Group Blog
 
All blogs
 

Architecture 101 รักแรกในความทรงจำ "ขั้นตอนการสร้างบ้าน กับ หลักสูตรความรักนั้น .. มันเหมือนกัน!"



ตามประสาคนเลือกดูหนังจากนักแสดงกับพลอตเรื่องเป็นหลัก
นักเขียนบท นักกำกับ สำนักค่าย และอื่นๆ ล้วนเป็นรองทั้งสิ้น


"รักแรกในความทรงจำ" จึงไม่มีจะดูข้อมูลอื่นใดเลย เพราะชื่อเรื่องกับพลอตเรื่องก็บ่งบอกว่าน่าจะซึ้ง แล้วยังได้หนูซูจี (Suzy MissA) มาเป็นนางเอกรุ่นเยาว์ผู้มีรักแรกกับพระเอก ลีแจฮุน จาก The front line และ Fashion King มันก็น่าสนใจมิใช่น้อยๆ เพิ่งจะรู้ก็ตอนเปิดหนังดูนี่แหละว่า นางเอกรุ่นใหญ่ผู้มีรักแรกอยู่ในความทรงจำคือ สาวสวย ฮันกาอิน คู่กับพระเอก ออมแทอุง ที่ไม่คุ้นเคยกับเขาเลย เพราะหนังอีกเรื่องของเขา Never Ending Story ยังไม่ถึงคิวหลุดจากการดอง ส่วนซีรีย์ Fox with Nine Tails ก็ดูไปนานมากแล้วจนนึกไม่ออก ก็มีทั้งพระเอกสุดหล่อโจฮยอนแจ นางเอกนางฟ้าสุดสวยคิมแตฮี และไอดอลคนดีอย่าง จุนจิน วงชินฮวา ก็น่าหรอกนะที่จะจำออมแทอุงจากเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เมื่อหนังรักแรกฯ นี้ เขาโปรโมตว่าเป็นการแคสติ้ง ๔ นักแสดงดัง แบบสองคน ใน หนึ่งบทบาท! ย่อมหมายความว่าของเขาดังจริง- แรงจริง -คุณภาพจริง การันตีความดังได้จาก Awards ของแต่ละคน

เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องเขียนรีวิวเองให้เมื่อยตุ้ม เพราะข้อมูลของภาพยนตร์ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ ผู้เขียนบท (คนเดียวกัน) เรื่องย่อ ประวัตินักแสดง บทบาทตัวละคร เค้าโครงเนื้อหาที่จะนำพาผู้ชมไปสู่อารมณ์ซาบซึ้งกับความทรงจำของ "รักแรก" รวมทั้งรูปภาพและตัวอย่างหนัง ทั้งหมดเหล่านี้ถูกบรรยายไว้อย่างเพอร์เฟคต์ที่สุดแล้ว เท่าที่ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งจะถูกแนะนำให้น่าดูไว้ได้ในเว็บไซต์ของ Majorcineplex สามารถกดเข้าไปอ่านดูได้ตามลิงค์นี้

ข้อมูลภาพยนตร์ Architecture 101 รักแรกในความทรงจำ



อ่านแล้วรู้สึกว่า โอ้...นี่มันใช่เลย มันแทนใจดีจริงๆ มันคือทุกอย่างที่หนังพยายามจะสื่อออกมาจับใจคนดู (แต่จะสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเปล่าก็อีกเรื่องนึงนะ ส่วนตัวให้แปดสิบห้า) โดยใจจริงคิดว่าเขาเขียนถึงหนังละเอียดมากไปด้วยซ้ำ เพราะถ้าใครยังไม่เคยดู อ่านแล้วน่าจะเข้าใจเรื่องราวเกือบทั้งหมด เพียงแต่ยังไม่ได้ความรู้สึกเท่านั้น

ขอเมาท์ถึงฮันกาอินสักนิด เพราะเธอเป็นอีกหนึ่งนางเอกเกาหลี ที่กาลเวลามิอาจบั่นทอนความงามของเธอให้ร่วงโรย และเป็นอีกคนเช่นกันที่รู้สึกว่าในวัย ๓๐ ยังแจ่มนั้น เธอดูสวยเจิดเสียยิ่งกว่าตอนยังเป็นสาวๆ ใสๆ ที่เห็นใน Super Rookie น้องใหม่เบอร์หนึ่ง คู่กับพระเอกสุดหล่อ อีริค มุน ในปี ๒๐๐๕ หรือในปี ๒๐๐๗ กับเรื่อง Witch Ma กับดักหัวใจยัยแม่มดที่ทำให้กาอินเป็นที่รู้จักของสาวกเกาหลีในเมืองไทยมากมาย แต่สวยอย่างนี้ ดังอย่างนั้น เธอก็ไม่หวั่นที่เข้าพิธีวิวาห์กับพระเอกยวนจองฮุน ตั้งแต่อายุยังสาวเพียง ๒๓ ปี ถึงปัจจุบันทั้งคู่จึงเป็นคู่รักเซเล็ปที่แต่งกันมาแล้ว ๗ ปี (แต่ชีก็ยังสวย) เพิ่งเห็นฮันกาอินล่าสุดในซีรีย์ดังที่ความโรแมนติกโค-ตรร่ำลือ The Moon That Embraces the Sun เธอเป็นนางเอกของคิมซูฮยอนที่อ่อนกว่าตั้ง ๖ ปีได้อย่างไม่มีขัดแย้งสายตา (แม้ว่าจะขัดแย้งความรู้สึก) เชื่อจริงๆ เลยว่า นักแสดงสาวชาวเกาหลีนั้น พวกนางแก่กันยากจริงๆ ดูแต่นางเอกสาวฮาจีวอน ยังเป็นนางเอกเรื่อง The King two hearts ให้กับลีซึงกิที่อ่อนกว่าถึง ๙ ปีได้ ขอนับถือในความกล้าแคสติ้งของเค้าเลย





เกี่ยวกับรักแรกในความทรงจำนี้ สิ่งเดียวที่ตัวเองเห็นว่ามันเป็นชนวนของการแยกจาก ก่อนจะกลับมาพบกันใหม่ใน ๑๕ ปีต่อมา คือความใจน้อยของของพระเอก ที่ทำให้ไม่ซึ้งกับหนังเรื่องนี้เท่าที่ควรจะเป็น แต่นั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้รู้สึกเศร้ากับหนังมากเกินกว่าที่ควรจะเป็นด้วย

ความเข้าใจผิดที่เห็นเธอในอ้อมกอดของชายอื่น...งั้นหรือ?

ดูแล้วก็ถามตัวเอง ในสถานการณ์อย่างนั้น มันสมเหตุสมผลที่จะเป็น "ความเข้าใจผิด" จริงๆ หรือ มันไม่ดูเป็น "ความเดือดร้อน" ที่ผู้ชายคนหนึ่งที่รักผู้หญิงคนหนึ่งควรจะดูลาดเลาอีกนิดให้แน่ใจว่าควรต้องยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือหรือไม่ ก็พอถูไถนะ หากพื้นเพความสัมพันธ์จะเคยเบี่ยงเบนความเข้าใจเพื่อปกปิดความรู้สึกแท้จริงต่อกัน จนเป็นเหตุให้เกิดการเข้าใจผิดได้ในสถานการณ์นั้น แต่หลังจากนั้น ผู้เขียนไม่โทษนางเอกเลยที่ไม่อาจจะเอ่ยคำใด เพราะนอกจากพระเอกจะไม่ถามไถ่ ยังตัดรอนแบบไม่มีถนอมเยื่อใยเคยมีให้กันสักนิด แล้วอย่างนี้จะให้โทษอะไรอื่นได้นอกจากผู้ชายมัน "ใจปลาซิว"

