|
สมานฉันท์กลับคืนมา
สังคมไทยทั้งในอดีตและปัจจุบันมีธรรมเนียมการนับถือผีบรรพบุรุษ แล้วยังมีรากฐานทางวัฒนธรรมคือการถือพระพุทธศาสนาเป็นรากฐานผสมกับความเชื่อแบบพราหมณ์ที่ว่า ไม่เชื่อว่าทุกคนเกิดมาเท่าเทียมกันขึ้นอยู่กับสภาพที่มีติดตัวมาแต่กำเนิด
สภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยทำให้ผู้น้อยต้องให้ความเคารพผู้ใหญ่ ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ต้องให้ความคุ้มครองดูแลผู้น้อยให้มีความสุขตามอัตภาพ สังคมไทยจึงเป็นสังคมอุปถัมภ์และช่วยให้สังคมไทยดำรงอยู่อย่างสงบสุขมาช้านาน

แต่ความเชื่อดังกล่าวได้เริ่มหมดไป เพราะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทางด้านเทคโนโลยี ที่ในอดีตมีเทคโนโลยีที่ทำให้ชาติตะวันตกสามารถเดินทาง ทางทะเลได้และใช้ปืนเป็นเครื่องมือแสดงแสนยานุภาพ ตลอดจนมีการพัฒนาวิทยาศาสตร์ทางเทคโนโลยี เพื่อนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
ทำให้เป็นการบีบบังคับให้ผู้นำไทยต้องศึกษาเรียนรู้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงการเลียนแบบแนวคิดทางด้านกฎหมายและการปกครอง การบริหารแบบตะวันตกเข้าไปด้วย นอกจากนั้นยังมีความคิดในเรื่องเสรีภาพและความเสมอภาค ทำให้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช มาเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
การที่ประเทศไทยเอาความคิดและวิธีการแบบตะวันตกมาประยุกต์ใช้ทางการเมืองและการปกครอง โดยในขณะที่รากฐานของระบบอุปถัมภ์ยังมีความเข้มแข็งในสังคมไทย เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของความไม่สอดคล้องทางความคิดและชีวิตความเป็นอยู่ จึงทำให้ระบอบประชาธิปไตยไม่ค่อยมั่นคง
สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นภารกิจที่สำคัญของรัฐบาลทุกชุดที่ทำการบริหารประเทศ ทั้งรัฐบาลของทักษิณ รวมถึงรัฐบาลชุดปัจจุบันของ พล.อ. สรุยุทธ์ จุลานนท์ที่ต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาทางเมือง ซึ่งรัฐบาลชุดนี้เข้ามาบริหารประเทศในช่วงเวลาที่เปลี่ยนมือทางการเมืองที่สำคัญยิ่ง โดยมีหน้าที่หลักคือการวางรากฐานทางประชาธิปไตยให้แก่ประเทศอย่างยั่งยืน

จึงมีนโยบายหลักคือการสร้างความสมานฉันท์ในสังคมกลับคืนมา สร้างความเป็นประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง รวมถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนในการร่างรัฐธรรมนูญ และการกำหนดการลงประชามติ การเลือกตั้ง เพื่อสร้างความสมานฉันท์แก่ประเทศต่อไป
ดังนั้น การที่ประเทศไทยนำเอาความคิดของชาติตะวันตกมาใช้ก็ไม่ผิด เพราะจะทำให้เรียนรู้การปรับตัว และสร้างความเข้มแข็ง ถ้าความคิดดังกล่าวสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้จริง รวมทั้งนโยบายที่เกิดขึ้นดังกล่าวในรัฐบาลชุดนี้ทำได้จริง ความสุขของประเทศและของประชาชนคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะประชาชนในประเทศกำลังต้องการผู้กล้าที่เข้มแข็งมาบริหารประเทศโดยไม่นึกถึงแต่ประโยชน์ส่วนตนหรือประโยชน์กับเครือญาติของตัวเอง
(วันนี้ 19 สิงหาคม 2550วันลงคะแนนเสียงประชามติ ใครบ้างที่ไปลงมติ ยกมือขึ้นหน่อย ถึงแม้จะมีบ้างที่ไม่มีใครไปลงคะแนนประชามติ หรือที่ไปลงแต่ไม่เห็นชอบทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางส่วนที่ไม่เห็นชอบ อาจเพราะไม่เข้าใจรัฐธรรมนูญ หรืออาจไม่ชอบการปฏิวัติ หรือชอบระบอบเก่ามากกว่า มันก็เป็นความคิดส่วนบุคคลคงห้ามความคิดใครไม่ได้ หรือบังคับให้ไปลงคะแนนเสียง มันก็ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้สิทธิที่มีอยู่หรือเปล่า?) แต่ถ้าคิดอีกหน่อยว่า การลงประชามติดีอย่างไรและช่วยแก้ปัญหาประเทศชาติอย่างไรก็คงไปลงคะแนนกัน เพื่อความสุขของตัวเองและความสงบสุขของประเทศ
"สมานฉันท์จะกลับคืนมาหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ตัวเรา"
Create Date : 19 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 28 กันยายน 2550 20:08:23 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1249 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ม่อน เด็กม้าลาย (MoNiSsArUn ) วันที่: 20 สิงหาคม 2550 เวลา:18:49:13 น. |
|
|
|
โดย: สมานทำไม IP: 158.108.133.143 วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:13:20:48 น. |
|
|
|
โดย: junaka วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:14:08:10 น. |
|
|
|
โดย: นักรบขี้เมา (communist ) วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:19:54:24 น. |
|
|
|
| |
|
|
ความสมานฉันท์จะเกิดไม่เกิด
น่าจะอยู่ที่ตัวเราอย่างที่เพื่อนว่าไว้
ถ้าเรารักชาติจริง
คงทำกันได้
ไม่ใช่แค่บอกพ่านเมสเสส ตามรายการข่าว
ดูแล้วมันก็เป็นเหมือนเดิมๆ