อันตรายของยาพาราเซตามอลในแมว
ความเป็นพิษของยาพาราเซตามอลในแมว (Acetaminophen) ในแมวนั้น เกิดเนื่องจากแมวขาดเอ็นไซม์ที่เรียกว่า glucuronosyltransferase ซึ่งมีความจำเป็นในการกำจัดสารที่เกิดจากเมตาบอไลท์ของยาพาราเซตามอล (ปกติเวลาร่างกายได้รับยาใดๆ จะมีกระบวนการกำจัดทิ้งหลังจากที่ได้เมตาบอไลท์แล้ว แต่ในกรณีของแมว ร่างกายไม่สามารถกำจัดสารที่เกิดหลังจากเมตาบอไลท์ได้ ทำให้เกิดความเป็นพิษขึ้น)อาการ อาเจียน หายใจลำบาก ซึม เยื่อเมือกสีม่วงคล้ำ บวมน้ำบริเวณใบหน้าและอุ้งเท้า บางรายจะอ่อนแอมาก โคม่า และเสียชีวิตในที่สุดการรักษา กรณีที่แมวกินยาพาราเซตามอลเข้าไป และเกิดความเป็นพิษ คงต้องรีบพามาพบสัตวแพทย์อย่างเร่งด่วน เพื่อให้ยาทางเส้นเลือดเป็นระยะๆ และให้ออกซิเจนแก่แมวการป้องกัน ควรเก็บยาไว้ในที่ปลอดภัย (แมวเอามากินไม่ได้) และให้ความรู้แก่ทุกคนในครอบครัว เพ่อที่จะได้ไม่ป้อนยาพาราเซตามอลให้แมวโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ณ์ รวมทั้งควรปรึกษาสัตวแพทย์ก่อนป้อนยาใดๆ ให้แก่แมวที่มาของข้อมูลแผ่นพับของโรงพยาบาลสัตว์สุวรรณชาด สะพานสูง
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมว (โรคเอดส์แมว)
โรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในแมวหือโรคเอดส์แมวเป็นโรคติดต่อที่สำคัญโรคหนึ่ง โดยมีสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Feline lmmunodeficiency Virus (FIV) เชื้อไวรัสชนิดนี้จัดอยู่ในตระกูลเดียวกันกับเชื้อ HIV ที่ทำให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องในคน เชื้อไวรัสนี้จะไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของแมวให้เสียไปเรื่อยๆ จนในที่สุดร่างกายแมวไม่สามารถป้องกันโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ ทำให้แมวเสียชีวิตในที่สุดการติดต่อการติดต่อของโรคนี้ส่วนใหญ่มักเกิดจาการกัดกันของแมวที่เป็นโรค โดยเชื้อไวรัสจะถูกขับออกทางน้ำลาย นอกจากนี้อาจพบเชื้อไวรัสได้ในเลือด ซีรั่ม พลาสม่า และ/หรือ น้ำในสันหลังสำหรับการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสผ่านทางรก น้ำนม และการเลียของแม่แมว มีรายงานพบว่าเป็นไปได้น้อยมาก และยังไม่มีรายงานการแพร่ของโรคผ่านทางการผสมพันธ์ปัจจัยเสี่ยงการติดเชื้อชนิดนี้มักพบมากในแมวเพศผู้ที่มีอายุประมาณ 5 ปีขึ้นไป และพบในแมวที่เลี้ยงปล่อยออกนอกบ้านมากกว่าแมวที่เลี้ยงอยู่ภายในบ้านอาการของโรค แบ่งออกเป็น 5 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นระยะที่เกิดเฉียบพลันหลังจากที่แมวได้รับเชื้อ มีอาการไข้สูง 2-3 วัน หรือหลายสัปดาห์ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณต่างๆ บวมอักเสบ แมวบางรายอาจแสดงอาการรุนแรงแต่ไม่ถึงตายระยะที่ 2 เป็นระยะที่แมวไม่แสดงอาการป่วยให้เห็นแต่เป็นพาหะนำโรค