|
Red Tear of Lilim ตอนที่ 1
ในอดีตกาล พระเจ้าได้ทรงตัดสินใจที่จะสร้างโลกขึ้นมา โลกที่สวยงามสมบูรณ์แบบ เริ่มต้นจากความสับสนวุ่นวายไร้รูปแบบกฏเกณฑ์ พระองค์ค่อยๆสร้างทุกอย่างให้อยู่ ในระเบียบ สร้างแผ่นฟ้า ผืนน้ำและแผ่นดิน พืช ปลา นก และสัตว์ต่างๆ ภายในสถานที่แห่งนี้ทรงเรียกว่า "อีเดน" และสุดท้ายพระองค์ได้สร้างมนุษย์จากธุลีดินจากฉายาลักษณ์แห่งพระองค์ มนุษย์ผู้ถูกสร้างขึ้นทั้ง 2 ถูกขนานนามว่า ‘อดัม’ และ ‘ลิลิธ’ หลังจากงานสร้างครั้งมโหฬารนี้ พระองค์ได้ปล่อยให้อดัม และลิลิธอยู่คอยดูแลสวนสวรรค์แห่งนี้ โดยมีเหล่าเทวทูตคอยเฝ้าดูความเป็นไปอยู่ห่างๆ *** อดัมนั้นมีหน้าที่ดูแลพืชพรรณต่าง ๆ ในสวนสวรรค์ให้เจริญงอกงามไปด้วยดี ในขณะที่ลิลิธก็มีหน้าคอยช่วยเหลืออดัม ทั้งงานดูแลสวนสวรรค์และ ดูแลตัวอดัมเอง *** เวลาผ่านไป 3 ปี ท่ามกลางหมู่ดาวยามค่ำคืน หญิงสาวผู้มีเส้นผมสีเงินหม่น นั่งอยู่บนก้อนหินบนขนาดใหญ่ ด้วยร่างอันเปลือยเปล่าจนแสงจันทร์สะท้อนให้เห็นผิวสีนวลและปานรูปดาวที่เนินอกซ้ายของนาง *** "ลิลิธ ลิลิธ!!" เสียงอันทุ้มต่ำ แว่วดังออกมาจากในพุ่มไม้ใหญ่ หญิงสาวหันไปทางเสียงนั้น แววตาสีแดงของนางส่องประกายจนดูน่ากลัว *** "ข้าอยู่ที่นี่" นางตอบกลับเสียงนั้นไปด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย *** สวบ สวบ.... เสียงพุ่มไม้ไหว อย่างต่อเนื่อง พุ่มไม้ถูกแหวกออกจนเห็นร่างของชายรูปร่าง สูงใหญ่ กำยำ ใบหน้าหมดจด ชายหนุ่มมองหญิงสาว ในแววตาบ่งบอกถึงความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด *** "ครั้งนี้ เจ้ามาไกลมากเลยนะ ลิลิธ" ชายหนุ่มพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก หญิงสาวผมเงินจ้องเขม็งไปที่ชายหนุ่ม ด้วยแววตาที่สะท้อนความไม่พอใจอย่างชัดเจน *** "ข้าแค่ อยากออกมาดูอะไร ๆ บ้างก็เท่านั้น" "และข้าไม่เห็นความจำเป็นอันใดที่เจ้าต้องกังวลอะไรให้มากนัก ณ สวนแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดซึ่งน่ากลัว และทำอันตรายเราได้" ลิลิธพูดพลางหันกลับไปมองดาวบนท้องฟ้าต่อ "ข้าว่า เจ้ากังวลมากไปนะ อดัม"
"ถูกของเจ้า ณ สวนแห่งนี้ไม่มีสิ่ งใดน่ากลัว ตราบเท่าที่เราอยู่ในที่ ๆ เรารู้จัก หากแต่เจ้าออกหากจากที่ ๆ เราสมควรจะอยู่ และออกมาไกลมากขึ้นเรื่อยๆ" "ข้าเกรงว่า สิ่งที่มีอัตราย อาจจะอยู่ในที่ ๆ เจ้ากำลังไป ซึ่งข้ากลัวว่าเจ้าจะได้รับอันตราย" อดัมพยายามอธิบายเหตุผลให้ลิลิธฟัง
