|
Red tear of Lilim ตอนที่ 3
Back to Chapter 1
Back to Chapter 2
---------------------------------- Chapter3 หลังจากที่การติดต่อกับลูซิเฟอร์ถูกตัดขาดไปแล้ว ลิลิธยังคงหาหนังสือจากชั้นเพื่อนำกลับไปอ่านที่ห้องของตนเอง นางคิดว่าการนำกลับไปอ่านที่ห้องดูจะสบายกว่าอ่านในห้องสมุดที่ไม่น่าจะนั่ง ๆ นอน ๆ อ่านได้สบายนัก
หนังสือสี่ถึงห้าเล่มถูกนำออกจากชั้นแต่ละเล่มมีขนาดใหญ่โตมาก ๆ และทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับเวทย์มนต์ทั้งสิ้น ทั้งนี้เพราะลิลิธสนใจในสิ่งที่สามารถบังคับปรากฏการณ์ทางธรรมชาติได้เป็นพิเศษ นางให้สาวใช้ทั้งสองขนหนังสือไปไว้ที่ห้องก่อน ส่วนตัวนางนั้นค่อย ๆ เดินตามไปอย่างช้า ๆ เพื่อเดินชมทิวทัศน์ผ่านทางกระจกชั้นสองของคฤหาสน์ ค่ำคืนนี้ดวงดาวช่างส่องประกายระยิบระยับดูสวยงาม ดวงจันทร์สีเหลืองนวลส่องแสงสุกสว่างจนลิลิธหยุดดูอยู่ มันทำให้นางคิดถึงเหตุการณ์ที่นางต้องแยกจากอดัมเพราะในคืนนั้นก็มีท้องฟ้าเช่นนี้ นางพยายามสลัดความคิดออกไป แต่มันก็เกิดเป็นคำถามภายในใจ
‘ทำไมต้องคิดถึงเขาคนนั้น.....คนที่......’
ลิลิธยืนมองดวงจันทร์ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยอยู่ครู่หนึ่ง นางจึงตั้งหน้าตั้งตาเดินกลับห้องไป ระหว่างทาง แม้ในยามกลางคืน ก็มีแสงจากตะเกียงส่องสว่างอยู่หลายจุด ส่งผลให้เห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ค่อนข้างชัดเจนอย่างมาก ทำให้บรรยากาศในคฤหาสน์ยามค่ำจึงไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด
นางเดินไปตามทางที่ไอเซ็ทได้นำทางนางไว้ นั้นทำให้นางเกิดความคิดว่า พรุ่งนี้นางน่าจะสำรวจคฤหาสน์แห่งนี้ซักหน่อย เพราะตั้งแต่ที่นางก้าวเข้ามาในคฤหาสน์ นางแทบไม่ได้ก้าวเดินออกไปไกลว่าห้องของนาง และ ห้องสมุดเลย
ระหว่างที่นางนึกถึงไอเซ็ท คำพูด ๆ หนึ่งก็ลอยขึ้น
“คืนนี้ ซามาเอลอาจจะมาหลับนอนกับเจ้าก็เป็นได้”
เป็นคำพูดที่ไอเซ็ทกล่าวไว้ก่อนจะกลับห้องไป จริงอยู่ซามาเอลนั้นได้สิทธิ์ในตัวนางตามประกาศิตแห่งพระผู้เป็นเจ้า แต่มันไม่เร็วไปหน่อยรึที่อยู่ ๆ ซามาเอลก็จะมาหลับนอนกับนางรวดเร็วเช่นนี้ นี่มันจะเพิ่งคืนแรกเองนะ!!! นางคิดในใจด้วยความกังวลที่มีอยู่ไม่น้อย แต่นางก็พยายามไม่คิดมาก นางเดินมาเรื่อย ๆ จนถึงห้องของนาง ภายในห้องสว่างด้วยตะเกียง ที่ใช้เวทย์มนต์ในการเปิดปิด ปัญหาคือนางใช้มันไม่เป็น แต่คงไม่เป็นปัญหา เพราะนางคิดว่า พรุ่งนี้ค่อยถามไอเซ็ทเอาก็ได้ บนโต๊ะหนังสือ สาวใช้นำหนังสือที่ลิลิธหาไว้มาตั้งไว้ก่อนแล้ว มันช่างดูหนาเตอะจนนางรู้สึกตัวได้ว่า ทำไมนางต้องเอามาอ่านพร้อมกันหลาย ๆ เล่มด้วย นางมองมันชั่วครู่ ‘ไว้อ่านที่หลังก็แล้วกัน’ นางตอบตัวเองง่าย ๆ กับปัญหาหนังสือกองโต ตอนนี้นางขอพักผ่อนก่อนดีกว่า เพราะตั้งแต่มีเรื่องกับอดัม นางยังไม่ได้นอนพักเลยแม้แต่นิดเดียว นางจึงให้สาวใช้ไปพักผ่อน หากแต่สาวใช้ทั้งสองได้บอกกับนางว่า พวกนางนั้นไม่จำเป็นต้องพัก เพราะนางไม่ได้มีชีวิตขนาดที่ร่างการต้องการการพักผ่อนแต่อย่างใด
หากแต่ถ้าลิลิธรู้สึกว่า ทั้งสองอยู่ในห้องแล้วจะรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว พวกนางน่าจะไปเฝ้าที่หน้าห้อง ลิลิธเลยไล่พวกสาวใช้ให้เผ้าที่ทางเข้านั่นเอง จากนั้นลิลิธจึงไล่เป่าตะเกียงจนดับไปหมด ชีวิตในคฤหาสน์แห่งนี้วันแรก นางรู้สึกไม่ต่างจากที่อยู่กับอดัม
‘อยู่ในสายตาของผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด’
มันดีหน่อยแค่ ณ ที่นี่นางสั่งคนที่เฝ้าตามนางได้แค่นั้นเอง ลิลิธค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออก นางยังคิดเหมือนเดิม
‘ใส่ทำไมให้วุ่นวายนะ?’
