Brush Cleaning Technique [update]


วันนี้ปุ้ยมาอัพเดตเทคนิคการทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า ให้ดูกันค่ะ
เทคนิคนี้ปุ้ยใช้อยู่ในปัจจุบันค่ะ หลังจากศึกษาสารพัดเทคนิคมาจากคลิปยูทูปของเมกอัพกูรูของต่างประเทศ ก็นำมาทดลองจะได้วิธีที่ดีที่สุดที่ปุ้ยใช้อยู่ค่ะ

การล้างทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า เทคนิคที่ปุ้ยใช้เป็นประจำ มี 2 แบบ คือ Spot Cleaning และ Deep Cleaning
และอุปกรณ์ที่จำทำความสะอาดกันก็คือ แปรงแต่หน้า พัฟ และ ฟองน้ำค่ะ

 
 

- Spot Cleaning คือการทำความสะอาดแบบเร่งด่วนประจำวัน ปุ้ยใช้น้ำยาทำความสะอาดยี่ห้อโปรดของปุ้ย เทน้ำยาลงบนกระดาษอเนกประสงค์ โดยเลือกกระดาษที่หนาและสามารถเก็บกับน้ำได้ดี แล้วน้ำแปรงมาถูที่กระดาษเพื่อทำความสะอาดให้เครื่องสำอางหลุดออกมาติดกับกระดาษ พอสะอาดแล้วก็นำแปรงไปผึ่งไว้บนที่ที่วางเตรียมไว้
- Deep Cleaning เป็นการทำความสะอาดแบบล้ำลึกประจำสัปดาห์ โดยเทคนิคการใช้นำยาล้างแปรงมี 2 แบบ แบบรายสัปดาห์และแบบรายเดือนจะใช้เทคนิคต่างกันค่ะ สำหรับรายสัปดาห์จะใช้น้ำยาล้างแปรงในขวดสเปรย์พ่นลงที่ขนแปรง แล้วนำแปรงมากับกระดาษอเนกประสงค์ เพื่อทำความสะอาด ส่วนการทำความสะอาดแบบรายเดือนจะรินน้ำยาล้างแปรงลงในถ้วย แล้วจึงนำแปรงจุ่มลงไปทำความสะอาดค่ะ นอกจากนั้นแล้ว ก็มีเทคนิคสำหรับแปรงขนาดใหญ่ หรือคนที่ไม่มีงบในการใช้นำยาล้างแปรง จะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองมาก ปุ้ยจะใช้สบู่ล้างมือแบบฆ่าเชื้อแบททีเรียผสมกับน้ำมันบริสุทธิ์ (เพื่อช่วยทำความสะอาดให้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้ขนแปรงนุ่ม ไม่แข็งกระด้าง) แล้วนำแปรงจุ่ม ขยี้แปรงให้เกิดฟอง จากนั้นน้ำไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วสะบัดแปรงเบาๆ ใช้กระดาษอเนกประสงค์ที่หนาและดูดซับน้ำได้ดี มาซับน้ำออกจากแปรง แล้วพ่นน้ำยาล้างแปรงเครือบขนแปรง แล้วน้ำไปผึ่งลมบนที่ที่วางเตรียมไว้

เพิ่มทริค: การทำให้ขนแปรงอยู่ทรงได้รูป สำหรับแปรงขนาดใหญ่ที่มีขนฟูๆ นำกระดาษอเนกประสงค์มาพันห่อขนแปรงไว้ให้แน่น ค่อยๆดึงห่อกระดาษออก แล้วจึงค่อยนำไปผึ่ง พอแปรงแห้งแล้ว ก็จะได้รูปและขนแปรงแน่นทำให้ใช้งานได้ดีขึ้นค่ะ  
สุดท้ายจบด้วย การทำความสะอาดฟองน้ำและพัฟ ใช้สบู่อาบน้ำในการทำความสะอาด ล้างให้สะอาด แล้วใช้กระดาษอเนกประสงค์ช่วยซับน้ำออก ทำให้แห้งไวขึ้น จากนั้นนำฟองน้ำและพัฟไปผึ่งให้แห้งในที่ร่มค่ะ
 
คิดว่าบล็อกนี้จะมีประโยชน์สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้า และรักษาคุณภาพเอาไว้ใช้งานได้นานๆ ค่ะ
การทำหมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์แต่งหน้านั้นนอกจากจะได้แปรงสะอาดสะอ้านไว้ใช้งานแล้ว
ก็ยังเป็นการรักษาสุขอนามัยของผิวหน้าเราด้วยนะคะ
ที่สำคัญจะช่วยให้เราจะมีความสุขกับแปรงที่หอมๆ นุ่มๆ
ช่วยให้เราสนุกสนานกับการเผยสีสันของเมกอัพได้อย่างชัดเจนขึ้นค่ะ
ใครมีเทคนิคดีๆ ก็นำมาแบ่งปันกันได้นะคะ
ขอบคุณค่าา
 
 
 
 
VDO https://www.puyisme.com
 Music  Paper, Bullets, Walls by Frente
 Product MAXMO Multi-Propose Towel
  maxmothailand.com



Create Date : 16 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 5 มกราคม 2564 21:50:08 น.
Counter : 1550 Pageviews.

2 comment
มาทำความรู้จักกับ BB Cream อย่างถ่องแท้ วิธีเลือกซื้อ และการใช้งานกันค่ะ

       

วันนี้ปุ้ยมาชวนสาวๆ คุยเกี่ยวกับเรื่อง บีบีครีม (Blemish Balm Cream: BB Cream) กันค่ะ
ซึ่งจะมาเล่าถึงที่มาที่ไป ว่าเจ้าบีบีครีมที่เราคุ้นหูและคุ้นเคยกันเนี่ย แท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่
และมาไขข้อสงสัยว่า เจ้าบีบีครีมเนี่ย มันแตกต่างจาก เมกอัพเบสและครีมรองพื้น ยังไงกันแน่
รวมถึง คำแนะนำในการใช้งานด้วยหละค่ะ