ลิลิธค่อย ๆ ปรายตา มาจ้องที่ชายผู้ซึ่งพระเจ้าสร้างมาเพื่อให้อยู่เป็นคู่กับนางแบบไม่สบอารมณ์นัก ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่พยายามจำกัดอิสระภาพของนางเสียนี่กระไร ความรู้สึกไม่ค่อยพอใจของนางแทบจะพุ่งทะลักออกมา หากแต่นางพยายามกดมันไว้ นางค่อย ๆ หลับตาที่จ้องมองชายผู้นี้ แล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้นอย่างเรียบ ๆ *** "ในยามกลางวัน เจ้าออกไปทำงาน ได้ไปยังที่ต่าง ๆ หากแต่ข้าได้แต่เพียงรอคอยเจ้า อยู่ ณ ที่แห่งนั้น" "หากเพียงในยามราตรี ข้าจะขอไปดูโลกแห่งนี้ด้วยตาของข้าเองบ้างจะเป็นไรไป" *** แม้น้ำเสียงของนางจะเรียบเย็น แต่สายตาของนางที่มองอดัมกลับส่องประกายแข็งกร้าว ผนวกกับสีตาอันแดงฉานยิ่งทำให้ดูน่ากลัวมากขึ้น อดัม ได้เพียงยืนนิ่งไม่ไหวติง ใจของเขาเพียงแค่ต้องการให้หญิงผู้เป็นที่รักอยู่ในสายตา ซึ่งเมื่อยามมีภัยเขาสามารถที่จะยื่นมือไปช่วยได้ในทันที หากแต่กิริยาที่มาจากหญิงผู้เป็นที่รักช่างดูเย็นชาราวกับว่า สิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นเป็นเรื่องน่ารำคาญ *** อดัมเอ่ยขึ้นอย่างติดขัด "ข...ข้า แค่อยากจะให้เจ้า....." เขาพยายามกล่าว *** "อยู่ในสายตา!!!" ลิลิธสวนกลับด้วยเสียงอันดุดันทันที ราวกับว่าความอดทนของนางมาถึงที่สุดแล้วเช่นนั้น *** "ทุกอย่างที่ข้าอยากจะทำ ต้องอยู่ภายใต้สายตาของเจ้าไปหมดเลย เช่นนั้นรึ!?!" "เจ้าไม่ให้ข้าไปช่วยดูแลพืชพรรณในอีเดนแห่งนี้ เพียงเพราะเกรงว่าข้าจะทำได้ไม่ดีเท่าเจ้า" "เจ้าไม่ให้ข้าได้ท่องเที่ยวในดินแดนแห่งนี้ เพียงเพราะจะออกนอกสายตาของเจ้า" "เจ้าไม่ให้ข้าอยู่บนตัวเจ้า ยามเมื่อข้ากับเจ้าร่วม.....ร่วมรักกัน เพราะเจ้าว่าเจ้าคือผู้นำ" *** ราวกลับว่าสิ่งที่อัดอั้นได้พลั่งพรูออกมา ลิลิธ ก้มหน้ากัดฟัน ใบหน้านางดูแดงขึ้น นางเงยขึ้นมามองอดัมอีกครั้ง *** "อิสระของข้า สิทธิ์ของข้า ทำไมข้าต้องคอยมรับฟังคำห้ามนู้นนี่ของเจ้า ตลอดเวลาด้วย" "ศักดิ์และสิทธิ์ของข้าเทียบเท่ากับเจ้า!!!!" *** สิ้นเสียงของลิลิธที่ตะเบ่งออกมาอย่างสุดแรง อดัม เริ่มมีปฏิกิริยาต่อการแสดงออกที่เหมือนการต่อต้านอำนาจของเขา สติยั้งคิดของเขาแทบจะหมดสิ้นไป อดัมไม่ได้แสดงออกด้วยการต่อปากต่อคำ หากแต่... เพี้ยะ!!! เสียงอดัมตบหน้าของลิลิธฉาดใหญ่ จนลิลิธที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับเสียหลักลงไปนั่งกับพื้น แววตาของลิลิธแสดงความตกใจอย่างเห็นได้ชัดเจน นั่นคงเพราะนางนึกไม่ถึงว่า อดัมจะกล้าลงมือ
