ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ใครว่าผู้ชายกระหายเซ็กส์ แท้จริงส่วนใหญ่รักเดียวใจเดียวต่างหาก

ใครว่าผู้ชายกระหายเซ็กส์ แท้จริงส่วนใหญ่รักเดียวใจเดียวต่างหาก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          นานแสนนานมาแล้วที่ผู้ชายมักถูกตราหน้าว่าเป็นเพศที่ในหัวไม่เคยคิดเรื่องอะไร นอกจาก "เซ็กส์" แถมเปลี่ยนแฟนบ่อย ไม่เคยจริงใจกับใคร...แต่จะมีใครรู้ไหมว่า ที่จริงแล้วผู้ชายห่วย ๆ พรรค์นั้นเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้นนะ ในเมื่อในชีวิตจริงผู้ชายส่วนใหญ่น่ะ ต่างก็มองหาคนรักและอยากจะผูกพันกับใครคนหนึ่งคนเดียวไม่แพ้ผู้หญิงแหละ

ผลงานวิจัยที่น่าสนใจซึ่งพลิกโฉมหน้าผู้ชายให้ดูดีขึ้นมาทันตา หลังจากโดนตราหน้าว่าเป็นเพศที่เจ้าชู้ ให้กลายเป็นหนุ่มอารมณ์อ่อนไหวรักใครแล้วมั่นคงกับคน ๆ เดียว เป็นผลงานของนักจิตวิทยานามว่า แอนดรูว์ พี มิลเลอร์ จากมหาวิทยาลัยเวค ฟอร์เรสต์ กับหนังสือที่ชื่อว่า Challenging Casanova: Beyond the Stereotype of the Promiscuous Young Male หากจะแปลเป็นไทยก็คงประมาณว่า "ท้าทายคาสโนว่า : สิ่งที่อยู่เหนือกว่าความเจ้าชู้แบบพิมพ์นิยมของผู้ชาย" ที่ได้เสนอแนวคิดว่า ผู้ชายที่ถูกตราหน้าว่าเจ้าชู้ คาสโนวา เปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น แท้จริงแล้วเป็นแค่ผู้ชายส่วนน้อยเท่านั้นเอง และผู้ชายทั่วไปหาได้มุ่งสนใจแต่เรื่องเซ็กส์ แต่เขาจะมั่นคงกับคนรักที่เขามั่นใจแล้วเพียงคนเดียวเท่านั้น

          คาสโนว่า ก็คือผู้ชายประเภทที่เปลี่ยนผู้หญิงควงไม่ซ้ำหน้า ซึ่งเป็นผู้ชายประเภทที่ไม่เข้าใจความอ่อนไหวหรือความรู้สึกผูกพันอะไร นอกจากเรื่องเซ็กส์ เพราะฉะนั้นผู้ชายประเภทนี้จึงไม่เคยได้ลงหลักปักฐานกับหญิงคนไหนจริงจัง ซึ่งจะว่ากันไปแล้ว มันก็เป็นสิ่งที่คนทั่ว ๆ คิดว่าคงจะเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชาย อันถูกขับดันด้วยสัญชาติญาณการดิ้นรนสืบพันธุ์เพื่อให้เผ่าพันธุ์ของตนอยู่รอดตามทฤษฎีวิวัฒนาการ ในจุดที่ว่ายิ่งมีอะไรกับผู้หญิงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะทำให้เชื้อสายของตัวเองได้สืบเผ่าพันธุ์ต่อไปได้สูง (ตามทฤษฎีนี้บอกว่า ผู้ชายสามารถผลิตลูกได้ปีละเป็นร้อยคนเชียวนะเออ) ทำให้เชื่อว่านิสัยเช่นนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของสัญชาติญาณ (และก็ทำให้ผู้ชายถูกตราหน้าว่า กระหายเซ็กส์มาจนถึงปัจจุบันด้วย)