นางนำชุดที่ถอดแล้วพาดไว้ที่เก้าอี้กำมะหยี่สีแดง แล้วเดินในร่างเปลือยเปล่าไปยังเตียงนอน เตียงที่ซามาเอลจัดเตรียมไว้ให้นั้นมันช่าวนุ่มนิ่มมากเสียจริง ๆ ต่างจากตอนที่อยู่ที่อีเดน ที่นางต้องน้ำเอาใบไม้มาปูทำที่นอนอย่างมาก ด้วยความสบายของมัน ทำให้นางเคลิมหลับไปอย่างรวดเร็ว
กลางดึกสงัด คืนนั้น
ตึก... ตึก... ตึก...
เสียงใครซักคนเดินอยู่ที่ระเบียงไม่น่าห่างจากห้องนางนัก คงเพราะในอีเดนมีสัตว์ร้ายอยู่บ้าง ฉะนั้นสัญชาตญาณของการป้องกันตัวจึงปลุกลิลิธจากนิทราทันที
นางนอนเงี่ยหูฟังเสียงนั้นอย่างเงียบ ๆ ยังไงซะหน้าห้องก็มีสาวใช้อยู่ คงไม่มีใครมาทำอะไรแปลก ๆ แน่ แต่ก็ไม่แน่อีก เมื่อนางนึกถึงคนที่มีอำนาจพอจะสามารถจัดการสาวใช้ได้
แอ๊ด~~
ประตูห้องถูกเปิดออก ปรากฏร่างของชายผู้หนึ่ง ลิลิธตกใจลุกพรวดขึ้นมาดูทันที แสงจันทร์ส่องลอดผ่านบานกระจกเข้ามาในห้อง แสงนั้นมีมากพอจะมองเห็นหน้าของชายผู้นั้น
“ซามาเอล” ลิลิธเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงความตกใจ
“เจ้าตกใจอะไรของเจ้า?” ซามาเอลถามพลางเดินไปที่โต๊ะ เขาวางของสิ่งหนึ่งไว้บนโต๊ะ จากนั้นจึงค่อย ๆ เดินมาหาลิลิธ ลิลิธแสดงสีหน้าหวั่นใจพอสมควร นางไม่คิดว่านางจะต้องนอนกับชายที่เพิ่งพบกันได้เพียงแค่ไม่เท่าไหร่เช่นนี้ ซามาเอลเดินมาถึงเตียงของลิลิธ เขานั่งลงอย่างช้า ๆ แล้วขยับตัวเข้าใกล้ลิลิธที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างรวดเร็ว น่าแปลก ลิลิธรู้สึกราวกับตกในภวังค์ นางแทบจะขยับตัวอะไรไม่ได้เลย ซามาเอลค่อย ๆ ใช้มือทั้งสองจับตัวลิลิธไว้แน่น “ซามาเอล ท่าน...” ลิลิธพยายามกล่าวอะไรบางอย่าง หากแต่ไม่ทันที่นางจะกล่าวจบซามาเอลตรงเข้าจูบลิลิธทันที ลิลิธที่ได้สัมผัสรสแห่งจุมพิธถึงกับนิ่งเงียบ “เจ้าช่างงดงามจริง ๆ ลิลิธ” ซามาเอลจับที่คางลิลิธ ตัวของนางสั่นเทิ่ม ปากของนางสั่นนิด ๆ ซามาเอลถอดเสื้อผ้าออก เขาค่อย ๆ โน้มตัวเข้าหาลิลิธ
จริง ๆ ลิลิธอยากจะขอเวลาให้นางพร้อมมากกว่านี้ แต่ทุกอย่างคงจะสายไปแล้ว นางไม่สามารถขัดขืนซามาเอลได้เลย ราวกับต้องมนต์ตราอะไรบางอย่าง ลิลิธรู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งที่ซามาเอลกระทำ
นางรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งสรรพางกาย แรงปราถนาในรสสวาทที่นางไม่เคยมีมาก่อนมันเริ่มปรากฏออกมา แม้แต่คราวอดัมมันก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้ หากแต่ครั้งนี้มันผิดแผกออกไป ลิลิธควบคุมตัวเองไม่ได้เลย ความรู้สึกดังกล่าวมันเออล้นออกมาซะจนนางเองรู้สึกราวกับว่า มันไม่ใช่ตัวตนหรือสิ่งที่นางเป็นเลย เมฆสีดำเคลื่อนตัวมาบดบังแสงดาว และแสงจันทร์อย่างช้า ๆ จนกระทั่งท้องฟ้าที่เคยส่องสว่างด้วยแสงจันทร์และดวงดาว มืดสนิท สิ่งรอบ ๆ เงียบสงัดเหลือเพียงเสียงจากภายในห้องนั้น
ห้องของไอเซ็ทยังเปิดไฟอยู่ นางถอดแว่นตาของนางออกวางบนโต๊ะ และถอนหายใจเล็กน้อย พลางลุกเดินไปที่ริมหน้าต่าง นางมองไปยังท้องฟ้าที่มืดมิด แต่ก็มีแสงจากดาวตกร่วงหล่นลงมา
ไอเซ็ทแสดงสีหน้าหนักใจจนเห็นได้ชัด “เป็นของซามาเอลโดยสมบูรณ์แล้วสินะ ลิลิธ” นางรำพึงออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงของนางเอง แล้วใช้เวทย์มนต์ดับตะเกียงในห้องทั้งหมด
------------------------------------------- แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องของลิลิธไม่มากนัก คงเพราะห้องนางอยู่ทางทิศเหนือ จึงไม่ได้รับแสงมากเท่าห้องทางทิศตะวันออก