“เจ้าเป็นของข้า! อยู่ในการดูแลของข้า! ข้าไม่ยอมรับการขัดขืนของเจ้าในเรื่องไร้สาระเช่นนี้แน่!!!” น้ำเสียงของอดัมแข็งกร้าวและดุดัน ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธและไม่พอใจในการต่อต้านของลิลิธ *** ทว่า ลิลิธกลับหาเกรงไม่ นางมองไปยังอดัมด้วยสายตาที่แข็งกร้าวไม่แพ้กัน นางกัดฟันแน่นก่อนที่จะตะโกนออกมา *** “ข้าแต่ยาฮ์เวห์!!! ถ้าข้าต้องมีชีวิตอยู่กับอดัมในสถานะเยี่ยงนี้ ข้าขอแยกจากอดัมซะดีกว่า!!!!” ลิลิธตะเบ่งออกมาอย่างสุดเสียง *** เหล่าเทวทูตที่เฝ้าดูอยู่ล้วนตกตะลึงเมื่อลิลิธกล่าวพระนามแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าออกมาตรงๆ ฉับพลัน บรรยากาศรอบๆ ลิลิธ และอดัมหยุดนิ่งไม่ไหวติง ปราศจากกระแสลม ใบไม้ที่ร่วงโรยจากต้น หยุดนิ่งกลางอากาศ เสียงสิ่งมีชิวิตต่าง ๆ ที่ส่งเสียงออกมาต่างเงียบสงบ ราวกับไม่เคยมีสิ่งมีชิวิตใด ๆ อยู่ ณ ที่แห่งนั้น ทุกอย่างสงบนิ่งไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แม้แต่เสียงลมหายใจ ราวกลับภาพในวีดิโอที่ถูกกดหยุดไว้ เหล่าเทวทูตต่างมองด้วยความฉงนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น *** “สุดท้าย มันก็เป็นเช่นนี้จนได้สินะ” เทวทูตองค์หนึ่งเอ่ยขึ้นเอ่ยขึ้นด้วยถ้อยคำอันราบเรียบ เทวทูตผู้ซึ่งมีเรือนร่างอันงดงาม เส้นผมสีทอง ปีกทั้ง 6 ปีก ทอประกายแสงอันงดงาม *** เทวทูตผู้มี 6 ปีกเดินไปยังคนทั้ง 2 และได้มองไปยังผลงานแห่งพระผู้เป็นเจ้าด้วยแววตาสงสารปนเวทนา พร้อมเปรยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นี่คือสิ่งที่พระองค์คาดไว้หรือไม่เพคะ” สายตาของเทวทูตหกปีกแฝงไว้ด้วยความเศร้าเล็กน้อย เทวทูตหกปีกได้หันไปยังเหล่าเทวทูตองค์อื่น ๆ ที่ตามลงมาแล้วเอ่ยขึ้น “เหล่าเทวทูตทั้งหลายเอย จงนำความขัดแย้งของอดัม และลิลิธ กราบทูลให้องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงทราบเถิด” *** สิ้นเสียงของเทวทูตหกปีก เหล่าเทวทูตที่เฝ้าดูกลุ่มหนึ่งได้บินหายไปบนฟากฟ้าอย่างรวดเร็ว เทวทูตหกปีกหันกลับไปมองที่ลิลิธ และอดัม และจ้องเขม็งไปยังลิลิธที่หยุดนิ่งในท่าที่กำลังอ้าปากตะโกน มันช่างให้ความรู้สึกเหมือนนางกำลังร้องไห้ก็ไม่ปาน *** เพียงอึดใจ ท้องฟ้ายามราตรีก็พลันส่องสว่างขึ้น ราวกลับว่าดวงตะวันได้ปรากฎขึ้นแล้ว เทวทูตหกปีก และเหล่าเทวทูตองค์อื่น ๆ พร้อมใจกันคุกเข่าลงกับพื้น