ลิขิตฟ้า หรือ จะสู้มานะคน

chon_pro
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




ผมแค่อยากเขียน บันทึกเกี่ยวกับข้อมูลการทำงานของผมต่างๆ เพื่อเก็บเอาไว้ใช้ดูเวลาที่ผมหลงลืม และเพื่อเป็นประโยชน์ กับน้องๆๆๆ ทั้งหลาย
loaocat

Stat Counter :
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chon_pro's blog to your web]
Links
 

 

"เดอะชนบท" สินค้าไม่ติดหรู เรียบง่าย ดูดี สะท้อนวิถีไทย

"เดอะชนบท" สินค้าไม่ติดหรู เรียบง่าย ดูดี สะท้อนวิถีไทย

สภาพ ชีวิตความเป็นไทยแบบดั้งเดิมตามต่างจังหวัด ปัจจุบันคงจะหาบรรยากาศเหล่านั้นได้ยากเต็มทีในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร ดินแดนอันศิวิไลซ์ สังคมมีแต่ความเร่งรีบ ทำให้บางครั้งหลายคนหลงลืมชีวิตที่เรียบง่ายแบบชนบทไป ส่งผลให้อดีตมนุษย์เงินเดือนที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงโฆษณากว่า 20 ปี ตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตด้วยการเปิดร้านขายของที่ระลึก แฝงดีไซน์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่าสินค้าทุกชิ้นในร้านจะต้องสื่อถึงความเป็นชนบทแบบไทยๆ เพิ่มคุณค่าภูมิปัญญาชาวบ้านสู่สายตาคนไทยและต่างชาติกับร้าน “เดอะ ชนบท”

นายไพโรจน์ ธีระประภา เจ้าของร้าน เล่าว่า ร้านนี้เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนที่จบมาจากมหาวิทยาลัยศิลปากร อาศัยความถนัดงานแฮนด์เมดในแต่ละด้าน ไม่ว่าจะเพ้นท์งานเสื้อ งานแกะสลักไม้ หรือแม้กระทั่งฝีมือการทำกาแฟสด ก็นำมารวมอยู่ในร้าน เพื่อความหลากหลายของสินค้า ซึ่งก่อนหน้านี้นายไพโรจน์ได้ทำงานด้านโฆษณา นาน 20 ปี ที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นงานที่ทำได้แต่ไม่ชอบ ซึ่งสิ่งที่ชอบในงานนี้คือเงินเดือนที่ทางบริษัทให้ค่อนข้างสูง เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้สบาย แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่รู้สึกว่าอิ่มตัว จึงคิดอยากทำงานดีไซน์ที่เกิดจากความคิดตัวเอง ไม่ได้เกิดจากไอเดียของลูกค้าหรือเจ้านาย

ดังนั้นเมื่อคิดที่จะทำธุรกิจที่เป็นของตนเอง จึงได้พยายามหาความชอบ และสิ่งที่ตนเองต้องการจะทำมาเป็นอันดับแรก ซึ่งก็คือการกลับคืนสู่ธรรมชาติ และความเป็นไทย ที่หลายคนโดยเฉพาะคนเมืองที่เห็นคุณค่าน้อยลง หันไปเห่อสินค้าจากต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้านก็มีคุณภาพดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยอาศัยการสังเกต และการที่ชอบเดินทางไปตามต่างจังหวัด มักจะเดินชมตลาดในท้องถิ่นนั้นๆ เพราะเชื่อ ว่าตลาดจะเป็นสถานที่ที่สื่อถึงความเป็นตัวตนในชุมชนนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี ทำให้เห็นว่าชาวบ้านในแต่ละแห่งก็มีฝีมือด้านงานแฮนด์เมดที่ดี แต่อาจขาดด้านดีไซน์ และเทคนิคที่จะทำให้ผลิตสินค้าได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งทางนายไพโรจน์และเพื่อนมีความรู้ด้านนี้ จึงคิดช่วยเหลือชาวบ้าน ด้วยการเข้าไปแนะนำเทคนิค พร้อมกับติดต่อสั่งซื้อเพื่อนำมาจำหน่ายที่ร้านเดอะชนบท เช่น โมบายไม้แกะสลัก ของชาวบ้านในภาคเหนือ เป็นต้น

หลังจากเริ่มมีสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้นายไพโรจน์และเพื่อนตัดสินใจเปิดหน้าร้านที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่นอกจากจะมีทั้งสินค้าในชุมชน ที่เป็นงานแฮนด์เมดแล้ว ยังผลิตสินค้าที่สื่อถึงความเป็นจังหวัดเชียงใหม่ด้วย เช่น เสื้อยืดที่มีสัญลักษณ์ของประตูท่าแพ, กำแพงเมือง หรือลวดลายของพระธาตุดอยสุเทพ เนื่องจากเป็นอีกหนึ่งคอนเซ็ปต์ของร้านที่ตั้งใจไว้ว่าถ้าไปเปิดร้านใน จังหวัดใดก็ต้องมีสินค้าท้องถิ่น ที่สื่อถึงความเป็นชนบทของสถานที่นั้นๆ ด้วย
แต่ในปัจจุบันร้านเดอะชนบทสาขาแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ จำต้องปิดตัวลงเนื่องจากไม่สามารถแบกรับค่าเช่าที่ที่สูงจนเกินไปได้ โดยเน้นบริหารร้านเดอะชนบทสาขาถนนพระอาทิตย์แทน เพื่อลดค่าใช้จ่าย ซึ่งรูป แบบสินค้าบางชิ้นก็จะออกมาในรูปของความเป็นเมืองเก่า เกาะรัตนโกสินทร์ และป้อมพระสุเมรุ เป็นต้น โดยสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นของที่ระลึกพ่วงความเป็นไทย เพื่อให้ตรงกับชื่อร้าน เดอะชนบท ที่เจ้าของร้านบอกว่า ต้องการให้ชื่อร้านสื่อถึงวิถีชีวิตไทย สัมผัสได้ง่ายไม่สูงเกินเอื้อม ทุกชนชั้นสามารถเป็นเจ้าของสินค้าของร้านได้ โดยเน้นการนำเสนอความสวยงามแบบชนบทให้กับลูกค้า โดยที่ไม่ได้เน้นความหรูหรา แต่เป็นการนำสินค้ามีความเป็นไทยแท้ๆ เป็นปัจจุบันมาจำหน่ายให้กับลูกค้า โดยขณะนี้ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่อาศัยการบอกปากต่อปาก ว่าหากมาเที่ยวเมืองไทย และผ่านมาที่ถนนพระอาทิตย์จะต้องแวะมาที่ร้านเดอะชนบท ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือได้ว่าเป็นกำลังใจที่ดีให้กับเจ้าของร้านที่ตั้งใจ สร้างสรรค์ผลงาน
“ภายในร้านมีสินค้าที่สามารถแยก ประเภทได้ 3 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ สินค้าประเภทผ้า เช่น ถุงผ้า เสื้อยืด ที่เป็นผ้าที่ไม่ผ่านการฟอกย้อม เนื่องจากไม่ต้องการทำให้เกิดน้ำเสีย ดังนั้นบอกได้เลยว่าเสื้อที่ซื้อจากร้านเราเมื่อนำไปซักแล้วจะหดทุกตัว ลูกค้าต้องซื้อขนาดที่ใหญ่ขึ้น, กระเป๋าสตางค์ สินค้าประเภทไม้แกะสลัก ที่ทำออกมาในรูปของโมบาย และของฝาก ซึ่งล้วนมาจากฝีมือชาวบ้าน และร้านกาแฟ ที่ชื่อว่า โกปี๊ ช็อป เป็นต้น”
ส่วนแผนธุกริจในอนาคต ตนเองไม่ได้มองในระยะยาว พยายามประคับประคองร้านเดอะชนบทในระยะสั้นให้อยู่ได้ก่อน แต่ก็ต้องพยายามคิดพัฒนาสินค้าตามที่ตนเองถนัดอยู่เสมอ และทำให้ดีที่สุด ตามแบบฉบับชีวิตที่เลือกเดิน