ลิลิธขยับตัวเล็กน้อย ข้างกายนางหามีผู้อื่นไม่ นางค่อย ๆ ลุกขึ้น และนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน มันช่างราวกับความฝัน จนนางเกือบคิดว่าบางทีนางอาจจะแค่ฝันไปก็ได้ หากแต่สิ่งที่อยู่บนโต๊ะที่ซามาเอลทิ้งไว้ มันเป็นสิ่งยืนยันว่าเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ใช่ความฝันแต่อย่างใด นางตกเป็นของซามาเอลอย่างสมบูรณ์แล้ว นางรู้สึกแปลกใจตัวเองพอสมควรที่เมื่อคืนกลับมีความสุขที่ได้อยู่กับซามาเอล ทั้ง ๆ ที่นางเพิ่งพบเขาได้เพียงไม่เท่าไหร่ และว่ากันตามจริง นางก็ยังไม่ได้รู้สึกรักใครชอบพอในตัวของซามาเอลแต่อย่างใดด้วย นั้นทำให้นางยิ่งไม่เข้าใจตัวเองเข้าไปใหญ่ นางลุกลงมาจากเตียงที่นอน แล้วเดินไปที่โต๊ะเพื่อดูสิ่งที่ซามาเอลทิ้งไว้ มันเป็นเหมือนห่วงอะไรซักอย่าง ทำจากโลหะสีแดง นางหยิบมันขึ้นมาดูอย่างละเอียด แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร นางจึงวางมันไว้ที่เดิม แล้วเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้งทันที สาวใช้เปิดประตูเข้ามาในห้อง พร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้น
“น้ำอุ่นที่ใช้ชำระร่างกาย จัดเตรียมไว้ให้แล้วเจ้าค่ะ” ลิลิธหันไปมองด้วยสีหน้าแปลกใจ นางไม่คุ้นเคยเอาซะเลยกับการที่มีคนคอยตามรับใช้เช่นนี้ เพราะตั้งแต่นางกำเนิด ชีวิตของนางมักเป็นผู้คอยรับใช้ มากกว่าที่จะเป็นผู้ได้รับการรับใช้ นางรู้สึกว่าคงต้องปรับตัวอีกสักพักใหญ่ ๆ เลยทีเดียว กับสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ลิลิธเลือกที่จะใส่ชุดสีดำ กระโปรงยาว อย่างน้อยเวลาเจอไอเซ็ทจะได้ไม่โดนว่าเป็นพวกคลั่งแดง นางนั่งหวีผมไปพลางคิดถึงสิ่งที่นางจะทำวันนี้ไป
สิ่งแรกที่นางอยากจะทำ ก็คือสำรวจที่ ๆ นางอยู่แห่งนี้ อย่างน้อยให้รู้ว่าที่ใหนมีอะไรบ้างก็ยังดี หลังจากแต่งตัวเรียบร้อยแล้วนั้น นางจึงลุกเดินเตรียมจะออกจากห้อง แต่สาวใช้ทั้งสองก็แสดงทีท่าว่าจะเดินตามไปด้วย
“พวกเจ้าไม่ต้องตามข้ามา” ลิลิธสั่งทันทีเมื่อเห็นเช่นนั้น
หากแต่สาวใช้ทั้งสองดูท่าทางเหมือนลำบากใจ เพราะมันเป็นงานของพวกนางที่ต้องคอยรับใช้ลิลิธ “ข้าว่าพวกเจ้าทำความสะอาดห้องของข้าให้เรียบร้อยก็แล้วกัน” ลิลิธมอบหมายงานให้พวกสาวใช้ทำซะจะได้ไม่ต้องตามมา แล้วนางก็รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็วทันที ลิลิธค่อย ๆ ไล่สำรวจโดยเริ่มจากห้องของนางเดินไปตามระเบียงผ่านไปยังห้องสมุด เมื่อผ่านห้องสมุดไปได้ซักพัก ระเบียงทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเลยไปจากห้องสมุดนั้น ถูกทาด้วยสีม่วงเข้มเป็นทางยาวไปตลอดทาง บนฝาพนังนั้นมีรูปแกะสลักต่าง ๆ หากแต่มันดูน่ากลัวมากกว่าสวยงาม
นางเดินไปจนพบประตูห้องซึ่งมีลวดลายวิจิตรบรรจงทาด้วยสีม่วงอ่อน หากแต่ที่หน้าประตุสลักไว้เป็นอักษรโบราณ ลิลิธจึงใช้พลังที่ได้จากผลไม้แห่งปัญญาอ่านคำ ๆ นั้น นางอ่านมันได้ว่า “เสียงกระซิบแห่งพระเจ้า” ลิลิธไม่ค่อยเข้าใจมันเท่าไหร่ แต่นางรู้สึกว่าไม่น่าไว้วางใจนัก นางจึงเดินผ่านมันไปซะโดยมิได้เปิดประตูเข้าไปดูแต่อย่างใด
นางยังคงเดินต่อไป ผ่านห้องเล็กห้องน้อย บางห้องล็อคไว้ บางห้องก็เปิดเข้าไปได้ แต่มันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจนัก นอกจากห้องนั่งเล่น ห้องดื่มชา จนมาถึงกึ่งกลางของระเบียงทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ มันเป็นห้องที่มีเครื่องดนตรีนานาชนิด และมีภาพวาดต่าง ๆ วางเรียงรายอยู่มากมาย
ภายในห้องมีตำรา และของบางอย่างมีลักษณะเหมือนขวดโหลด นางหยิบมันขึ้นมาดู แต่ภายในมันว่างเปล่า นางจึงไม่สามารถตอบตัวเองได้ว่ามันคือสิ่งใด หลังจากออกจากห้องนี้ นางก็พบว่าตลอดทางจะมีภาพวาดต่าง ๆ ติดผนังอยู่เป็นระยะ มันช่างต่างจากทางไปห้องสีม่วงมาก ๆ
