก่า 
ด้วยการลงมือลงแรง ทำด้วยตนเอง สุโก่ย นี่คือ วิธีคิดของคนญี่ปุ่นนะคะ (เจ้ปุ้ยบอกว่า วิธีนี้ชื่อว่า Reengineering ค่ะ)

IMG_5152



2. จากการสังเกตป้ายขอพร ตามวัดแล้ว ส่วนใหญ่จะไม่มีภาษาไทยเลย ทั้งๆ ที่คนไทยมาญี่ปุ่นเยอะมาก ทำไมนะ เอ...หรือเขาเขียนเป็นภาษาอื่น หรือเวลาไม่พอ หรือไม่คิดจะร่วมสนุกกับอะไรแบบนี้ ดูงมงาย? หรือป้ายราคาแพงไป หรือกลัวคนเผือก ต้องใช่แน่ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้าเราอ่านภาษาญี่ปุ่นกับภาษาจีนออก นั่งอ่านเพลินไปแล้วเนี่ย


แต่สิ่งที่พวกเราเพลิดเพลิน คือ มุมขายของที่ระลึกและเครื่องรางค่ะ

พี่เรย์โกะ กำลังเลือกเครื่องราง เอาไปฝากใครหนอออ?


มื้อเที่ยงเป็นเช็ตแบบเกียวโต หม้อไฟ และเต้าหูของขึ้นชื่อของที่นี่ 

IMG_2117

IMG_2115

IMG_5258


เราชอบมื้อนี้มาก มีผัก มีเต้าหู มีปลา โหย ของโปรดทั้งนั้นเลย ฟิน~ 



ที่ต่อไปคือ ศาลเจ้า Fujimi Inari 


สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพ Inari ในยุคเอโดะเทพ Inari ที่ดูแลเรื่องการเกษตร และการค้าได้รับความนิยมมาก พวกพ่อค้ามีธรรมเนียมสร้างโทริอิถวายศาลนี้  เพื่อขอให้การค้ารุ่งเรือง ดังนั้นบนเขาจึงเต็มไปด้วย โทริอิอย่างแน่นขนัด ราวกับเขาวงกต มันยาวมาก

ถ้าจะเดินจากต้นแรกถึงต้นสุดท้ายใช้เวลา 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว สงสัยต้องเรียกโทมัสในหนัง Maze Runner มาด้วยจะได้วิ่งทำสถิติกัน 

ซึ่งโทริอิสีแดงที่เรียงรายกันนี่แหละ เป็นมนต์เสน่ห์ที่ดึงดูด ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมกัน 



ฉะนั้นจะมีนักท่องเที่ยวมากมายมายืน เพื่อเก็บภาพกับโทริอินี้ ต้องงัดสกิลส่วนตัวกันนิดหน่อยนะจ๊ะ เพื่อจะให้ได้ภาพปลอดคนอันสวยงาม



ในศาลเจ้า Inari จะเห็นรูปปั้นจิ้งจอกคาบสิ่งของต่างๆกันไป ซึ่งจิ้งจอกนั้นถือว่าเป็นข้ารับใช้ หรือผู้ส่งสารของเทพ Inari นั่นเอง

ทำให้เราก็นึกถึงจิ้งจอก Tomoe จากมังงะเรื่อง Kamisama Hajimemashita 

คิดว่าคงได้รับแรงบันดาลใจมาจาก เรื่องราวของศาลเจ้าแห่งนี้หรือเปล่านะ


ที่นี่มีแผ่นขอพร เป็นรูปโทริอิย่อส่วน กับรูปจิ้งจอกซึ่งตอนนี้ กลายเป็นแผ่นฝากผลงานวาดรูปกัน  มากกว่าจะเขียนคำอธิฐานนะ



วัดต่อมา คือ Todai-ji, Nara


ถ้ากล่าวถึงวัด Todai-ji โทไดจิ ก็จะนึกถึงพระพุทธรูป Daibutsu ไดบุตสึ 

หรือคนไทยเรียกติดปากว่า หลวงพ่อโต ก็ใหญ่โตจริงๆ สูงเท่าตึกห้าชั้นได้ 

ทราบมาว่า ในสมัยที่สร้างพระพุทธรูป และวิหารที่ประดิษฐานนั้น  จักรพรรดิใช้เงินเยอะมากๆ และใช้แรงงานประชาชนเป็นแสนคน 

จนได้รับการบันทึกว่า เป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แถมวัดนี้ ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย อู้ววว!