ห้วงเวลาที่หยุดนิ่งของทุกสิ่งได้ถูกปลดออก ทั้งลิลิธและอดัมต่างตกตะลึงในแสงจ้าที่ปรากฏ และเหตุการณ์ตรงหน้า *** พระผู้เป็นเจ้าได้เสด็จลงมาเบื้องหน้าคนทั้งสองโดยรอบพระองค์ร่ายล้อมไปด้วยเหล่าเทวทูตจำนวนมาก ลิลิธเหมือนจะตั้งตัวได้ก่อนอดัม “ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงอานุภาพ ข้าขอวิงวอนต่อท่าน ขอท่านโปรดรับฟังคำขอจากข้าด้วยเถิด” แล้วลิลิธได้ระบายความอัดอั้นตันใจที่ตนเองประสพออกมา และคำขอของนางก็คือ *** “ถ้าข้าต้องมีชีวิตอยู่กับอดัมในสถานะเยี่ยงนี้ ข้าขอแยกจากอดัมซะดีกว่า” อดัมที่ฟังอยู่ได้พยายามอธิบายเหตุผล และขอพระผู้เป็นเจ้าให้ลิลิธอยู่กับตนต่อไป พระเจ้าทรงครุ่นคิด ท่ามกลางความเงียบเชียบ ไม่มีเสียงใด ๆ รอบตัว พระองค์ทอดพระเนตรไปยังลิลิธ และทรงพระราชดำริในพระทัย ( ลิลิธ นางถูกสร้างให้มีความห้าวหาญเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป......) (ในขณะที่อดัมเองก็มีด้านที่หยาบกร้านมากกว่าด้านที่อ่อนโยน) (การที่ลิลิธจะอยู่ร่วมกับอดัมในฐานะ “ภรรยาของมนุษย์” คงจะเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับนาง หากแต่..... ถ้านางอยู่ในฐานะ “เทวทูต” หรือ “ฐานะพิเศษอื่น” ล่ะ) พระองค์มองลิลิธอย่างไม่วางสายพระเนตร สำหรับมนุษย์ทั้งสองพระองค์จะทำลายทิ้งและสร้างใหม่อีกกี่ครั้งก็ได้ หากแต่พระองค์ทรงสร้างแล้ว พระองค์ก็ยากที่จะตัดใจทำลาย และยิ่งผลงานสร้างในครั้งนี้เรียกว่าเกือบจะสมบูรณ์แบบแล้ว มีหรือที่พระองค์จะตัดสินใจทำลายใครคนใดคนหนึ่งได้ง่าย ๆ พระองค์ทรงครุ่นคิด เพื่อหาทางออกที่ไม่ต้องทำลายใครคนหนึ่งออกจากสารบบ *** เช่นนั้น หนทางที่น่าจะดีที่สุดคงแยกทั้งคู่ตามความปราถนาของลิลิธ แล้วให้นางอยู่ในสถานะหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลที่ง่ายกว่านั้นคงดี เมื่อพระองค์ทรงวินิจฉัยแล้วจึงตรัสถามลิลิธ *** “เจ้าตัดสินใจแน่วแน่แล้วรึ ว่าเจ้าจะแยกทางจากอดัม??” *** คำถามจี้ลงไปกลางใจลิลิธ ก่อนที่จะตอบคำถามจากพระองค์ นางแสดงทีท่าลังเลเล็กน้อย นางก้มหน้า แล้วได้เอ่ยขึ้น *** “ข้า.....ตัดสินใจเช่นนั้น” *** “เจ้ามั่นใจในคำตอบของเจ้าแล้วเช่นนั้นหรือ?” พระผู้เป็นเจ้าถามลิลิธซ้ำอีกครั้ง เพราะหากพระองค์ตัดสินสิ่งใดไปแล้วจะให้ยกเลิก คงไม่สามารถกระทำได้ *** ลิลิธคิดทบทวน นางลูบที่แก้มของนางที่อดัมตบไปเมื่อครู่ นั่นทำให้นางเงยหน้าขึ้น สายตาของนางมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม *** “ข้ามั่นใจ หากชีวิตของข้าจะต้องมีชีวิตอยู่กับอดัมในสถานะเยี่ยงนี้ ข้าขอเลือกที่จะแยกทางจากอดัม”