ลิลิธเดินมาจนถึงห้องที่มีประตูสีฟ้า ห้องนี้ดูจากภายนอกเหมือนเรียบ ๆ มีเพียงรูปแกะสลักเป็นรูปดอกไม้อยู่หน้าประตู ไม่มีข้อความใด ๆ จารึกไว้เลย จนนางรู้สึกสนใจอย่างมาก นางจึงหยุดที่หน้าห้องนั้นอยู่ครู่ใหญ่
ทันใดนั้น ประตูค่อย ๆ เปิดออกโดยอัตโนมัติ ลิลิธตกใจอย่างมากจนถึงกับก้าวถอยหลังไปทันที ประตูเปิดกว้าง ปรากฏร่างของผู้เปิดประตูอยู่ตรงหน้านาง
ไอเซ็ทนั่นเอง
“อ้าว ลิลิธ อรุณสวัสดิ์” ไอเซ็ททักทายขึ้น หากแต่ใบหน้านางยังดูเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
“อรุณสวัสดิ์ไอเซ็ท” ลิลิธตอบรับ นางยังคงตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าห้องนี้เป็นห้องของไอเซ็ท และไม่คิดว่าจะปะเหมาะกับที่ไอเซ็ทลุกขึ้นมาเปิดประตูอีกด้วย
“มีอะไรรึเปล่า? ถึงมาหาข้าแต่เช้า” ไอเซ็ทถาม น้ำเสียงของนางฟังแล้วยังเหมือนคนที่ยังคงง่วงนอนอยู่
“ม...ไม่มีอะไร ข้าแค่มาเดินสำรวจคฤหาสน์เฉย ๆ” ลิลิธตอบตะกุกตะกัก
“หืม... อย่าไปเคาะห้องใครสุ่มสี่สุ่มห้าเชียวนะเจ้าน่ะ” ไอเซ็ทเตือนขึ้น แต่นางหยุดพูดต่อเหมือนนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าของไอเซ็ทพลันเปลี่ยนไปเหมือนคนที่ตาสว่างเต็มที่ทันที นางเดินออกมาจับมือของลิลิธ แล้วดึงลิลิธเข้ามาในห้องของนางเองทันที
“ใหน ๆ ก็มาเยือนถึงที่แล้ว ก็มาหาอะไรสนุกทำกันดีกว่า” ไอเซ็ทพูดพลางจับที่แก้มของลิลิธ มืออีกข้างโอบลิลิธไว้แนบตัว ทว่าลิลิธพยายามใช้มือผลักไอเซ็ทออกเต็มแรงแต่ก็ไม่ค่อยได้ผลนัก กระนั้นนางก็ยังคงพยายามดิ้นขัดขืน
“ข้าไม่ได้มีรสนิยมอะไรเช่นนั้นนะไอเซ็ท!!!” ลิลิธตะโกนใส่ไอเซ็ทพลางบิดตัวไปมาเรื่อย ๆ
โครม!
จู่ ๆ ไอเซ็ทก็ปล่อยลิลิธซะเฉย ๆ จนลิลิธที่สะบัดตัวไปมา เซถลาไปด้วยแรงตนเอง ไปชนกับเก้าอี้กลางห้องของไอเซ็ททันที
“แล้วเจ้าว่าข้ามีรสนิยมอะไรล่ะ?” ไอเซ็ทกล่าวถามด้วยความสงสัยเมื่อโดนทักเกี่ยวกับรสนิยม
“ก็ไอ้นั่น...นั่น...แล้วก็นั่นไงล่ะ!!” ลิลิธกล่าวด้วยสีหน้าเขินอาย เพราะกลัวว่าไอเซ็ทจะทำอะไรแบบในห้องสมุดเมื่อวานอีกซึ่งนางไม่ได้ชอบใจกับมันซักเท่าไหร่ และยังดูเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถูกต้องนักในความคิดของนาง
ไอเซ็ทนั้นได้แต่ยืนทำตาปริบ ๆ ราวกับว่านางไม่เข้าใจในสิ่งที่ลิลิธกล่าวมาสักเท่าใด ส่วนลิลิธนั้นปั้นสีหน้าหวาดกลัวเล็กน้อย พลางขมวดคิ้วด้วยความวิตกว่าไอเซ็ทจะทำอะไรแบบนั้นอีก
ไอเซ็ทยืนนิ่ง คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะทำหน้าเบ้แล้วครางออกมา “งื่อ~~~” “เจ้าคิดไปใหนของเจ้าน่ะ ข้าไม่ได้กะจะร่วมรักกับเจ้าซักหน่อย ข้าแค่จะชวนเจ้ามานั่งคุยกันเท่านั้นเอง” ไอเซ็ทกล่าวตอบ
ลิลิธหน้าแดงด้วยความอายที่ตนเองคิดอะไรเลยเถิดไปฝ่ายเดียวจนเป็นเรื่องเข้าใจผิดไปซะได้
ไอเซ็ทที่เห็นปฎิกิริยาของลิลิธ นางหรี่ตาลงเล็กน้อยเอานิ้วแตะที่ปลายลิ้นของนางเอง พลางปรายตามองที่ลิลิธ
“รึเจ้ายังติดใจในรสสวาทที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่” ไอเซ็ทกล่าวน้ำเสียงนั้นหมายเย้าหยอกลิลิธเต็มที่
“ม…ไม่ใช่นะ” ลิลิธรีบส่ายมือ ส่ายหน้าปฎิเสธทันที นางค่อนข้างประหลาดใจที่ไอเซ็ทรู้เรื่องเหตุการณ์เมื่อคืน
“จ…เจ้าทราบเหตุการณ์เมื่อคืนได้อย่างไร??” ลิลิธเอ่ยถาม สีหน้าไม่พอใจเท่าใดที่ไอเซ็ทเหมือนพยายามจะคุกคามความเป็นส่วนตัวของนาง
“ข้าไม่รู้สิแปลก เสียงออกจะดังลั่นคฤหาสน์ขนาดนั้น” ไอเซ็ทกล่าวด้วยน้ำเสียงยียวน
