|
สิ่งควรรู้เกี่ยวกับแมว
1. ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคติดต่อให้แมว เพราะจะได้ผลดีกว่าการรักษา ซึ่งโรคติดต่อจะรักษาให้หายได้ยาก สิ้นเปลืองค่ารักษา และยังทำให้แมวถึงตายได้ นอกจากนี้โรคติดต่อบางโรคยังติดต่อถึงคนได้
2. โรคติดต่อที่สำคัญในแมวที่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน ได้แก่ โรคไข้หัดแมว โรคระบบทางเดินหายใจ โรคช่องปากและลิ้นอักเสบ โรคลิวคีเมีย โรคพิษสุนัขบ้า และโรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบ
3. พยาธิภายนอกที่สำคัญ คือ ไรหู ไร และหมัด ทำให้เกิดโรคหูอักเสบจากไรหู ขี้เรื้อน และแพ้น้ำลายหมัดตามลำดับ
4. พยาธิภายในที่สำคัญ คือ หยาธิไส้เดือน พยาธิปากขอ และพยาธิตัวตืด
5. รีบนำแมวที่เริ่มป่วยไปรับการตรวจรักษา ไม่ควรปล่อยให้ป่วยหลายวัน เพราะจะทำให้การรักษายากขึ้น
6. ให้การรักษาต่อเนื่องตามที่สัตวแพทย์นัด
7. ตอนหรือทำหมันแมวเมื่ออายุได้ 7-8 เดือนขึ้นไป
8. ฉีดยาคุมในช่วงที่แมวไม่เป็นสัด และไม่ควรฉีดยาคุมเกิน 3 ครั้ง เพราะอาจทำให้มดลูกเป็นหนองได้
ที่มาของข้อมูล
แผ่นพับโรงพยาบาลสัตว์ปัฐวิกรณ์ โดย รศ.น.สพ.ดร. กมลชัย ตรงวานิชนาม
Create Date : 25 พฤศจิกายน 2551 | | |
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2551 22:32:21 น. |
Counter : 1042 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่างในแมว
อาการผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่างในแมว (Feline lower urinary tract disease; FLUTD)
อาการผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะส่วนล่างในแมว หรือ FLUTD เป็นกลุ่มอาการที่ใช้อธิบายความผิดปกติของทางเดินปัสสาวะส่วนล่างในแมว ที่มีอาการดังต่อไปนี้คือ ปัสสาวะมีเลือดปน ปัสสาวะลำบากมาก ปัสสาวะกระปริดกระปรอย และอาจร่วมกับมีการอุดตันของท่อทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติหลายอย่างร่วมกัน และยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดที่แน่นอน
สาเหตุของการเกิดโรค ในปัจจุบันยังหาสาเหตุของการเกิด FLUTD ที่แน่นอนไม่ได้ ซึ่งอาจจะเกิดจากสาเหตุเดียว หรือหลายๆ สาเหตุร่วมกันก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น การเกิดการอักเสบติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ การเกิดนิ่วหรือการเกิดปลั๊ก (plug) อุดตันทางเดินปัสสาวะ
จากการศึกษาพบว่าปัจจัยเสี่ยงที่มักพบได้บ่อยในแมวที่มีปัญหาการเกิด FLUTD คือ มักพบในแมวเพศผู้มากกว่าเพศเมีย อายุที่พบมากที่สุดคือ 2-6 ปี แมวที่อ้วนจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ นอกจากนั้นยังพบว่าแมวที่กินอาหารที่มีส่วนประกอบของแมกนีเซียม (Mg) ในปริมาณสูง และแมวที่กินน้ำน้อย จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้มากกว่า
อาการ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มที่มีการอุดตัน และกลุ่มที่ไม่มีการอุดตันของท่อทางเดินปัสสาวะ
1. กลุ่มที่ไม่มีการอุดตันของท่อปัสสาวะ อาการของแมวจะเกิดจากการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ ทำให้แมวแสดงอาการปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะไม่เป็นที่เป็นทาง รวมทั้งปัสสาวะมีเลือดปน เจ้าของแมวอาจจะสังเกตเห็นว่าแมวเบ่งถ่ายอุจจาระบ่อยมากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งนั่งอยู่ในถาดทรายนานขึ้น แต่มีปัสสาวะออกมาน้อย ซึ่งลักษณะทั่วๆ ไป ภายนอกของแมวจะปกติทั้งการใช้ชีวิตและการกินอาหาร