ร้านโกปี๊ ชอป บรรยากาศสบายๆ
***โทร. 08-9494-5669***




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2552    
Last Update : 8 ธันวาคม 2552 8:49:53 น.
Counter : 587 Pageviews.  

บ้านส้มตำ" มีมากกว่าส้มตำ"

บ้านส้มตำ" มีมากกว่าส้มตำ"

หากใครสักคนเอ่ยถึงส้มตำขึ้นมามีหวังน้ำลายของคนฟังถูกยวนยั่วด้วยเสน่ห์ ความอร่อยแซบลิ้นของเมนูนี้ขึ้นมาแน่นอน ถึงเป็นเมนูที่มีวิธีปรุงง่าย ๆ แต่ใช่ว่าจะสามารถปรุงรสชาติให้แซบโดนลิ้นถูกใจได้ทุกคน ครั้นเจอร้านส้มตำที่เข้าขั้นรสชาติดี แม่พลอยอยากตั้งเข็มทิศ บอกทางไปนั่งทานส้มตำหลากเมนูที่ บ้านส้มตำ ย่านสาทรดู

ลูกค้าเจ้าประจำของบ้านส้มตำอาจคุ้นกับ บ้านส้มตำสาขาพุทธมณฑลสาย 2 และสาขาพระราม 5 กันบ้างแล้ว แต่สาขาสาทรเพิ่งขยับขยายเมื่อไม่นานมานี้ ร้านตกแต่งแนวทันสมัย อบอุ่น อวลด้วยเสียงเพลงคันทรีและเสียงการโขลกสากกระทบกับครกดังสนั่นลั่นร้าน ชวนเร้าใจเป็นระยะ ๆ ตามยอดสั่งส้มตำของลูกค้า

ส้มตำของบ้านส้มตำมีถึง 20 กว่ารายการ ส้มตำแบบพื้น ๆ ต้องยกให้ ส้มตำไทย แต่ความอร่อยไม่มีอารมณ์พื้น ๆ เส้นมะละกอขูดยาวโขลกคลุกรสมากับถั่วฝักยาว ถั่งลิสงคั่ว มะเขือเทศ กุ้งแห้ง พร้อมเสิร์ฟกับเส้นหมี่โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวนิดหน่อย ความเด็ดอยู่ที่เส้นมะละกอกรอบ เข้ารสน้ำยำรสเปรี้ยว เผ็ด และความหวานหอมน้ำตาลมะพร้าว ส้มตำปูปลาร้า ถึงเพื่อนกินร่วมโต๊ะจะเมินไม่มองเมนูนี้ ให้สั่งทานเถอะ รับรองว่าเมนูนี้ไม่สร้างความแตกแยกในหมู่คณะ เพราะปลาร้าไม่มี กลิ่นฉุนรบกวนจมูก เพราะใช้น้ำปลาร้าต้มแล้วนำมากรองน้ำมาทำเป็นน้ำยำส้มตำอีกที รสชาติได้ใจทั้งเผ็ดเปรี้ยวแซบ ส่วนปูที่ใส่มาด้วยสะอาดสะอ้านเคี้ยวเพลิน ไม่สะดุดสิ่งเจือปนให้อารมณ์เสีย

ส้มตำแอปเปิ้ล มีสีสันของแอปเปิ้ลเขียวและแอปเปิ้ลแดงที่ฝานบาง ๆ แล้วนำมาปรุงรสกับน้ำยำ แอปเปิ้ลกลิ่นหอม กรอบ รสชาติเฉพาะตัวของแอปเปิ้ลสองสีนี้ออกเปรี้ยวนิด ๆ เมื่อถูกเติมรสชาติด้วยน้ำยำที่มีครบทุกรสถือว่าลงตัวจนถูกลิ้นถูกใจ หากว่ามากับเด็ก ๆ ที่ชอบทานส้มตำ แต่ทานแบบผู้ใหญ่ไม่ได้ ขอแนะนำให้ร้านจัด ส้มตำทอด มาให้แทน หน้าตาคล้ายเฟรนช์ฟรายด์ หรือมันฝรั่งทอดของฝรั่ง ถือว่ามีฝีมือในการใช้มะละกอชุบแป้งทอด ทอดได้เหลืองสวยงามอย่างมาก ทานคู่กับน้ำยำที่ใช้กุ้งแห้ง กระเทียม พริก ถั่วลิสง ถั่วฝักยาว ที่ใช้ราดลงไป เส้นมะละกอกรอบ น้ำยำเปรี้ยวหวานกลมกล่อม ส้มตำแคบหมู เป็นอีกเมนูที่เด็กชอบ เพราะตัวแคบหมูติดมันนิดหน่อยอร่อยกรอบ ๆ มัน ๆ มีน้ำยำรสชาติกลมกล่อมเป็นตัวช่วยขจัดความเลี่ยน

ส้มตำหน้าตาแปลกอย่าง ส้มตำหอยนางรม น่าลอง รับรองจะติดใจในความอร่อย หอยนางรมตัวใหญ่สด หวาน ที่ดันมาเข้ารสชาติกับน้ำยำส้มตำและเส้นมะละกอที่กรอบพอดิบพอดี ส้มตำหลวงพระบาง จานนี้ขอเน้นว่า เหมาะสำหรับคนชอบทานกะปิเท่านั้น เส้นมะละกอสับเป็นชิ้นใหญ่แล้วฝานบาง ๆ คล้ายก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ถูกโขลกให้เข้ากับน้ำยำที่มีกะปิเป็นตัวหลัก รสชาติหวานเค็มกะปิ ซึมแทรกกับมะละกอ หน้าตาไม่คุ้น แต่เจอกันครั้งแรกกับต่อมรับรสของลิ้นเป็นอันถูกใจ