บีบีครีม เริ่มต้นจากการใช้ในวงการแพทย์ผิวหนัง เพื่อใช้ในคนไข้ที่ผ่านการรักษาผิวด้วยเลเซอร์หรือการรักษา
ที่ ทิ้งริ้วรอย แผลเป็นเอาไว้ จึงใช้บีบีครีมเพื่อปกปิดร่องรอยนั้นๆ
ซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อ BB Cream: Blemish Balm Cream ครีมที่มีส่วนผสมของปาล์มสำหรับใช้กับรอยตำหนิบนผิว 
โดย บีบีครีมนั้นมีส่วนผสมหลากหลายแล้วแต่วัตถุประสงค์ในการใช้งาน

ถือได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์อันชาญฉลาดที่นำไอเดียของการ ดูแลผิว ปกป้องและปกปิดผิว มารวมไว้ในขั้นตอนเดียว ซึ่ง ก็คือ

บีบี ครีม = ครีมบำรุง + ครีมกันแดด + เมกอัพเบส + รองพื้น

[BB Cream = Basic Skincare + Sun Protecter + Makeup Base + Foundation]
  

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีน้องใหม่คลอดตามบีบีครีมมา ก็คือ ซีซีครีม (Color Control Cream: CC Cream)
ซึ่งเป็นพัฒนาการหรือนวัตกรรมใหม่ที่พัฒนาต่อเนื่องมาจาก บีบีครีม ซึ่งคุณสมบัติที่เพิ่มเข้ามาของ ซีซีครีม คือ
คุณสมบัติของสารควบคุมสีผิว ไม่ดรอป ไม่หมอง สีผิวไม่เปลี่ยนระหว่างวัน ถ้าคิดตามสูตรง่ายๆ
[CC Cream = Basic Skincare + Sun Protecter + Makeup Base + Foundation + Color Controller]

ซีซี ครีม = ครีมบำรุง + ครีมกันแดด + เมกอัพเบส + รองพื้น + สารควบคุมสีผิว
เรียกได้ว่า ซีซีครีม นี่ก็คือ บีบีครีมประเภทหนึ่ง ที่สามารถควบคุมสีผิวหลังจากใช้งานไปแล้วไม่ให้เปลี่ยนแปลงไป นั่นเอง


ประเภทของบีบีครีม ในแต่ละยี่ห้อนั้นก็แตกต่างกันไป ตั้งแต่ต้นตำหรับที่เป็นเนื้อครีมเข้มข้น
จนมีวิวัฒนาการมาเป็น เนื้อครีมที่สามารถ เปลี่ยนเป็นเนื้อแป้งได้
หรือแม้กระทั้งแบบที่เป็นเนื้อแป้งเลยที่ เรียกกันว่า แป้งบีบี (BB Powder: Blemish Balm Powder)
ทำให้ใช้งานได้สะดวกและง่ายขึ้น


ถ้าพูดถึงในแง่ของส่วนผสม เราจะไม่มีทางรู้ได้แน่ชัดเลยว่า
สัดส่วนที่แท้จริงของบีบีครีมนั้น ประกอบไปด้วยอะไรในอัตราส่วนเท่าไหร่บ้าง
ดังนั้นการเลือกใช้ ควรจะเลือกจากผลลัพธ์หลังจากทาเจ้าบีบีครีมลงที่ผิวแล้วนั้น เอง

ซึ่งจุดนี้ เราจะสามารถตอบคำถามได้แล้วว่า
บีบีครีม แตกต่างจากการใช้ เมกอัพเบส (Makeup Base) และรองพื้น (Makeup Foundation) อย่างไร

นั่นก็คือ บีบีครีมจะเป็นส่วนผสมลับของเมกอัพเบสและครีมรองพื้นที่ผู้ผลิตผสมมาให้เรา เสร็จสรรพ
ส่วนการใช้เมกอัพเบสแยกกับรองพื้นคนละขั้นตอนนั้น เราสามารถกำหนดสัดส่วนได้เองค่ะ


กลับไปที่วัตถุประสงค์ของจุดเริ่มต้นขอ งบีบีคีม คือ ผลิตมาเพื่อให้คนไข้นำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย
ซึ่งไม่ใช่คนไข้ทุกคนจะรู้จักการแต่งหน้าด้วยเมกอัพเบส รองพื้นและคอนซีลเลอร์เพื่อปกปิดรอยแผลบนผิว
ดังนั้นวัตถุประสงค์ คือ ออกแบบมาให้ง่ายต่อการใช้งาน โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการแต่งหน้าค่ะ

แต่ส่วนใครที่ต้องการการใส่รายละเอียดใน การแต่งหน้าหรือปกปิดผิว
ก็สามารถแยกขั้นตอนการปกปิดผิวได้ตามความถนัดและความต้องการจะดี ที่สุด

มาพูดถึงในแง่ของการใช้งานกันบ้าง ผู้ที่เหมาะ สำหรับการเลือกใช้ บีบีครีม ได้แก่
1. ผู้ที่ต้องการดูแลผิวในวันที่ต้องเร่งรีบ ทั้งให้ความชุ่มชื้น และการปกป้องผิวจากแสงแดด
เพราะมีส่วนผสมของครีมบำรุงผิวและครีมกันแดด ซึ่งบางชนิดเพิ่มการดูแลผิวแบบพิเศษลงไปด้วย
เช่น การลดการอักเสบของสิว การทำให้ผิวสว่างขึ้น การลดริ้วรอยจางๆ

2. ผู้ที่ต้องการปกปิดจุดบกพร่องต่างๆ บนผิว ในระดับบางเบา 
ทั้ง รอยแผลเป็นจากสิว รอยกระ รอยฝ้า และรอยด่างดำ ดูจางลง
เพราะมีส่วนผสมของครีมรองพื้นที่ช่วยในเรื่องการปกปิดผิวและจุดบกพร่องของ ผิว 
3. ผู้ที่ต้องการปรับสีผิวให้ใบหน้ากระจ่างใส เพราะมีส่วนผสมของเมกอัพเบส ที่มักจะช่วยปรับสีผิวให้สว่างขึ้น
4. ผู้ที่ต้องการให้เมกอัพติดทนได้ดีขึ้น (ในกรณีที่ไม่ใช้เมกอัพเบส)
เพราะมีส่วนผสมของเมกอัพเบส ซึ่งบางประเภทก็ส่วนผสมที่ช่วยควบคุมความมันให้กับผิวหน้าได้ ด้วย