“ห๊า!!! ข้า…ไม่…” ลิลิธถึงกับพูดไม่ออก เพราะนางไม่คิดว่าใครจะรู้เรื่องเหตุการณ์เมื่อคืนกันได้เพราะเรื่องเช่นนี้
“ข้าล้อเล่นนา ถ้าเจ้าสามารถขย่มซามาเอลได้ขนาดนั้น นามาฮ์ยกตำแหน่งอัครภริยาให้เจ้าแน่ ๆ ฮะฮะฮะ” ไอเซ็ทยังคง รู้สึกสนุกสนานที่ได้แหย่ลิลิธ จนทำเอาลิลิธดูจ๋อยไปนิดหน่อย นางไม่คิดว่าเรื่องนั้นจะกลายเป็นเรื่องที่ทำให้ตัวเองวิตกจริตได้ขนาดนี้
“นา ๆ ข้าล้อเล่น… ข้าขออาบน้ำหน่อยแล้วกันนะ” ไอเซ็ทพูดพลางเดินไปห้องน้ำทันที
“เจ้านี่นะ ล้อเล่นเช่นนี้ไม่ดีเลยนะ ว่าแต่เจ้ายังไม่ตอบเลยว่ารู้ได้อย่างไร?” ลิลิธพูดขณะที่นั่งบนเก้าอี้ไม้ที่คลุมด้วยผ้าสีฟ้า
“มันเป็นเรื่องที่ดูปกติธรรมดามาก ๆ เลยล่ะ เพราะตอนข้าและอาแกรทตอนมาอยู่ที่นี่ก็เป็นแบบเจ้าตั้งแต่คืนแรกนั่นล่ะ” ไอเซ็ทกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย มันคงเป็นเรื่องปกติจริง ๆ อย่างที่นางว่า แต่ลิลิธไม่ได้คิดเช่นนั้น
“ตั้งแต่วันแรกเลยรึ” ลิลิธถามสีหน้านางดูแปลกใจอย่างมาก
“ใช่แล้ว วันแรกเลย” ไอเซ็ทตอบจากในห้องน้ำออกมา
“เจ้าไม่กลัวบ้างเลยรึ?” ลิลิธยังคงสงสัยอยู่เช่นเดิม เพราะมันน่าจะเป็นเรื่องที่รวดเร็วเกินกว่าใครจะตั้งตัวได้ทัน
“ข้าน่ะ ค่อนข้างเฉย ๆ อาจจะแปลก ๆ แต่ข้าไม่ค่อยยี่หระกับไอ้เรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่” น้ำเสียงของไอเซ็ทฟังดูสบาย ๆ
“เจ้านี่นิสัยประหลาดจริง ๆ บรรยากาศก็ต่างจากนามาฮ์ และอาแกรทอย่างมากด้วย” ลิลิธพูดพลางถอนหายใจ แล้วมองไปรอบ ๆ ห้องซึ่งล้วนตกแต่ง และทาสีห้องไปด้วยสีฟ้า ข้าวของหลายชิ้น มักมีสีฟ้าอ่อน ๆ ไม่ก็สีม่วงอ่อน ๆ ลิลิธเดินไปยังหน้าต่างห้องบานใหญ่ ที่นอกหน้าต่างจากห้องของไอเซ็ทเมื่อก้มมองลงไปยังเบื้องล่างสามารเห็นสวนดอกไม้ ซึ่งมีดอกไม้สีฟ้ามากมายไปหมด
“เจ้านี่ก็คลั่งสีฟ้านะเนี่ย” ลิลิธเย้าไอเซ็ท เช่นที่นางโดนไอเซ็ทหยอกล้อไปเมื่อวาน
“รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ธิดาแห่งพระผู้เป็นเจ้า ‘วิหคราตรี’ ชื่นชมข้าเช่นนี้” ไอเซ็ทหยอกกลับทันที
ลิลิธรู้สึกว่าไอเซ็ทช่างเป็นผู้ที่มีอารมณ์ดีมาก ๆ ตั้งแต่นางมายังที่แห่งนี้ และอยู่กับไอเซ็ทมาหลายเวลา เธอยังไม่เห็น หรือรู้สึกเลยว่าไอเซ็ทแสดงความไม่พอใจ หรือโกรธ ทั้งจากกิริยาท่าทาง หรือ คำพูดทั้ง ๆ ที่ดูแล้วนางทำอะไรที่อาจจะเสียมารยาทต่อไอเซ็ทบ่อยแท้ ๆ
“นี่ ลิลิธ!!” ไอเซ็ทตะโกนออกมาจากในห้องน้ำ
“หืม?” ลิลิธตอบรับ
“ให้ข้าเป็นผู้นำชมคฤหาสน์ไหม เจ้าจะได้ไม่ต้องยืนงงหน้าห้องใคร ๆ อีก ฮะฮะฮะ” ไอเซ็ทแนะนำแกมหยอกลิลิธ ลิลิธหน้าแดงนิด ๆ เพราะนางเป็นเช่นที่ไอเซ็ทกล่าวจริง ๆ อย่างไม่สามารถปฎิเสธได้เลย นางคิดว่าก็ดีกว่าการที่จะดำน้ำไปเพียงลำพังเรื่อย ๆ
“ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้รู้อะไรมากขึ้น” ลิลิธตอบรับ ระหว่างนั้นนางสังเกตว่าห้องของไอเซ็ทไม่มีสาวใช้เลย ทำไมล่ะ
“ไอเซ็ท ว่าแต่...ข้ารับใช้ของเจ้าหายไปใหนหมดน่ะ?” ลิลิธกล่าวถามน้ำเสียงสงสัยอย่างเห็นได้ชัด
“ข้ากินไปหมดแล้ว” ไอเซ็ทตอบเสียงเรียบเฉย หากแต่คำตอบนั้นเล่นเอาลิลิธที่ฟังอยู่ถึงกับขนลุก
กินไปแล้ว!! อะไรนะ!!! นางกินข้ารับใช้เนี่ยนะ!! คำถามลอยเต็มหัวนางไปหมด
ไอเซ็ทค่อยเดินออกจากห้องน้ำ ห่มไว้ด้วยผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่ง หน้าตานางสดชื่นกว่าตอนที่เจอเมื่อครู่มาก นางก้าวเดินช้า ๆ ผมที่ปรกหน้านางไว้ซีกหนึ่งเผยตาเพียงข้างเดียวในเวลาเช่นนี้น่ากลัวนัก ไอเซ็ทเดินไปหาลิลิธที่นั่งตัวสั่นนิด ๆ นางเอื้อมมือไปหยิกแก้มลิลิธเบา ๆ