ถ้าคิดถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และการท่องเที่ยวในยุคปัจจุบัน 

ถือว่าคุ้มกับเงิน หยาดเหงื่อ และแรงงานของประชาชนที่ได้ลงแรงไปมั้ง 

ค่อนข้างไม่เห็นด้วย กับการสร้างวัดให้ใหญ่โตเว่อร์วัง 

คิดว่าสร้างพอประมาณแล้วหันมาพัฒนาจิตใจ พัฒนาด้านอื่นๆ จะดีกว่า 

แต่ก็นะ ท่านคงคิดอย่างรอบคอบแล้ว ในฐานะจักรพรรดิจึงสร้าง ไม่งั้นไม่โด่งดังมาจนถึงยุคปัจจุบันหรอก



ภายในวิหารนี้มีสิ่งน่าสนใจคือ เสาต้นหนึ่ง ที่ฐานมีช่องขนาดคนรอดได้ การลอดช่องนี้มีหลากหลายความเชื่อมาก เช่น 

1. เป็นการเดินทางไปสู่พุทธะ หรือความเป็นผู้รู้ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เพราะลอดได้ยากลำบาก เปรียบเสมือนปุถุชนมีกิเลสหนาบาง ไม่เท่ากัน ย่อมบรรลุพุทธะได้ยากง่ายแตกต่างกัน เช่นคนตัวใหญ่ เปรียบได้กับคนกิเลสหนา ย่อมบรรลุพุทธะได้ยาก คนตัวเล็กหรือเด็กๆ เปรียบได้กับคนกิเลสบาง ย่อมบรรลุพุทธะได้ง่ายกว่า เป็นต้น  (อืม ฟังดูดีมีหลักการ)

2. เชื่อว่าจะโชคดี

3. เชื่อว่าจะได้กลับมาเมืองนาราอีกครั้ง


วันนั้นที่ไป มีแต่เด็กประถม ที่มาทัศนศึกษามาลอดช่องนี้ แถมคุณครูยังถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกให้ทุกคนอีกด้วย สนุกกันใหญ่เลย

สำหรับเรานะ คิดว่า เป็นช่องทดสอบความอ้วนมากกว่า คือ ถ้าลอดไม่ได้ ควรพิจารณาหุ่นตัวเอง เพื่อสุขภาพที่ดีนะ



ที่บริเวณวัดแห่งนี้จะกว้างขว้าง พี่ไกด์บอกว่าด้านหลังเป็นป่า แต่ตอนกลางวันจะมีกวางมาเดินเล่น คอยจ้องจกขนมเซมเบ้จากนักท่องเที่ยว


คือ กวางที่นี่เล่าลือกันว่าโหด แต่เอาจริงๆ ก็แค่กลิ่นอึอบอวล และมีสกิลในการจก ขนมเซมเบ้ด้วยความเร็วสูงเท่านั้นเอง กวางเมืองไทยโหดกว่าเยอะ บอกเลยฮ่าฮ่าฮ่า 

ไม่เข้าใจจะกรี๊ดกลัวกวางกันทำไม  แบมบี้ที่นี่ออกจะอ่อนโยนเนอะ


โดยส่วนตัวชอบนะวัดโทไดจินี้ โดยเฉพาะซุ้มประตูหน้าวัด  สวยงามวิจิตรมาก เป็นเสาไม้ล้วนๆ 18 ต้น วัดนี้อนุรักษ์ของโบราณดีอะ กว้างด้วย  

ถ้ามาฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้กำลังเปลี่ยนสีคงสวยมาก เหมาะสำหรับคู่สามีภรรยาสูงวัย มาเดินชมกวาง


มื้อเย็น เป็น Okonomiyaki สไตล์คันไซ (ขอเรียกว่าพิซซ่าญี่ปุ่นละกัน) ที่ร้านจะบอกขั้นตอนการทำไปพร้อมๆ กับให้ลูกค้าแสดงฝีมือทำทานกันเอง พิซซ่าที่ได้จะสวยงาม กลม แบน แตกต่างกันไป สนุกดีนะ ได้ทำเอง ที่สำคัญมีไอศกรีมตบท้ายด้วย ซึ่งมื้อนี้ได้นั่งทานร่วมกับเจ้าของเพจ Cattotoy มาเป็นคู่รักสามีภรรยา พี่สองคนใจดีและอบอุ่นมากค่ะ และทำให้รู้ว่าเจ้าของเพจแมวที่มาทริปนี้สนิทกันหมดเลย มีอะไรเขาก็ช่วยเหลือ ส่งข่าวระหว่างเพจกัน ขอฝากเพจแมวครอบครัวเราด้วยได้มั้ยคะ =>_<=