การเลือกซื้อ บีบีครีม
เนื่องจาก บีบีครีม ส่วนใหญ่ที่นำเข้ามาจากประเทศเกาหลี
ซึ่งผู้ผลิตก็ผลิตให้สอดคล้องกับสภาพผิวของสาวเกาหลี
ดังนั้นเนื้อครีมจึงมีสีที่สว่างกว่าสีผิวของสาวไทย ฉะนั้นแล้วก่อนตัดสินใจซื้อ
สาวๆ ควรเลือกและทดลองสีให้เหมาะกับโทนสีของเราก่อน โดยเทคนิคการเลือกมีดังนี้ค่ะ

1. โทนสีผิว โดยส่วนใหญ่ จะมี 2 โทน คือ
โทนสีผิวเหลือง และโทนสีชมพู เลือกโทนให้เหมาะกับผิวของเรานะคะ
ทดสอบโทนสีผิวบริเวณข้อมือ หงายข้อมือขึ้นดู จะเห็นได้ชัดสุด
ถ้าเห็นเส้นเลือดตัวเองเป็นสีม่วง แสดงว่าเป็นคนโทนสีผิวชมพู
แต่ถ้าเห็นเป็นสีเขียว แสดงว่าเป็นคนโทนผิวเหลือง
แต่ถ้าเป็นไปได้ ให้้ทดลองที่ผิวหน้า บริเวณข้างแก้ม ที่ปราศจากเครื่องสำอาง
เลือกสีที่ใกล้เคียงกับระดับสีผิวของใบหน้าด้วยจะดีที่สุด
โดยปกติแล้วบีบีครีมจะใช้เวลาเซ็ทตัวกับผิวและปรับสีผิวประมาณ 1 - 3 นาที
รอดูจนกว่าสีของครีมที่อยู่บนผิวจะนิ่งแล้ว
ค่อยตัดสินใจว่าเราโอเคกับมันมั้ย

2. ความปกปิด เลือกระดับความปกปิดในระดับที่เราพึงพอใจ
ชอบบางเบาหรือว่าหนาแน่นก็เลือกเอง เพราะแต่ละยี่ห้อมีส่นผสมที่แตกต่างกัน

3. ทดสอบอาการแพ้ เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับสาวผิวแพ้ง่าย
ทดสอบที่บริเวณข้อพับหรือหลังใบหู แล้วไปเดินเล่นซัก 3 - 4 ชม.
ถ้าไม่เกิดอาการคันหรือมีผื่นแดง ก็ถือว่าใช้ได้ค่ะ

 

เทคนิคการใช้บีบีครีม
เพื่อให้ได้ผลที่ดีที่สุด เราสามารถใช้ บีบีครีม หลังจากล้างหน้าให้สะอาดแล้วได้เลย
เนื่องจาก บีบีครีม มีส่วนผสมของครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดอยู่แล้ว เราสามารถข้ามขั้นตอนดังกล่าวได้ด้วย  บีบีครีม

ขั้นตอนที่ 1. บีบ บีบีครีม ขนาดเท่าเม็ดถั่วเขียวพักไว้ที่หลังมือก่อน
เราจะไม่แต้มไปที่ใบหน้าเลย เพราะเราจะควบคุมปริมาณของเนื้อครีมไม่ได้

ขั้นตอนที่ 2. ใช้นิ้ว มือค่อยๆ แตะเนื้อครีมลงที่ผิวทีละน้อย
โดยเริ่มจากพื้นที่ผิวในบริเวณกว้างๆ ก่อน
เช่น แก้มหรือหน้าผาก ปริมาณเนื้อครีมทีใช้เพียงน้อยนิดเท่านั้น
ค่อยๆ เกลี่ยในทิศทางเดียวกับเส้นขน คือ บนลงล่าง ในออกนอก
แล้วดูระดับความปกปิดผิวว่าพึงพอใจหรือยัง
ถ้ายัง ใช้วิธีรอให้เนื้อครีมรอบแรกเซ็ทตัวอยู่กับผิวก่อน แล้วค่อยลงซ้ำลงไปอีกรอบ
เพียงเท่านี้ผิวของเราก็จะสวยนวลเนียนขึ้นแบบทันตาเห็นเลย

ขั้นตอนการเกลี่ยถือว่าสำคัญมาก
ไม่แนะนำให้แต้ม 5 จุดแล้ว เกลี่ยวนเหมือนการทาครีมบำรุงผิว
ถึงแม้ว่าบีบีครีมจะมีส่วนผสมด้วยครีมบำรุงผิวก็ตาม
แต่มันก็มีส่วนผสมของพวกเมกอัพเบสและครีมรองพื้นด้วยนะ อย่าลืม
ถ้าหากปริมาณของเนื้อครีมมากไป ผิวของเราจะดูขาววอกและจะไหลเยิ้มในตอนกลางวัน (Caky)

ขั้นตอนที่ 3. เซ็ทผิว ด้วยแป้งฝุ่นเนื้อบางเบา ผิวหน้าของเราก็สวยเด้งแล้วค่ะ
สำหรับสาวผิวมันใช้พัฟนิ่มๆ แตะแป้งทีละน้อยลงที่ผิวหน้า
ส่วนสาวผิวแห้งใช้แปรงปัดแปรงขนนิ่มๆ ปัดแป้งฝุ่นลงที่ผิวหน้าทีละน้อยๆ เช่นกัน
การใช้แป้งฝุ่นเซ็ทผิว จะทำให้เนื้อครีมของ บีบีครีม นั้นเซ็ทตัวอยู่กับผิวได้นานตลอดตั้งวัน


ส่วนใครที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว ก็อาจจะลองใช้บีบีครีมประเภทแป้ง
ก็สามารถจบได้ในขั้นตอนเดียวเลย ทำให้สะดวก แถมยังให้ความเรียบเนียนปกปิดมากขึ้น
เนื่องจาก ผลิตภัณฑ์ประเภทแป้งจะมีพิกเมนท์การปกปิดที่มากกว่า ประเภทเนื้อครีมนั่นเอง