2. กลุ่มที่มีการอุดตันของท่อทางเดินปัสสาวะ มักจะเริ่มจากไม่มีการอุดตันของท่อทางเดินปัสสาวะก่อน แต่เจ้าของมักจะไม่ได้สังเกตอาการ หรือมองข้ามไป เกิดขึ้นได้ทั้งในเพศผู้และเพศเมีย แต่แมวเพศผู้มีขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อนำปัสสาวะน้อยกว่าในแมวเพศเมีย ทำให้การอุดตันของแมวเพศผู้มักจะเป็นอันตรายถึงชีวิต แมวจะแสดงอาการเบ่งปัสสาวะบ่อยมากขึ้น แต่จะไม่มีปัสสาวะออกมา ส่งเสียงร้อง กระสับกระส่าย อาการจะรุนแรงระดับไหนขึ้นอยู่กับว่าการอุดตันเป็นมานานแค่ไหน ถ้าภายใน 6-24 ชั่วโมงหลังจากมีการอุดตัน แมวจะทำท่าเบ่งปัสสาวะบ่อยๆ ยืนนิ่งนานๆ ร้องเสียงดัง เลียอวัยวะเพศ กระวนกระวาย หรือลุกลี้ลุกลน ถ้ามีการอุดตันเลยไปถึง 36-48 ชั่วโมง แมวจะแสดงอาการของโรคไตวายที่เกิดจากการอุดตันของทางเดินปัสสาวะ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถขับของเสียออกทางปัสสาวะ แมวจะมีอาการซึม ไม่กินอาหาร อาเจียน ร่างกายขาดน้ำ อ่อนแรง อุณหภูมิต่ำ เกิดสภาวะเป็นกรดในกระแสเลือด หอบ หัวใจเต้นช้าลง และอาจเสียชีวิตภายใน 3-5 วัน ถ้าการอุดตันไม่ได้รับการรักษา
การวินิจฉัย 1. จากประวัติและอาการของสัตว์ป่วย 2. การตรวจร่างกาย แมวจะมีอาการเจ็บปวดเมื่อคลำกระเพาะปัสสาวะ กรณีที่ไม่มีการอุดตันอาจคลำพบผนังกระเพาะปัสสาวะหนาตัว ส่วนในรายที่มีการอุดันจะพบว่ากระเพาะปัสสาวะแข็งและขยายใหญ่กว่าปกติ 2-5 เท่า แมวบางตัวอาจเลียจนปลายอวัยวะเพศบวมอักเสบ 3. การถ่ายภาพทางรังสีวิทยา 4. การตรวจเลือด ในรายที่มีการอุดตันของท่อทางเดินปัสสาวะจะพบภาวะไตวายเกิดร่วมด้วย 5. การตรวจปัสสาวะ เพื่อดูความเป็นกรด – ด่างของปัสสาวะ ผลึกนิ่ว และเชื้อแบคทีเรีย 6. การเพาะเชื้อจากปัสสาวะ ในรายที่สงสัยว่าจะมีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะร่วมด้วย
การรักษา 1. กำจัดการอุดตันท่อทางเดินปัสสาวะ โดยการสวนและคาท่อสวนปัสสาวะไว้ในท่อทางเดินปัสสาวะ เพื่อช่วยระบายปัสสาวะ และป้องกันการอุดตันที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
2. การจัดการเรื่องอาหาร โดยในอาหารที่มีระดับของแมกนีเซียม น้อยกว่า 20 mEq/100 Kcal เพิ่มองค์ประกอบของเกลือในอาหาร กระตุ้นในแมวดื่มน้ำ ทำให้ปัสสาวะเจือจาง ทำให้ผลึกนิ่วละลายออกไปได้โดยง่าย และนอกจากนั้นในอาหารยังมีส่วนประกอบของสารที่ทำให้ปัสสาวะเป็นกรด เพื่อละลายผลึกนิ่ว ลดการตกตะกอนของนิ่วและลดการรวมตัวของเยื่อบุที่ลอกหลุดของกระเพาะปัสสาวะ เม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง ที่จะทำให้เกิดปลั๊กอุดตันทางเดินปัสสาวะ อาหารสำเร็จรูปที่มีขายในท้องตลาดคือ Waltham Feline Urinary ชนิดเม็ดและกระป๋อง หรือ Hill’s prescription diet s/d กระป๋อง โดยให้กินติดต่อกันนาน 30 วันหลังจากการแก้ไขการอุดตัน เพื่อช่วยละลายผลึกที่ยังเหลืออยู่ในกระเพาะปัสสาวะและท่อทางเดินปัสสาวะ หลังจากนั้นในกินอาหาร Waltham Feline Urinary หรือ หรือ Hill’s prescription diet c/d ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อคงสภาพความเป็นกรด-ด่างที่เหมาะสมของปัสสาวะ และลดโอกาสเกิดโรคใหม่อีกครั้งหนึ่ง
3. ถ้ามีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ให้ทำการเพาะเชื้อและรักษาด้วยยาปฏิชีวนะที่เหมาะสม
4. รักษาภาวะไตวายที่เกิดจากการอุดตันของท่อทางเดินปัสสาวะ โดยการให้สารน้ำเข้าทางหลอดเลือดดำ หรือใต้ผิวหนัง
การพยากรณ์โรค การพยากรณ์โรคสำหรับ FLUTD อยู่ในขั้นพอใช้ เนื่องจากสาเหตุที่ทำให้เกิดนั้นไม่สามารถหาได้อย่างแน่นอน รวมทั้งจากการศึกษายังพบว่า 70% ของแมวที่เกิดโรคนี้ จะมีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ได้อีก
ที่มาของข้อมูล แผ่นพับโรงพยาบาลสัตว์สุวรรณชาด โดย สพ.ญ.มนัญญา ด่านพิทักษ์กุล
Create Date : 10 ธันวาคม 2550 | | |
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2551 21:46:52 น. |
Counter : 1185 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|