คำแนะนำสำหรับวันนี้

1.เวลาอยากถ่ายรูปคนญี่ปุ่น ควรขออนุญาตก่อนเสมอ ส่วนมากจะถูกปฏิเสธ เงิบเลย เทคนิคคือ ถ่ายข้างหลังแทนฮ่าฮ่าฮ่า พยายามทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวอะ คนญี่ปุ่นที่แต่งตัวจัดเต็ม เช่น ใส่ยูคาตะมา ส่วนใหญ่จะยอมให้ถ่ายอยู่แล้ว

2.ไปวัดคิโยมิซึ อย่าลืมซื้อกระดาษซับมันขั้นเทพ Yojiya  และชิมซอฟครีมชาเขียว (เราพลาดมาแล้วT____T)



วันที่ 30 ก.ย. 2558

เดินทางไปปราสาท Osaka


ปราสาท Osaka ถือเป็น The Must ของทีนี่ เป็นหนึ่งในสามปราสาท ที่โด่งดังที่สุดของญี่ปุ่นเลยที่เดียว สร้างโดยโชกุน Hideyoshi Toyotomi  ต่อมา Tokugawa ขึ้นครองอำนาจจึงต่อเติมเพิ่ม ผ่านสงคราม ฟ้าผ่าและถูกไฟไหม้ ภายหลังได้ซ่อมแซม และสร้างลิฟท์เพื่อให้สามารถขึ้นไปเยี่ยมชมได้ง่าย

IMG_4636



อย่างที่ทราบกัน มากับทัวร์เวลาน้อย สองพี่น้องมัวถ่ายรูปปราสาทด้านนอกกันอยู่ และคิดว่าคงเข้าไปชมภายในไม่ทัน 

เลยไม่ได้เห็นภายในปราสาทอะ เสียดาย ชอบอะไรพวกนี้มากอยู่ด้วย แต่ไม่เป็นไร ไว้มาใหม่สักวัน



สิ่งที่น่าสนใจ คือ ปราสาทถูกล้อมรอบไปด้วยสวน Nishinomaru ซึ่งมีต้นซากุระกว่า 600 ต้น 

ในช่วงเดือนเมษายนจะเป็นสถานที่นิยมในการชมซากุระ เพราะมีปราสาทโอซาก้าเป็นฉากหลัง สง่าและสวยงามมาก


สิ่งที่พลาดไม่ได้ คือ ไอศกรีมของที่นี่อร่อย



ร้ายขายของกิน หน้าปราสาทโอซาก้า


ขอบคุณพี่เรย์โกะ ที่อุตส่าห์ถ่ายรูปคู่สองพี่น้องให้ ทั้งทริปมีรูปด้วยกันทั้งสิ้น 3 รูปถ้วนฮ่าฮ่าฮ่า พี่เรย์โกะ นอกจากจะน่ารักมากแล้ว ยังเฟรนลี่สุดๆ ปริ่ม=>______<=

ขอบคุณคุณตากล้อง เจ้าของเส้าหลินด้วยที่ถ่ายรูปให้ คือ เราจะถ่ายรูปคู่ ให้เจ้ปุ้ยกับพี่เรย์โกะ ถ่ายเท่าไรก็ไม่สวย เลยขอความช่วยเหลือ จากตากล้องมืออาชีพซะเลย ตอนในทริปไม่มีโอกาสได้คุย (เขินอยู่) ขอใช้พื้นที่ตรงนี้กล่าวขอบคุณ และอยากบอกว่า 

ชอบเส้าหลินมากเลยค่ะ ขอให้เส้าหลินหายไวๆ (เจ้าเทาที่บ้านก็ผ่านจุดนี้มาแล้วเหมือนกัน สู้ๆ นะคะ)


สำหรับแฟนคลับพี่เรย์โกะ ปรอยขอลายเซ็นต์มาให้แล้วนะคะ
เซ็นต์ลงบนปก Scawaii ญี่ปุ่นเล่มล่าสุดค่ะ



เดินทางไป Cat Cafe

คาเฟ่แมว ชื่อ Nyantsume อยู่ที่ Shinsaibashi 

คาเฟ่แมวที่ญี่ปุ่นจะเล็กๆ มีแมวไม่เยอะมาก แต่แมวจะตัวใหญ่ ร่าเริง เดินรับแขกตลอดเวลา 

ส่วนกฎข้อบังคับหลัก ก็จะคล้ายๆ กับของเมืองไทย ต้องถอดรองเท้า ล้างมือก่อน ไม่ให้อุ้มแมว ไม่บังคับแมว ไม่ให้ใช้แฟลชในการถ่ายรูป 