น้ำเสียงอันชัดเจนออกจากปากของนาง *** “ไม่นะลิลิธ!!!” *** อดัมพูดแทรกขึ้น และวิ่งไปหาลิลิธ พร้อมทั้งโผเข้ากอดที่ลำตัวของเจ้าหล่อน “ข้าไม่ยอมให้เจ้าทอดทิ้งข้า ถ้าข้าผิด ข้าก็ขอโทษ ข้ายอมเจ้าทุกอย่าง ขอเพียงเจ้าอยู่กับ......” *** ราวกลับสติของอดัมกลับมา สิ่งที่เขากระทำมันทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง แต่เขาไม่อยากจากนางผู้เป็นที่รักไป หากแต่อัดทพูดไม่ทันสิ้นคำ ลิลิธพยายามปัดอดัมออกไป และนางตบเข้าที่หน้าของอดัม จนอดัมผละหลุดจากตัวของนาง *** “ข้าไม่คิดจะกลับไป ข้าไม่คิด และข้าไม่มีทางที่จะกลับไปกับเจ้าเด็ดขาด” ลิลิธตวาดใส่อดัม เสียงของนางแข็งกร้าวพอที่จะยืนยันความตั้งใจของนางที่ต้องการแยกจากอดัม *** ภาพของทั้งสองที่ปรากฎ มันช่างดูน่าเศร้าใจยิ่งนัก เทวทูตผู้มี 6 ปีกได้แต่เพียงเบือนหน้าหนีราวกับไม่อยากรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้า การแตกแยกและจบลงด้วยความเกลียดชัง มันไม่ได้น่าพิศมัยแต่อย่างใด *** พระผู้เป็นเจ้าที่ทอดพระเนตรอยู่ก็แทบจะถอนหายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าพระพักต์ พระองค์ประกาศขึ้น เพื่อยุติเหตุการณ์อันน่าเศร้าอันนี้ *** “เจ้าเลือกเส้นทางนี้ ลิลิธ ข้าจะให้สิ่งที่เจ้าปราถนา หากแต่เจ้าไม่อาจอยู่ ณ ที่แห่งนี้ได้อีกต่อไป เพราะที่แห่งนี้เรามีไว้เพื่อมนุษย์เฉกเช่นอดัม การมีอยู่ของเจ้าบนอีเดนแห่งนี้อาจจะทำให้หลาย ๆ สิ่งมีปัญหา ข้าจะมอบเจ้าให้ซามาเอล ผู้คุมสรวงสวรรค์ที่ 5 ดูแลเจ้าในฐานะผู้ปกครองของเจ้า” *** จากนั้นพระองค์ก็ทอดพระเนตรไปยังอดัม “ส่วนเจ้าจงอยู่ ณ อีเดน ตามเดิมและข้าจะสร้างภรรยาซึ่งเหมาะสมให้เจ้าต่อไป” *** สิ้นสุรเสียงแห่งพระผู้เป็นเจ้า ร่างของลิลิธ และเหล่าเทวทูตบางส่วนก็หายวับไปจากอีเดน เหลือไว้เพียงพระผู้เป็นเจ้าและอดัม กับเหล่าเทวทูตที่เหลืออยู่ -------------------------------------------- แสงสีขาวโพลน สว่างจ้าจนแสบตา ลิลิธมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากแสงสีขาว แสงนั้นค่อย ๆ ลดน้อยลง จนเลือนหายไป รอบ ๆ ตัวลิลิธมีแต่กุหลาบสีแดงรายล้อมเต็มไปหมด จนนางรู้สึกประหลาดใจ ในสถานที่ ๆ นางมายืนอยู่ *** “ไม่คุ้นกับสถานที่แปลกตาแห่งนี้สินะ”