และสิ่งสำคัญอีกอย่างที่เราไม่ควรละเลย 
แม้ว่า บีบีครีม เป็นเนื้อครีมที่บางเบา แต่เราก็ควรทำความสะอาดผิวหน้า
ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางโดย เฉพาะเช่นกัน หากเราไม่ทำความสะอาดผิวให้ดีหละก็
ส่วนผสมทั้ง ครีมกันแดด เมกอัพเบส และรองพื้นที่อยู่ใน บีบีครีม นั้นจะเกาะติดและตกค้างอยู่ในผิวได้
ก่อให้เกิดอาการสิวอุตตัน ผิวอักเสบ และผิวเสื่อมสภาพเร็ว และริ้วรอยตามๆ กันมานะคะ
นอกจากการดูแลความสวยงามของผิวกันแล้ว
ปุ้ยจึงอยากให้สาวๆ เอาใจใส่สุขภาพของผิวไปพร้อมๆ กันด้วยค่ะ

เทรนด์ของ บีบีครีม ถือเป็นกระแสที่น่าสนใจและเป็นทางเลือกให้กับสาวๆ ยุคใหม่ ที่รักการแต่งหน้า
แต่ต้องเร่งรีบกับช่วงเวลาในตอนเช้าก่อนไปเรียนหรือทำงาน บีบีครีม ช่วยให้สาวๆ ใช้เวลาเพียงน้อยนิด ก็สวยออกจากบ้านได้อย่างมั่นใจ




Create Date : 19 สิงหาคม 2554
Last Update : 19 สิงหาคม 2554 17:19:53 น.
Counter : 3748 Pageviews.

0 comment
Angel's Tale แบ่งปันกันสวยจากแอร์สาวแสนสวย

"แบ่งปันกันสวยจากแอร์โฮสเตสสุดสวย"

        

วันนี้ Beauty Talk จะมาชวนคุยเกี่ยวกับอาชีพในฝันของสาวๆ หลายๆ คน
นั่นก็คือ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน หรือ “แอร์โฮสเตส”
อาชีพนี้นอกจากจะได้แต่งเครื่องแบบสวยๆ มีสวัสดิการ รายได้ดี
แล้วยังมีโอกาสได้โบยบินสู่โลกกว้างอีกด้วย

วันนี้ปุ้ยได้เกียรติจากแอร์สาวแสนสวย มาเป็นแขกรับเชิญของเรา
เธอจะมาแชร์ประสบการณ์การเป็นนางฟ้าหรือแอร์โฮสเตส ให้เราฟังกันว่า
เป็นแอร์นั้นกว่าจะสวยเราต้องทำอะไรกันบ้าง ดูแลและเตรียมตัวในเรื่องสวยๆ งามๆ กันอย่างไร
ทั้งเรื่องการดูแลผิว สไตล์การแต่งหน้า การรักษาหุ่นให้เป๊ะ และการดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ
ที่สำคัญคือ มีหลายคนแน่ๆ ที่อยากรู้ว่า ไอเท็มชิ้นโปรด (Favorite Items) ที่ขาดไม่ได้เลย
ที่แอร์สาวต้องพกขึ้นเครื่องไปด้วยทุกครั้ง คืออะไรกันนะ

ต้องขอบคุณ พี่ฝ้าย ศิริวรรณ ย้อยสกุล นางฟ้าแสนสวย ที่มาพูดคุยและแชร์เคล็ดลับดีๆ ให้เราในวันนี้
และยังให้มุมมองในความงามแก่ผู้หญิงทุกคนว่า
ผู้หญิงเรานอกจากสวยยังไม่พอ ต้องเก่ง ฉลาด
และมีไหวพริบในการปรับตัวกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีด้วยค่ะ


สุดท้ายอย่าลืมว่า
ความสวยเป็นภารกิจของสาวๆ ทุกคน สวยงามอย่างสร้างสรรค์
และแบ่งปันให้กันและกันนะคะ








Website counter




Create Date : 19 สิงหาคม 2554
Last Update : 19 สิงหาคม 2554 16:19:03 น.
Counter : 1115 Pageviews.

2 comment
How to be always young [my HBD Clips]
ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะ ที่ติดตาม ปุ้ยมาตลอด

วันเกิดปีนี้ มีคนมาอวยพรวันเกิดเยอะมากๆ
ดีใจมากๆ ค่ะ

วันนี้ปุ้ยจะมาให้ของขวัญกับทุกคนบ้าง อยากให้สวยใส กันไปนานๆ นะคะ

  • ขอบคุณทุกคนมากๆ นะคะ สามารถฝากคำถามและติดตามปุ้ยได้ที่ Facebook นะคะ

  •  





 



Create Date : 15 สิงหาคม 2554
Last Update : 5 มกราคม 2564 22:00:00 น.
Counter : 635 Pageviews.

5 comment
เทคนิคหน้าเด็กตลอดกาล (How to be always young)
 


หลังจากที่ปุ้ยได้พาทุกคนไปรู้จักตัวระบุความแก่ “เจ้าริ้วรอย จอมวายร้ายแห่งวัย”
และสาเหตุที่มาที่ไป กันเมื่อ บล็อกที่แล้ว
วันนี้จะมาแฉเคล็ดลับการจัดการรับมือกับจอมวายร้ายแห่งวัยกัน
แถมด้วยเคล็ดลับที่ทำให้เราดูสวย สาว ละอ่อนกว่าวัยไปได้อีกนานๆ
แต่ก่อนอื่นขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ปุ้ยอยากให้อ่านด้วยความเข้าใจ
และมีแรงแห่งความตั้งใจจริงๆ ที่จะพิชิตความแก่กัน
เพราะว่า ถ้าเราอ่านผ่านๆ ลอยๆ โดยไม่ใส่ใจที่จำ
และไม่นำไปใช้ปรับปรุงพฤติกรรมประจำวัน กันหละก็
ความแก่ก็อาจจะลอยมาแบบที่เราไม่รู้เรื้อรู้ตัวได้เหมือนกันค่ะ

