ปีนผา ที่หาดไร่เลย์ จ.กระบี่

BEGIN---


ตื่นเต้นๆ บอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะบรรยายยังไง รู้แต่ว่า เราต้องทำได้ คิดว่าไม่ยาก ถ้าใจสู้พอ

หลังจาก ที่รู้แน่ว่าจะได้ไปกระบี่ น้องคนนึง ก็เอาหนังสือมาให้ แทบจะไม่ได้ดู เพราะยุ่งมาก ได้ดูครั้งแรกบนรถทัวร์ ก็อ่านๆ ดูว่ามีอะไรให้ทำบ้าง ที่กระบี่ มีพายแคนู อันนี้เป็นอย่างนึง ที่อยากทำ แต่คงต้องดู กำลังทรัพย์ก่อน เพราะต้องจ่ายเพิ่ม แล้วก็พลิกไปเจอหน้า ปีนเขา เห็นปุ๊บ ปิ๊งปั๊บ ประจวบกับ เพื่อนซี้ขาลุย ที่ไม่ได้มาด้วย ลั่นวาจา ว่าอย่าลืม ปีนเขาให้ได้นะ เราก็เลยหมายมั่น ปั้นมือไว้ บอกแฟบ อยากปีนเขา แฟบบอกให้บอกแก่น เพราะแก่น เป็นหัวหน้าคณะ เราก็ O.K ชวนสาวๆ บางคน เค้าบอกว่า น่าลองเหมือนกันนะ
พอลงรถทัวร์หาที่พัก แล้วก็เที่ยววันแรก เดินลงมาจากจุดชมวิว แก่นชี้ให้เราดูจุด ที่เขาปีนเขากัน เห็นแล้วก็สูงพอสมควร เราก็เลยเดิน เข้าไปถามรายละเอียด ดูอุปกรณ์ต่างๆ คนที่ปีนส่วนใหญ่ เป็นฝรั่ง กับญี่ปุ่น

เราก็คุยกับพี่คนที่เตรียมอุปกรณ์ แล้วก็สอนด้วย ถามเค้ายากมั๊ย เค้าบอกไม่ยาก ขึ้นอยู่กับใจ เรื่องแบบนี้ใจมาก่อน เราก็เรื่องใจ ไม่เคยยอมใครอยู่แล้ว เราคุยสักพัก ทูนก็เข้ามาคุยด้วย คุยไปคุยมาพี่เค้า บอก อยากลองดูมั๊ย เค้าว่าง จะให้ลอง เราก็ดีใจน่ะสิ
พี่เค้าเตรียมอุปกรณ์ ต่างๆ ให้ โชคดี size รองเท้า เดียวกับพี่เค้า เราก็เลยสบาย มีอุปกรณ์หลายอย่างเหมือนกัน พอพร้อมเราก็ไปยืนรอ พอดีมีฝรั่ง ต่องแต่ง อยู่คนนึง ลอยมาเกือบโดนหัวเรา แต่สักพัก เค้าก็หยุด เราก็ลองหยั่งแรงดู ก็ค่อยๆ ขึ้น ไปเรื่อยๆ ต้องกะกำลังแขน น้ำหนัก แล้วก็ยึดตัวกับซอกหิน ปีนช่วงแรกไม่ยากมาก ปีนเร็วเสียจนพี่เค้า ไม่อยากเชื่อ เค้าปล่อยเราปีนไปเรื่อยๆ แทบไม่แนะนำอะไรเลย มีบางช่วงใช้หมุด พี่เค้าไม่ให้ใช้ เค้าบอกให้จับซอกหินเอา เพราะหมุด จะต้องใช ้กับตัวคล้องอีกอันนึง


ปีนไปได้ระยะสุดท้าย ลำบากมาก ต้องอาศัยกำลัง ค่อนข้างเยอะ เล็งอยู่นานว่าจะผ่านไปได้ยังไง เพราะว่าเป็น จงอยหน้าผา หืดขึ้นคอเหมือนกัน แต่พอผ่านไปได้ ภูมิใจมากเลย คนข้างล่าง ตบมือให้ด้วย เฮ้อ..รอดอีกครั้งแล้วเรา