เสียงใสๆ ดังมาจากเบื้องหลังของลิลิธ ทำให้นางต้องหันกลับไปมองเจ้าของเสียง เทวทูตผู้มี 6 ปีกนั่นเองที่เป็นผู้พูดกับนาง *** “ที่นี่ ไม่เหมือนอีเดนนัก แต่ซามาเอลก็พยายามจำลองหลาย ๆ สิ่งมาจากอีเดน คงมีบ้างบางสิ่งที่จะคล้ายกับที่ ๆ เจ้าจากมา” เทวทูตหกปีกพูดไปยิ้มไป และมองลิลิธอย่างไม่วางตา ลิลิธเองก็แสดงสีหน้าแปลกใจ ต่อเทวทูตองค์นี้อย่างมาก นางช่างเป็นเทวทูตที่งดงามยิ่งนัก เครื่องทรงที่นางใส่เป็นสีเขียวสะท้อนแสงราวกับมรกต ผมสีทอง แววตาสีฟ้าส่องประกายแวววับ และปีกทั้ง 6 ที่เปล่งแสงสว่างดูงดงามยิ่งนัก *** “ท่านเป็นผู้ใดกัน?” ลิลิธยิงคำถามใส่เทวทูตหกปีก ด้วยน้ำเสียงราวกับว่าเทวทูตหกปีกดูน่าสนใจกว่า สิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวนาง *** เทวทูตหกปีก ยืนเท้าเอว แล้วหันมายิ้มให้กับลิลิธ ซึ่งมันช่างดูเป็นรอยยิ้มที่เป็นมิตรยิ่งนัก “นามของข้าคือ ลูซิเฟอร์ ” “ข้าเป็นผู้นำทางเจ้าไปยังที่ ๆ ซามาเอลพำนักอยู่” เทวทูตหกปีกกล่าวตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ลิลิธยังคงทำหน้าฉงน นางไม่ค่อยเข้าใจนัก ไม่ใช่ในสิ่งที่ลูซิเฟอร์กล่าว หากแต่เป็นกิริยาท่าทางของลูซิเฟอร์ที่แสดงออกกับนางราวกับว่ารู้จักคุ้นเคยนางมาก่อนหน้านั้นแล้ว ทั้ง ๆ ที่นางไม่เคยได้พบเทวทูตองค์นี้เลยซักครั้ง *** “เหตุไฉน ท่านจึงได้พูดคุย และแสดงกิริยาต่อข้า ราวกับว่ารู้จักกันมาก่อน?” ลิลิธตั้งคำถามอีกครั้ง หากแต่ลูซิเฟอร์กลับไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกใจในสิ่งที่ลิลิธสงสัย ประหนึ่งว่าคำตอบที่จะให้นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร “เราเดินไปคุยไปก็ได้ ข้าว่าถ้าข้ามายืนตอบคำถามเจ้าอยู่เช่นนี้ คงไม่ถึงที่พำนักของซามาเอลแน่ ๆ” ลูซิเฟอร์หลับตาและยิ้มที่มุมปาก พร้อมทั้งเริ่มออกเดิน ลิลิธเห็นดังนั้นจึงเดินตามไปไม่ห่างนัก *** “จะบอกว่าข้าไม่คุ้นกับเจ้ามันก็คงแปลก ๆ เพราะข้าเองก็เฝ้าดูพวกเจ้า มาตลอดตั้งแต่วันที่เจ้าทั้งสองกำเนิดขึ้นมา” ลูซิเฟอร์เริ่มอธิบาย “พวกท่านแอบดูพวกข้าเช่นนั้นหรือ” ลิลิธพูดขึ้น น้ำเสียงเหมือนไม่ค่อยพอใจ “จะว่าแอบดูก็ได้ แต่มันก็เป็นหน้าที่ของพวกข้าที่ต้องคอยสอดส่องความเป็นไปของอีเดน และรายงานต่อพระผู้เป็นเจ้า” “มันก็เป็นงานน่ะนะ” ลูซิเฟอร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร “.......” ลิลิธไม่ตอบอะไร นางได้แต่จ้องมองไปยังลูซิเฟอร์ “ไม่เอานา ข้าไม่ได้ดูพวกเจ้าตลอดทั้งวันทั้งคืนหรอกนา ฮะฮะฮะ” ลูซิเฟอร์พูดพลางหัวเราะ “ถึงกระนั้น ท่านก็เฝ้ามองพวกข้ามาตลอดมิใช่รึ” ลิลิธยังคงไม่พอใจ “เป็นเช่นนั้น แต่นั่นก็ไม่สำคัญหรอก เพราะอย่างไรเสียพวกข้าก็ไม่ได้ยุ่งกับกิจกรรมของพวกเจ้าโดยไม่จำเป็น” “ข้าว่า เรื่องที่เจ้าทำในครั้งนี้ดูน่าสนใจกว่าอีก” ลูซิเฟอร์เอามือไขว้หลังแล้วหันมามองลิลิธ พร้อมกับเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ “เจ้าเอ่ยพระนามของพระผู้เป็นเจ้าตรง ๆ ได้อย่างอาจหาญมากเชียวล่ะ ทำเอาเหล่าเทวทูตหลายองค์ตกใจกันน่าดูทีเดียว” ลูซิเฟอร์พูดพลางยิ้มให้ลิลิธ หากแต่ลิลิธได้แต่ก้มหน้า สีหน้าดูกังวล เพราะการเอ่ยพระนามตรง ๆ มันเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมที่จะกระทำ “แล้วข้าจะต้องโดนลงโทษอย่างไรหรือไม่” ลิลิธเอ่ยถาม *** ลูซิเฟอร์ยิ้มเล็ก ๆ แล้วหัวเราะเบา ๆ “ถ้าเจ้าจะโดนลงโทษ คงโดนไปก่อนที่จะถูกส่งมายังที่นี่แล้วล่ะ” ลูซิเฟอร์ตอบลิลิธ “ถ้าข้าเดาพระทัยของพระผู้เป็นเจ้าไม่ผิด..... ท่านก็รู้อยู่แล้วว่า นิสัยของเจ้าเป็นเช่นไร เหมือนที่ข้าเองก็คาดเดาว่าเรื่องเช่นนี้ต้องเกิดขึ้นในซักวัน” ลูซิเฟอร์พูดต่อไป “เกิดขึ้นในซักวัน??” “ท่านรู้งั้นรึว่าซักวัน ข้ากับอดัมต้องเป็นเช่นนี้” ลิลิธพูดด้วยน้ำเสียงสงสัยใคร่รู้ ลูซิเฟอร์หันกลับไปด้านหน้า ในแววตาแฝงไว้ด้วยความเศร้า “เหมือนเป็นภาพซ้อนล่ะกระมัง” “อุปนิสัยของเจ้าทั้ง 2 เรียกว่าเกือบถอดแบบมาจาก เทพจากฝั่งตะวันออกองค์หนึ่ง ซึ่งที่ข้ารู้มา เทพองค์นั้นก็มีชะตากรรมเฉกเช่นเดียวกับเจ้านั่นล่ะ แต่อาจจะหนักกว่า เพราะนางผู้นั้นจองจำตัวเองอยู่ ณ ใต้โลกและตัดขาดกับโลกเบื้องบน” “แต่กรณีของเจ้า ข้าว่าตัวเจ้าเองก็ยังมีเยื่อใยให้กับอดัมพอสมควรเลยนะ” ลูซิเฟอร์อธิบาย พร้อมๆกับแสดงความเห็นคาดเดาใจของลิลิธ *** ลิลิธก้มหน้าเดิน พลางพูดขึ้นเบา ๆ “ก็อยู่กันมานาน บางทีเรื่องในครั้งนี้ ข้าอาจจะทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบก็ได้” *** ดวงตาของลูซิเฟอร์เบิ่งกว้างอยู่ครู่หนึ่ง จึงค่อย ๆ หรี่ลงมาเหมือนเดิม นางเอียงคอไปมา แล้วค่อย ๆ ส่ายหัวช้า ๆ “ก็ตัดสินใจไปแล้ว เจ้าก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เจ้าได้ประกาศออกไปแล้ว” “เอาล่ะ คราวนี้นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องรับรู้ไว้” ลูซิเฟอร์มองเขม็งไปที่ลิลิธ และเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ประการแรก