ใครว่าผู้ชายกระหายเซ็กส์ แท้จริงส่วนใหญ่รักเดียวใจเดียวต่างหาก

          แต่ มิลเลอร์ ได้เสนอข้อโต้แย้งต่อความคิดที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นว่า ผู้ชายหวังสืบพันธุ์ประเภทนี้ไม่มีทางมั่นใจได้ 100% เลยว่า ลูกที่เกิดมาจากหญิงซึ่งเขาเคยมีสัมพันธ์ด้วยนั้น จะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่สืบสายได้ยีนมาจากตัวเองจริง ๆ ไม่ใช่ลูกของชายอื่นที่แอบมาฝากน้ำเชื้อเอาไว้เช่นกัน และได้เสนอแนวคิดที่แตกต่าง แต่ก็ฟังดูเข้าท่าว่า หากว่าเจ้าหนุ่มคนนั้น อยากจะดำรงเผ่าพันธุ์ของตนเองให้สืบทอดยาวนานต่อไป มันจะดีกว่าเห็น ๆ หากว่าจะลงหลักปักฐานกับผู้หญิงสักคน ที่จะกลายเป็นแม่ของลูก สร้างครอบครัว ดูแลลูกด้วยกัน จนลูกสาวหรือลูกชายของตนเติบใหญ่ ได้ไปพบคู่ครอง และร่วมมีลูกหลานด้วยกันสืบต่อไป ถ้าทำเช่นนี้ไม่ว่าอย่างไรก็มั่นใจได้แน่นอนว่า ทั้งรุ่นลูก รุ่นหลาน และรุ่นต่อ ๆ ไป ก็ยังคงมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาไหลอยู่ในกาย แทนที่จะมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นไปทั่ว เหมือนอย่างที่คนส่วนใหญ่มักคิดกัน

นอกจากนี้จากการสำรวจของ มิลเลอร์ ยังพบอีกว่า เมื่อเทียบสัดส่วนหนุ่ม ๆ ที่เปลี่ยนคู่รักมากกว่า 3 คนต่อปี (ที่ใช้จำนวน 3 คน เพราะเป็นค่าเฉลี่ยการควงหญิงในหนึ่งปีของคาสโนวา) กับผู้ชายส่วนใหญ่ เหล่าผู้ชายมากรักนั้นคิดเป็นสัดส่วนแค่ 15% เท่านั้น และเมื่อเจาะลึกลงไปอีกว่า ถ้าเป็นผู้ชายที่คบสาวไม่ต่ำกว่าปีละ 3 คน และกระทำเช่นนี้ 3 ปีติดต่อกัน สัดส่วนก็ร่วงลงมาอยู่ที่ 5% เท่านั้นเอง (สงสัยบางส่วนคงจะคิดได้ ว่าถ้าอยากมีลูกที่มั่นใจได้ว่าเป็นลูกตัวเองจริง ๆ ก็ต้องเลิกเจ้าชู้เสียที)

          เห็นอย่างนี้คุณมิลเลอร์จึงได้สรุปแบบเข้าข้างผู้ชายหน่อย ๆ ว่า ผู้ชายเจ้าชู้ความจริงเป็นแค่ส่วนเล็ก ๆ เท่านั้นเอง ถ้าเป็นไปตามสมมุติฐานตามที่เขาคิดล่ะก็ ส่วนใหญ่ก็ยังคงรักเดียวใจเดียวไม่ข้องเกี่ยวหญิงใดอยู่นะ ว่าแต่...ตัวคุณผู้ชายทั้งหลายที่กำลังอ่านอยู่ล่ะ ในฐานะที่เป็นจำเลยร่วมกัน คุณคิดเห็นเช่นไรกับเรื่องนี้บ้างล่ะครับนี่ ?


Create Date : 02 ธันวาคม 2555
Last Update : 2 ธันวาคม 2555 20:44:14 น. 0 comments
Counter : 2110 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tukdee
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 51 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


[Add tukdee's blog to your web]