ขาลงไม่ยากมากนัก แต่เราลืม วิธีที่เคยลงตอนนั้น เคยไปปีน ที่ร.ร.นายร้อยจปร. งงอยู่พักนึง แต่สักพัก ก็นึกได้ คราวนี้เลย โรยตัวยาวเลย สะใจมาก ก็สนุกดี

พอถึงพื้น พี่เค้าใจดี ให้ทูนลองบ้าง ทูนทำได้ดีกว่าเรา ปีนเร็วกว่า คงเพราะ ขายาวกว่า แล้วตัว ก็ไม่หนักเหมือนเราด้วย งานนี้เลยประทับใจทั้งสองคน มันส์ดีเนอะทูนเนอะ



Create Date : 13 มกราคม 2549
Last Update : 20 มกราคม 2549 11:56:03 น.
Counter : 403 Pageviews.

5 comment
ล่องแพไม้ไผ่ซองกะเลีย อ.สังขละบุรี
ประมาณ 5 ปีที่แล้ว อาจจะนานไปหน่อย แต่ก็ยังมีความประทับใจอยู่มาก

BEGIN---


เหนื่อยนักเราก็พักผ่อน....เดินทางกันอีกสักที...หลีกหนี เมืองกรุง....ปีนี้เป็นปีแรกที่เราเริ่มทำงาน แต่ก็อดไม่ได้ ที่จะต้องหาเรื่องเที่ยว ช่วงนั้นประมาณธันวาคม เกือบจะปลายเดือนได้ น้ำก็มีพอสมควร ก็เลยตกลงใจว่าจะไปเมืองกาญฯ แต่ก็อยากให้ไกลๆ หน่อย ก็เลยเลือก อ.สังขละบุรี ไปกัน 4 คน มี เรา เทพ หรี่ แล้วก็ไก่ โดยติดต่อ หาที่พักไว้ก่อน ก็คือ P-Guest House
เดินทาง จากกรุงเทพฯ โดยรถทัวร์ แล้วก็ไปต่อรถตู้ ที่เมืองกาญจนบุรี ไปอำเภอสังขละบุรี ทางเส้นนี้สาหัสพอสมควร แต่ด้วยความเพลียก็เลยหลับ
พอไปถึงก็เดินหารีสอร์ท ที่ P-Guest House มีบริการ ให้ล่องแพ และมีทัวร์เดินป่า ที่นี่มีคนที่ไปเที่ยวพอสมควร แต่ส่วนใหญ่ เค้ามีรถส่วนตัว หาอยู่พอสมควรกว่าจะเจอ คิดซะว่าเดินเล่น พอไปถึงก็ถามเค้าเรื่องล่องแก่ง พี่เค้าบอกว่าจะล่องพรุ่งนี้ คืนนี้ให้นอนที่นี่ก่อน
ที่พักก็สงบดี ตอนเย็นเค้ามีเรือหางยาวพาเที่ยวบนตัวเขื่อน แล้วก็ไปหมู่บ้านมอญ อากาศเหนือเขื่อนค่อนข้างเย็น ช่วงที่ไป อากาศกำลังสบาย เค้าพาไปดูวัดที่จมลงไปอยู่ในน้ำ ก็เที่ยว ตามหมู่บ้านสักพัก
พอกลับจากเที่ยว เราก็มากินข้าวที่นี่ เราได้กิน กบทอดกระเทียม ครั้งแรก ก็ดีนะรสชาดใช้ได้ เหมือนไก่เลย อร่อยชวนชิมเลยหล่ะ แต่ถ้าใครไม่ชอบก็อย่าเสี่ยง แต่เราน่ะลองทุกอย่างอยู่แล้ว
ที่พักของเราเป็นกระท่อมเล็กๆ 2 หลังติดกันมี แต่ห้องนอน แต่ก็พอนอนได้ ตอนเช้าตื่นมา อากาศดีมาก หมอกลงสวยมากเลย แล้วอากาศ ก็เย็นมากด้วย อาบน้ำแทบจะต้องวิ่งผ่าน หนุ่มๆ เค้าชวนกันไปอาบหน้าที่พัก