“เจ้านี่ก็น่ากินเหมือนกันนะ” นางกล่าวพร้อมขยิบตาให้ เล่นเอาสติของลิลิธแทบจะเตลิดไป นางทำท่าเหมือนจะลุกหนี หากแต่นางถูกไอเซ็ทกดไว้กับเก้าอี้ที่นั่ง
“ข้า…” ไอเซ็ทค้างคำไว้ ลิลิธที่นั่งอยู่ถึงกลับเหงื่อออก นางพยายามฝืนแรงของไอเซ็ทหากแต่ไม่ได้ผล ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างไอเซ็ทจะมีแรงมากถึงขนาดนี้
“ข้า… พูดเล่นน่ะ” ไอเซ็ทพูดด้วยสีหน้าเรียบ ๆ
“พูดเล่น???” ลิลิธทวนสิ่งที่ไอเซ็ทกล่าว สีหน้าค่อนข้างงุนงงอย่างมาก
“ใช่แล้ว พูดเล่น ข้าแค่ให้พวกข้ารับใช้ไปดูแลสวนข้างล่างเท่านั้นเอง” ไอเซ็ทย้ำคำตอบ ก่อนจะเดินไปยังตู้เสื้อผ้า ปล่อยให้ลิลิธนั่งทำหน้าตะลึงอยู่ที่เก้าอี้ นี่นางต้องมานั่งแยกคำจริง คำเท็จจากไอเซ็ทตลอดเลยงั้นรึ เพราะเอาแค่ตอนเช้านี้นางโดนไอเซ็ทพูดล้อเล่นแล้วถึงสองครั้งติด ๆ
ไอเซ็ทเดินออกจากห้องแต่งตัว นางใส่เสื้อแขนกุดสีม่วงอ่อน กระโปรงยาวสีฟ้า ชุดที่ใส่มันทำให้ผิวนางดูขาวสว่าง กว่าเดิมมากทีเดียว ลิลิธมองไอเซ็ทอย่างไม่วางตา จนไอเซ็ทพูดพร้อมรอยยิ้มออกมา
“แหม ๆ เจ้าอยากจะกินข้าแทนซะแล้วงั้นรึเนี้ย” น้ำเสียงของไอเซ็ทนั้นช่างยียวนกวนประสาทมาก ๆ
ลิลิธแทบอยากจะลุกขึ้นมาตบไอเซ็ทซักที ความรู้สึกที่ว่านางเป็นคนใจเย็นอารมณ์ดีมันเกือบจะเปลี่ยนเป็นว่า นางผู้นี้ช่างอุดมไปด้วยความสามารถในการยียวนกวนประสาทผู้อื่นจริง ๆ พาลทำให้นางสงสัยว่า ทำไมไอเซ็ทถึงได้ไม่มีปัญหากับนามาฮ์และอาแกรท หรือบางทีกับสองคนนั้นไอเซ็ทไม่ยุ่งเลยเอาแต่มายุ่งกับนางอยู่เช่นนี้
“นี่เจ้าล้อเล่นข้าเช่นนี้สนุกมากนักรึไง” ลิลิธกล่าวด้วยน้ำเสียงโมโหนิด ๆ
“อืม สนุกมากเลยล่ะ” ไอเซ็ทตอบตรง ๆ มันช่างดูกวนประสาทสุด ๆ จนลิลิธอยากจะตวาดออกไป
“ตั้งแต่ข้ามาอยู่ที่นี่ ข้าไม่เคยสนุกเหมือนที่ได้อยู่กับเจ้าเลยล่ะ” นัยน์ตาของไอเซ็ทฉายแววความเศร้าออกมาจนเห็นได้ชัด แม้ว่านางจะพูดทั้งรอยยิ้มก็ตาม ทำเอาลิลิธไม่กล้าเอ่ยปากตวาดออกไปอย่างที่ใจคิด ไม่ใช่เพราะความสงสาร แต่นางเองก็ตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่อยากที่จะว่ากล่าวไอเซ็ทออกไป
ไอเซ็ทเท้าเอว แล้วยื่นหน้ามาใกล้ ๆ ลิลิธ “นี่เจ้า... จะไปกันรึยัง?”
ลิลิธยิ้มออกมานิดหน่อย สิ่งที่ไอเซ็ทแสดงออกเมื่อครู่ ทำให้นางคิดว่า
‘ก็แค่เพียงล้อเล่น เอาเถอะมีคนเล่นด้วยอาจจะรำคาญไปบ้าง ดีกว่าวัน ๆ เจอแต่พวกหน้าบึ้งหน้างอ ไม่ก็พวกที่ส่งสายตากินเลือดกินเนื้อแบบนามาฮ์ กับ อาแกรท’ ทั้งสองเดินออกจากห้องไป โดยไปตามระเบียงทางทิศตะวันออกเรื่อย ๆ ระหว่างทางลิลิธถามถึงห้องที่มีเครื่องดนตรี กับภาพวาดในทางที่นางผ่านมา
“ไอเซ็ท ห้องที่มีเครื่องดนตรีกับรูปภาพทางนู้นนั่นห้องของใครรึ”
“หืม... ของข้าเอง” ไอเซ็ทตอบราวกับว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ
“ของเจ้ารึ? เจ้าจะบอกว่าเครื่องดนตรีในห้องนั้น กับ ภาพวาดนั่นของเจ้าทั้งหมดเลยรึ” ลิลิธถามย้ำ เพราะไม่คิดว่าไอเซ็ทจะชอบอะไรเช่นนั้น ก็ท่าทางนางไม่เหมือนคนที่จะเล่นดนตรี หรือวาดรูปเลยซักนิด
“เครื่องดนตรีน่ะ ปกติข้าเอาไว้เล่นให้ซามาเอลฟัง กับเวลามีงานสังสรรใด ข้ามักเป็นผู้บรรเลงให้เหล่าเทวทูตที่เป็นแขกของ ซามาเอลฟังน่ะ ส่วนภาพวาดเหล่านี้ ข้าวาดเอง เวลาอยู่ในคฤหาสน์เวลาว่างมันมีมากมายเหลือเกินข้าก็เลยวาดมันไปเรื่อย ๆ ไม่นึกว่ามันจะสะสมได้มากขนาดนี้” ไอเซ็ทอธิบาย
ลิลิธทึ่งในตัวของไอเซ็ทอย่างมาก ตั้งแต่วันแรกเหมือนนางจะดูไม่น่าจะมีความสามารถอะไรทางนี้เลย แต่นางกลับสามารถทำอะไรได้มากกว่าที่เห็นมากนัก
