ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

เทคนิคร้อยไหมมาจากไหน

ศัลยกรรม



เทคนิคร้อยไหมมาจากไหน (Lisa)

การร้อยไหมละลายเป็นการยกกระชับผิวหน้าที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน มาทำความรู้จักกับนวัตกรรมนี้ให้ดียิ่งขึ้นจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผู้เป็นต้นตำรับของเทคนิคนี้

กำเนิดการร้อยไหม

           การนำไหมละลายมาร้อยที่ผิวเพื่อยกกระชับใบหน้านั้น กำเนิดขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2545 ที่ประเทศเกาหลี กล่าวได้ว่าเป็นระยะเวลากว่าสิบปีที่วิวัฒนาการดังกล่าวค่อย ๆ เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายจากวงการแพทย์ทั้งในเกาหลี และหลากหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยอาศัยหลักการซ่อมแซมตัวเองของผิวเพื่อให้กระชับและสวยงามดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งวิธีดังกล่าวเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีความปลอดภัยสามารถคืนกลับสู่สภาพเดิมได้ และมีความแตกต่างจากการผ่าตัดศัลยกรรมในรูปแบบเดิม

ผู้คิดค้นและกลไก

ผู้คิดค้นการนำไหมละลายมาใช้เพื่อความงามเป็นครั้งแรก คือ ดร.ควน ฮันจิน นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งความงามชาวเกาหลี จากสถาบัน "เดอมาสเตอร์" ได้ให้ความรู้เรื่องการร้อยไหมไว้ดังนี้ "จากนวัตกรรมดังกล่าว ทำให้สัดส่วนผู้ที่รับการผ่าตัดดึงหน้าในเกาหลี ลดน้อยลงมาก เพราะแนวโน้มการทำศัลยกรรมของผู้หญิง ตอนนี้จะเน้นความสวยงามที่ดูเป็นธรรมชาติที่สุดโดยการร้อยสิ่งแปลกปลอมที่มีความปลอดภัยอย่างเส้นไหมลงบนผิวหน้า หลังจากนั้นร่างกายก็จะทำปฏิกิริยาสร้างมวลของคอลลาเจนล้อมรอบเส้นไหมที่เป็นสิ่งแปลกปลอม และเส้นไหมก็จะสลายตัวไปอย่างช้า ๆ จนหมดไปในที่สุด โดยที่คอลลาเจนก็ยังคงอยู่ เรียกได้ว่าเป็นการฟื้นฟูสภาพผิวได้อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติกว่าวิธีอื่น ๆ แต่สวยงามมากน้อยแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ด้วยเช่นกัน"

           หลักที่ถูกต้องที่สุดของการร้อยไหมคือจะไม่มีสูตรที่สำเร็จตายตัว หากแต่จะต้องอาศัยความชำนาญในการวิเคราะห์ใบหน้าของแต่ละบุคคลเพื่อคำนวณหาขนาดความหนา และความยาวของเส้นไหมให้พอดีและเหมาะสมมากที่สุด ก็เปรียบเหมือนการตัดเสื้อผ้าให้คนสวมใส่แบบเทย์เลอร์เมด เพราะแต่ละคนก็มีสัดส่วนและความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งหน้าที่ของช่างก็คือต้องทำเสื้อผ้าออกมาให้ถูกใจคนสวมใส่ให้มากที่สุด

ชนิดของเส้นไหมที่แพร่หลาย

           ในปัจจุบันไหมที่นิยมใช้ในการร้อยมีชื่อว่า "โพลีไดออกซาโนน" (Polydioxanone) หรือ PDO ซึ่งเส้นไหมดังกล่าวจะมีขนาดความหนาและความยาวที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับการนำมาเลือกใช้ และเมื่อเข้าไปอยู่ในร่างกายแล้วจะสามารถละลายได้เองภายใน 6-8 เดือน

ผลข้างเคียง

           ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการร้อยไหมอาจจะเกิดขึ้นได้บ้าง ขึ้นอยู่กับความชำนาญของแพทย์ในการเลือกใช้ขนาดของเส้นไหมและเทคนิคที่นำมาใช้ในการร้อย ถ้าหากเส้นไหมที่นำมาใช้มีความหนาและใหญ่เกินไป ผลที่ตามมาคืออาจจะทำให้เกิดอาการปวดและบวมมาก หลังทำมีโอกาสที่ไหมจะโผล่ออกมาสูง หรือถ้าใช้ไหมเส้นเล็กเกินไปก็จะร้อยได้ง่าย แต่มักไม่ค่อยเห็นผล

ภายหลังการร้อยไหม

           หลังร้อยไหมแล้วจะรู้สึกได้ถึงความตึงกระชับในทันที แต่ในบางรายจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่สัปดาห์ที่ 3 เป็นต้นไป โดยจะเห็นผลการยกกระชับสูงสุดในช่วง 2-3 เดือนหลังทำ ตามปกติผลงานการร้อยไหมจะอยู่ได้ประมาณหนึ่งถึงสองปีตามความแตกต่างของสภาพใบหน้าและการดำเนินชีวิต


หากใครสนใจการร้อยไหมยกกระชับใบหน้า แนะนำว่าควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนทั้งข้อมูลของไหมที่จะนำมาใช้และเทคนิคการทำ โดยก่อนจะทำควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการถ่ายทอดเทคนิคที่ถูกต้อง เพราะหากทำกับแพทย์ที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงแล้วอาจจะเกิดผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ตามมาได้










ขอขอบคุณข้อมูลจาก

หนังสือLisa Vol.13 No.36 19 กันยายน 2555


Create Date : 23 ตุลาคม 2555
Last Update : 23 ตุลาคม 2555 21:46:38 น. 0 comments
Counter : 1749 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]