จะแตกต่างตรงที่มีเวลาจำกัด และเจ้าของคาเฟ่ที่นี่จะยืนคุมเข้มตลอด กลัวเราทำอะไรแมวเขา ก็นะ มากัน 40 กว่าคน จะไม่ให้เป็นห่วง ได้อย่างไร

IMG_4747

IMG_5243

IMG_5386




มื้อเที่ยง เป็นชาบู ดีใจอะ! ของโปรดทั้งนั้นเลย ผักไม่อั้น ไอศกรีมกดเอง



ตอนบ่าย ปล่อยฟรีสไตล์ 

ตอนแรกอยากไป Universal Studio ที่เป็น Harry Potter แต่เจ้ปุ้ยบอกว่าที่นั่น ต้องมีเวลาทั้งวัน ไปก็ไม่คุ้ม อยู่เดินย่านชินไซบาชิดีกว่า (แหม รู้หรอกว่า เจ้อยากช๊อปปิ้ง)

ที่ย่านนี้ อารมณ์เหมือนสยามบ้านเรา แต่หรูกว่า กว้างกว่า ใหญ่กว่า คนเยอะกว่า 

ก็ปล่อยเจ้ช๊อปไป เราก็เดินๆ ไปเรื่อยพยายามเดินเป็นเส้นตรง ไม่เลี้ยว เดี๋ยวหลง (เป็นคนหลงทิศ) 

มองคนญี่ปุ่นแต่งตัว คือ พื้นฐานคนญี่ปุ่นนั้นผิวสวย หน้าก็ดี ผู้ชายก็สูง ใส่อะไรก็ดูดีไปหมด มองเพลินอะ 

และสิ่งที่อย่าได้พลาดคือ ทาโกะยากิ นะ ที่โอซาก้า คือ ต้นตำรับ

2 วันหลัง เราพักที่โรงแรม Hearton Hotel Nishiumeda จะใกล้กับสถานีรถไฟโอซาก้า ตอนกลางคืน เราสองพี่น้อง ก็ไม่พักค่ะ เดินเล่นในสถานีรถไฟ 

ที่ญี่ปุ่น ตามสถานีรถไฟใหญ่ๆ จะมีร้านอาหาร ร้านค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต มากมาย และคนญี่ปุ่นเลิกงานดึกมาก ตอนนั้นไปประมาณ 4 ทุ่ม คนญี่ปุ่นยังนั่งทานอาหารมื้อเย็นกันอยู่เลย 


เนื่องจากคืนก่อนเรากับเจ้ปุ้ยก็เดินที่นี่มารอบหนึ่งแล้ว 

เราเลยขอแยกมาทำภารกิจสำคัญ คือ เขียนโปสการ์ด (ประมาณ 20 ใบ) 

ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เพื่อนๆ พี่ น้อง ได้รับโปสการ์ดเราครบแล้วหรือยังนิ 

เราเคยรับมาเยอะแล้ว พอมีโอกาสเที่ยวเมืองนอก ก็อยากส่งกลับให้บ้าง ดีใจมั้ย


คำแนะนำสำหรับวันนี้

ประเทศหนาวๆ นี่น้า เดินสนุก ไม่ร้อน แต่หากร่างกายไม่ฟิต กล้ามเนื้อขาไม่แน่น 

มีปวดเมื่อยอะ เรานี่วันที่ 3 เอง จอดอะ ปวดขามาก ก้าวไม่ออก ซึ้งแล้วกับความหมายของคำว่า 'ปวดจนขยับไม่ได้' เป็นอย่างไร ถ้าไม่มียานวด แนะนำให้แช่น้ำอุ่นที่โรงแรมสักพัก 

พอบรรเทาปวดได้นะ  


1 ต.ค.2558 คณะทาสแมวเดินทางกลับเมืองไทย

ตอนก่อนกลับ ก็ขอบคุณบ๊ายบายพี่นัชญ์ และได้พูดคุยกับคุณวี เจ้าของเพจ Cookie ang the gang คุณวีวาดรูปสวยมากค่ะ ปรอยแอบเห็นคุณวีถ่ายรูปเยอะ สงสัยจะเขียนรีวิวทริปใช่มั้ยคะ รออ่านอยู่นะคะ เห็นตอนแรกออกมาแล้ว รอตอนต่อไปนะคะ


สุดท้ายนี้ 

IMG_5215 ขอบคุณเจ้ปุ้ย พี่สาวที่เขียนบทความ
บอกเล่าเรื่องแมวในครอบครัวของเรา
จนได้รับรางวัลมาเที่ยวญี่ปุ่น ประเทศอันดับหนึ่งในฝันเลย