ก็เลยรู้สึกเศร้ามากกว่าซึ้ง เศร้าเพราะสงสารนางเอก แม้หนังไม่ได้ลงรายละเอียดการใช้ชีวิตของเธอเป็นมาอย่างไรนับจากนั้น ๑๕ ปี แต่ก็ทำให้รู้สึกได้ว่ามันต้องเป็นชีวิตที่ไม่ง่าย และเธอเหมือนจะผ่านมันมาได้ด้วยความเข็มแข็ง และก็จะอยู่ต่อไปอย่างเข้มแข็งด้วย

นับตึ๊ก เพื่อนเด็กซิ่วและผู้ทำหน้าที่เป็นโคชความรักให้กับซึงมิน คือบทบาทตัวละครที่ชอบที่สุด เหตุผลเดียวที่ชอบก็คือ ความฮา ยิ่งตอนที่โค้ชร่ายถึง ความแตกต่างของ "จูบ" กับ "จุ๊บ" มันฮามากกกก

สำหรับพระเอกรุ่นใหญ่ ออมแทอุง ถึงจะไม่หล่อแต่ก็ดูเป็นคนสามัญธรรมดาที่มีเสน่ห์ดีเหมือนกัน ดูแล้วไม่รู้ทำไมรู้สึกไปว่าเค้าโครงหน้าและบุคลิกของเขานั้น ดูคล้ายคลึงกันกับ แสตมป์ อภิวัชร์ หนุ่มชาวไทยของเราเลย...ฮ่าฮ่า เป็นงั้นไป




 

Create Date : 03 มกราคม 2556    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2556 1:10:14 น.
Counter : 14392 Pageviews.  

Bunny Drop กันและกันของหนุ่มโสดวัย 30 กับคุณน้าวัย 6 ขวบ / มัตสึยาม่า เคนอิจิ - อาชิดะ มานะ



เป็นหนังที่แค่เห็นภาพโปสเตอร์ ชายหนุ่มกับหนูน้อยนั่งด้วยกันสองคนตรงประตูหน้าบ้านก็อยากดูแล้ว ต่อให้ไม่ใช่น้องหนู อาชิดะ มานะ หรือเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ มัตสึยาม่า เคนอิจิ นอกจากหนังเรื่อง Shindo แล้วเคยดูเคนอิจิเรื่องอื่นอยู่บ้างแต่ก็ไม่มีจะจำหน้าได้เลย ไม่ว่าจะเป็น 1 Litre of Tears , Nana หรือ Linda Linda Linda แต่ถ้าเป็นภาพโปสเตอร์ล่ะก็ เห็นแล้วมักจะติดตา อย่าง Norwegian Wood, Kamui ยอดนินจา , L: Change the World , Death Note ที่ทำให้ซื้อหนังมาเพราะภาพใบหน้าของเคนอิจิบนโปสเตอร์หนังเหล่านั้นน่ะแหละ เพียงแต่ยังดองไว้ไม่ได้ดูสักที ก่อนหน้านี้ถ้าเอ่ยถึงมัตสึยาม่า เคนอิจิ หน้าตาเดียวที่นึกถึงจะต้องเป็นภาพใบปิดของ TV drama เรื่อง Zeni Geba เพราะบึ้งตึงเป็นเอกลักษณ์ชวนจดจำมาก แต่ถ้าเป็นนับจากนี้ ที่จะนึกถึงเคนอิจิต้องเป็นใบหน้าที่อ่อนโยนของคาวาจิ ไดคิจิ เรื่อง Bunny Drop แน่นอน



Bunny Drop เป็นเรื่องราวของ ชายหนุ่มอายุ ๓๐ ปี "คาวาจิ ไดคิจิ" ที่เดินทางไปร่วมงานศพของคุณตา และเพิ่งจะรู้ว่าคุณตามีลูกนอกสมรสอยู่หนึ่งคนเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ชื่อ "ริน" ซึ่งนั่นหมายความว่าเขามี "คุณน้า" อายุเพียง ๖ ขวบ คนอื่นๆ วิจารณ์ว่าเธอเป็นเด็กค่อนข้างแปลก แต่ในสายตาของไดคิจิ ที่เขามองเห็นคือสาวน้อยที่แสนเหงาและเศร้าสร้อย

เมื่อเสร็จสิ้นงานศพ หลานๆ (วัยตา-ยาย) ทั้งหลายของรินต่างเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนดูแลคุณน้าวัย ๖ ขวบ แม้เธอจะถือเป็นคนในครอบครัว แต่ใครจะอยากรับเอารินไปเลี้ยงเป็นภาระ เพราะการเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย สถานรับเลี้ยงเด็กที่ห่างไกลเพื่อปกปิดความอับอายเกี่ยวกับที่คุณตาวัยชายชรามีลูกเล็กนอกสมรส อาจเป็นทางออกที่โล่งใจสำหรับเรื่องนี้



เพียงความสงสาร และหนึ่งคำที่พลั้งปาก "ไปอยู่กับฉันมั้ย" กลายเป็นความรับผิดชอบทั้งชีวิตของหลานชายวัยคุณลุง ไดคิจิ หนุ่มโสดสนิทและไร้ซึ่งประสบการณ์การเลี้ยงเด็กมาก่อนจึงต้องกลายเป็นผู้ปกครองให้กับริน ชีวิต "สองเรา" ก็เริ่มต้นขึ้น



เป็นหนังเบาๆ ที่เรียบง่ายมาก เคยคาดไว้ว่าไดคิจิ คงเป็นประมาณผู้ชายห่ามๆ กับเด็กผู้หญิงน่ารักๆ ที่เรียนรู้ ปรับตัวเข้าหากัน มันกลับไม่เชิงเป็นเช่นนั้นนัก เพราะมันเป็นเรื่องของการเยียวยาจิตใจซะมากกว่า

"ผมไม่รู้ว่ารินต้องการอะไรจากผม
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมพบกับเธอ
รินคือสาวน้อยที่เศร้าและเหงา

ตอนนี้เธอจับมือผมไว้
เหมือนไม่มีอะไรที่สำคัญกว่านี้
นั่นหล่ะ มันดีไม่ใช่หรือ ? "



คนแบบไดคิจิ เป็นคนดีที่น่าซึ้งใจมากนะ มันอาจจะสรุปคล้ายกับว่า ต่างคนต่างเยียวยาซึ่งกันและกัน แต่ดูจากหนังแล้วเหมือนไดคิจิจะเป็นฝ่ายเยียวยารินซะมากกว่า เด็กหญิงที่เงียบๆ เจียมเนื้อเจียมตัวกับคุณลุงแปลกหน้า (ที่มีศักดิ์เป็นหลาน) ไดคิจิ จะทำอย่างไรให้เธอรู้สึกมั่นคงในสภาพที่เป็นและเปิดหัวใจดวงน้อยให้รับเขาในฐานะของใครคนหนึ่ง ที่อาจไม่ใช่พ่อแท้ๆ ไม่ใช่พ่อบุญธรรม แต่เป็น "ไดคิจิ" ผู้ปกครองที่จะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และแน่นอนว่า ไม่ใช่พ่อ ก็เหมือนพ่อ



"ก่อนหน้านี้ที่จะมาอยู่กับคุณ
เด็กรู้ว่าใครจะดีกับเขา
คุณคือคนนั้นสำหรับริน
คนๆ นั้น คือคุณ ไดคิจิ

ตอนนี้สำหรับเธอ ตราบนานเท่านาน ทั้งหมดคือคุณ
มันต้องไปด้วยดี"



หนังมันดูอ่อนโยนอย่างบอกไม่ถูก ปัญหาน่ะมีแน่ แต่ความเป็นคนใจดีและเป็นผู้ให้ของไดคิจิ จะนำพาเขาไปในหนทางที่เขาตัดสินใจ "เลือก" อย่างเชื่อมั่น ตามที่ใครคนหนึ่งได้บอกไว้ "มันต้องไปด้วยดี"