พอสายหน่อย ก็ไปกินกาแฟที่ร้านของ P-Guest House เจ้าของที่นี่เค้าเป็นกันเองมากเลย มาชวนคุย แล้วก็เล่าโปรแกรมต่างๆ ให้ฟัง ฟังแล้วก็อยากมาอีก แต่คราวนี้ไม่มีเวลา ก็เลยได้แค่ล่องแพไม้ไผ่
พอทานอาหารเสร็จ พี่เค้าก็เรียก ไปขึ้นรถ นั่งไปที่ที่จะล่องแก่ง เราจะล่องแม่น้ำ ซองกะเลียกัน แพที่ใช้เป็นแพไม้ไผ่ เค้าให้ถ่อเอง เนื่องจาก เราเป็นหญิงคนเดียวของกลุ่ม ก็เลยไม่ต้องถ่อ แค่ระวังตัวไม่ให้ตกแพก็พอ
ล่องไปพักไปเป็นระยะ จะมีแก่ง ที่ให้หวาดเสียว อยู่หลายแก่ง มีครั้งนึง เทพเกือบโดนแพทับ หวาดเสียวจริงๆ แต่ก็รอดตัวมาได้ บางแก่ง ก็ให้ไก่เป็นคนนำ แก่งนั้นล่มเลย เฮ้อไม่น่าเล้ย แต่ก็ดีได้ความมันส์อีกแบบ พักกินข้าวสักพักเป็นข้าวกระเพราหมูสับ อร่อยเพราะว่าหิวมาก ก็เหนื่อยนะลุ้นเนี่ย แพไม้ไผ่เป็นอะไรที่ กะลำบาก ไม่รู้ดันไปทางนี้ คนข้างหลังจะคัดไปทางไหน ก็สนุกดี
พอล่องเสร็จ เค้าก็ผูกแพ เข้าด้วยกัน แล้วก็ใช้เรือยนต์ลากไป ได้พักผ่อน นอนชมฟ้า เหนื่อยแต่ก็สนุกสะใจดี
กลับมาที่พัก พักผ่อนสักพัก พอหายเหนื่อย เราก็ชวนกัน ไปไหว้พระที่วัดหลวงพ่ออุตะมะ แต่ช่วงนั้น หลวงพ่อไม่อยู่ ก็เลย ไม่ได้กราบท่าน ข้างๆ วัด จะมีสาวพม่าขายของกันมีพวกพลอย แล้วก็แป้ง สีเหลืองๆ ที่พม่าทาเป็น วงๆ ไว้ที่แก้ม ดูแล้วตลก แต่เค้าคงคิดว่าสวยของเค้ามั้ง
เค้าบอกว่าสาวพม่าสวย ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เพื่อนเราขยันเดินดูมาก ดูสาวแม่ค้าน่ะ ไม่ได้ดูของ เดินจนเมื่อยเลยแหละ
สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร ได้แต่แป้งที่ทาแก้ม ซื้อไปฝาก สาวๆ ที่ทำงาน ลองดูว่าผิวจะสวยเหมือนผิวพม่าหรือเปล่า คืนนี้หลับสบายเพราะหมดแรงจากการถ่อแพ พอวันรุ่งขึ้นเราก็เดินทางกลับกัน ปลอดภัย แข็งแรง กลับสู่บ้านเมือง อันสับสนวุ่นวาย โดยมีพลังใจเต็มร้อย มีโอกาส คงหาเวลามาที่นี่อีก เป็นที่สงบๆ ไกลจากความสับสนวุ่นวาย แต่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มและน้ำใจจ๊ะ




Create Date : 13 มกราคม 2549
Last Update : 13 มกราคม 2549 18:12:21 น.
Counter : 716 Pageviews.