“อย่าปฏิเสธความแก่ จงยอมรับ และจัดการกับมันซะ”
แน่นอนว่า เมื่อเราอายุมากขึ้น ประสิทธิภาพสภาพร่างกายย่อมเสื่อมโทรม
และสิ่งที่บ่งบอกความแก่และเห็นชัดที่สุด ก็คือ
ผิวหนังที่ห่อหุ้มร่างกายของเรานั่นเอง เกิดริ้วรอย ไม่เต่งตึง ไม่กระชับ และเกิดการหย่อนคล้อย
ซึ่งสังเกตได้ชัดบน 8 จุดสำคัญแห่งวัยบนใบหน้าของเรา ดังที่ได้เล่าให้ฟังไปแล้วนั้น
ทั้ง หน้าผาก หว่างคิ้ว หางตา รอบดวงตา ร่องแก้ม ริมฝีปาก ใต้ขากรรไกร และลำคอ
เอิ่มมมมม ... เหมือนมันจะเกิดได้ทุกรูขุมขนเลยนะเนี่ย

ไม่อยากให้สาวๆ ละเลย ชะล่าใจ แล้ววันๆ ก็เอาแต่ ประโคมเครื่องสำอาง
และใช้ชีวิตแบบแฮปปี้จนลืมใส่ใจรายละเอียด ข้อนึงว่า ความงามนั้นควรจะมาจากทั้งภายในและภายนอกผสานกัน

กว่า จะคิดได้ ก็อาจจะเห็นตีนกา หรือริ้วรอยอยู่กลางหน้าแล้ว ถึงเวลานั้นก็วิ่งเข้าคลินิกเสริมความงามกันจ้าละหวั่น บางคนไม่มีกะตังค์ ก็ต้องปลงและนั่งนับริ้วรอยของตัวเองกันต่อไป
เชื่อเถอะค่ะ ไม่มีอะไรสายเกินแก้
ถ้าเราใส่ใจและมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขมันจริงจัง

 

 


ต่อไปนี้ ฟังให้ดีๆ เลยน๊าาาา ปุ้ยจะมาเผยเคล็ดลับที่ทุกๆ คนสงสัยกันว่า ทำไม ปุ้ยหน้าเด็กจัง
วิธีการจัดการกับความแก่ อย่างที่ตั้งประเด็นเอาไว้ ก็คือ การชะลอความแก่และฟื้นฟูความสาว
ซึ่ง 2 วิธีนี้เป็นสิ่งที่เราทำควบคู่ ส่งเริมกันไปจนแยกจากกันไม่ออก
แต่ง่ายๆ คือ มันอยู่บนพื้นฐานของคำว่าสุขภาพดี ท่องไว้ในใจ เตือนและตระหนักแก่ตัวเองตลอดเวลา
“สุขภาพดี” “สุขภาพดี” “สุขภาพดี” 
อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจจะขำในใจว่า โถ่!! มุขเบๆ อะพี่ปุ้ย
ก็มุขเบๆ เนี่ยหละค่ะ ที่ทำให้ยังหน้าเด็กอยู่ทุกวันนี้ อย่ามองข้ามเลยทีเดียว

ทีนี้ ก็มาเริ่มกันเลย
ก่อนอื่นขอแยก อธิบายเคล็ดลับออกเป็น 2 ทาง คือ ภายใน และ ภายนอก อย่างที่บอก เราควรทำทั้ง 2 ทาง
อะ ให้เลือกว่า จะดูทางไหนก่อน แนะนอนคำตอบต้อง เป็นภายนอก เพราะมันทำง่ายกว่า

 

โอเค เริ่มละนะ
การชะลอความแก่และฟื้นฟูความสาว
ด้วย 4 วิธีจากภายนอก และอีก และ 4 วิธีจากภายใน

1. ดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ทุกวัน ง่ายๆ แค่ 3 ขั้นตอน คือ

  • ทำความสะอาดผิว ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ล้างหน้า
    ที่ความอ่อนโยนต่อผิว ที่เราใช้แล้วไม่เกิดอาการแพ้ แสบ หรือแดง
  • ขจัดเซลล์เสื่อมสภาพ แบบเคมีคอลด้วยโทนเนอร์ทุกวัน โดยเลือกโทนเนอร์ (Toner)
    ที่มีส่วนผสมของกลีเซอร์รีน (Glycerin) เร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพอย่างอ่อนโยน
    ทำให้ผิวเนียนเรียบ และแบบฟิสิกส์คอล ก็ใช้พวกสครับ (Scrub)สัปดาห์ละหน
    เลือกที่มีกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว ช่วยเรื่องริ้วรอย สิวเสี้ยนและสิวอุดตันด้วย
  • เติมความชุ่มชื่นให้ผิว ด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมพวกวิตามินอี (Vitamin E)
    เป็นตัวแอนติออกซิแดนท์ ช่วยปกป้องผิวจากสารพิษหรืออนุมูลอิสระ
    และช่วยให้ผิวชุ่มชื้น สดใส และอโรเวล่า (Aloe Vera) ที่ช่วยสมานผิว

เทคนิคการล้างหน้าและทาครีม ส่วนตัวของปุ้ย คือ
การใช้ทิศทางของแรงต้านแรงโน้มถ่วง ไม่ควรไปสนับสนุนให้ผิวหย่อยคล้อยตามแรงโน้มถ่วงนะคะ
เช่น เวลาล้างหน้า อย่าใช้แนวดึงผิวหน้าลงด้านล่าง ให้ใช้น้ำลูบเบาๆ เท่านั้น
เวลาเช็ดหน้าก็ใช้วิธีซับ ไม่ควรเช็ดหน้าทิศลากผิวลงในแนวดิ่ง
ส่วนเวลาทาครีมก็นวดผิวในทิศทางขึ้นสูงด้านบนแบบเบาๆ

2. ปกป้องผิวจากรังสียูวี ด้วยการทาครีมกันแดด ที่ป้องกันได้มีประสิทธิภาพ
สังเกตคำว่า UVA/ UVB/ Pa+++ ควรจะมี SPF 15 ขึ้นไป
และมีสารกันแดด ทั้งแบบเคมีคอล (เช่น methyl) และฟิสิกส์คอล (เช่น titanium dioxide, magnesium dioxide)
รวมถึงการไม่ไปตากแดดเป็นเวลาติดต่อกันนานเกิน 25 นาที นี่ถือว่าคริททิเคิลเลยนะ แต่ถ้าไม่โดดแดดเลยจะดีที่สุด