แถมได้เจอเพื่อนร่วมทริป ที่เป็นคนรักแมวเหมือนกันอีก
ได้เจอเหล่าเซเลบเจ้าของเพจดังมากมาย
ไม่ได้ชวนคุยเยอะ เขินอยู่ค่ะ
(เป็นคนพูดน้อย แต่เขียนเยอะ)

ได้ไปเยือนในที่ๆ เคยใฝ่ฝันว่าต้องไปเยือนให้จงได้
ไม่ว่าเป็น Cat Cafe สถานีรถไฟเจ้าแมวทามะ
วัดในเกียวโต นารา ปราสาทโอซาก้า ฯลฯ 

สนุกและมีความสุขมากเลย  ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องขอขอบคุณเพจทูนหัวของบ่าว และผู้สนับสนุน

อย่างเป็นทางการคือ อาหารแมว Nekko มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ที่จัดกิจกรรมดีๆ ให้เหล่าทาสแมวได้มาเจอกัน มาแชร์เรื่องราวแมวๆ ที่ประทับใจร่วมกัน ในประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้ 

นี่ไม่ใช่แค่การมาเที่ยว แต่เป็นจุดเริ่มต้น ของการรวมตัวของคนรักแมวอย่างเป็นทางการ 

(แบบกินนอนด้วยกัน) รู้สึกแฮปปี้กับทุกคนในทริป เพราะเรามาด้วยวัตถุประสงค์เดียวกัน

 และบูชาสิ่งเดียวกัน แมว จงเจริญ!! ฮ่าฮ่าฮ่า



จัดอีกบ่อยๆ นะคะ จะรอคอย เข้าร่วมกิจกรรมเสมอ 

ใครที่สนใจ รีบสะสมซองและตามข่าวสารที่เพจ Nekko นะคะ 

แว่วมาว่าปีหน้าจะพาไปดูซากุระที่เกาะแมว ค่ะ

ฟังดูเหมือนสวรรค์ชัดๆ 


และสำหรับใครที่รักแมว เห็นว่าเร็วๆ นี้จะมีการรวมตัวครั้งใหญ่ของบรรดาแมวๆ เซเล็ปไทย

จัดงานกีฬาสีเพจแมว ทั้งหมด 6 สีด้วยกัน

1.ทีมสีแดง แม่สี หมูแดง หมูแดง แมวอินดี้ Whopper Toffee Furby แมวแฝดคนละฝา
2.ทีมสีส้ม แม่สีเสือโคร่ง ทูนหัวของบ่าว
3.ทีมสีเหลือง แม่สี มีบุญ Meeboon Able Maew
4.ทีมสีเขียว. แม่สี เส้าหลิน เค้าเรียกผมว่าแมว
5.ทีมสีฟ้า. แม่สี จอนนี่ จอนนี่แมวศุภลักษณ์
6.ทีมสีชมพู แม่สี หมวย เจ้หมวย แมวพะยูน - ตัวอะไรกลมๆ

 (เสื้อสีของปรอยก็พร้อมแล้ว สีส้ม แจกในทริปที่ใส่กันวันสุดท้ายค่ะ)

กีฬาสีจัดวันที่ 1 พ.ย. 2558 นี้นะคะ ที่ BCC HALL ชั้น 3 เซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว เวลา 10.00 น.- 20.00 น.

ใครรักแมวไปเชียร์น้องแมว เขาเล่นกีฬากันได้ค่ะ 

ค่าบัตรเข้าชม ปรอยเห็นเขาว่าซื้อหน้างานได้ 100 บาท เอาไปสมทบทุนโครงการปันน้ำใจให้แมวจร นะคะ 

ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โครงการรักษ์แมว ปันน้ำใจให้แมวจร


วันนี้ไปก่อนแล้ว พบกันใหม่ ถ้ามีโอกาส สวัสดีค่าาา




Create Date : 22 ตุลาคม 2558
Last Update : 23 ตุลาคม 2558 2:29:06 น.
Counter : 2488 Pageviews.

1 comments
  
อ่านสนุกมากกกกก
โดย: นังนู๋วา วันที่: 24 ตุลาคม 2558 เวลา:12:13:17 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

PuY~isme
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 115 คน [?]



ปุ้ยเชื่อว่า มนต์วิเศษที่ทำให้ผู้หญิงทุกคนสวยได้ คือ ความสุขที่มาจากหัวใจค่ะ ^ ^ สวย สร้างสรรค์ และแบ่งปัน http://www.puyisme.com