3 comment
ล่องแก่งลำน้ำเข็กที่จังหวัดพิษณุโลก ภาค 2
น้ำตกที่สอง ที่แวะชื่อน้ำตกแก่งซอง อยู่ริมถนนเลย แล้วก็มีร้านส้มตำไก่ย่างเต็มเลย พอดีเรายังไม่หิว เพราะยังไม่ถึงเวลา ก็เลยเดินเล่น แล้วก็ถ่ายรูปกัน เชื่อมั๊ยมี 4 คนมีกล้อง 3 ตัว เอแล้วใครจะเป็นนางแบบ คงไม่พ้นเราซะล่ะมั้ง...โฮะ โฮะ โชคดี เราไม่มีกล้อง ที่น้ำตกมีสะพานสลิง ข้ามไปฝั่งตรงข้ามด้วย ก็เดินไปเล่นๆ ชาวบ้าน บอกว่าเป็นรีสอร์ทของหมอ
ทางเดินไปสะพานสลิงมีแม่ค้าขายขนมถ้วยก็เลยรองท้องซะ ชาวบ้านแถวน้นน่ารักมาก พอเห็นเราถ่ายรูปก็บอกอย่างดี ตรงไหนสวย แล้วก็มีรูปตัวอย่างให้ดูซะด้วย คนต่างจังหวัด (คนบ้านเรา เอ้า! ต้องโปรโมทกันบ้าง) )ก็น่ารักอย่างนี้แหละ มีร้านส้มตำอยู่ร้านนึง แพเค้ายื่นลงไปในน้ำ เลยหล่ะไม่รู้ว่า ตั้งใจทำ หรือว่าน้ำขี้นมากเสียจนมาเกยแพ พอถ่ายรูปจนหนำใจ เราก็เดินทางต่อ
ชั้นที่ 2 ชื่อกรรณิการ์ ระยะทางจากชั้น 1 ไปชั้น 2 ประมาณ 400 เมตร ก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่พอไปถึงหายเป็นปลิดทิ้งเลย สวยกว่าชั้น 1 อีกประทับใจมาก น้ำตกชั้นที่ 2 เนี่ยมองเห็นน้ำตกชั้นที่ 3 ด้วย สวยสุดๆ เลย

เพื่อนเรากำลังถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลินเจริญใจ ฝนเจ้ากรรมก็ตกลงมา เฮ้อเลยต้องพักกันอีก ก็พยายาม หาต้นไม้ที่มีใบหนาๆ น่ะนะ คนน่ะ ไม่เท่าไหร่ แต่กล้องนี่สิ สุดชีวิตเลย เพื่อนเราคนนึง เรียกกล้องของเค้าว่าลูก (ลูกรักซะด้วย เพราะไม่เคยเกเรเลย)
พอฝนซาเราก็เดินต่อ ไปน้ำตกชั้น 4 เพราะว่าชั้น 3 เห็นพอแล้ว ชั้นที่ 3 ชื่อการะเกด ชั้นที่ 4 ชื่อยี่สุ่นเทศ ชั้นนี้ก็สวยนะ คงเป็นเพราะเราเที่ยวกัน ช่วงหน้าฝนมั้ง น้ำเลยค่อนข้างจะเยอะ ที่นี่เจอฝนอีกระลอก แต่เรา ก็ยังไม่ละความพยายาม เห็นทางไปชั้น 5 แล้วต้องเดินข้ามน้ำไป ตอนแรกก็พยายามน่ะนะ น้ำก็ค่อนข้างจะแรง เพื่อนที่ตัวสูงที่สุด ก็ใช้ไม้หยั่งดูแล้วก็ลองเดินไป ขาดอีกแค่เมตรเดียวจะถึงอยู่แล้ว เพื่อนบอกหาล่อง เอ! หรือร่อง (ถ้าเขียนผิดขอโทษด้วย ภาษาไทย ไม่แข็งแรง) ไม่เจอสงสัยต้องว่าย ก็เลยล้มเลิก ความตั้งใจ คนน่ะ ไม่เท่าไหร่แต่กล้อง นี่สิ เฮ้อ! เสียดายจัง แต่เพื่อนเราบอกว่าชั้น 5-7 เป็นน้ำตกเล็กๆ ก็เลยตัดใจได้
คืนนี้นอนที่นี่ ตอนแรกเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ว่าพอมีบ้านเหลือมั๊ย แต่จริงๆ เราก็มีเต็นท์ไป แต่ช่วงที่ไปฝนค่อนข้างจะแรงมาก พี่เค้าบอกว่า มีคนออกพอดี แล้วเค้าสงสารเรา เห็นเปียกมะล่อกมะแล่ก มาจากข้างบน เค้าก็เลยให้ไปอาบน้ำที่บ้านหลังนั้น แล้วบอกให้แบ่งกันอยู่กับคนที่เค้าจองไว้ ปรากฎว่า โชคดีคนที่จองไว้เค้าไม่กลับมา เค้าไปเลย ไม่รู้ไปไหน สงสัยไปเที่ยวภูหินร่องกล้า หรือทุ่งแสลงหลวง เลยไม่กลับมาเลย คืนนี้ก็พักผ่อนสบาย เห็นพี่เค้ามีทีวี ก็เลยเดินไปดูกับเค้า แล้วพี่เค้าคั่วเม็ดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว เค้าเลยเอามาลองให้กิน ก็อร่อยดี รู้สึกจะเป็นผลจากต้นไม้อะไรสักต้นนึงหล่ะ คืนนี้หลับฝันดี เป็นสุขด้วยน้ำใจคนชาติตระการ ใจดีคิดค่าที่พักไม่แพงด้วย เพราะเราพักบ้านหลังใหญ่ แต่พี่เค้าคิดแค่ราคาหลังเล็ก ขอบคุณมากเลยค่ะ