3. เพิ่มการดูแลผิวเป็นพิเศษด้วยผลิตภัณฑ์ที่ฟื้นฟูโครงสร้างองค์ประกอบของผิว
เลือก ใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถกระตุ้นให้องค์ประกอบในโครงสร้างผิวมีปริมาณเพิ่มขึ้น และสามารถกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งองค์ประกอบ ที่ว่านี้ ได้แก่

  1. องค์ประกอบที่ช่วยให้ผิวหนังแข็งแรงและกระชับ
    คือ คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen I) และคอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen III)
  2. องค์ประกอบที่ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น และไม่หย่อนคล้อย
    คือ ฟิบริลลิน (Fibrillin) และ อิลาสติน (Elastin)
  3. องค์ประกอบช่วยให้ผิวหนังชั้นหนังแท้มีความอวบอิ่มเต่งตึง
    คือ คอนดรอยติน เอส (Chondroitin s) หรือ GAG เนื่องจากเป็นสารที่มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้มาก
  4. องค์ประกอบที่ช่วยยึดโครงสร้างของผิวมั่นคงขึ้นและช่วยในการติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์ผิวหนัง
    ได้แก่ คอลลาเจนชนิดที่  7 (collagen VII)  เพอลีแคน (Perlecan) และ อินทีกริน (Integrin)

อ่านจนจบบรรทัดนี้ น้องๆ หลายคนคงคิดในใจ “โห้ เยอะขนาดนี้ จะไปตะเวนหาผลิตภัณฑ์ไหนมาใช้ อะพี่ปุ้ย”
จริงๆ พี่ก็มีผลิตภัณฑ์ในใจ จะแนะนำอยู่แล้วหละ แต่อยากจะให้อ่านข้อมูลให้เกิดความเข้าใจ กันซะก่อน
ซึ่งข้อมูลที่นำมาแชร์ก็มาจากผลิตภัณฑ์ที่ว่านี่หละ Revitalift Dermalift ของ L’Oreal
หลังจากที่อ่านข้อมูลส่วนผสมแล้วก็ทำให้เชื่อว่ามันจะช่วยฟื้นฟูผิวได้แน่ๆ หละ ลองไปให้มาใช้กันดูนะคะ

4. กินผักและผลไม้ทุกวัน และดื่มน้ำเยอะๆ นะคะ
เราคงได้ยินมาตั้งแต่เด็กแล้วว่า เราาควรรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะและมีคุณค่าทางโภชนาการ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักและผลไม้ต่าง ๆ แต่น้อยคงนักที่จะทำได้ แต่ว่าทำเถอะค่ะ
ตั้งกฏให้ตัวเองเลยก็ได้ว่า เราต้องกินผักและผลไม้ทุกวัน มันจะช่วยให้ร่างการมีสมดุล
แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ลองหาพวกวิตมินและอาหารเสริมมาทดแทนนะคะ

ปุ้ยเป็นคนนึงที่ชอบกินผักและผลไม่เป็นชีวิตจิตใจ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยใช่มั้ยว่า
ทำไมผิวของปุ้ยจึงแข็งแรง เนียนใสขนาดนี้
และอีกอย่างพวกริ้วรอยและความหย่อยคล้อยของผิวก็มาช้ากว่าคนทั่วไป เลยทำให้หน้าเด็กยังไงหละ
เค้าบอกว่าให้ดื่มอย่างน้อยวันละ  8 แก้ว ถ้านึกไม่ออกก็คือ ต้องดื่มน้ำทุก 40 นาที - 1 ชม. ครั้งและ 3 - 5 อึก
น้ำเนี่ยไม่ใช่แค่แก้กระหาย คอแห้ง แต่น้ำเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับร่างกาย
เพราะนำ้เป็นส่วนประกอบของทุกๆ เซลล์ในร่างกาย และยังต้องใช้ในกระบวนการทำงานของระบบต่างๆ
ทั่วร่างกายด้วยค่ะ

5. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ข้อ นี้เป็นสิ่งที่ทุกๆ คนรู้ดี แต่ขี้เกียดทำอะ ให้ลองฟังเรื่องนี้ เผื่อจะมีแรงบันดาลใจในการลุกขึ้นมาออกกำลังกายบ้าง ปุ้ยดูรายการของต่างประเทศรายการหนึ่ง เค้าท้าให้คนที่อ้วนและก็แก่ มาแข่งกันทำให้ตั้วเองดูเด็กลง 10 ปี
ซึ่งมีหลายคนทำได้จริงๆ นอกจากการลดอาหารกากๆ มากินผักผลไม้ และก็ออกกำลังกาย
โดยผู้เชี่ยวชาญบอกว่า นอกจากการออกกำลังกายจะช่วยลดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อแล้ว
ที่ สำคัญ ขณะที่ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อ ก็จะผลิตเอนไซม์ตัวนึงที่จะช่วยเรื่องผิวพรรณทำให้เราดูอ่อนกว่าวัยขึ้นมา ได้ด้วย โอ้ น่าอัศจรรย์มากๆ นะ ออกกำลังกายแล้วหน้าเด็ก
นี่ยังไม่นับว่าการออกกลังกาย ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เผาผลาญพลังงาน สูบฉีดเลือดและช่วยระบบหัวใจให้ดี

6. พักผ่อนให้เพียงพอ นอนเยอะๆ
ร่างกายจะได้พักบ้างและช่วงที่เรานอนเนี่ยแหละ
ร่างกายและผิวหนังของเราจะทำการฟื้นฟูตัวเอง และเตรียมพร้อมที่จะให้เราใช้งานในวันต่อไป
ถ้าเราขาดการพักผ่อน แล้วร่างกายก็จะขาดสมดุลทำงานไม่เป็นระบบนะคะ
เชื่อมั้ยว่า ปุ้ยเป็นคนนอนเยอะมาก 8 - 10 ชม.ต่อวันเลย ถ้านอนไม่พอ ร่ายกายปุ้ยจะงอแง ทันทีเลยหละค่ะ