ระยะนี้อาจแสดงอาการนานเป็นเดือนจนถึงหลายปี ระยะที่ 3 เป็นระยะที่แมวเริ่มแสดงอาการป่วยในเห็นโดยมีอาการไม่เฉพาะเจาะจง อาการที่พบ ได้แก่ มีไข้สูง น้ำหนักลด เบื่ออาหาร ต่อมน้ำเหลืองบริเวณต่างๆ บวมอักเสบ เม็ดโลหิตขาวต่ำ โลหิตจาง ระยะนี้อาจแสดงอาการนาน 6 เดือนจนถึงหลายปี ระยะที่ 4 เป็นระยะที่แมวป่วยส่วนใหญ่มักมาหาสัตวแพทย์ เนื่องจากสภาพการป่วยเรื้อรังจากการติดเชื้อแทรกซ้อน อาการที่พบ ได้แก่ ช่องปากและเหงือกอักเสบเรื้อรัง ต่อมน้ำเหลืองขยายใหญ่ ผอมแห้ง โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนต้นเรื้อรัง โรคผิวหนังเรื้อรัง โรคติดเชื้อทางเดินอาหารเรื้อรัง เม็ดโลหิตขาวต่ำ โลหิตจาง ระยะนี้อาจแสดงอาการเป็นเดือนหรือเป็นปีระยะที่ 5 เป็นระยะสุดท้าย โดยแมวป่วยส่วนใหญ่จะทรุดโทรมมาก ซีดมาก ไขกระดูกไม่ทำงาน ผอมแห้งจากการติดเชื้อโรคเรื้อรังต่างๆ และโรคติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น โรคลิวคีเมีย คริโตค็อกโคซิส เป็นต้น บางรายอาจพบความผิดปกติทางระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกันระบบขับถ่ายปัสสาวะ ตา และเนื้องอก ส่วนใหญ่แมวป่วยที่อยู่ในระยะนี้จะเสียชีวิตภายในเวลาไม่นานนักการวินิจฉัยโรค ประวัติและอาการของสัตว์ป่วย การตรวจเลือด เพื่อดูระดับของเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาว การตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันหรือแอนตี้บอดี้ของร่างกายที่มีต่อเชื้อไวรัสการรักษา ขณะนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสชนิดใดที่ใช้ในการรักษาโรคเอดส์แมวได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการและป้องกันการติดเชื้อแทรกซ้อน คือ การให้ยาปฏิชีวนะ เพื่อควบคุมการติดเชื้อแทรกซ้อน การให้สารน้ำบำบัดและสารอาหารแก่สัตว์ป่วย เพื่อแก้ไขภาวะขาดน้ำและสารอาหารการป้องกัน ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันโรคเอดส์แมว การป้องกันโรคนี้ที่ให้ผลดี คือ การเลี้ยงแมวให้อยู่ภายในบ้าน และควรทำหมันแมวเพื่อลดโอกาสการออกไปเที่ยวนอกบ้าน ควรแยกแมวที่ติดเชื้อ FIV ออกจากแมวตัวอื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ของเชื้อไวรัสไปยังแมวตัวอื่น ควรหลีกเลี่ยงภาวะเครียด เพื่อพยุงให้แมวป่วยมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น ในกรณีที่เลี้ยงแมวไว้หลายตัว แมวที่ได้มาใหม่ควรมีการตรวจสอบหารเชื้อ FIV และกักบริเวณเพื่อดูอาการก่อนนำเข้าบ้านโรคเอดส์แมวไม่สามารถติดต่อคนได้ เนื่องจากเชื้อ FIV เป็นเชื้อไวรัสที่มีความเฉพาะเจาะจงมาก โดยจะมีชีวิตหรือเจริญเติบโตอยู่ได้เฉพาะในแมวและสัตว์ตระกูลแมวเท่านั้นที่มาของข้อมูลแผ่นพับของโรงพยาบาลสัตว์สุวรรณชาด สะพานสูง
มั่นใจหรือไม่ว่าแมวของคุณปลอดภัยจากพยาธิ?