มีนางเอกตัวน้อยน่ารัก อาชิดะ มานะ แล้วก็เกือบลืมผู้ใหญ่อย่าง คารินะ ที่รับบทแม่หม้ายลูกชายหนึ่งเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนกับริน ที่น่าสนใจอีกคน คือ มิเรอิ คิริตานิ ที่เล่นเป็นน้องสาวของไดคิจิ เธอหน้าตาน่ารักมาก



ชอบหลายๆ ฉากในหนังเรื่องนี้ เพราะมันทำให้เคนอิจิ ดูหล่อมากกกก ทางด้านหนูมานะนั้นคงไม่ต้องอวยสรรพคุณกันนัก เกิดปี ๒๐๐๔ ปี ๒๐๑๑ ที่เล่นหนังเรื่องนี้ ก็เพียง ๗ ขวบ เธอสามารถจะจำบท และเข้าใจอารมณ์ของมันแล้วแสดงออกมาดีอย่างนั้น จะมีอะไรอย่างอื่นอวยได้ นอกจากเธอเป็นอัจฉริยะทางด้านการแสดง ทำให้นึกถึง Dakota Fanning เมื่อครั้งยังเป็นเด็กเล่นเรื่อง I am sam และอีกหลายๆ เรื่องทำให้ Dakota มาถึงทุกวันนี้

แต่ที่ชอบเป็นพิเศษคือฉากที่ไดคิจิอุ้มรินในรถไฟใต้ดิน ฉากไดคิจิแอบร้องไห้ และชอบมากที่สุดคือฉากที่เขาพยายามจะแก้ปัญหารินปัสวะรดที่นอน นั่นทำให้อดคิดไม่ได้ว่าใครมีผู้ชายนิสัยอย่างนี้เป็นแฟน อย่าได้ปล่อยให้หลุดมือไปเลยเชียว เพราะเขาเป็นคนดีที่อบอุ่นมาก






























 

Create Date : 31 ธันวาคม 2555    
Last Update : 3 มกราคม 2556 1:26:23 น.
Counter : 12155 Pageviews.  

Penny Pinchers หนุ่มหน้าใสกับยัยจอมงก Gathered by heart , Recycled for LOVE



ตั้งใจจะหาหนังเรื่อง Wolf Boy ที่ซงจุงกิ (Song-Joon-Ki) เล่นเป็นพระเอกคู่กับ ปาร์คโบยอง (Park Bo-Young) คิดว่าหนังน่าจะมีซับแล้ว ที่ไหนได้ หนังยังไม่คลอดเลย เพิ่งจะมีเกำหนดออกฉายที่เกาหลี 31 ตุลาคมนี้ ดังนั้นคงต้องรอไปอีกสักพัก แต่จุงกิกำลังบูมเชื่อว่าหลังหนังออกฉายซับมาไวแน่นอน

แต่ถึงไม่เจอ Wolf Boy ก็ได้มาเจอหนังน่ารักเรื่องนี้แทน Penny Pinchers ซงจุงกิ รับบทพระเอกคูกับนางเอกฮันเยซึล หรือ "สหายวอล" จากซีรีย์ Myung Wol The Spy เธอเคยเล่น Nine Tails Fox ( Forbidden Love) ด้วยนะ แต่จำไม่ได้เลย ทั้งที่เธอหน้าตาสวยออกอย่างนี้ แต่หากคิดดูอีกทีมันก็เป็นไปได้ที่เธอจะไม่ถูกจดจำ เพราะเรื่องนั้นมีนางฟ้าคนโปรดคิมแตฮีเป็นนางเอกคู่กับพระเอกคนโปรดอย่างโจฮยอนแจ แล้วจะมีสายตาเหลือไปแลใครอีกได้ ถ้าจะพอเหลือๆ อยู่ก็ต้องตกเป็นของจุนจิน-(ชินฮวา) ไปหมดเกลี้ยง แต่ถึงอย่างนั้นปลายปีที่ผ่านมาก็สามารถรับรู้ความโด่งดังของเธอได้กับข่าวอื้อฉาวที่เธอหนีการถ่ายทำ Myung Wol The Spy และเดินทางไปสหรัฐอเมริกา ทิ้งกองถ่ายละครและอีริคมุนให้ค้างเติ่งอย่างน่าสงสาร สันนิษฐานว่าอีริคมุน คงจะเกิดความเซ็งลงตับเป็นแน่แท้



ข่าวว่าอีริคคาดหวังกับซีรีย์เรื่องนี้มากเพราะเป็นโปรเจ็คต์แรกของเขาหลังจากกลับมาจากการเป็นทหารรับใช้ชาติ แต่กลับต้องมาเจอสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างนางเอกกับผู้กำกับของเรื่อง ถึงขั้นต้องหยุดออกอากาศเพราะความล่าช้าในการถ่ายทำส่งผลให้ละครสต๊อกตอนไว้ไม่เพียงพอจนต้องหารายการอื่นมาออกอากาศแทนเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า KBS ก็ถึงขั้นประชุมฉุกเฉินเพื่อจะหานางเอกมาเปลี่ยนตัวและประกาศเตรียมฟ้องร้องฮันเยซึลทั้งทางแพ่งและทางอาญา 2 วันต่อมาเธอบินกลับประเทศ เข้าพบผู้ใหญ่ของ KBS ขอโทษประชาชน เพื่อนนักแสดง ทีมงาน และกลับมาถ่ายทำละครหลังจากนั้นอีก 2 วัน



คนทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง ในมุมมองหนึ่ง เธอคือนางเอกเรื่องมากที่ขาดความรับผิดชอบ แต่อีกมุมมองก็ไม่มีใครจะบอกได้ว่าเธอต้องได้รับความตึงเครียดอย่างไรบ้างในการถ่ายทำละครเรื่องนี้ อย่างที่เธอยืนยันเธอยังเชื่อว่าเธอทำถูกต้องแล้ว ความจริงจะเป็นอย่างไรไม่รู้ รู้แต่ว่าเธอทำให้อีริคของชั้นต้องลำบาก



ที่พล่ามมาทั้งหมดแค่อยากจะบอกว่าเธอเจ๋ง (แต่พอได้เมาท์แล้วน้ำท่วมทุ่งทุกที) ขนาดเธอทำเรื่องอย่างนี้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักขึ้นในสังคมบังเทิงเกาหลีที่รู้กันดีว่าแฟนๆ มีอิทธิพล "แรง" แต่เธอก็ไม่พบกับจุดจบดังคาด Penny Pinchers ที่หลายคนคาดการณ์ไว้ว่าอาจจะมีปัญหา ก็ได้ลงจอมาเป็นปกติ ซึ่งก็ควรจะเป็นอย่างนั้น เรื่องนั้นก็เรื่องนั้น เรื่องนี้ก็เรื่องนี้มันคนละเรื่องกัน

Penny Pinchers เป็นเรื่องราวรักใสๆ ของยาจกสองคนที่มีนิสัยสุดโต่งต่างกันสุดขั้วมาพบกัน



ฮงซิล (ฮันเยซึล) ยัยขี้งกที่ทำทุกอย่างเพื่อเพิ่มพูนรายได้ ประหยัดรายจ่าย เก็บเล็กผสมน้อยทุกบาททุกสตางค์ จริงจังกับชีวิตอย่างสุดเพดาน เธอผู้ถือคติ ชีวิตไม่จำเป็นต้องมีความหมาย แค่มีเป้าหมายก็พอ สิ่งที่เธอฝัน สิ่งที่เธอต้องการเธอจะทำให้ได้ แม้การพุ่งสู่เป้าจะทำให้ชีวิตไม่เหลือความสุขไว้สักนิดก็ตาม ผู้ชงผู้ชาย เธอไม่เคยมี