ที่บ้านส้มตำถึงแม้จะมีเมนูส้มตำเป็นดาวเด่น แต่แม่พลอยว่าร้านนี้มีอะไรให้ทานมากกว่าส้มตำ ประเภททอดมี ทอดมันหัวปลี มีความอร่อยน่าค้นหาตรงที่หัวปลีสดคลุกกับหมูสับกับผักหวานแล้วเคล้ารสกับ เครื่องแกงทอดในน้ำมันร้อน ๆ ทานคู่กับน้ำจิ้มแบบทอดมัน รสชาติค่อนไปทางเผ็ด ส่วน ลาบหมูทอด น่าลองไม่แพ้กับ ปีกไก่ทอด และ ไก่แซบทอด ที่มีรสชาติถึงเครื่องเทศ

เมนูประเภทยำร้านนี้มี ยำผักหวานทอด ใช้ยอดผักหวานชุบแป้งทอด แบบกรอบทั้งตัวแป้งทอดและมีความกรอบแบบธรรมชาติของผักหวาน ทานกับน้ำยำรสกลมกล่อมที่มีหมูสับและกุ้งสดใส่ผสมลงมา ส่วนเมนูประเภทผัดมี ขนมจีนผัด มาเลือกลอง แปลกรสชาติคล้ายมาม่าผัด เมนูนี้เข้าถึงใจนักชิมวัยเด็ก ผู้ไม่ชอบความเผ็ด อยากชิมเมนูประเภทแกงลองชิม แกงหน่อไม้ใบย่านางใส่ปลาช่อน และ แกงเห็ดเผาะปลาช่อน สองเมนูนี้ น้ำแกงกลมกล่อม ผักและปลาสด

อยากลองส้มตำและอาหารนอกเมนูส้มตำ ที่มีลิขสิทธิ์ความอร่อยเฉพาะบ้านส้มตำต้องบอกว่าบริการทุกเมนูในยามที่อยาก ลิ้มลองทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00-22.00 น. สนใจสอบถามรายละเอียดทุกอย่างได้ที่ 0-2630-3486.

เรื่อง : แม่พลอย/ภาพ : ภมร มานะพรชัย


ที่มา : Dailynews




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2552    
Last Update : 8 ธันวาคม 2552 8:44:29 น.
Counter : 828 Pageviews.  

ตุ๊กตาสไตล์งิ้ว" ลงทุนต่ำ-วิธีทำไม่ซับซ้อน

ตุ๊กตาสไตล์งิ้ว" ลงทุนต่ำ-วิธีทำไม่ซับซ้อน

ความตั้งใจเป็นหัวใจสำคัญสำหรับการประกอบของทุก ๆ อาชีพ แม้เพิ่งเริ่มต้นใหม่ ยังมีประสบการณ์ไม่มาก แต่ถ้าหากอดทนและพยายาม โอกาสที่จะพบความสำเร็จก็เกิดได้ อย่างเช่นรายของเจ้าของสินค้าสารพัดที่ผลิตจากปูนปลาสเตอร์ ที่มีจุดเด่นคือ “สไตล์จีน” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” จะนำเสนอในวันนี้...

สมบูรณ์ วงศ์พิมล กับ ธนพร จรัสแนว คือเจ้าของผลิตภัณฑ์รายนี้ โดยสมบูรณ์เป็นผู้เล่าว่า หลังจากมีครอบครัวก็รู้สึกว่าอาชีพที่ทำอยู่ คือขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ อีกทั้งรายได้ก็ไม่แน่นอน จึงคิดมองหาอาชีพเสริม และหากมีแนวโน้มดีก็จะเลิกอาชีพเดิม จึงปรึกษากับน้องสาว คือธนพร และก็มาสรุปว่าน่าจะผลิตสินค้าที่เกี่ยวกับความเป็น “จีน” โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องราวของอุปรากรจีนหรือ “งิ้ว” เพราะมีพื้นความรู้ด้านนี้อยู่เป็นทุน ครอบครัวเป็นนักแสดงงิ้ว ถ้าจะทำสินค้างานฝีมือก็ควรจะเน้นด้านนี้



“ใช้เวลาหัดทำอยู่นานกว่าจะลงตัว อาศัยการไปซื้อแบบมา แล้วลองนั่งแกะทำดูเอง ผสมปูนปลาสเตอร์เอง อาศัยคำแนะนำจากคนรู้จักที่สนิท รวมทั้งศึกษาเอาจากตำราต่าง ๆ บ้าง จนผ่านไป 3-4 เดือนก็ลงตัว พอทดลองขายปรากฏว่าได้การตอบรับดีมาก จึงตัดสินใจหันมาทำอาชีพนี้เต็มตัว” สมบูรณ์กล่าว
ด้วยความที่ทั้งคู่คลุกคลีและเติบโตหน้าโรงงิ้วมาตลอด ทำให้ทราบว่าตัวละครที่คณะงิ้วใช้แสดงมีอะไรบ้าง แต่งกายอย่างไร และควรวาดหน้าหรือลงสีสันแบบไหน จึงคิดประดิษฐ์ “ตุ๊กตาจีนหน้างิ้ว” ขึ้นมาจำหน่าย โดยทดลองขายหน้าศาลเจ้าและตามโรงงิ้ว ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากลูกค้า ทั้งกลุ่มวัยรุ่นและคนสูงอายุ ต่อมาจึงผลิต “หน้ากากงิ้วติดผนัง” และแมกเนตหรือ “ที่ติดตู้เย็น” เพื่อสร้างความหลากหลาย

ด้านธนพรร่วมเล่าว่า การคิดทำสินค้าที่เกี่ยวพันกับงิ้วนั้น นอกจากจะเป็นการทำอาชีพสร้างรายได้แล้ว อีกด้านหนึ่งคือต้องการอนุรักษ์ศิลปะอุปรากรจีนไว้ให้คนรุ่นหลังได้รู้จัก ด้วย จากประเด็นนี้ทำให้สินค้าที่ผลิตขึ้นส่วนใหญ่จะ เน้นที่ความครบถ้วนที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ” บนตัวตุ๊กตา อาทิ ลวดลาย สีสัน และเครื่องแต่งกาย แต่ก็มีการปรับให้เข้ากับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น คือถ้าเป็นกลุ่มลูกค้าวัยรุ่น สินค้าส่วนใหญ่ที่ขายดีจะเป็นตุ๊กตางิ้ว หน้าตาก็จะเน้นไปที่รูปแบบการ์ตูนเพื่อให้ดูน่ารัก ส่วนหน้ากากงิ้วติดผนังและที่ติดตู้เย็น จะเน้นความสมจริงเป็นหลัก เพราะลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นผู้ใหญ่และคนสูงอายุ