“เจ้านี่เก่งจริง ๆ” ลิลิธกล่าวชมตรง ๆ แต่ไอเซ็ทกลับเหมือนไม่ค่อยยินดีต่อคำชมเท่าไหร่ นางหยุดคิดอะไรซักอย่าง แล้วเอ่ยขึ้นมา
“เจ้าว่า เจ้าผ่านห้องศิลป์มา แสดงว่าเจ้าเดินมาทางระเบียงตะวันตก งั้นรึ?” ไอเซ็ทหันไปถามลิลิธ
“ใช่แล้ว ข้าเดินมาเรื่อย ๆ ตามทางจากห้องสมุดน่ะ” ลิลิธตอบ
ไอเซ็ทนางทำนิ้วเป็นเชิงชี้ไปทางตะวันตก “เจ้าเข้าห้องสีม่วงรึเปล่า?” นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเหมือนวิตกอะไรบางอย่าง
“ไม่ ข้ารู้สึกว่ามันน่ากลัว เลยเดินผ่านมาเฉยๆ” ลิลิธตอบ ไอเซ็ทนั้นถอนหายใจออกมา ความวิตกเหมือนจะจางหายไป
“ทำไมรึ ห้องนั้นมีอะไร??” ลิลิธเริ่มแสดงความสงสัยออกมาอย่างชัดเจน
“ห้องของนามาฮ์น่ะ” ไอเซ็ทมองตรงไปข้างหน้าพลางตอบด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเรียบเฉย
เพียงเท่านี้ลิลิธก็ไม่อยากซักไซร้ต่อแล้ว นางพอจะเดาได้ทันทีว่าห้องทางตะวันออกต้องเป็นห้องของอาแกรทเป็นแน่ แต่นางก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมนางถึงมาอยู่ไกลจากไอเซ็ท ทั้ง ๆ ที่ถ้าเรียงตามอันดับที่ซามาเอลกล่าวเมื่อวันแรก นางน่าจะอยู่ใกล้ ๆ ไอเซ็ทด้วย
“ทำไมห้องเจ้าไม่อยู่ใกล้ ๆ ห้องข้าล่ะ แต่กลับเป็นนามาฮ์ และ อาแกรทมาขนาบข้า” ลิลิธซักถามด้วยความสนใจ
“เจ้านี่ช่างสงสัยจริง ๆ นี่ถ้าไปอยู่กับนามาฮ์คงโดนนางบ่นจนหูชาเป็นแน่ ๆ” “เจ้าคงคิดในสิ่งที่ซามาเอลพูดถึงอันดับหนึ่ง สอง สาม และสี่ ถ้าเจ้าคืออันดับสี่ ก็น่าจะอยู่ใกล้อันดับสามอย่างข้าสินะ”
ลิลิธที่ฟังไอเซ็ทถาม ก็พยักหน้ารับ ด้วยเพราะนางคิดว่ามันน่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ไอเซ็ทหรี่ตาลงเล็ก นิ้วมือสัมผัสริมฝีปากตนเอง เหมือนไม่ค่อยอยากจะกล่าวถึงเหตุผลซักเท่าไหร่
“ข้าน่ะนะ เป็นเบอร์สองต่างหาก” นางกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยพลางปรายตามองที่ลิลิธ
ลิลิธเริ่มสับสนต่อสิ่งที่ไอเซ็ทกล่าว เพราะเมื่อวานนี้ซามาเอลเป็นผู้กล่าวเองว่าไอเซ็ทนั้นเป็นอันดับที่ 3
“แต่ซามาเอล...” ลิลิธพยายามจะยืนยันสิ่งที่เธอได้รับรู้มา
“มันก็แค่เรื่องลำดับตำแหน่งที่จัดกันภายหลังน่ะ นามาฮ์นั้นมาอันดับหนึ่งตั้งแต่ต้น ส่วนข้าอันดับสอง หลังจากที่ซามาเอลได้ข้ามาประมาณ 10 ปี ซามาเอลก็ได้อาแกรทมา จนผ่านมาอีกเกือบ 7 ปีนี่ล่ะที่ได้เจ้ามาอีกคน”
“ฉะนั้นถ้าแบ่งห้องทั้งสี่ทิศ ที่วนตามลำดับ ก็จะเป็นนามาฮ์ ข้า อาแกรท และเจ้า ซึ่งห้องเจ้าจะอยู่กึ่งกลางระหว่างนามาฮ์และอาแกรทแน่นอน” ไอเซ็ทอธิบายอย่างละเอียด จนลิลิธเข้าใจเรื่องห้อง หากแต่นางก็ยังคาใจเรื่องลำดับที่มีการเปลี่ยนแปลง ทว่านางก็ไม่กล้าถามออกไปด้วยสีหน้าของไอเซ็ทนั้นแสดงออกชัดว่ามิได้อยากกล่าวถึงเรื่องนี้สักเท่าใด ทั้งสองเดินมาเรื่อย ๆ โดยไอเซ็ทอธิบายห้องต่าง ๆ จนมาถึงชั้นล่าง จริง ๆ แล้วห้องโถงที่เมื่อวานลูซิเฟอร์พานางมาพบ ซามาเอลเป็นครั้งแรกนั้น เป็นห้องส่วนหน้า แต่ยังมีห้องหับที่มีขนาดใหญ่เพื่องานเลี้ยง สังสรร และอื่น ๆ อยู่ในชั้นหนึ่งอีกมากมาย ไอเซ็ทนำลิลิธออกมาด้านนอกผ่านทางประตูทางออกด้านทิศตะวันตก
“ทางด้านหน้านั่น เป็นทางเข้าซึ่งประดับดอกกุหลาบแดง เจ้าคงเห็นตอนเข้ามาแล้วนะ ทางฝั่งทิศตะวันออกจะมีทะเลสาบขนาดไม่ใหญ่มากอยู่” ไอเซ็ทอธิบายไป พลางพาเดินขึ้นไปทางเหนือช้า ๆ
“แล้วทางทิศใต้นั่นล่ะ” ลิลิธกล่าวพลางชี้นิ้วไปทางทิศใต้ที่นางเคยเห็นสวนดอกไม้สีฟ้า
“ทางนั้นน่ะ แบ่งเป็นสองส่วน ใกล้ๆ ห้องข้าเป็นสวนดอกไม้ที่ข้าปลูกแล้วให้พวกข้ารับใช้ดูแล”
“ส่วนทางทิศใต้เยื้องไปทางตะวันตกน่ะ เป็นทุ่งดอกไม้เหมือนกัน แต่...” ไอเซ็ทหยุดคำไว้ นางยืนมองดูสีหน้าเบื่อหน่ายก่อนจะเอานิ้วไปแตะที่ริมฝีปากตนเอง