7. ยิ้ม โดยใช้กล้ามเนื้อพวงแก้มฟังให้ดีนะคะ
ไม่ใช่ยิ้มธรรมดาๆ ฉีกปากกว้างๆ แต่เราจะใช้การยกพวกแก้ม ใช้กล้ามเนื้อตรงส่วนนั้น
ก็ทำให้ให้ใบหน้าเราดูยิ้มได้ เอิบอิ่ม โดยบางทีไม่ต้องฉีกปากเลยก็ได้อะ
วันก่อนครูที่สอนการออกเสียงบอกปุ้ยว่า เวลาร้องเพลงหรือเวลาพูดให้ยกกล้ามเนื้อตรงนี้มันจะช่วยให้การขยับปากง่ายขึ้น
แถมที่สำคัญถ้าใช้กล้ามเนื้อตรงพวกแก้มแล้ว มันจะเป็นการบล็อกกล้ามเนื้อตรงหางตาไม่ให้ทำงาน เรา
จึงไม่มีรอยตีนกา ปุ้ยก็เลย อ๋ออออ!! มิน่าหละ ปุ้ยไม่มีตีนกา เพราะว่า ปุ้ยชอบยกแก้ม นี่เอง

8. คิดบวก คิดสวย คิดมีความสุขทุกวัน
เพราะ ระบบจิตใจส่งผลต่อร่างกายค่อนข้างมาก ถ้าเราคิดว่าเราสวย เราก็จะดูสวยจากจิตวิญญาณ
ถ้าเราคิดว่าเรายังเด็ก เราก็จะมีความกระปรี้กระเปร่า กระฉับกระเฉง และก็จะยังดูเด็กไปโดยปริยายยังไงหละ
ถ้าคิดว่ามีความสุข เราก็จะสุข

ไม่ใช่การแสวงหาความสุขใส่ตัวทุกๆ วัน แต่เราต้องคิดให้สุขด้วยนะคะ
บางทีเราอาจจะสุขแบบพอเพียง โดยไม่ต้องแสวงหาอะไรมาช่วยเลยก็ได้ 
สร้างสรรค์ความสุขในรูปแบบของเรา แล้วก็อย่าลืมแบ่งปันมันออกมาให้คนรอบข้างด้วยนะคะ
จะได้มีความสุขกันเยอะๆ

 

นี่คือเคล็ดลับ ทั้ง 8 วิธี ซึ่งถ้าเราทำได้ครบและทำทุกวันจะส่งผลให้ร่างกายและผิวพรรณ
กลับมาแข็งแรง ตึงกระชับ ไม่หย่อนคล้อย ริ้วรอยลดลง กลับมาดูสดใส แข็งแรง แลดูอ่อนวัยได้ไปอีกนานๆ

คนที่อยากมีสุขภาพผิวสวยขึ้นและสวยไปนานๆ ก็ต้องตั้งใจที่จะดูแลและใส่ใจสุขภาพของผิวอย่างจริงจัง 
แม้จะใช้เวลามากซักหน่อย 3 เดือน 6 เดือน หรือ เป็นปี เราก็ต้องอดทน ทำดูเถอะค่ะ
แล้วผิวของเราจะสุขภาพดีขึ้นได้จริงๆ
ทำไมถึงนานกว่าจะเห็นผล
ก็ลองนึกดูว่า กว่าผิวจะถูกทำลายจนเป็นเยี่ยงนี้ มันก็ใช้เวลาก่อตัวมานาน
ดังนั้นการที่เราฟื้นฟูหรือรักษาให้ผิวกลับมาดูดีน่ารักเหมือนเดิม ก็ต้องอาศัยเวลาเช่นกัน 
ผิวหน้าของเรามีวัฏจักรและระบบที่ทำงานเพื่อสร้างและฟื้นฟูผิวใหม่อยู่แล้ว
ซึ่งวัฏจักรอยู่ประมาณ 1 เดือน ผิวที่สร้างใหม่สุขภาพดีกว่าจะถูกผลัดขึ้นมาให้เราเห็นผลนั้น
ก็ใช้เวลาอีกเป็นเดือน ลองนึกดูง่ายๆ เราไปตากแดดแค่ชัวโมงเดียว ผิวเสียดำคล้ำ
กว่าผิวจะกลับมาขาวเหมือนเดิมใช้เวลาเป็นเดือน บางคนถึงก็นานเป็นปี 

น้องๆ หลายคน ชอบมาบ่นว่า “ผิวหมอง หยาบ ใต้ตาคล้ำ ไม่รู้จะทำยังไง”
จริงๆ พี่ควรย้อนถามไปว่า “แล้วที่ผ่านมาทำยังไง ถึงได้เป็นได้ขนาดนี้”
“อืมมมม หนูไม่ได้ทำอะไรเลยอะค่ะ มันเป็นเอง”
“เออ นั่นไง ก็เพราะไม่ได้ทำอะไร เนี่ยหละค่ะ”

ส่วนเจ้ บางคนมีตังค์ ก็เดินเข้าคลินิคเสริมความงามเป็นว่าเล่น จริงๆ ก็ช่วยได้นะ
แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ พอเลเซอร์ ฉีดฟิลเลอร์ โบท็อก อะไรก็แล้วแต่ หน้าเจ้ก็กลับมาดีได้ค่ะ 
แต่ถ้าเจ้มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบเดิม ปัญหามันก็กลับมานะคะ มีเงิน วิ่งเข้าออกคลินิค มันก็ช่วยได้ไม่กี่ครั้ง 
สุดท้าย หน้าเจ้ ก็จะกลายเป็นหุ่นยนต์ จุดนี้คงไม่ต้องอธิบาย > <

ตระหนักไว้เถอะค่ะ สาวๆ
การ ดูแลเอาใจใส่สุขภาพของเราจะช่วยให้ผิวพรรณของเราสวยและชะลอริ้วรอยได้จริงๆ อย่างนั้นนะคะ แล้วก็ยังช่วยเรื่องเทคเจอร์ของผิวหน้า ทั้งจุดด่างดำ ฝ้า กระ รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน ผิวหยาบ และแห้งกร้าน ด้วยหละค่ะ 8 วิธีที่แนะนำนี้ ตั้งใจเอามาแชร์ เป็นเคล็ดลับที่ทุกๆ คน ทำได้ ไม่ต้องมีตังค์มากมายมหาศาลก็ทำได้ แค่มีความตั้งใจที่จะสวยไปนานๆ เท่านั้นหละค่ะ

อ่านบล็อกจบแล้ว ตั้งกฏกับตัวเองว่า ก่อนแต่งหน้าตอนเช้า เราจะส่องกระจกกันดูว่า สภาพผิวหน้าเรายังโอเคอยู่มั้ย ตอนนี้เรามีริ้วรอยตรงไหนเยื้องกรายมาทักทายกับเราแล้วบ้าง เพื่อเราจะได้รีบ โบกมือบ๊ายบายมัน ก่อนที่มันจะติดใจและพาเพื่อนๆ มาอยู่กันบนใบหน้าเราตลอดไป อย่ายั่วยวน อย่าเชื่อเชิญริ้วรอยให้มันมาจัดปาร์ตี้ที่บนหน้าเราค่ะ จัดการกับมันซะ!!