จีวุง (ซงจุงกิ) นายหน้าใส แต่เฝร่ย เห่ยซะไม่มีดี เขาผู้ถือคติ ชีวิตไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมาย แค่มีความหมายเป็นความสุขในชีวิตก็พอ จึงใช้ชีวิตสนุกหรรษาเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำ เดี๋ยวแก่ไปแล้วจะไม่ได้ทำ เรียนจบแล้วแต่งานการไม่เคยหาได้ ไม่มีเงินก็โทรหาแม่ให้ส่งเงินมาให้ล้างผลาญ พึ่งตัวเองไม่ได้ก็จะเป็นไรไปยังมีแม่อยู่ทั้งคน ผู้หญิงผู้เหยิงเร่เข้ามา ข้าคือเพลย์บอย

แต่ด้วยสายตาแหลมคมมองเห็นลู่ทางการลงทุนเพื่อเพิ่มพูนรายได้ของฮงซิล แม้ไอ้หนุ่มที่ห้องเช่าบนดาดฟ้าตึกตรงกันข้ามใกล้ๆ กันจะดูหลักลอยไร้สาระขนาดนั้น แต่ฮงซิลหญิงสาวโสดโดดเดี่ยว ผู้เก็บขวด คุ้ยขยะขายของเก่า ย่อมรู้ดีว่า ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่ไร้ค่า ถ้ารู้จักใช้ประโยชน์



เป็นแผนการลวงหลอก เป็นผลประโยชน์ล่อลวง
หรือส่วนเสี้ยวหนึ่งของความปรารถนาดี
ฮงซิลก็ได้ลอบจัดการนั่น โน่น นี่

จีวุง ถูกโยนออกมาจากอพาร์ตเมนท์ที่ไม่จ่ายค่าเช่า ไร้ที่อยู่
และผู้หญิงประหลาดขาดคนคบคนนั้นก็หยิบยื่นน้ำใจแปลกๆ มาให้

มันอาจน่าสงสัย แต่ด้วยไม่มีที่จะซุกหัวนอน ไม่มีที่ไป และไม่มีอะไรจะเสีย (เพราะก็ไม่เคยจะมีอะไร) จีวุงจึงยอมไปอาศัยอยู่กับฮงซิล ที่พักของเขาคือการกางเตนท์อยู่หน้าห้องของเธอบนดาดฟ้าอพาร์ตเมนท์

วิถีการทำมาหากินของคนสุดโต่งสองคนจึงเริ่มขึ้น



เงิน เงิน เงิน ผู้คนบูชา
มีเงินเงินพาอุราป่วนปั่น
ยามเฮงเรารวย ยามซวยบุกบั่น
ต่างกัดฟันหาเงินกันไป


เมื่อได้มาอยู่ด้วยกัน ถึงไม่มีใครยอมขยับปรับตัว แต่จีวุงก็เริ่มรู้จักคุณค่าของเงิน ในขณะที่ฮงซิลก็เริ่มจะรู้จักมองหาความสุขใส่ตัว

เรียนรู้กันและกัน ความสัมพันธ์แบบช่วยกันทำมาหาเงินเริ่มจะเป็นไปด้วยดี มีความคุ้นเคยกันมากขึ้น แต่แล้ว ... ความคลุมเคลือที่ว่ามันคือแผนการลวงหลอก เป็นผลประโยชน์ล่อลวง หรือความหวังดีที่จริงใจ ก็ได้สร้างความเคลือบแคลงใจ คลอนแคลนความสัมพันธ์ จนแตกหักกันในที่สุด



มันเป็นสัจธรรม

มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีเงิน..ก็เสื่อมเงิน
หมดเนื้อหมดตัว ไม่เหลืออะไรเลย

แม้แต่เป้าหมายที่เคยเป็นหลักชัยของชีวิต

......

แต่ที่เหลืออยู่ คือ ความรัก

มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท

จึงมีความหวังและการเริ่มต้นใหม่ ด้วยความรัก



เฉยๆ นะ กับการแสดงของฮันเยซึล แต่ใบหน้าของเธอเข้ากับทรงผมเรื่องนี้ดี น่ารักมาก ส่วนซงจุงกิตั้งแต่ได้ดูการแสดงฝีมือในบทยากๆ เรื่อง Tree With Deep Roots (เรียกกันสั้นๆ ว่าเรื่อง "รากไม้") ก็เป็นที่ยอมรับเรื่องการแสดง "เนี่ยน" อย่างไม่มีข้อกังขา เล่นเรื่องนี้ก็เป็นตัวเองเลยรึเปล่าชักไม่แน่ใจ เพราะเวลาไปออกรายการวาไรตี้ หรือมีข่าวโน่นนี่ จุงกิดูจะมีลักษณะเข้าข่ายเพลบอยอยู่เหมือนกัน (ความเห็นส่วนตน) เรื่องใจป้ำนี่ก็คงจะคล้ายคลึงกับชีวิตจริงอยู่บ้าง เพราะจำได้ที่จุงกิซื้อรถยนต์ให้เป็นของขวัญปีใหม่กับผู้จัดการส่วนตัวถือเป็นความใจป้ำที่ได้รับความสนใจอยู่มาก พื้นฐานครอบครัวก็ร่ำรวยเป็นคุณเสี่ยอยู่แล้ว หล่ออีก ดังอีก งานชุกอีก คนมันจะหล่อรวย ช่วยไม่ได้

แต่เรื่องนี้รับบทตรงข้ามกับชีวิตจริงเพราะเล่นเป็นยาจกตกยาก จากความไม่เอาไหน ความไม่รู้จักโตเป็นผู้ใหญ่ จนกระทั่งได้มาพบกับนางเอก ผู้หญิงประหลาดโดดเดี่ยวที่ในหัวเดียวกระเทียมลีบของเธอ มีแต่เรื่องเงิน



มุขตลกให้ความรู้สึกฝืดๆ อยู่บ้าง เพราะนิสัยสุดโต่งของทั้งสองคนมันค่อนข้างจะน่าอึดอัด แต่ถึงอย่างนั้น Penny Pinchers ก็ยังคงเป็นหนังรักใสๆ ที่น่ารักดี





Trailer




ภาพและข้อมูลจาก Asianwiki.





 

Create Date : 09 ตุลาคม 2555    
Last Update : 9 ตุลาคม 2555 23:09:20 น.
Counter : 31981 Pageviews.  

Wonderful Radio รักออกอากาศ



ข้อมูลจาก Asianwiki

Title : Wonderful Radio
Director: Kwon Chil-In
Writer: Lee Jae-Ik
Release Date: January 5, 2012
Runtime: 120 min.
Genre: Drama / Romance / Music / Radio

Wonderful Radio ยังมีชื่อหนังอีกชื่อคือ Love On-Air
ที่แปลไทยตรงตัวว่า "รักออกอากาศ"



เมื่อปีที่แล้วได้ดูรายการวาไรตี้เกาหลี "Happy together" หรือที่รู้จักกันในชื่อไทย "ซาวน่าหรรษา" เจอมินจองกับเหล่านักแสดงไปออกรายการพอดี เหตุที่มีคนแปลซับไทยออกมาใน episode นั้น เข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะมีลีกวางซู หนึ่งในสมาชิก Running Man ร่วมรายการอยู่ด้วย เพราะลีกวางซูก็เป็นหนึ่งในนักแสดงคนสำคัญของหนังเรื่องนี้

ชอบพอนางเอกลีมินจองเป็นการส่วนตัว ตอนเธอมาออกรายการรันนิ่งแมนทำให้รู้สึกชอบเธอมากขึ้น ยิ่งได้พบเธอในผลงานซีรีย์สุดประทับใจเรื่อง Smile You เข้าไป ความรักยิ่งเพิ่มพูนเหลือคณานับ ตั้งใจมานานแล้วว่าจะต้องดูหนังเรื่องนี้ ถ้าไม่มีซับไทยก็จะขออดทนถ้าจำเป็นต้องดูซับอังกฤษน่ะนะ แต่โชคดีจริงๆ ที่มีคนทำซับไทยของหนังเรื่องนี้มาให้ได้ดูกัน (ขอบคุณมากค่ะ)



เรื่องย่อ

ชินจีอา (ลีมินจอง) อดีตสมาชิกเกิร์ลกรุ๊ปที่เคยโด่งดังระดับตำนานและถือเป็นต้นกำเนิดของวงเกิร์ลกรุ๊ปในยุคแรกๆ ที่จุดกระแสศิลปินวงเกิร์ลกรุ๊ปให้เป็นที่นิยมมาจนถึงปัจุบัน หลังจาก "เพอร์เพิล" วงแตก จีอาได้ผันตัวมาเป็นดีเจให้กับคลื่นรายการวิทยุ Wonderful Radio แต่คนมันขาลง เอาอะไรมาฉุดก็หยุดไม่อยู่ แม้จะเป็นอดีตไอดอลดังที่ผู้คนเคยคลั่งไคล้ แต่รายการวิทยุที่เธอจัดเรตติ้งก็ยังตกต่ำอย่างเสมอต้นเสมอปลายตลอดมา และมันต่ำคงเส้นคงวาเกินกว่าผู้อำนวยการสถานีวิทยุจะรับได้อีกต่อไป



ลีแจอิค ( Lee Jae-Ik ) (รับบทโดย Lee Jung Jin) เป็นโปรดิวเซอร์รายการวิทยุมือดีที่ถูกเรียกตัวมารับผิดชอบช่วงรายการ Wonderful Radio เพื่อหวังกอบกู้เรตติ้ง

เขาคือโปรดิวเซอร์หนุ่มมาดเท่ผู้รักการกินกาแฟเย็น ต้องมาเจอกับดีเจสาวขาวีนที่ดูไม่ค่อยจะมีวินัยและยังท่าทางเอาแต่ใจอีกด้วย งานนี้สองฝ่ายจึงมีการตั้งป้อมไม่ยอมปรองดองกันง่ายๆ โดยเฉพาะฝ่ายหญิงที่เรียกเขาลับหลังว่า "นายหัวโตสมองทึ่ม"



แต่เมื่อต้องมาทำงานร่วมกันในฐานะโปรดิวเซอร์กับดีเจ ความใกล้ชิดทำให้เรียนรู้นิสัยใจคอ และโปรดิวเซอร์หนุ่มก็พบว่า ดีเจจีนาขาโวยไม่ได้เป็นคนอย่างที่เขาเคยคิดและตัดสินเธอจากภาพลักษณ์ที่เห็นภายนอก และเมื่อนายหัวโตสมองทึ่มก็ไม่ได้ทึ่มอย่างที่คิด แต่กลับเป็นคนทำงานอย่างจริงจังมีความรับผิดชอบ รู้จักการให้โอกาส และยืดอกรับความผิดพลาดในสิ่งที่ได้ตัดสินใจ

ดังนั้น ย่อมต้องถึงเวลาสมานฉันท์หันหน้ามาทำงานร่วมกันเพื่อฟื้นฟูเรตติ้งของ Wonderful Radio



แต่วงการนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิด อีกทั้งความสำเร็จมันเป็นสิ่งที่มีอุปสรรคให้ต้องฝ่าฟัน ไม่ว่าจะเรื่องการเป็นดีเจ หรือการกอบกู้ความฝันที่เคยพังทลายไปแล้วในอดีต ด้วยการหวนคืนสู่การเป็นนักร้องอีกครั้ง



เป็นหนังน่ารัก ดูสบายๆ แม้จะมีฉากดราม่าซึ้งๆ เรียกน้ำตาได้บ้าง แต่ก็พอเป็นอรรถรสไม่ได้มีอะไรรันทดหนักหนา ความรักไม่ถึงขั้นหวานหยด แค่พออบอุ่นน่ารัก พระเอกหน้าตาไม่ถูกใจ แต่บทบาทโปรดิวเซอร์ในเรื่องเท่มากมาย เวลาที่เขาถือแก้วกาแฟเย็นติดอยู่ในมือจะดูน่ารักดี (แม้ค่อนข้างจะดูมีอายุปริ่มๆ สูงวัยแล้วก็ตาม)




ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ที่เห็นคือ หนังได้เรียกใช้ ลีกวางซู จาก Running Man มาเป็นตัวประกอบสำคัญช่วยเรียกแขก เพราะคาแร็คเตอร์ของชาแดคึล ผู้จัดการส่วนตัวของจีนาที่รับบทโดยกวางซูนั้น ก็มีคาแร็คเตอร์ไม่ผิดเพี้ยนไปจากตัวกวางซูในรันนิ่งแมนสักเท่าไหร่นัก แถมยังโดนจีนานูน่าโขกสับเอาไม่ต่างจากโดนจิฮโยนูน่าในรันนิ่งแมนทุบตีเลย (อิอิ เขาเกิดมาเพื่ออาภัพ)



เพราะไม่รู้มาก่อน จึงเซอร์ไพรส์มาก ที่เฮียคิมจองกุ๊กกับคังแกรี่อุตส่าห์สละเวลาอันมีค่ามาโผล่หน้าในหนังเรื่องนี้ รับบทผู้โดยสารรถแท็กซี่ขาจรที่กวางซูขับ หลังจากตกต่ำถึงขีดสุดเมื่อจีนาถูกไล่ออกจากการเป็นดีเจ แม้จะเป็นช่วงเวลาแสนสั้นแต่เรียกรอยยิ้มได้ คิมจองกุ๊กน่ารักมากมาย แกรี่เล่นเป็นคนเมาแล้วก็มึนๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเหมือนในรันนิ่งแมนนั่นแหละ เห็นหน้าติดจะยิ้มๆ ของคิมจองกุ๊กและบทบาทผู้โดยสารขาจรแป๊บๆ ของพวกเขาแล้วรู้สึกดีจังเลย เหมือนพากันมาเล่นเป็นกำลังใจให้กวางซู-น้องชายคนเล็กของครอบครัวรันนิ่งแมน



ตัวละครอื่นๆ ก็มี เพื่อนสองสาว อดีตสมาชิกร่วมวงของวงเพอร์เพิล





ทีมงาน wonderful Radio










ผู้อำนวยการสถานีวิทยุ




และสุดท้ายคือ "ตัวร้าย" เจ้าของค่ายศิลปินดัง



สิ่งที่ชอบมากที่สุดในหนังเรื่องนี้คือ มินจองสวยน่ารักมากกว่าทุกเรื่องที่เคยเห็นมา และเพลงเพราะมาก ไม่รู้ใช่เสียงมินจองเองหรือเปล่า ฟังไม่ออก เพราะถ้าฟังจากเสียงพูดของมินจอง เสียงของเธอจะต่ำๆ อยู่ในคอ เวลาแอ๊บแบ๊วจะเป็นเสียงที่น่ารักมาก ชอบมินจองที่สุดตอนเธอหัวเราะก็เพราะเสียงหัวเราะต่ำๆ ลงคอของเธอนี่แหละ

แต่เสียงตอนเธอร้องเพลงเป็นเสียงร้องที่เพราะมากจริงๆ เหมือนนักร้องมืออาชีพ จึงไม่แน่ใจว่าใช่เสียงมินจองหรือเปล่า ว่าแล้วก็สงสัยต้องไปเปิด Wikipedia ปรากฏว่าใช่เสียงมินจองเองจริงๆ ด้วย เธอขับร้องเองทั้งสามเพลงหลักๆ "Write the Truth" "Again" และ "You're My Angel"

อ่านะ .. เป็นสาวสวยเก่งมากความสามารถจริงๆ มินจองของชั้นนนน




















































 

Create Date : 03 ตุลาคม 2555    
Last Update : 4 ตุลาคม 2555 0:45:06 น.
Counter : 7981 Pageviews.  