“ข้าว่าเจ้าไปดูด้วยตาดีกว่า” ว่าแล้วไอเซ็ทก็เดินนำลิลิธไปทันที
ไอเซ็ทค่อย ๆ เดินไปช้า ๆ ท่าทางนางค่อนข้างระแวดระวัง ราวกับว่าที่นั่นจะมีอะไรที่อันตรายอยู่ ลิลิธเองก็เดินตามไปติด ๆ แทบจะไม่ให้ละสายตาเลยก็ว่าได้ เนื่องเพราะเส้นทางค่อนข้างมีต้นไม้ขึ้นมากมาย ลิลิธเองก็กลัวว่าถ้าพลัดหลงไปแล้ว ลำพังนางเองจะกลับไปก็อาจจะมีการหลงทางเกิดขึ้นได้เป็นแน่
ใช้เวลาไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงทุ่งดอกไม้ดังกล่าว เป็นดอกไม้ขนาดใหญ่สีเหลือง แต่ลำต้นไม่สูงนัก บางต้นไร้ดอก บางต้นมีลักษณะเหมือนมีเพียงใบใหญ่ ๆ สองใบเท่านั้นเอง ซึ่งดูไปก็คล้ายกับดอกทานตะวันอย่างมาก
ลิลิธที่เห็นภาพดังกล่าวถึงกันยิ้มออกมา เพราะนางไม่เคยเห็นทุ่งดอกทานตะวันใหญ่โตเช่นนี้มาก่อน
“ไอเซ็ทข้าเข้าไปดูใกล้ ๆ ได้รึเปล่า” ลิลิธถามไอเซ็ทก่อน ด้วยเพราะนางเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นอาณาเขตของใครรึไม่
“มันก็ได้อยู่ แต่ข้าจะทำอะไรให้เจ้าดูก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกทีก็ไม่สาย” ไอเซ็ทกล่าวพลางเอามือทั้ง 2 ข้างประกบกัน นางเริ่มร่ายมนต์บางอย่าง มีเสียงออกมาค่อนข้างแผ่วเบา พลันก็เกิดมีวงแหวนสีขาวที่มีตัวอักขระรูนวนรายล้อมมือของนาง ไอเซ็ทค่อย ๆ แยกมือที่ประกบกันออก มีแสงขาวส่องออกมาจากมือ ค่อย ๆ รวมตัวกันอย่างช้า ๆ จนเริ่มก่อเป็นรูปเป็นร่างซึ่งมีลักษณะคล้ายนก
ลิลิธสนใจต่อสิ่งที่ไอเซ็ททำอยู่อย่างมาก แม้นางจะไม่เข้าใจว่าไอเซ็ทกำลังทำสิ่งใดก็ตามที
นกที่ไอเซ็ทสร้าง ออกมาเป็นรูปร่างสมบูรณ์แล้ว มันเกาะบนมือของไอเซ็ท หัวของมันส่ายไปมา แล้วมันก็บินไปทางทุ่งดอกไม้นั่น ทว่าไม่ทันที่มันจะบินผ่านไปได้ซักเท่าไหร่ มีดอกไม้ดอกหนึ่งโน้มตัวไปที่นก ใจกลางของดอกอ้าออกมา แล้วกัดเข้าที่ปีกนกทันที นกที่เสียหลัก ห้อยลงมา พลันโดนต้นไม้ที่ดูเหมือนมีแต่ใบ ส่งระยางออกมาพันรอบตัว มันพยายามดึงนกเข้าไปยังใบของมันที่อ้าออก ลิลิธเห็นเช่นนั้นถึงกับตะลึง อ้าปากค้างเลยทีเดียว
ตูม!!!
เสียงนกตนนั้นระเบิดออก ต้นไม้ที่รุมกัดมันโดนแรงระเบิดไหม้บ้าง กิ่งก้านขาดบ้าง ปรากฏของเหลวบางอย่างสีแดงสดราวกับโลหิตไหลออกมา
ลิลิธได้แต่เงียบ.... นี่มันต้นไม้อะไรกัน ที่นี่เลี้ยงอะไรไว้กันแน่ นางหันไปมองหน้าไอเซ็ทด้วยความงุนงงปนความหวาดกลัวต่อสิ่งที่เห็น
ไอเซ็ทมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วกล่าวขึ้น “นี่คือสิ่งมีชีวิตที่กำเนิดมาเพื่อช่วงชิงชีวิตของสิ่งมีชีวิตทั้งมวล โดยไม่แบ่งแยกเผ่าพันธุ์ และมันคือ สิ่งที่นามาฮ์สร้างขึ้นมา” ----------------------------------------------
“ม...มันก็ดูน่ารักดีนะไอเซ็ท” ลิลิธเย้าไอเซ็ท “... ถ้าเจ้าว่าน่ารัก เดี๋ยวข้าจะจับเจ้าโยนไปกลางวงพวกมันให้” ไอเซ็ทกล่าวพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ลิลิธยิ้มแหย ๆ พลางคิดในใจ ไอ้พวกนี้มันตัวอันตรายแน่ ๆ ของอันตราย ไม่น่ารักเช่นนี้จะมีไว้ทำไม “... แต่ไอ้ดอกของมันเวลาบานก็สวยจริงๆ ล่ะ” ไอเซ็ทกล่าว แต่หน้าตาของนางเหมือนพูดประชดซะมากกว่า
--------------------------------------Next to Chapter 4
Create Date : 18 มกราคม 2553 |
Last Update : 18 มกราคม 2553 20:08:28 น. |
|
2 comments
|
Counter : 876 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 18 มกราคม 2553 เวลา:23:32:51 น. |
|
|
|
โดย: da IP: 203.144.144.165 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:04:48 น. |
|
|
|
| |
|