Create Date : 05 มกราคม 2549
Last Update : 5 มกราคม 2549 17:16:00 น.
Counter : 231 Pageviews.

1 comment
ล่องแก่งลำน้ำเข็กที่จังหวัดพิษณุโลก ภาค 1
ช่วงประมาณเดือนสิงหาคมปี 2539 ไปเที่ยวที่พิษณุโลกมา ก็เลยอยากเล่าเหตุการประทับใจ ให้เพื่อนๆ ฟัง ความตั้งใจแรกเลย คืออยากเที่ยวต่างจังหวัด เพื่อพักผ่อน หย่อนใจ หลังจากทำงาน มาอย่างหนักแล้ว
ปกติก็เป็นคนชอบเที่ยวอยู่แล้ว ก็เลยชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยว รวบรวมสมาชิกได้ 4 คนพอดีรถ 1 คัน ผลัดกันขับ ก็ไม่เหนื่อย เท่าไร ตั้งใจไว้ว่าจะไปนอน น้ำตกชาติตระการ
แล้วก็ตกลงปลงใจเดินทาง เราออกจากกรุงเทพประมาณ 2 ทุ่ม กว่าจะถึงพิษณุโลกก็ เที่ยงคืนกว่า นอนพักที่บ้านเรา
พอตื่นเช้ามา ก็เดินทางเลย แม่แนะนำใหญ่ว่า ควรจะเตรียม อะไรไปบ้าง แต่จริงๆ เราก็รู้หมดแล้ว แต่ก็รู้สึกปลื้มใจ ที่แม่เป็นห่วง ช่วงนั้น เป็นช่วงน้ำมากพอดี แล้ว แม่ได้ยินว่า เส้นทาง ไปชาติตระการ ยังไม่เรียบร้อย แต่เราก็ยังอยากไป ก็เลยบอกแม่ ว่าจะไปแค่ประมาณ ทุ่งแสลงหลวง แล้วเช้านั้น เราก็เดินทาง ไปเส้นทางสายน้ำตก
น้ำตกแรกที่แวะ ชื่อสกุโณทยาน ชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกวังนกแอ่น เราไปช่วงหน้าน้ำ น้ำเลย ค่อนข้างจะเยอะ น้ำเป็นสีแดงเลย
ช่วงที่เราไปถึงเป็นช่วงเช้า นักท่องเที่ยว ก็เลยไม่ค่อยมี แต่ก็เป็นน้ำตกที่สวยระดับหนึ่ง แต่ช่วงนี้ คงเล่นไม่ได้ เพราะน้ำแรง น่าดู มีคนไป paint สีไว้ด้วยว่าอย่าลงเล่นน้ำ อันตราย ตรงที่ paint คงไม่มีใคร กล้าเล่นหรอก น่ากลัวน่าดู

น้ำตกที่สอง ที่แวะชื่อน้ำตกแก่งซอง อยู่ริมถนนเลย แล้วก็มีร้านส้มตำไก่ย่างเต็มเลย พอดีเรายังไม่หิว เพราะยังไม่ถึงเวลา ก็เลยเดินเล่น แล้วก็ถ่ายรูปกัน เชื่อมั๊ยมี 4 คนมีกล้อง 3 ตัว เอแล้วใครจะเป็นนางแบบ คงไม่พ้นเราซะล่ะมั้ง...โฮะ โฮะ โชคดี เราไม่มีกล้อง ที่น้ำตกมีสะพานสลิง ข้ามไปฝั่งตรงข้ามด้วย ก็เดินไปเล่นๆ ชาวบ้าน บอกว่าเป็นรีสอร์ทของหมอ
ทางเดินไปสะพานสลิงมีแม่ค้าขายขนมถ้วยก็เลยรองท้องซะ ชาวบ้านแถวน้นน่ารักมาก พอเห็นเราถ่ายรูปก็บอกอย่างดี ตรงไหนสวย แล้วก็มีรูปตัวอย่างให้ดูซะด้วย คนต่างจังหวัด (คนบ้านเรา เอ้า! ต้องโปรโมทกันบ้าง) )ก็น่ารักอย่างนี้แหละ มีร้านส้มตำอยู่ร้านนึง แพเค้ายื่นลงไปในน้ำเลยหล่ะไม่รู้ว่าตั้งใจทำ หรือว่าน้ำขี้นมากเสียจนมาเกยแพ พอถ่ายรูปจนหนำใจ เราก็เดินทางต่อ

น้ำตกถัดไปที่แวะ ชื่อน้ำตกปอย เป็นน้ำตกที่สวยมากอีกน้ำตกหนึ่ง ที่นี่ไม่ค่อยมีร้านส้มตำ ค่อนข้างจะเงียบแล้วก็สงบ เราได้รูปมาหลายใบเลยจากที่นี่ น้ำตกนี้มีสะพานสลิง เหมือนกัน จริงๆ ที่นี่มีสะพานสลิงมาก่อนน้ำตกแก่งซองนะ เพราะตอนเรามาที่แก่งซองรอบก่อนยังไม่มีสะพานเลย ที่นี่แหละทำให้เราได้ล่องแก่ง มีเพื่อนคนนึงเห็นเค้ากำลังขน เรือยางอยู่ ก็เลยลองเข้าไปคุยกับเค้าดู เค้าก็น่ารักมากหารูปมาให้ดู หาน้ำหาท่ามาให้ดื่ม พอดูรูปเพื่อนๆ ก็ต่างพากันสนใจ ถามเค้าว่าวันนี้ล่องได้มั๊ย เค้าบอกพอดีมีนัดจะมี คนมาล่อง 24 คน บอกว่าเป็นพรุ่งนี้ก็แล้วกัน ตอนแรกเค้าบอกให้ค้างที่นี่ด้วย ราคาบ้านหลังละ 400 บาทเอง แล้วบ้านก็น่ารักมากด้วย แต่เรายังไม่อยากล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปชาติตระการ ก็เลยบอกว่าพรุ่งนี้ก็แล้วกัน หลังจากนัดเวลาเรียบร้อย เราก็เดินทางต่อ ทางไปชาติตระการ ค่อนข้างจะสาหัส อยู่เหมือนกันเพราะเค้าทำถนนใหม่ โชดดี ที่เราใช้รถปิคอัพ เลยค่อยยังชั่วหน่อย ถ้าเป็นรถเก๋งคงถอดใจไปแล้ว พอไปถึงก็คิดว่าคุ้มนะ คุ้มมาก น้ำตกชาติตระการมี 7 ชั้น ชั้นแรกชื่อมะลิวัลย์ สวยเหมือนชื่อจริงๆ เพื่อนเรา นั่งกินลำไยเคล้าบรรยากาศ โอ้สุนทรีย์ซะจริงๆ น้ำตกที่นี่ ค่อนข้างเงียบสงบนะเพราะว่าเค้า แยกร้านค้า กับน้ำตก อย่างเป็นสัดส่วนกัน เราพักที่ชั้น 1 ค่อนข้างจะนาน เพราะเพื่อนไล่ถ่ายรูปผีเสื้ออยู่



Create Date : 05 มกราคม 2549
Last Update : 5 มกราคม 2549 17:35:50 น.
Counter : 279 Pageviews.

4 comment
1  2  

momyokmook
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]