ท่องชื่อมันไว้ จัดใส่ Black List ไป เลย “ริ้วรอยบริเวณหน้าผาก” “ริ้วรอยหว่างคิ้ว” “เปลือกตาหย่อนคล้อย” “ริ้วรอยหางตา” “ผิวแก้มหย่อนคล้อย” “รอยย่นบริเวณรอบริมฝีปาก” “ความหย่อนคล้อยบริเวณลำคอ” “โครงหน้าหย่อนคล้อย” บั๊ยบายค่าาาาาา

 

 

แล้วอย่าลืม หลีกเลี่ยงสาเหตุตัวกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยจอมวายร้ายด้วยนะคะ ทั้ง มลภาวะที่เป็นพิษ รังสียูวี การดื่มสุรา การสูบบุหรี่ การรับประทานอาหารกากๆ นอนน้อย ไม่ดูแลผิว และความเครียด ด้วยค่ะ

อ้อ ส่วนเคล็ดลับเรื่องเมกอัพ จะไม่พูดถึงก็คงแปลกซิเนอะ ก็ปุ้ยอิสมี นี่นา
เอิ่ม... สิ่งที่จะช่วยให้หน้าเราดูเด็กลง และช่วยอำพลางพวกริ้วรอยได้ ก็คือ

  • คอนแท็กเลนส์บิ๊กอายสีดำอันโตๆ เพราะจะทำให้แววตาของเราดูเหมือนเด็กๆ นั่นเอง
  • คอนซีลเลอร์ สีอ่อนกว่าสีผิว ติดรอยคล้ำบริเวณใต้ตา และสีเดียวกับผิว ปกปิดพวกรอยไม่พึงประสงค์ทั้งหลาย
  • ไฮไลท์ ช่วยให้หน้าเราดูสดใสขึ้น ใช้บริเวณ ใต้ตา หน้าผาก สันจมูก คาง และร่องแก้ม เวิร์คสุดๆ
  • กลิตเตอร์ ไอเท็มมหัศจรรย์ที่จะช่วยเพิ่มลูกเล่นที่ดวงตาทำให้ดวงตาดูสดใสมีเสน่ห์ขึ้น
  • ลิปกลอส ใสๆ แวววาว จะช่วยให้เราได้ลุคเด็กๆ
  • ส่วนโทนสีที่ใช้ทั้งหมด ควรเป็นโทนสีอ่อนๆ นะคะ ห้ามเข้มเด็ดขาดเลย

วันนี้เอาคร่าวๆ เท่านี้ก่อนเนอะ เอาไว้จะสาธิตทำเป็น Get the look ให้แล้วกันนะคะ สัญญา

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

สุดท้าย ขอขอบคุณข้อมูลและความตระหนักเรื่องริ้วรอยจาก https://www.Lorealparisthailand.com/Dermalift
นวัตกรรม ล้ำหน้า L’Oreal Revitalift Dermalift ที่ช่วยฟื้นฟูให้ผิวกระชับ และเต่งตึงที่ 8 จุดสำคัญทั่วใบหน้าถึงลำคอ ริ้วรอยล่องลึกยิ่งดูลดลง ผิวยิ่งรู้สึกกระชับขึ้น L’Oreal Revitalift Dermalift ให้ผู้หญิงรู้สึกอยากเปลี่ยน เพื่อปลุกผิวให้ดูอ่อนเยาว์
สาวๆ ที่ กังวลกับปัญหาทั้ง 8 จุด สามารถเข้ามาลงทะเบียน เพื่อรับผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองจัดส่งถึงบ้าน
และรอพบกิจกรรมตรวจค้นริ้วรอยด้วย เทคโนโลยี Advanced 3D Scan
คือ ระบบแสดงริ้วรอยย่นบนผิวแบบ 3 มิติ ขั้นสูงของวงการผิวพรรณ เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
ทรีตเมนต์ฟื้นฟูผิวพรรณได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถวิเคราะห์สภาพผิวได้ลึกถึงชั้นเดอร์มิส
โดยใช้วิธีการตรวจสภาพผิวด้วยแสงมาตรฐานทั่วไป (Standard)
แสงแบบครอสโพลาไรซ์ (Cross-Polarized)
และแสงอุลตราไวโอเลต (UV)  ร่วมกับ RBX TM Technology
ซึ่งทำให้สามารถวางแผนการรักษาผิวหน้าได้อย่างถูกต้อง
ทั้งยังสามารถวิเคราะห์ริ้วรอยที่ 8 จุดสำคัญบนใบหน้า พร้อมจำลองริ้วรอยที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 ปีข้างหน้าได้

 



 

คลิ๊กลิงค์ที่ภาพด้านล่าง แล้วตอบว่าคุณกังวลกับริ้วรอยส่วนไหนที่สุด ลงทะเบียนแล้วรอรับครีมที่บ้านได้เลยค่ะ




Website counter
Free Counter
The following text will not be seen after you upload your website, please keep it in order to retain your counter functionality
online casino reviews



Create Date : 08 สิงหาคม 2554
Last Update : 5 มกราคม 2564 22:02:06 น.
Counter : 72714 Pageviews.

2 comment
1  2  3  4  

PuY~isme
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 115 คน [?]



ปุ้ยเชื่อว่า มนต์วิเศษที่ทำให้ผู้หญิงทุกคนสวยได้ คือ ความสุขที่มาจากหัวใจค่ะ ^ ^ สวย สร้างสรรค์ และแบ่งปัน http://www.puyisme.com