หมัด (Ctenocephalides spp.)หมัดตัวเต็มวัย- หมัดจะดูดเลือดจากตัวแมวภายใน 1 นาที ที่มันขึ้นไปบนตัวแมว โดยไม่คำนึงถึงว่าแมวเพิ่งได้รับสารเคมีกำจัดหมัดที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน- หมัดตัวเต็มวัยที่คุณพบเห็นเป็นเพียง 5% ของประชากรหมัดที่มีอยู่ทั้งหมดหมัดในสิ่งแวดล้อม- ในสิ่งแวดล้อมที่สัตว์อาศัยอยู่ สัตว์เลี้ยงจะได้รับหมัดตัวเต็มวัยตัวใหม่อยู่อย่างต่อเนื่องจากไข่ที่ฟักออกมาและตัวอ่อนซึ่งจะปนเปื้อนอยู่ในสิ่งแวดล้อมในบ้านของคุณ- หมัดในระยะไม่เต็มวัยที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมนี้จะมีอยู่ถึง 95% ของประชากรหมัดที่มีอยู่ทั้งหมด“เพื่อการควบคุมในระยะยาว คุณจำเป็นต้องเลือกผลิตภัณฑ์กำจัดทั้งหมัดตัวเต็มวัยที่อยู่บนตัวสัตว์และหมัดระยะอื่นๆ ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม”ไรหู (Otodectes cynotis)ติดต่อได้ง่ายไรหูจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปยังแมวตัวอื่น โดยการสัมผัสโดยตรงกับแมวที่มีไรหู แมวมีอาการคันเกาหูอย่างรุนแรงหูอักเสบอาจเกิดอาการคันและเจ็บ ไรหูทำให้เกิดการอักเสบของหูชั้นนอกได้ 50-84%พยาธิตัวกลมและพยาธิปากขอความชุกชุมของโรคพบว่าพยาธิลำไส้ในแมวที่พบบ่อยที่สุดได้แก่ พยาธิตัวกลม (Toxocara cati) และพยาธิปากขอ (Ancylostoma tubaeforme)โรคสัตว์ติดคนจากการศึกษาพบว่า แมวบางตัวจะปล่อยไข่ของพยาธิตัวกลม (Toxocara cati) ลงสู่สิ่งแวดล้อมและสามารถติดสู่คนได้พยาธิหัวใจ (Dirofilaria immitis)ความชุกชุมของโรคในประเทศไทยมีรายการการตรวจพบพยาธิหัวใจในแมวสูงขึ้นเรื่อยๆอันตรายยังไม่มีการรักษาที่ได้รับการรับรอง พยาธิหัวใจเพียงตัวเดียวก็อาจเป็นอันตรายต่อชีวิตของแมวได้“ที่ใดก็ตามที่มีพยาธิหัวใจในสุนัข ที่นั่นก็มีโอกาสพบพยาธิหัวใจในแมวได้เช่นกัน การป้องกันเป็นสิ่งจำเป็น”ที่มาของข้อมูลแผ่นพับ Animal Health ของ เวชภัณฑ์สัตว์ ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ถาม-ตอบ เกี่ยวกับ revolution
เรฟโวลูชั่น คืออะไรA: revolution มีตัวยาเซลาเมคติน (Selamectin) เป็นตัวยาออกฤทธิ์ไม่มีส่วนประกอบของยาฆ่าแมลงและเป็นตัวยาโมเลกุลเดียวที่ได้รับอนุญาตโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อ.ย.) ให้ใช้ในสุนัขและแมวเพื่อป้องกันพยาธิหัวใจ กำจัดพยาธิไส้เดือน ไรขี้เรือน ไรหู หมัด และควบคุมการติดเห็บของสัตว์เลี้ยง โดยใช้หยดเฉพาะที่เดือนละ 1 ครั้งหลังหยดยาแล้วนานเท่าไรพยาธิต่างๆ จึงจะถูกกำจัดA: กลไกออกฤทธิ์กว้างขวางของเรฟโวลูชั่น มีระยะเวลาที่แตกต่างกันจำเพราะต่อพยาธิแต่ละชนิด ดังนี้พยาธิหัวใจเรฟโวลูชั่นสามารถป้องกันการติดพยาธิหัวใจอย่างสมบูรณ์ โดยการกำจัดตัวอ่อนของพยาธิในระยะ 3 และ 4 เพื่อป้องกันการเติบโตเป็นตัวเต็มวัยได้อย่างเห็นผลเห็บหมัดหลังจากพยาธิภายนอกได้รับยาโดยการสัมผัสและดูดเลือดสัตว์เลี้ยง พยาธจะตายภายใน 3-5 วัน (หมัด 2-3 