การคงอยู่ของเจ้า ต่อแต่นี้ไป ไม่ใช่ในฐานะมนุษย์ เจ้าอาจจะเป็นเทวทูตเช่นข้า หรืออาจจะเป็นเพียงพวกลูกครึ่ง แต่ไม่ว่าแบบใดเจ้าไม่มีทางกลับไปเป็นมนุษย์ได้แน่ ๆ” “อย่างที่สองชีวิต ในการดูแลของซามาเอล แม้จะมีอิสะในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้ดังใจ จริง ๆ ข้าต้องบอกว่าแล้วแต่ผู้ดูแลเจ้าเสียมากกว่า” “อย่างที่สาม ซามาเอลเองมีภรรยาอยู่แล้วถึง 3 นาง การที่เจ้ามาอยู่ในตำแหน่งภรรยาอีกคนของซามาเอล ข้าไม่คิดว่าอะไร ๆ มันจะมีความสุขสมบูรณ์พร้อมหรอกนะ” “และ อย่างสุดท้าย....” ลูซิเฟอร์หยุดเดิน และหันกลับมามองลิลิธอีกครั้ง “จากตรงนี้ ถ้าเจ้าก้าวไปอยู่ในการดูแลของซามาเอลแล้ว เจ้าคงไม่สามารถถอยหลังกลับไปเพื่อแก้ไขอะไรที่ผ่านมาได้อีกแล้ว” ลูซิเฟอร์จ้องเขม่งไปยังลิลิธ ลิลิธซึ่งฟังอยู่อย่างเงียบ ๆ เงยหน้าขึ้นสบตาลูซิเฟอร์ พร้อมทั้งยิ้มเล็ก ๆ ให้ “มันเป็นหนทางที่ข้าเลือกแล้ว ข้าก็คงต้องไปตามเส้นทางนี้ต่อไป” ลิลิธตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ในเส้นทางที่ตัวเองได้เลือกแล้ว ลูซิเฟอร์ยิ้มให้กับคำตอบของลิลิธ แล้วทั้งคู่ก็เดินมุ่งตรงไปยังเบื้องหน้า ณ ที่พำนักของซามาเอล -------------------------------------------------------------------------------------- “เอ ว่าแต่ท่านว่า ซามาเอลอะไรนั่นมีภรรยาแล้วถึง 3 เลยรึ?” ลิลิธถามขึ้น “อืม เจ้าก็เป็นคนที่สี่ ข้าอยากเห็นจังว่า 3 สาวนั่นจะทำหน้ายังไง ถ้ารู้ว่าซามาเอลได้ภรรยามาเพิ่มอีกแล้ว” ลูซิเฟอร์ตอบด้วยน้ำเสียงสบายๆ ขัดกับสีหน้าของลิลิธนั้นกลับแสดงออกถึงความรู้สึกโดนกดดัน นางเบ๊ปากนิด ๆ “แล้วทำไมพระผู้เป็นเจ้าต้องมอบข้าให้เทวทูตองค์นี้ด้วยน้า” ลูซิเฟอร์เอามือลูบปอยผมตัวเอง แล้วเอ่ยขึ้น “ใครจะรู้ พระองค์อาจจะทรงคิดสิ่งใดไว้ในพระทัยซักอย่างกระมัง” “แต่ที่แน่ ๆ พระองค์ไม่ทรงมอบเจ้าให้ข้า หรือ กาเบรียลเป็นแน่แท้ เพราะข้ากับกาเบรียล ไม่ได้มีรสนิยมชอบเพศเดียวกันกับตัวเองหรอกนะ ฮะฮะฮะ” ลูซิเฟอร์ตอบพลางแหย่ลิลิธกลับไปอย่างสบายอกสบายใจ
Create Date : 04 มกราคม 2553 |
Last Update : 4 มกราคม 2553 10:47:17 น. |
|
1 comments
|
Counter : 641 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: da IP: 203.144.144.165 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:39:56 น. |
|
|
|
| |
|
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!