Crows Zero โรงเรียนอีกา โลกของนักเลงที่ไม่อาจเข้าถึง (แต่ชอบ)



Movie: Crows: Episode 0 : クロ-ズ ZERO:เรียกเขาว่าอีกา
Director: Takashi Miike Writer: Hiroshi Takahashi, Shogo Muto
Release Date: October 27, 2007 Runtime: 129 min


หลังจากดูหนังแล้ว เรียกว่าต้องเสิร์ชกูเกิ้ลกันอุตลุด เพราะไม่รู้เข้าใจอะไรผิดไป นี่ใช่ Crows เรียกเขาว่าอีกา จากการ์ตูนที่เคยอ่านแน่หรือ เพราะตั้งแต่มีหนังเรื่องอีกาก็เข้าใจผิดมาตลอดว่า โอกุริ ชุน แสดงเป็นพระเอกอีกา 'โบยะ ฮารุมิจิ' เลยงงเต๊กว่าไม่ใช่โบยะ แต่เป็น "เก็นจิ" จะว่าคนละเรื่องก็เห็นฮู้ดทะมึนของรินดาแมน หรือเขาจะดัดแปลงเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนเนื้อเรื่องและเปลี่ยนคาแร็คเตอร์ไปจาก "โบยะ" นักเลงผู้เฮฮา แต่ว่าก็มีความเท่และน่ารักแบบเถื่อนๆ แอบแฝงอยู่ด้วยในหลายๆ กรณี แล้วที่เป็นลูกชายหัวหน้าองค์กรยากูซ่าด้วย ก็ไม่น่าจะใช่พระเอกอีกาที่เคยอ่านเลย



ยิ่งบทของ เซริซาว่า ทามาโอะ ที่รับบทโดย ทากายูกิ ยามาดะ ยิ่งไปกันใหญ่ นึกไม่ออกเลยว่ามีตัวละครบทบาทนี้ในโรงเรียนอีกาด้วย คิดว่าเป็นรุ่นพี่ปีสาม 'คนนั้น' (ในการ์ตูนชื่อคิริชิมะ ฮิโรมิ) แต่ก็คงจะไม่ใช่ เพราะเซริซาว่า ทามาโอะ เจ๋งกว่า เท่กว่าเยอะ แล้วเขาเป็นใครกันทำไมไม่คุ้นเลย





เอ่..? นี่มันอีกาแน่หรือ ไหนเขาว่ามันสร้างมาจากการ์ตูน แล้วก็วิจารณ์กันว่าอารมณ์ของเรื่องไม่หลุดไปจากการ์ตูนเท่าไหร่ ยิ่งดูไป คิดไป หนังจบไป ก็ยิ่งมั่นใจว่า พระเอกอีกา 'โบยะ' เป็นคนละแบบกันเลย 'เก็นจิ' ในหนังเรื่องนี้น่ะ



พอได้ Google เป็นที่พึ่งก็ถึงบางอ้อ .. อีกาเหมือนกันแต่คนละรุ่น Crows Zero ก็เรื่องหนึ่ง ฉบับดั้งเดิมคือ Crows ก็อีกเรื่องหนึ่งที่มี โบยะ ฮารุมิจิ เป็นพระเอก ส่วน Crows Zero เป็นซูซูรันรุ่นก่อนที่โบยะจะเข้ามาเรียน (ถ้าจำมาไม่ผิด)

สรุปเขาเล่าว่า การ์ตูนโรงเรียนอีกามีดังนี้

Crows Zero 9 เล่มจบ << สมัย เซริซาวะ / เกนจิ (ที่ทำหนัง Crows Zero)
Crows 26 เล่มจบ + ภาคพิเศษ3 เล่ม << โบยะ ฮารุมิจิ
Worst 26 เล่ม ยังไม่จบ << เป็นซูซูรันรุ่นหลัง
Worst ภาคพิเศษ 1 เล่ม << กำเนิดบุโซเซ็นเซ็น
Worst ภาคพิเศษ 1 เล่ม << พี่น้องอุเมโฮชิ (สำนักพิมพ์ bandai)
Linda Linda 2 เล่ม << ภาคพิเศษของรินดาแมนช่วงม.ต้น
Harumiji 2 เล่ม << ภาคหลังจากที่โบยะเรียนจบแล้ว
(ที่มา เว็บบอร์ด //www.modxtoy.com โดย NONG22)



ดังนั้นเรื่องย่อหนังเรื่อง Crows Zero จึงต้องพึ่งพา Google และค้นได้มาจากแหล่งประจำคือ //www.nungdee.com เพราะถ้าให้เล่าเองคงไม่เป็นเรื่องราวเป็นราวเท่าไหร่ เพราะไม่รู้จะเล่าอะไรนอกจากว่าเป็นเรื่องของนักเรียนยกพวกตีกัน



เรื่องย่อ :- โรงเรียนมัธยมปลายชาย ซูซูรัน หรือมีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า “โรงเรียนของบรรดาอีกา” (The School of Crows) ซูซูรัน คือโรงเรียนไม่ประสบความสำเร็จที่สุด เป็นโรงเรียนที่ชอบใช้ความรุนแรงกันที่สุดในประเทศ บรรดานักเรียนจะถูกเรียกว่า “อีกา” พวกเขาจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อยๆ และต่อสู้กันเพื่อความมีอิทธิพลและการมีอำนาจในโรงเรียน



แต่พวกเขาต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน เป็นเป้าหมายหนึ่งเดียว ซึ่งไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์ของโรงเรียน เป้าหมายนั้นก็คือ การรวมเป็นหนึ่งเดียวของบรรดานักเรียน

ไม่เคยมีกลุ่มใดได้ครอบครองความยิ่งใหญ่อันสูงสุดนี้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะมีกลุ่มทรงอำนาจ กลุ่มหนึ่งในชื่อ “กองกำลังเซริซาว่า” เป็นกลุ่มที่เข้าใกล้เป้าหมายสูงสุดได้มากที่สุด




กองกำลังเซริซาว่านำทัพโดย นักเรียนปีสาม ทามาโอะ เซริซาว่า (รับบทโดย ยามาดะ ทาคายูกิ) นักสู้กระหายเลือดผู้ซึ่งได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากลูกทีมของเขาเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นวันหนึ่ง ก็มีนักเรียนปริศนาคนหนึ่งย้ายเข้าใหม่ เขาเป็นนักเรียนปีสามมีชื่อว่า เก็นจิ ทาคิยะ (รับบทโดย โอกุริ ชุน) พ่อของเขาเป็นหัวหน้าขององค์กรอาชญากรรมที่ทรงอิทธิพล เก็นจิ ต้องการรับช่วงต่อจากพ่อในสักวันหนึ่งแต่ด้วยเงื่อนไขที่ท้าทายเป็นอย่างยิ่ง นั่นก็คือต้องยึดครองซูซูรัน





เก็นจิ เป็นคนแข็งแกร่ง ดื้อดึงและมั่นใจในความสามารถด้านการต่อสู้ของตนเอง แต่เขาเป็นพวกลุยเดี่ยวไม่ใช่คนที่จะเป็นหัวหน้าใคร โชคยังดีที่เส้นทางของเขาทาบทับผ่านเส้นทางของเคน คาตางิริ เคน (รับบทโดย เคียวสุเกะ ยาเบะ) ศิษย์เก่าซูซูรันที่ครั้งหนึ่งเคยใฝ่ฝันจะครอบครองซูซูรันด้วยกำลังของตนเอง แต่ปัจจุบันกลับเป็นได้แค่อาชญากรชั้นต่ำคนหนึ่ง (ยากูซ่า)