วันและเห็น 3-5 วัน) ทั้งนี้ อาจพบการขึ้นใหม่ของเห็บและหมัดที่อาศัยอยู่ตามสิ่งแวดล้อมได้บ้างหลังใช้ยา อย่างไรก็ตามการใช้เรฟโวลูชั่นกับสัตว์เลี้ยงทุกเดือนจะลดประชากรพยาธิภายนอกในสิ่งแวดล้อมได้ในกรณีที่ติดเห็บอยู่แล้วจำนวนมาก ควรหยดเรฟโวลูชั่นอีกครั้ง หลังจากหยดครั้งแรก 14 วัน หลังจากนั้นหยดเดือนละครั้ง ไรขี้เรื้อนและไรหู เรฟโวลูชั่นสามารถรักษาและป้องกันไรหูและไรขี้เรื้อนชนิด Sarcoptic ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยการใช้ยาเพียง 1 ครั้ง (การใช้ควรปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับชนิดของเรื้อนที่เป็นอยู่) พยาธิลำไส้ เรฟโวลูชั่นสามารถกำจัดพยาธิไส้เดือน (Taxocara canis) ในสุนัขและพยาธิไส้เดือน (Taxocara cati) และพยาธิปากขอ (Ancylostoma tubaeforme) ในแมวได้ หลังใช้ยาเพียง 1 ครั้งเริ่มต้นใช้เรฟโวลูชั่นได้ที่สัตว์เลี้ยงอายุเท่าไรA: ท่านสามารถใช้เรฟโวลูชั่นกับสุนัขและแมวอายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป รวมทั้งสุนัขระยะตั้งท้อง พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ และแม่ขณะเลี้ยงลูกได้อย่างปลอดภัย เรฟโวลูชั่นสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยกับสุนัขและแมวทุกพันธุ์รวมทั้งคอลลี่ อย่างไรก็ตามการใช้ในสัตว์เลี้ยงที่มีปัญหาสุขภาพ ควรปรึกษาสัตวแพทย์ของท่านก่อนการอาบน้ำมีผลต่อประสิทธิภาพของยาหรือไม่A: เรฟโวลูชั่นเป็นยาถ่ายพยาธิที่มีการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายเพื่อกำจัดพยาธิทั้งภายนอก/ภายใน โดยยาถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วเพื่อกำจัดพยาธิภายใน เช่น พยาธิหัวใจ พยาธิไส้เดือน และกลับไปสะสมที่ต่อมไขมันใต้ผิวหนังเพื่อทำหน้าที่ควบคุมและรักษาการติดพยาธิภายนอก การอาบน้ำหลังการใช้ยาไปแล้วเพียง 2 ชั่วโมง ไม่มีผลต่อประสิทธิภาพ และไม่จำเป็นต้องงดการอาบน้ำก่อนการใช้ยา เพียงแต่ขณะหยดยาผิวหนังและขนต้องแห้งเรฟโวลูชั่นมีความปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยงและคน?A: เรฟโวลูชั่นมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีกลไกการออกฤทธิ์เฉพาะต่อปมประสาท L-glutamate gated chloride channel ซึ่งพบเฉพาะในสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง นอกจากนี้ท่านสามารถเล่นกับสัตว์เลี้ยงได้ตามปกติหลังยาที่หยดลงบนผิวหนังแห้ง และยาที่กลับมาสะสมที่ผิวหนังสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันพยาธิภายนอกเป็นเวลา 1 เดือนอยู่ในรูปไม่สามารถดูดซึมสู่ผู้เลี้ยงได้ ข้อควรระวังในการใช้เรฟโวลูชั่น?A: เนื่องจากเรฟโวลูชั่นเป็นยาที่ได้รับการจดทะเบียน ท่านควรศึกษาข้อมูลจากฉลากยาโดยละเอียด เพื่อทรายข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ที่มาของข้อมูลแผ่นพับ Animal Health ของ เวชภัณฑ์สัตว์ ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