“ตลาดตอนนี้ก็ถือว่าไปได้ หลังทำมา 1 ปีก็คิดว่าควรมีสินค้าเพิ่ม เพื่อไม่ให้ลูกค้ารู้สึกจำเจ ปรากฏว่าพอทำหน้ากากกับที่ติดตู้เย็นออกมาก็ได้ลูกค้ากลุ่มที่เป็นผู้ใหญ่ และคนสูงอายุเพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่จะซื้อไปเพราะชื่นชอบตัวละครเป็นหลัก อาทิ หน้าพระเอก หน้าเทพเจ้ากวนอู หน้าเห้งเจีย เพราะแต่ละหน้าจะมีรายละเอียดซ่อนอยู่มากมาย คือคนที่ซื้อเขาจะรู้ที่มาที่ไปและความหมายของแต่ละหน้าด้วย” ธนพรกล่าว

ทั้งนี้ ทุนเบื้องต้นสำหรับอาชีพ ทั้งคู่ลงทุนประมาณ 5,000 บาท ส่วนใหญ่เป็นค่าอุปกรณ์และเครื่องมือในการทำ ขณะที่ทุนวัตถุดิบอยู่ที่ประมาณ 60% จากราคาจำหน่าย โดยราคาจำหน่ายนั้นจะเริ่มตั้งแต่ต่ำสุดที่ชิ้นละ 20 บาท ขึ้นไปจนถึงชิ้นละ 129 บาท

อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำ มีอาทิ พู่กันเบอร์ 0-2, กรรไกร, มีดแกะสลัก สำหรับใช้ตกแต่งพื้นผิว, สว่านขนาดเล็ก สำหรับใช้เจาะรู ส่วนวัสดุ มีอาทิ ปูนปลาสเตอร์ สำหรับหล่อ, ยางพารา สำหรับหล่อทำแม่พิมพ์, ดินน้ำมัน สำหรับใช้ปั้นแบบ, แม่เหล็ก สำหรับติดตู้เย็น, สีน้ำพลาสติก, ผ้าสักหลาด สำหรับหุ้มฐานตุ๊กตา และเข็มหมุด สำหรับใช้ตกแต่งแทนมุกบนหัวและตัวตุ๊กตา

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากนำยางพารามาเทหุ้มตุ๊กตาเพื่อทำเป็นตัวต้นแบบหรือแม่พิมพ์สำหรับใช้ ในการหล่อปูนปลาสเตอร์เพื่อเป็นตุ๊กตา เมื่อยางพาราแห้งแล้วก็ทำการตัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ด้านหน้าและหลัง จากนั้นนำมาประกบกัน แล้วเทปูนปลาสเตอร์ที่ผสมไว้ลงไป ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง

เมื่อปูนแห้งสนิทดีแล้ว ก็ทำการตกแต่งรายละเอียดที่พื้นผิวของตุ๊กตาด้วยมีดแกะสลักหรือมีดคว้านผล ไม้ แล้วทำการลงสีที่เป็นลวดลายของตุ๊กตาตามแบบที่ต้องการ ทิ้งไว้ให้สีแห้ง ขั้นตอนต่อมาเป็นการใส่เข็มหมุดในบริเวณที่เป็นส่วนของเครื่องประดับตุ๊กตา โดยใช้สว่านดอกเล็กเจาะนำร่อง จากนั้นจึงนำเข็มหมุดทากาวเสียบลงไปในจุดที่เจาะรูไว้ ทำการพันผ้าสักหลาดบริเวณฐาน เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ

“ในขั้นตอนการทำนั้น ถ้าเป็นตัวตุ๊กตาก็จะมีรายละเอียดมากกว่าส่วนที่เป็นหน้ากากติดผนังและที่ ติดตู้เย็น ส่วนปูนปลาสเตอร์นั้น เคล็ดลับอยู่ที่ว่าห้ามขี้เหนียวปูน เพราะถ้าเนื้องานผสมเนื้อปูนน้อยไปจะทำให้ตุ๊กตาแห้งช้าและไม่คงทนแข็งแรง ตรงนี้สำคัญ” สมบูรณ์เจ้าของ ไอเดียกล่าวแนะนำ

สนใจผลงาน “ตุ๊กตางิ้ว” ติดต่อ สมบูรณ์ วงศ์พิมล - ธนพร จรัสแนว ได้ที่ โทร.08-1588-9423 ส่วนใครที่สนใจอยากจะขอข้อมูลเพิ่มก็สามารถสอบถามกับเจ้าของงานได้โดยตรง เลย.

ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ : / จเร รัตนราตรี : ภาพ


ที่มา : Dailynews




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2552    
Last Update : 8 ธันวาคม 2552 8:41:22 น.
Counter : 1766 Pageviews.  

แกะรอยความสำเร็จธุรกิจขนาดเล็กในญี่ปุ่น สร้างรายได้มหาศาล

แกะรอยความสำเร็จธุรกิจขนาดเล็กในญี่ปุ่น สร้างรายได้มหาศาล

หากเปรียบชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติไทย ธุรกิจขนาดเล็กก็เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจญี่ปุ่น

หรืออาจกล่าวได้ว่า ธุรกิจขนาดเล็กคือลักษณะเฉพาะที่เด่นมากๆ ของสังคมเศรษฐกิจญี่ปุ่น เพราะสามารถดูดซับแรงงานได้ถึง 2 ใน 3 ของแรงงานทั้งประเทศ และสร้างผลผลิตป้อนตลาดได้ถึง 2 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ

เป็นสถิติที่นำหน้าเหนือทุกชาติ ไม่ว่าจะเป็นฝั่งสหภาพยุโรป หรือแม้กระทั่งยักษ์ใหญ่ของเศรษฐกิจโลกอย่างสหรัฐอเมริกา จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นรัฐบาลไทยพยายามศึกษาต้นแบบธุรกิจขนาดเล็กของญี่ปุ่น เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อยของไทยให้เจริญรอยตาม

ความที่ธุรกิจขนาดเล็กมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อเศรษฐกิจประเทศ ทำให้ญี่ปุ่นสร้างกลไกส่งเสริมธุรกิจขนาดเล็กอย่างเป็นระบบ ภายใต้การดูแลของกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดนโยบาย แก้ไขกฎหมาย และจัดหางบประมาณส่งเสริมในสัดส่วนที่มากอย่างน่าทึ่ง

แต่ละปีจะมีสินเชื่อสำหรับกิจการประเภทนี้หลายล้านล้านเยน

ยิ่งไปกว่านั้น ญี่ปุ่นยังมีมหาวิทยาลัยธุรกิจขนาดเล็กไม่น้อยกว่า 9 แห่งทั่วประเทศ ผลิตผู้ประกอบการรายใหม่ป้อนสู่ระบบเศรษฐกิจช่วงปี 2547-2550 ไม่ต่ำกว่า 4.5 ล้านราย

ปัจจุบันธุรกิจขนาดเล็กของญี่ปุ่นแบ่งคร่าวๆ ได้ 4 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจขายปลีกและขายส่ง ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด ส่วนมากเป็นร้านค้าและบริการทั่วไป มีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นกลไกหลักในการกระจายสินค้าสู่ชุมชน

หล่อเลี้ยงทั้งชีวิตคนเมืองและชุมชนเล็ก โดยภายหลังจากการเปิดประเทศรับกลุ่มนักท่องเที่ยวนานาชาติที่หลั่งไหลเข้า สู่ญี่ปุ่นมากขึ้น ก็ยิ่งช่วยขยายฐานกำลังซื้อในประเทศที่มีมากอยู่แล้วให้มากขึ้นไปอีก

กลุ่มหัตถอุตสาหกรรม มีสัดส่วนใหญ่เป็นอันดับ 2 รองลงมา สามารถแยกย่อยออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ หัตถอุตสาหกรรมแบบประเพณี อาทิ ธุรกิจผลิตกิโมโน พัดกระดาษ เครื่องเคลือบ เป็นต้น

บ้านเราที่พยายามเลียนแบบก็โครงการผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น หรือโอท็อป หรือที่คุ้นหูก่อนถูกเปลี่ยนชื่อก็ โครงการหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบลนั่นแหละ

หลายคนอาจสงสัยอยู่ว่า อุตส่าห์เลียนแบบมา ทำไมไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร!!

สาเหตุก็เพราะสินค้าชุมชนของญี่ปุ่นนั้น ถ้าเป็นของชุมชนไหนก็ต้องไปหาซื้อตามถิ่นนั้น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นที่นอกจากสร้างชื่อเสียงให้สินค้าแล้ว ยังช่วยส่งเสริมในเรื่องการท่องเที่ยวได้อีกต่อ

ต่างกับบ้านเรา สินค้าไม่ว่าจะผลิตมาจากไหน หาซื้อได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน การสร้างเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นก็เลยเกิดลำบาก แถมลอกเลียนแบบกันจนเละ เละทั้งเจ้าของต้นตำรับ เละทั้งคนที่ไปลอกเขามา แล้วก็พากันเจ๊งระนาว

ถัดมาเป็น หัตถอุตสาหกรรมที่หล่อเลี้ยงคนในชุมชน อาทิ ร้านอาหาร ร้านตัดผม สุดท้ายคือ หัตถอุตสาหกรรมที่เน้นตลาดในประเทศและเป็นผู้ผลิตรับช่วงจากบริษัทใหญ่

การรับช่วงผลิตของหัตถอุตสาหกรรมประเภทหลังนี้ มีนัยสำคัญอีกเช่นกัน ในแง่ของการขยายกิจการออกสู่ต่างประเทศ ซึ่งแต่เดิมบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นผู้ผลิตขั้นสุดท้าย อาศัยธุรกิจขนาดเล็กคอยป้อนสินค้าและบริการขั้นกลางให้ แทนที่จะผลิตเองทั้งหมด

วิธีดังกล่าวปฏิบัติสืบเนื่องมาแต่ในอดีต กระทั่งภายหลังการแข่งขันในเรื่องของต้นทุนราคาถูกกลายเป็นกระแสที่แต่ละ ประเทศช่วงชิงความได้เปรียบกัน บริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่นจึงย้ายฐานออกสู่ต่างประเทศ พร้อมกับดึงผู้ผลิตรับช่วงออกไปผลิตสินค้านอกประเทศเพื่อลดต้นทุนด้วย

กลายเป็นว่า ไม่เฉพาะแต่ธุรกิจรายใหญ่เท่านั้นที่สยายปีกออกนอกประเทศไปกอบโกยกำไรกลับ สู่บ้านเกิดได้ แม้แต่ธุรกิจขนาดเล็กของญี่ปุ่นก็สามารถโกอินเตอร์ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำไม่แพ้รายใหญ่เช่นกัน

กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กที่เหลืออีก 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มบริการส่วนบุคคล และ กลุ่มเกษตรกร มีสัดส่วนไม่มาก แต่รัฐบาลก็ดูแลทั่วถึงไม่แพ้ 2 กลุ่มใหญ่

อย่างไรก็ดี การยืนหยัดของธุรกิจขนาดเล็กในญี่ปุ่น แม้จะแยกไม่ออกจากการอุ้มชูขององค์กรรัฐ หากแต่ปัจจัยที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กเหล่านี้เติบโตอย่างเข้มแข็ง หลังผ่านพ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 จวบจนถึงปัจจุบันได้ ก็เพราะกิจการส่วนใหญ่เกิน 50% เป็นธุรกิจครอบครัวที่สืบทอดความรู้ ตลอดจนเทคนิคการผลิตจากรุ่นสู่รุ่น ตกทอดกันมาเรื่อยๆ

กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และสามารถใช้เป็นหลักประกันในเรื่องของคุณภาพสินค้าได้อย่างเต็มภาคภูมิ

การสร้างเครือข่ายทางสังคม เพื่อใช้ประโยชน์เกื้อหนุนต่อการลดต้นทุนผลิตของตัวเอง ควบคู่กับการสร้างตลาด ก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตทางธุรกิจ

ทุกวันนี้ธุรกิจขนาดเล็กของญี่ปุ่นที่ยังดำรงอยู่ได้อย่างแข็งแรง เป็นเสาหลักให้เศรษฐกิจของชาติได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะความเป็นชุมชนยังหลงเหลืออยู่ค่อนข้างมากในสังคมเมือง เป็นภูมิต้านทานสำคัญต่อการเคลื่อนตัวเข้ามาของธุรกิจยักษ์ใหญ่ค่ายต่างชาติ กระทั่งค่ายใหญ่ในประเทศก็ใช่จะรุกรานธุรกิจเล็กได้โดยง่าย

ข้อสำคัญอีกประการคือ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีชนชั้นกลางเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ

ขณะที่สัดส่วนชาวนาเหลือไม่ถึง 10% จากจำนวนประชากรทั้งหมดของประเทศ แถมในสัดส่วนดังกล่าวยังเป็นชาวนาแบบขาจรปะปน อธิบายง่ายๆ ก็คือ จะประกอบอาชีพเฉพาะฤดูทำนาเท่านั้น รัฐบาลญี่ปุ่นจึงแบกรับภาระชนชั้นล่างในสัดส่วนที่ต่ำ

และชนชั้นกลางของญี่ปุ่นนี่เองที่มีส่วนสำคัญอย่างมากต่อการขยายตัวทาง เศรษฐกิจ เพราะเป็นกำลังซื้อหลักในประเทศที่ช่วยรองรับธุรกิจของคนในชาตินั่นเอง

จากภาพรวมที่ว่ามาทั้งหมด นี่ก็คงพอจะเข้าใจได้ไม่ยากว่า ทำไมธุรกิจขนาดเล็กของญี่ปุ่นถึงได้แข็งแกร่งนัก



ที่มา : Ksmecare




 

Create Date : 08 ธันวาคม 2552    
Last Update : 8 ธันวาคม 2552 8:37:58 น.
Counter : 1072 Pageviews.  

7 ขั้นตอนค้นหาไอเดียธุรกิจออนไลน์ สำหรับคนที่ไม่รู้จะทำธุรกิจอะไรดี

7 ขั้นตอนค้นหาไอเดียธุรกิจออนไลน์ สำหรับคนที่ไม่รู้จะทำธุรกิจอะไรดี

ถ้าคุณกำลังต้องการเริ่มทำธุรกิจออนไลน์ แต่ไม่รู้ว่าจะทำธุรกิจอะไรดี
หรือจะมีก็เพียงความคิดแบบทั่วไป ว่าสินค้าอะไรที่คุณต้องการขาย บางที 7 ขั้นตอนนี้อาจจะทำให้สมองคุณแจ่มใส คิดได้ชัดเจนขึ้น

หาก คุณยังไม่มีไอเดียเจ๋งๆ ว่าจะทำธุรกิจอะไรดี ขายสินค้าอะไรดี เรากำลังจะบอกวิธีสำรวจความคิดตัวคุณเอง วิธีการค้นหาไอเดียใหม่ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวเองให้กับคุณ วิธีหาตลาดที่จะสามารถทำเงินให้กับคุณได้ คุณมีโอกาสสร้างรายได้จากความคิด ของคุณได้มากเท่าไร และที่สำคัญยังมีช่องว่างในตลาดสำหรับธุรกิจของคุณอยู่ หรือไม่

ต่อไปนี้คือ 7 ขั้นตอนง่ายๆ เพื่อสำรวจไอเดียในตัวคุณ

1. ถ้า คุณยังไม่มีความคิดว่าตลาดสินค้าหรือบริการประเภทไหนที่คุณต้องการจะไปทำ ธุรกิจ คุณจะต้องเริ่มคิดแล้วล่ะ จริงๆ แล้วคุณอาจจะมีความคิดที่จะทำธุรกิจอะไรอยู่บ้างแล้ว เพียงแต่ว่ายัง ไม่ค่อยแน่ใจที่จะทำ แต่การจะเลือกทำธุรกิจอะไรก็ควรเลือกธุรกิจที่ทำให้คุณ รู้สึกกระตือรือร้น สนุกสนาน อยากที่จะทำจริงๆ เพียงแค่นึกถึงว่าจะทำธุรกิจนี้ก็ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น รู้สึกว่าใช่เลย สำหรับคุณ

คุณ ต้องการประสบความสำเร็จใช่ไหม ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะใครๆ ก็อยากเป็นคนที่ประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น แต่การประสบความสำเร็จจะเป็น เรื่องง่ายมากขึ้น ถ้าคุณได้ทำในสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกสนุก อยากติดตาม อยากจะทำทุกๆ หน้า

ลอง มารวบรวมความคิดว่างานอดิเรกอะไรที่คุณชื่นชอบ อะไรที่คุณสนใจเป็นพิเศษ ชอบเป็นพิเศษบ้าง ถ้าคุณสามารถค้นหาตัวเองได้แล้วว่าจริงๆ แล้วคุณมีความชื่นชอบอะไรเป็นพื้น ฐานอยู่บ้าง แสดงว่าคุณเริ่มมีไอเดียแล้วล่ะว่าจะทำธุรกิจอะไร

2. เมื่อ คุณรู้แล้วว่าอะไรคืองานอดิเรกหรืองานที่คุณชอบ ก็ลองคิดให้ลึกไปอีกนิด หนึ่งว่า คุณมีความรู้ทั่วๆ ไปเกี่ยวกับธุรกิจนั้นหรือเปล่า แต่ถ้าคุณต้องการความรู้เพิ่มเติมจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ปัญหาหรอก เพราะมันเป็นเรื่องที่คุณรัก เรื่องที่คุณสนใจอยู่แล้ว ก็คงไม่ใช่เรื่องยากหรือเป็นสิ่งที่ฝืนใจคุณมาก เท่าไรที่คุณจะเรียนรู้เพิ่มเติม

ตอนนี้มาถึงการระดมความคิดรอบที่ 2...ไป นำกระดาษเปล่าๆ มาสักแผ่น แล้วเขียนทุกอย่างที่คุณคิดเกี่ยวกับธุรกิจที่คุณอยากจะทำ ทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง มีความสัมพันธ์กับสิ่งที่คุณสนใจลงไป แยกหัวข้อให้ เห็นอย่างชัดเจนว่าอะไรสัมพันธ์กับธุรกิจไหนที่คุณสนใจ ในกรณีที่คุณมีไอ เดียเหลือเฟือ มีความชอบหลายอย่าง

ทั้ง นี้ คุณต้องรวมความคิดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อาจจะมีสักอย่าง หนึ่งแหละในความคิดเหล่านั้นที่คุณสามารถนำมาพัฒนาต่อเป็นสินค้าหรือบริการ ที่มีศักยภาพมากพอที่จะนำมาขายบนเว็บไซต์ของตัวเอง

อย่าง เช่น คุณอาจจะสนใจเรื่องอาหาร การลดความอ้วน การอบรม การทำโปสการ์ด โปสเตอร์ อยากเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า ของเล่น เครื่องเล่น กรงสัตว์ สถานที่เลี้ยงนก อาหารสัตว์ เป็นต้น แต่ในความเป็นจริงคุณอาจจะมีไอเดียที่ต่างไปจากนี้ก็ได้ พยายามเขียนออกมา ให้ได้มากที่สุดละกัน

3. ตอน นี้คุณคงมีเป้าหมายในการทำธุรกิจที่หลากหลาย มีสิ่งที่สนใจเยอะแยะไปหมด ดังนั้นคุณจึงต้องทดสอบความคิดของคุณที่เขียนใส่ ไปในแผ่นกระดาษทั้งหมดว่าอะไรคือสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ

ลอง มานั่งคิดดูอย่างจริงๆ จังๆ ว่าธุรกิจอะไรจากไอเดียของคุณทั้งหมดที่มีอยู่ ในตอนนี้ที่มีความต้องการของตลาดมากพอ สามารถสร้างรายได้ สร้างผลกำไรให้กับคุณได้ บางทีธุรกิจที่คุณสนใจอาจจะเป็น Niche Market มี เพียงคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ให้ความสนใจ ตลาดอาจจะแคบ มีกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างชี้เฉพาะ เป็นกลุ่มตลาดที่ไม่ต้อง การสินค้าที่แตกต่างกันเพื่อรองรับการใช้งานของคนหลายๆ ประเภท
วิธีตรวจสอบง่ายๆ ก็ลองเข้าไปค้นหาที่ Search Engine ของหลายๆ ค่าย แล้วพิมพ์คำว่า “word popularity search -คำที่นิยมใช้ในการค้นหา” ลงไป

จากนั้นคุณจะพบรายชื่อเว็บไซต์ที่ให้บริการเรื่อง Keyword อยู่ มากมาย คุณก็เลือกที่ให้บริการฟรี ที่ที่คุณสามารถพิมพ์คำหรือกลุ่มคำที่ เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่คุณสนใจลงไปได้มากเท่าที่คุณต้องการ
หลังจากพิมพ์ Keyword ที่ ต้องการค้นหาลงไปแล้ว บนหน้าเว็บไซต์จะปรากฏความนิยมของกลุ่มคำที่คุณพิมพ์ ลงไป ว่ามีคนใช้กลุ่มคำเหล่านี้เพื่อค้นหามากน้อยเท่าไร ซึ่งถ้าคุณสามารถ นับจำนวนความนิยมที่ใช้คำหรือกลุ่มคำนั้นที่แสดงขึ้นมาได้ด้วยมือเปล่า ก็ แสดงสินค้าหรือธุรกิจที่คุณสนใจ คำที่คุณใช้ค้นหานั้นยังมีความต้องการของ ตลาดน้อยอยู่ คนไม่ค่อยให้ความสนใจค้นหามากนัก

4. ไอ เดียที่คุณคิดขึ้นมา มีใครทำแล้วหรือยัง ก่อนหน้านี้อาจจะมีคนที่คิดเหมือนกับคุณอยู่แล้วก็ได้ แล้วก็มีการสร้าง เว็บไซต์ทำธุรกิจอย่างเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมาแล้วก่อนหน้าคุณ เพราะว่าบน โลกอินเทอร์เน็ตนั้นมีเว็บไซต์อยู่เป็นล้านๆ เว็บ ถ้าคุณคิดจะทำธุรกิจที่มีไอเดียคล้ายๆ หรืออาจจะเหมือนกันเลยทีหลังคนอื่น ก็ต้องทำให้แจ๋วกว่า สวยกว่า มีจุดเด่นที่แตกต่างออกไป

คุณอาจจะเริ่มเหนื่อยใจเล็กๆ แต่อย่าท้อ เอาล่ะ...อะไรที่คุณต้องทำในตอนนี้ กลับไปที่หน้า Search Engine อีกครั้ง แล้วพิมพ์หลายๆ Keywords ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่คุณสนใจลงไป จากนั้นจะมีรายการเว็บไซต์ที่สัมพันธ์กับ Keywords ที่คุณค้นหาขึ้นมาให้ บางเว็บอาจจะเป็นคู่แข่งโดยตรง คราวนี้คุณก็เลือกสัก 2-3 อันดับ ที่ถูกจัดลำดับไว้แรกๆ แล้วจดชื่อเว็บไซต์เอาไว้

คราวนี้คุณไปที่หน้า Search Engine อีกครั้ง แล้วพิมพ์คำว่า “Traffic Ranking” แล้ว คุณจะได้รับรายการชื่อเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลการจัดอันดับ จากนั้นคุณก็คลิ กเข้าไปในเว็บไซต์นั้น แล้วใส่ชื่อเว็บไซต์ที่คุณจดไว้ในขั้นตอนที่ 3 พิมพ์ใส่ลงไป คุณก็รู้ว่าเว็บไซต์นั้นมีการเคลื่อนไหวภายในเว็บไซต์สูงหรือได้อันดับที่ดีในแง่ของ Traffic หรือไม่

การจัดอันดับ หมายถึงความนิยมของเว็บไซต์นั้นที่ได้รับจากโลกอินเทอร์เน็ต แต่ก็ไม่ได้มีความแม่นยำ 100% หรอก แต่ อย่างน้อยก็เป็นดัชนีชี้วัดความนิยมอย่างหนึ่งจากเว็บไซต์ที่มีอยู่เป็น ล้านๆ เว็บไซต์ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับไอเดียของคุณ นอกจากนี้คุณยัง สามารถได้รายละเอียดข้อมูลจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ และจำนวนหน้า Page View ของหน้าเว็บไซต์นั้นได้อีกด้วย

5. ตอน นี้คุณก็จะหาเว็บไซต์ที่ได้อันดับที่ดีๆ และใกล้เคียง หรือตรงกับไอเดียของคุณแล้ว ซึ่งเว็บไซต์ส่วนใหญ่ก็คงเป็นคู่แข่งกับคุณโดยตรง มีการขายสินค้าเหมือนกัน หรือไม่ก็เป็นเว็บไซต์ก็เป็นเว็บท่า (Portal Sites)
โดย ทั่วไปแล้วเว็บท่าจะไม่ขายอะไร แต่จะเป็นแหล่งที่รวมลิงค์ไปยังเว็บไซต์อื่น และมีการโฆษณาบนหน้าเว็บไซต์ ซึ่งหลายๆ ที่ก็มีเนื้อหาบนเว็บที่ดี

จุดสำคัญ
เมื่อคุณค้นหาด้วย Keywords ของคุณใน Search Engine คุณไม่ต้องย้อนกลับไปเพื่อค้นหาผลลัพธ์เป็นล้านๆ ครั้ง บางที Keyword ที่ คุณใช้ค้นหานั้นอาจจะเป็นตลาดที่อิ่มตัวไปแล้ว แต่การมีเว็บท่าก็เป็นสัญญาณ ที่ดี ซึ่งคุณสามารถใช้ประโยชน์จากเว็บท่านี้เพื่อช่วยสร้างธุรกิจของคุณได้ ในภายหลัง
เช่นเดียวกัน เมื่อคุณใช้ Keyword ที่ เป็นที่นิยมในการค้นหา คุณก็คงไม่ต้องการเห็นผลลัพธ์ที่บ่งบอกว่ามีคนเป็น ร้อย เป็นพันที่ทำธุรกิจ-ขายสินค้าในแบบเดียวกัน เพราะว่านั่นก็คือคู่แข่ง ของคุณที่เหมือนว่าจะมากเกินไป

6. เว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมถูกจัดอันดับอยู่ในระดับต้นๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีข้อได้เปรียบมากกว่าเว็บอื่น

ประเด็น สำคัญมันอยู่ที่คุณจะมีศักยภาพในการคิดไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาได้มากเท่าไร คุณสามารถเปลี่ยนแปลงสินค้า และพัฒนาเว็บไซต์ที่คุณจะทำให้เจ๋งกว่าคนอื่น ที่เขาทำมาก่อนหน้าคุณได้หรือไม่
วิธี ง่ายๆ ก็เข้าไปที่เว็บไซต์ที่คาดว่าจะเป็นคู่แข่งของคุณ ทำการตรวจสอบสินค้า และราคาให้ละเอียดก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เอามาประมวลผลดูว่า คุณจะทำอะไรให้แตกต่างและมีประโยชน์มากกว่า เว็บไซต์อื่นๆ ได้บ้าง หรือจะทำอะไรที่จะสามารถสร้างโอกาสการทำรายได้ให้กับคุณได้มากขึ้น

ลอง มองไปรอบๆ ตัวเองสักพักหนึ่ง แล้วมองดูว่าเว็บไซต์เหล่านั้นสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างไร ใครที่ สามารถซื้อใจลูกค้าได้ ลูกค้ายอมเทใจจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าของเขา ซึ่งอาจจะซื้อแบบครั้งแล้ว ครั้งเล่า เพราะติดใจในสินค้าและบริการ สินค้าอะไรในกลุ่มธุรกิจที่คุณต้องการทำที่ผู้ คนสนใจซื้อ ซึ่งถ้าคุณจะขายสินค้าในแบบเดียวกัน ก็ต้องมีคุณภาพที่ดีกว่าหรือเทียบเท่า มีบริการที่ดี สามารถเล็งเห็นคุณประโยชน์ หรือสร้างมูลค่าให้กับลูกค้าได้เพิ่มขึ้น


7. ในวันที่คุณกำหนดกลุ่มตลาดเป้าหมาย คุณจำเป็นต้องขยายกลุ่มตลาดที่มีความสัมพันธ์กับสินค้าของคุณให้เพิ่มขึ้นด้วย

ยก ตัวอย่างเช่น คุณเป็นคนที่ชอบเลี้ยงนกแก้วสวยๆ ก็เลยอยากจะทำธุรกิจเกี่ยวกับขายกรงนกแก้ว ต่อมาคุณก็สามารถขยายธุรกิจของ คุณจากการแค่ขายกรงนกแก้ว ก็มาเริ่มขายอาหารนกแก้ว รวมทั้งอาหารนกชนิดอื่นๆ ด้วย อย่างนกพิราบ นกเขาใหญ่ เป็นต้น เท่านั้นยังไม่พอ คุณยังเป็นคนหนึ่งที่ชอบการถ่ายรูป ก็สามารถถ่ายรูปนก รูปสัตว์ต่างๆ ที่คุณชอบ แล้วมาทำเป็นโปสเตอร์รูปนกต่างๆ เสนอขายเพิ่มเข้าไปอีก ซึ่งนั่นก็จะทำให้ธุรกิจของคุณครอบคลุมตลาดได้มาก ขึ้น สร้างความพิเศษและแตกต่างกว่าเว็บไซต์อื่นๆ

แต่ทั้งนี้การเติบโตทางธุรกิจก็จำเป็นที่จะต้องอยู่รอดให้ได้ในระยะยาวด้วย
นี่ เป็นหลักเกณฑ์ที่ควรพิจารณาเพิ่มเข้าไป เมื่อเริ่มกำหนดกลุ่มตลาดเป้า หมาย ถ้าคุณไม่ต้องการเป็นแค่เว็บไซต์ที่ถูกชื่นชอบเพียงชั่วครั้งชั่ว คราว ไม่อยากเป็นดอกไม้ริมทางที่ให้คนเข้ามาเชยชมเพียงชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็จากไป

มีหลักเกณฑ์อยู่ 2 ข้อ ที่จะช่วยค้นหาตลาดที่มีโอกาสเติบโต ซึ่งตรงกับที่คุณต้องการ

a) ในกระบวนการค้นหาด้วย Keyword ยอด ฮิต จะต้องเลือกคำที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายของสินค้าหรือธุรกิจที่คุณจะทำ จริงๆ ถ้าไอเดียที่คุณจะทำธุรกิจประเภทนั้นเป็นที่ต้องการของตลาด คุณก็มี โอกาสเติบโตต่อไปในอนาคต แต่ถ้าคุณต้องดิ้นรนหา Keywords ที่มีความสัมพันธ์กัน ก็คงต้องกลับไประดมความคิดอีกรอบ หรือไม่ก็ลองค้นหาจากอินเทอร์เน็ตด้วยการใช้ “Keyword Mapping” จากเว็บไซต์ที่มีให้บริการ

b) มอง หาว่าคู่แข่งของคุณขายสินค้าอะไร ถูกจัดอันดับไว้ในระดับดีๆ หรือไม่ มีการขยายไปในทางที่จะเป็นเจ้าของตลาดสินค้านั้นรายเดียวหรือ ไม่ แล้วเว็บไซต์เหล่านั้นมีความสามารถในการขายสินค้ามากแค่ไหน จากนั้นคุณ ก็เอามาประมวลผลดูว่าจะทำให้แตกต่างออกไปได้อย่างไรบ้าง

บทสรุป

ไอเดียของคุณต้องมีคุณสมบัติเหล่านี้ เพราะมันจะสร้างรายได้กลับมาให้คุณได้
· มีกลุ่มเป้าหมายทางการตลาดที่เฉพาะเจาะจง
· ไอเดียของคุณต้องสามารถกลับมาสร้างเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยม
· กลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้ต้องยังไม่ถึงจุดอิ่มตัวของตลาด
· ราคาและคุณภาพให้มีศักยภาพมากพอที่จะแข่งขันได้
· ยังมีที่ว่างให้ขยายตลาดและเติบโตในตลาดนั้นได้อีกมาก

และนี่คือการตามล่าค้นหาไอเดียที่จะมาสร้างรายได้ให้กับคุณเพิ่มขึ้น...เค้นไอเดียแจ่มๆ ออกมาให้ได้ เพื่อเงินทองที่รอคุณอยู่




ที่มา : //www.ecommerce-magazine.com





 

Create Date : 08 ธันวาคม 2552    
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2553 15:27:58 น.
Counter : 613 Pageviews.  

1  2  3  4  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.