เคน ได้ฝากฝังความฝันที่ไม่เป็นจริงของเขาไว้กับ เก็นจิ และได้กลายเป็นที่ปรึกษาให้ เก็นจิ ไม่นานนัก เก็นจิได้นำผู้ทรงอำนาจสามคนที่เป็นคู่ปรับของกองกำลังเซริซาว่ามารวมกลุ่ม เป็นกองกำลังร่วมกันภายใต้ชื่อ “จีพีเอส” (“Genji Perfect Succession”) ความตึงเครียดค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะเบาะแว้งที่เล็กน้อยเพียงใด สมาชิกของจีพีเอสก็แก้ปัญหาอย่างดุดันทุกครั้ง



แต่เมื่อหนึ่งในพรรคพวกที่แข็งแกร่งที่สุดของเก็นจิถูกลอบโจมตีอย่างชั่ว ร้ายโดยคนจากกองกำลังเซริซาว่า เป็นครั้งแรกในชีวิตของ เก็นจิ ที่เขารู้สึกเจ็บปวดและโกรธแค้นกับความโชคร้ายของคนอื่น ของเพื่อนที่ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ เขาจึงเริ่มเข้าใจว่าการครอบครองซูซูรันนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยกำลังของเขาเพียงหนึ่งเดียว เขาจำเป็นต้องขึ้นนำกลุ่มด้วยคุณสมบัติที่เขาไม่เคยมีมาก่อน นั่นก็คือความมีเสน่ห์ ทักษะการเจรจาต่อรอง ความเห็นอกเห็นใจ และความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และเมื่อเก็นจิมีคุณสมบัติสำคัญในการเป็นหัวหน้าที่แท้จริงแล้ว เวลาแห่งการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายก็ใกล้เข้ามาอีกนิด



ก็ไม่เข้าใจหรอกว่า หนังเรื่องนี้ จะตีกันเพื่ออะไร
เพื่อเป็นขาใหญ่ที่สุดในซูซูรัน เพื่อครอบครอง
เพื่อรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่า ..เพื่อ ?

แต่ก็มีเหตุผลที่ทำให้ชอบหนังเรื่องนี้

*. เป็นการรวมตัวกันของดาราหนุ่มๆ (เหตุผลนี้ตลอดล่ะ)
*. ดูเอาแค่พอสนุก ไม่ต้องการสาระใดๆ
*. ชอบความกร่างของพวกหัวโจก
*. ชอบความเท่ของยากูซ่าหัวหน้าองค์กร
*. เป็นหนังภาพสวยในแบบของมันเอง
*. แอคชั่นดุดัน ต่อยตี กระทืบกัน มันส์ดี




เนื่องจากไม่ได้ดูข้อมูลอื่นใด เข้าใจว่าเป็นอีกาและซื้อแผ่นมาเพราะโอกุริ ชุน ซึ่งก็เห็นๆ อยู่ว่าจะคุ้มเพราะยังมีสองหนุ่ม Rookies คิริตานิ เคนตะ และ โซสุเกะ ทากาโอกะ ร่วมแสดงอยู่ด้วย ส่วน ยามาดะ ทาคายูกิ ช่างเขาเราไม่แคร์เพราะก็ไม่เคยมีใจให้แต่ไหนแต่ไรมา



แต่ที่นอกเหนือความคาดหวังนั่นก็คือการได้เห็น ไดโตะ ชุนสุเกะ (ที่ไม่ได้อยู่ในโปสเตอร์) ผงกหัวลุกขึ้นมายืนผงาดอยู่ท่ามกลางฝูงนักเรียนอีกา ดูจากสีหน้าแววตา นี่แหละบทบาทที่เหมาะกับไดโตะที่สุดแล้ว เหมือนตอนเล่น Tumbling และคล้ายคลึงกับตอนเล่น Rescue ไปใส่แว่นทำหน้าตาสงบอย่างเรื่อง Ouran High School Host Club ดูแล้วไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ พอได้เห็นไดโตะในมาดนักเลงอีก โอ้..ชอบมาก



แต่กลับเฉยๆ กับบทของโอกุริ ชุน เพราะไม่ใช่แบดบอยในแบบที่ชอบ และถ้าถามว่าที่ชอบเป็นแบบไหน ก็แบบ โบยะ ฮารุมิจิ นั่นแหละค่ะ ซึ่งก็จะมีความใกล้เคียงกับคาแร็คเตอร์ของ ซากุรางิ ฮานาบิจิจากSlam Dunk แล้วก็มีความคล้ายคลึงกับ ชิมาดะ อากิ จากการ์ตูนสุดโปรดในดวงใจเรื่อง "แสบกว่านี้มีอีกไหม" การ์ตูนที่ไม่เคยรู้ว่ามันโด่งดังหรือเป็นที่รู้จักหรือไม่ แต่ครั้งหนึ่งหนังสือพิมพ์มติชนเขาเขียนว่าการ์ตูนสามเรื่องที่ลูกผู้ชายต้องอ่านมี จอมเก บลูส์ เรียกเขาว่าอีกา และ แสบกว่านี้มีอีกไหม รู้อย่างนี้ถึงกับเป็นปลื้มเพราะเรื่องสุดท้ายนี้ติดอยู่ในใจจริงๆ ขนาดว่าจำชื่อตัวละคร จำเนื้อเรื่อง จำคาแร็คเตอร์ได้แม่น โดยเฉพาะตัวแย่งซีนอย่าง อามาคุสะ กิง (อามากิง) ที่กลายเป็นตัวร้ายอันดับหนึ่งในดวงใจ



มันมีเหตุผลที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้ ว่าทำไมตัวร้ายที่ทั้งเกลียด ทั้งกลัว ถึงได้กลายเป็นตัวร้ายในดวงใจที่ทั้งชอบทั้งสงสารไปด้วยในตัวน่ะ ฉากสุดเลวที่ข่มขืนนางเอกกับคำพูดที่ว่า "เนื้อตัวของเธอที่เปื้อนโคลน" ยังคงจำได้ ฉากที่โดนพระเอกยิงหูขาด แล้วก็ภาพของหมาป่าเดียวดาย หัวขาว ใส่ที่ครอบหู (ปิดหูที่ขาด) ขี่มอเตอร์ไซด์โดดเดี่ยว กับรอยยิ้มเย็นๆ ของอามากิงก็ยังติดตาอยู่เลย ถือว่าเป็นการ์ตูนในความทรงจำที่ภาพในความทรงจำยังคงชัดอยู่ ยังคงนึกภาพออก ไม่ว่าจะเป็น อากากิ นาโอมิ พระเอกเพื่อนคู่หูของชิมาดะ นางเอกอาเคมิ ที่เป็นเพื่อนกันกับพระเอกตั้งแต่เด็ก โตมาแยกจาก กลับมาเจอก็ยังรักนะแต่เราต่างไม่แสดงออก คุณเรโอและลูกสมุนที่คนนึงผมยาวมีผ้าปิดปาก ตาคนหัวโล้น ส่วนอีกคนจำคาแร็คเตอร์ได้คือเซย์ซิโร่ซัง หรือ "เซย์จัง" ที่หน้าตาเถื่อน แต่น่ารักแบบทึ่มๆ สี่พี่น้องรันดาเกะแห่งนางาโนะ ฝูงหมาโหด กับการเด็ดปีกผีเสื้อ สาวห้าวโมโมคาวะ สาวน้อยตัวแสบไรมุ อาราบะ นากิ พี่ชายของอามากิง เจ้าพ่อแก๊งค้ายาเสพติดที่ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้มีความซีเรียสและเข้มข้นกว่าการ์ตูนนักเรียนตีกัน และ นิได มานาบุ คลื่นตะวันตกจากโอซาก้าผู้เกี่ยวข้องกับแก๊งโตเกียวโบโด



คนหลังสุดนี่ก็เป็นที่จดจำในฐานะตัวร้าย หน้าเป็น ยิ้มแป้น แต่น่ากลัวด้วยเหมือนกัน (จะไม่จำได้ได้ไง ก็อ่านการ์ตูนเรื่องนี้กี่รอบแล้วล่ะ) แต่ทั้งหมดทั้งปวงก็ไม่เท่าอามากิง ไอ้หมาบ้าแห่ง ชิซึโอกะ ที่จำได้ชัดกว่าพระเอกซะอีก นั่นเป็นคาแร็คเตอร์ที่ซับซ้อนอย่างมีเสน่ห์ (จึงแย่งซีน) เพราะมันไม่ควรจะมีเหตุผลอะไรเลยจะไปชอบตัวร้ายน่ารังเกียจที่ข่มขืนนางเอกถึงขั้นยกให้เป็นตัวร้ายในดวงใจน่ะนะ แม้แต่ในเนื้อเรื่องเอง บางอย่างในตัวอามากิงก็ดึงดูดและมีอิทธิพลต่อจิตใจของพระเอก ไม่ว่าจะตอนที่อามากิงยังอยู่ หรือตอนที่เขาตายไปแล้ว (สะเทือนใจกับการตายของตัวร้ายอีกแน่ะ และเช่นกันที่ฉากตายสวยของอามากิงยังนึกภาพออกชัด) เอาเป็นว่าก่อนจะเพ้อเจ้อเกี่ยวกับ ชิมาดะ และอามากิง ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับ Crows Zero ไปมากกว่านี้ วกกลับมาที่หนังเรื่องนี้กันเถอะ



สรุปคือ เมื่อเก็นจิ ไม่ใช่แบบที่ชอบ จึงไม่ค่อยปลื้มโอกุริ ชุนในเรื่องนี้สักเท่าไหร่ กับการที่มาวันแรก ก็ทำกร่างไปพ่นสีตรงนั้นบนดาดฟ้าประกาศศักดาเป็นที่หนึ่งในซูซูรัน เขามาอย่างมีมุ่งหมายว่าจะพิชิตซูซูรัน มั่นใจสุดๆ แถมยังไปหาเรื่องใครๆ ก่อนด้วยเพราะต้องการเอาชนะ มีความหยิ่ง ความมั่นใจในฝีมือของตนเองสูง ( เป็นความรู้สึกอย่างเดียวกันกับความกร่างอย่างยโสของพระเอกเรื่อง โจ สิงห์สังเวียน ที่ไม่ปลื้มในบทบาทที่เล่นโดยยามะพีเช่นกัน)



เป็นคนละอย่างกับโบยะ พระเอก Crows ในการ์ตูนที่ได้อ่าน แม้เรื่องฝีมือชกต่อยจะเข้าขั้นหลงตัวเอง แต่เขาก็เป็นคนประเภท ตูไม่ยุ่งกะใคร แต่ใครอย่ามายุ่งกะตู ไม่สนจะเป็นใหญ่ในซูซูรัน ใครพวกใคร ใครจะใหญ่ในซูซูรัน ตูไม่อยากรู้ แค่อย่ามาทำให้ตูเจ็บ (ตูจะเล่นงานให้เดี้ยงเลย) ยามปกติเขาฮา ยามมีปัญหาเขามีสายตาแลดูและครุ่นคิด และยามมีเรื่องถ้าไม่ฮาเขาก็เท่ โบยะคนที่บอกว่า

"ฉันไม่ต่ำช้าแล้วก็ไม่ผิดปกติ ฉันไม่ใช่คนเลวแล้วก็ไม่ชั่วร้าย
แต่ก็ไม่ใช่คนดีวิเศษอะไร มีปัญหาล่ะก็..บอกได้
จะอัดให้กระเด็นได้เสมอ"

"สิ่งที่สำคัญจริงๆแล้ว! คือการผูกมิตร
มีเพื่อนตายสักคนดีกว่ามีลูกน้องเป็นร้อย"

"ฉันเกลียดการตั้งกลุ่มอิทธิพลมากที่สุด ฉันแค่อยากหัวเราะตอนดีใจ
ร้องไห้ตอนเสียใจ โกรธตอนหิว ฉันบอกแล้วว่าฉันเซ็งเรื่องน่าเบื่อพวกนั้น"

"จะแก๊งบุโซ หรือบุบโซ ฉันไม่สน ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ชอบไปท้าตีท้าต่อยกับใคร!"
(แต่ซัดเขาอ่วมตลอดแหละ)

แม้บทของเก็นจิ จะมีมุมใสซื่ออยู่ด้วยนิดๆ แต่ก็ไม่ใช่แบบโบยะที่เท่สลับฮาและชอบคาแร็คเตอร์อย่างนั้นมากกว่า เรื่องนี้ก็เลยไม่อะไรกับโอกุริ ชุน แม้จะชอบสายตาขวางๆ ของเขามาก




แต่กลับไปชอบมากมายในบทบาทของ เซริซาว่า ทามาโอะ ที่แสดงโดย ยามาดะ ทาคายูกิ แม้จะดูยามาดะมาก็หลายผลงาน เพราะเขาก็เป็นระดับ "พระเอก" คนหนึ่งของวงการซีรีย์ญี่ปุ่น แต่ดูเรื่องไหนก็ไม่เคยจะถูกโฉลกกันเลยสักครั้งกับบทบาทที่รับเล่น (ออกแนวรันทด) นึกๆ ดูแล้ว ก็อดขำตัวเองไม่ได้ว่า เห็นยามาดะมาก็นาน เพิ่งจะมีเรื่องนี้แหละที่ชอบมากจริงๆ มันเหมือนกับว่าในที่สุดเราก็ “หากันจนเจอ” ยามาดะในแบบที่จะชอบ

ต้องแบบแบดบอยอย่างเรื่องอีกานี่เอง ที่จะว่าไปแล้วบทของเซริซาว่า ทามาโอะ ก็มีส่วนคล้ายคลึงกับ โบยะ ฮารุมิจิ อยู่เหมือนกัน ถ้าดูจากความตลก ฉากตอนที่นั่งเล่นเกมอะไรอย่างหนึ่งอยู่กับเพื่อนๆ บนดาดฟ้าแล้วจู่ๆ เกนจิเข้ามาหาเรื่อง เตะโต๊ะกระเด็น โบยะก็เป็นแบบเซริซาว่าในลักษณะนั้นแหละ แทนที่จะจริงจังกับเรื่องที่ควรจะเป็นเรื่อง กลับไปจริงจังกับเรื่องไร้สาระไม่เป็นเรื่องแทน แทนที่จะโกรธเพราะเหตุใหญ่ ก็ดันไปโกรธกับเหตุย่อยที่แสนจะจิ๊บจ๊อย แล้วนั่นมันก็ตลกดี



ชอบฉากวันฝนตกมาก เซริซาว่า เท่มากมาย กับการเดินเยื้องย่างอย่างนิ่มนวล ฝ่าสายฝนมากับร่มสีขาวท่ามกลางกองกำลังเซริซาว่าที่ทั้งหมดกางร่มสีดำ

ขณะที่คนอื่นโยนร่มโดดเข้าตีกัน หัวหน้าเซริซาว่าท่านยืนดูอย่างสงบ ค่อยโน้มร่มลงมาหุบอย่างเรียบร้อย และก้มวางร่มลงพื้นอย่างใจเย็น ต่อด้วยการยืดเส้นยืดสายก่อนสักนิด ออกเรี่ยวออกแรง เหนื่อยแล้วก็นั่งพัก หุหุ อาการอย่างนี้มันดูกวนประสาทดีจริงๆ

ด้วยเหตุนี้ Crows Zero ในมุมมองของตัวเอง จึงรู้สึกว่า เซริซาว่า ทามาโอะ คือพระเอกของเรื่อง และแล้วก็คงต้องหา Crows Zero episode 2 มาดูกันต่อแน่นอน




















































































 

Create Date : 22 กันยายน 2555    
Last Update : 22 กันยายน 2555 12:02:24 น.
Counter : 79962 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  

prysang
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 98 คน [?]




จำนวนผู้ชม คน : Users Online
New Comments
Friends' blogs
[Add prysang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.