โรคเยื่อบุช่องทองอักเสบ (Feline Infectious Peritonitis : FIP)
โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อในแมว เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อโคโรนาไวรัส Feline Coronavirus (FCoV) เชื้อนี้มีหลายสายพันธุ์ สายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ สามารถเจริญเติบโตในเม็ดเลือดขาวบางชนิด ซึ่งเซลล์ที่ติดเชื้อจะทำให้เชื้อแพร่กระจายไปทั่วตัวแมวการติดต่อของโรคติดโรคโดยเชื้อไวรัสเข้าทางช่องปากและจมูก จากการสัมผัสโดยตรงกับน้ำลาย หรืออุจจาระของแมวที่ป่วยด้วยโรคนี้ หรือสัมผัสกับสิ่งปนเปื้อนเชื้อไวรัส เช่น เสื้อผ้า ที่นอน ชามอาหาร-น้ำ หรือของเล่นแมว โรคจะเข้าสู่ทางเดินอาหาร และเมื่อเข้าสู่ลำไส้แล้ว ก็จะมีแผลและอาการต่างๆ อีกหลายขั้นตอนจนทำให้เกิดวิการและปัญหาต่างๆ กับอวัยวะต่างๆ ในช่องท้องและช่องอกอาการการสัมผัสเชื้อไวรัสนี้ ครั้งแรกจะไม่ทำให้เกิดอาหารที่เด่นชัด แมวบางตัวอาจมีปัญหากับระบบทางเดินหายใจส่วนต้นอย่างอ่อนๆ โดยแสดงอาการจาม มีน้ำมูก น้ำตาไหล แมวส่วนใหญ่ที่มีการติดเชื้อครั้งแรกมักจะหาย แต่ก็มีบางตัวที่กลายเป็นพาหะของเชื้อไวรัส โรคนี้มีอาการหลักอยู่ 2 แบบ คือ แบบแห้ง (Non-effusive แบบเปียก (Effusive)ส่วนใหญ่เป็นแบบเปียก จะมีการสะสมของของเหลวในช่องท้อง หรือ/และ ช่องอก ถ้าของเหลวสะสมเป็นจำนวนมากแมวจะหายใจลำบาก ในแบบแห้งอาการจะเป็นอย่างช้าๆ ไม่ค่อยมีของเหลวสะสม แต่พบอาการซึม น้ำหนักลด โลหิตจาง และเป็นไข้ อาจพบอาการไตวาย โรคของระบบประสาท หรือโรคตาการรักษายังไม่มีการรักษาที่ได้ผล โดยมากรักษาตามอาการ เพื่อให้มีชีวิตยืนยาวขึ้น มีการใช้สารเสริมอาหารต่างๆ ยาปฏิชีวนะ สเตียรอยด์ ไซโคลฟอสฟาไมด์ (cyclophosphamide) อินเตอร์เฟียรอน ยาต้านไวรัสต่างๆ แต่ผลที่ได้ยังไม่ดีการควบคุมโรคการสุขาภิบาลของที่อยู่อาศัยต้องดี แยกสัตว์ป่วยออก ไม่ควรปล่อยแมวออกเที่ยวนอกบ้าน เพราะอาจทำให้ติดโรคมาได้ อย่าเลี้ยงแมวให้หนาแน่นมาก ฉีดวัคซีนแมวเป็นประจำ ให้อาหารที่มีโภชนาการที่ดีการป้องกันโรคโดยการใช้วัคซีน ป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ หยอดจมูกแมวอายุตั้งแต่ 16 สัปดาห์ขึ้นไป 2 ครั้ง ห่างกัน 3-4 สัปดาห์ และทำซ้ำทุกปีอุบัติการณ์ของโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบติดต่อในแมว (FIP) ที่สูงและขาดวิธีการรักษาที่ได้ผล ทำให้การป้องกันโรค FIP เป็นสิ่งที่สำคัญ ปัจจุบันมีวัคซีนสำหรับป้องกันโรคนี้ คือ วัคซีนป้องกันโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ แบบหยอดจมูก เป็นวัคซีนชนิดหยอดจมูกที่ได้รับการพิสูจน์ว่าช่วยลดการเกิดโรค FIP ในแมวที่ได้รับวัคซีน การหยอดจมูกด้วยวัคซีนจะกระตุ้นให้เกิด mucosal IgA และ cell-mediated Immune (CMI) อย่างมากที่มาของข้อมูลแผ่นพับ Animal Health ของ บริษัท ไฟเซอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด