Blog เล็กๆแห่งหนึ่ง รวมเกร็ดข่าวสาระประจำวัน กับ เรื่องที่อาจจะไร้สาระ ของ ลูกผู้ชายคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในมหานครใหญ่แห่งหนึ่ง ในที่โลกที่กว้างใหญ่ใบนี้
Group Blog
 
All Blogs
 

เอไอเอสรายได้เพิ่มสวนทางค่าใช้จ่าย



ทีมา //www.bangkokbiznews.com/

เอไอเอส ประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2551 กำไรพุ่ง 29% เหตุรายได้และดอกเบี้ยรับเพิ่มสวนทางค่าใช้จ่าย ด้านไทยคมเจอพิษค่าเงินทำขาดทุน 115 ล้านบาท มั่นใจสภาพคล่องยังดี หลังรายได้ไอพีสตาร์พุ่งกว่า 60%

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดของไทย รายงานผลการดำเนินงานของบริษัทงวดไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2551 มีกำไรสุทธิ 4,532 ล้านบาท หรือ 1.53 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 3,511 ล้านบาท หรือ 1.19 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 29%

ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 15,988 ล้านบาท หรือ 5.40 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 11,159 ล้านบาท หรือ 3.78 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 43%

นายวิกรม ศรีประทักษ์ กรรมการเอไอเอส ระบุว่า กำไรที่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 3/2551 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2550 เนื่องจากรายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยรับสูงขึ้น อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง

อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิลดลง 28% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 6,333 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 2/2551 บริษัทมีการบันทึกรายได้จากการระงับข้อพิพาทระหว่างดีพีซีกับดีแทค จำนวน 1,739 ล้านบาท

รายได้จากการให้บริการเพิ่มขึ้น 8.3% เป็น 20,665 ล้านบาท เนื่องจากการเติบโตของรายได้ในกลุ่มต่างๆ ทั้งลูกค้าระบบเติมเงิน การบริการทางข้อมูล การบริการโรมมิ่งต่างประเทศ และบริการโทรออกต่างประเทศ ส่วนดอกเบี้ยรับเท่ากับ 117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56% เนื่องจากบริษัทมีเงินสดเพิ่มขึ้นและอัตราเฉลี่ยดอกเบี้ยเงินฝากที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 ก.ย.2551 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเท่ากับ 13,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 7,470 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 3/2550 จากการที่บริษัทมีผลกำไรจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง

ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ลดลง 7.7% เป็น 2,732 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2551 จาก 2,959 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2550 เนื่องจากค่าใช้จ่ายการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่น้อยลง และการหยุดตัดค่าเสื่อมค่าความนิยม โดยการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาส 3/2551 อยู่ที่ 2.2% ของรายได้ลูกค้าระบบรายเดือน ลดลงจาก 7.0% ในไตรมาส 3/2550 เนื่องจากนโยบายการหาลูกค้าใหม่ที่ทำด้วยความระมัดระวัง

ด้านนายธนฑิต เจริญจันทร์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายการเงินและบัญชี บริษัท ไทยคม กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ไทยคมขาดทุนสุทธิ 115 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 3,143 ล้านบาท หรือลดลง 103% ซึ่งเป็นผลจากค่าเงินบาทอ่อนตัว ประกอบกับในไตรมาสนี้มีดอกเบี้ยต้องจ่ายรวม 103 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นดอกเบี้ยจากเงินกู้ลงทุนไอพีสตาร์ที่คงค้างอยู่ 220 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าจะชำระคืนได้ทั้งหมดภายในปี 2013

ไตรมาส 3/2551 บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการ รวม 1,782 ล้านบาท โตขึ้น 27% จากปีก่อนหน้า โดยในจำนวนนี้ 33% เป็นรายได้จากการให้บริการไอพีสตาร์ ซึ่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาบริษัทได้ตกลงทำสัญญาให้บริการใหม่ถึง 11 สัญญา เช่น การให้บริการวีดิโอ บรอดคาสท์ และรวมการทำสัญญาใหม่ตั้งแต่ต้นปี 25 สัญญา มูลค่ารวม 17 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นอัตราเติบโต 62%

นายปฐมภพ สุวรรณศิริ ผู้อำนวยการสำนักการตลาด-ไอพีสตาร์ บริษัท ไทยคม กล่าวว่า ในปี 2552 บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การทำตลาดไอพี สตาร์ มารุกระดับองค์กร และโครงการภาครัฐมากขึ้น รวมทั้งเน้นการให้บริการเชื่อมต่อกับมือถือ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้เริ่มทดสอบการเชื่อมต่อไอพี สตาร์กับระบบ 3จี (ทรานสมิตชั่น ลิงค์) เนื่องจากทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีไอพี ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุน และเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับบริษัท

บริษัทตั้งเป้าว่าในปี 2552 สัดส่วนรายได้จากธุรกิจไอพี สตาร์ จะคิดเป็น 50% ของรายได้รวมบริษัท ทั้งนี้เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตของไอพี สตาร์ ซึ่งปัจจุบันใช้ Capacity เพียง 8% จากการให้บริการ 10 ประเทศ รวม 13 เกตเวย์

ขณะที่นายธนฑิต กล่าวเสริมว่า ระหว่างนี้บริษัทยังได้เร่งศึกษาแผนการลงทุนดาวเทียมไทยคม 6 ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการลงทุนใดๆ โดยประเมินจากความต้องการใช้ทั้งในระบบซี แบนด์ และเคยู แบนด์ ซึ่งดาวเทียมไทยคม และไอพีสตาร์ยังรองรับได้อยู่ ซึ่งหากไม่ถึงระดับที่ต้องลงทุนใหม่จะใช้วิธีขอเช่าช่องสัญญาณจากผู้ให้บริการรายอื่นมาขายต่อให้กับลูกค้า แต่ทั้งนี้ก็ต้องเร่งประเมินความเป็นไปได้ในการลงทุนใหม่ภายในต้นปีหน้า เนื่องจากดาวเทียมไทยคม 1 มีกำหนดปลดระวางในช่วงกลางปี 2552




 

Create Date : 12 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2551 1:59:57 น.
Counter : 303 Pageviews.  

ศาลแคนาดาให้ส่ง'ราเกซ'มาดำเนินคดีในไทย

ที่มา //www.bangkokbiznews.com

อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ เผยศาลฎีกาแคนาดาพิพากษาให้ส่งตัว"ราเกซ" กลับมาดำเนินคดีศาลไทยคดีทุจริตธนาคารบีบีซี เจ้าตัวร้องค้านอ้างกลับมาจะไม่ปลอดภัย

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ กล่าวถึงความคืบหน้าการขอส่งตัว นายราเกซ ศักดิ์เสนา อดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพพาณิชยการ (บีบีซี) เป็นผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศแคนาดา เพื่อกลับมาดำเนินคดียักยอกทรัพย์บีบีซี ในประเทศไทย

ระบุว่า ขณะนี้ศาลฎีกาประเทศแคนาดามีคำพิพากษาให้ส่งตัวนายราเกซ เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาให้ทางการไทยดำเนินคดี ตามที่อัยการยื่นเรื่องร้องขอไปแล้ว แต่นายราเกซยื่นเรื่องต่อรัฐมนตรียุติธรรมแคนาดา ให้พิจารณาทบทวนอีกครั้ง เพราะหากส่งตัวมาขณะนี้ อาจไม่ได้รับความปลอดภัย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐมนตรียุติธรรมแคนาดา อย่างไรก็ตาม อัยการจะเร่งติดตัวนายราเกซกลับมารับโทษก่อนที่คดีจะหมดอายุความ




 

Create Date : 11 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2551 7:42:51 น.
Counter : 268 Pageviews.  

ระทึก ! ปาบึ้มใส่การ์ดพันธมิตรฯระนาว



ที่มา //breakingnews.nationchannel.com


ผู้สื่อข่าวรายรายงานว่า เวลา 03.00 น.เกิดเหตุคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์วิ่งจากแยกจปร.มุ่งสะพานมัฆวานรังสรรค์ เมื่อรถวิ่งมาถึงบริเวณเชิงสะพาน ชายที่นั่งซ้อนท้ายได้ลงจากรถแล้วขว้างระเบิดใส่การ์ดพันธมิตรฯที่รักษาความปลอดภัยบริเวณสะพานมัฆวานฯจากนั้นได้วิ่งไปนั่งจยย.ขี่หลบหนีไป เบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 8 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นการ์ดพันธมิตรฯถูกนำส่งรพ.วชิระพยาบาลจำนวน 6 ราย โดยบาดเจ็บเล็กน้อย 4 สาหัส 2 และที่เต็นท์พยาบาลของพันธมิตรฯจำนวน 2 ราย

จากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุระเบิด พบกระเดื่องของระเบิดชนิดเอ็ม 26 ตกอยู่ นอกจากนี้แรงระเบิดยังทำให้ถนนเป็นหลุมลึกประมาณ 3 ซม.กว้างประมาณ 6 ซม.ขณะเดียวกันยังมีรถจยย.เสียคันจำนวน 2 คัน




 

Create Date : 30 ตุลาคม 2551    
Last Update : 30 ตุลาคม 2551 7:19:01 น.
Counter : 284 Pageviews.  

ดาวโจนส์ปิดร่วง203 จุด ต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง

ที่มา //www.bangkokbiznews.com/

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดที่ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีครึ่งในวันจันทร์ โดยร่วงลงตามตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความรุนแรงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก และแนวโน้มผลกำไรที่ซบเซา

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 203.18 จุด หรือ 2.42 %

ปิด 8,175.77 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2003, ดัชนี S&P 500 ปิดร่วง 27.85 จุด หรือ 3.18 % ปิด 848.92 ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2003

ดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 46.13 จุด หรือ 2.97 % สู่ 1,505.90ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2003 ปริมาณการซื้อขายต่ำราว 1.34 พันล้านหุ้นในตลาดนิวยอร์ค และราว 2.27 พันล้านหุ้นในตลาด Nasdaq โดยมีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน4 ต่อ 1 ทั้งในตลาดนิวยอร์คและ Nasdaq





 

Create Date : 28 ตุลาคม 2551    
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 7:29:13 น.
Counter : 288 Pageviews.  

หุ้นปิดร่วง45จุดหลังใช้เซอร์กิตเบรกเกอร์

ที่มา //www.bangkokbiznews.com

หุ้นไทยปิดลบ 45 จุด หรือลดลงกว่า 10.50% ตามตลาดต่างประเทศ หลังตลาดหลักทรัพย์ฯงัดเซอร์กิตเบรกเกอร์มาใช้เป็นรอบที่ 2 ในช่วงเวลา 1 เดือน ต่างชาติขาย 2.2 พันล้านบาท

กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) สั่งพักการซื้อขายหุ้นเป็นการชั่วคราวครึ่งชั่วโมง หรือ เซอร์กิต เบรกเกอร์ หลังหุ้นดิ่งลง 10% เมื่อเวลา 16.04 น. วันนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี

เมื่อเวลา 16.04 น.ดัชนีหุ้นไทยร่วง 43.29 จุด หรือ 10% มาที่ 389.58 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.05 หมื่นล้านบาทและจะเปิดจำการซื้อขายอีกครั้งเวลา 16.34 น.

การหยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการชั่วคราวเป็นไปตามเกณฑ์ของตลท. ซึ่งในระดับที่ 1 เมื่อดัชนีหุ้นลดลงเท่ากับหรือมากกว่า 10% จะหยุดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งหมดเป็นการชั่วคราวเป็นเวลา 30 นาที

สำหรับระดับที่ 2 เมื่อดัชนีหุ้น ยังคงลดลงจนถึงเท่ากับหรือมากกว่า 20% ของดัชนีราคาวันทำการก่อนหน้า จะหยุดทำการซื้อขายอีกครั้งหนึ่งเป็นเวลา 1 ชั่วโมง

ตลท.ใช้เซอร์กิต เบรกเกอร์ ถือเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่เปิดดำเนินการปี 2518 โดยครั้งแรกใช้เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.49 ที่ดัชนีลดลง 10.14% เป็นผลจาก ความกังวลที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศใช้มาตรการสำรอง 30% สำหรับการนำเข้าเงินทุนระยะสั้นและครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา

ที่ตลาดหุ้นไทยปรับลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกจากความวิตกภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากวิกฤติสถาบันการเงิน

ล่าสุดปิดตลาดฯดัชนีอยู่ที่ 387.43 จุด ลบ 45.44 จุด ดลลง 10.50% มูลค่าการซื้อขาย 11,786.99 ล้านบาท

ขณะที่พอร์ตนักลงทุนต่างชาติวันนี้ขายสุทธิ 2,214.07 ล้านบาท

หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรกประกอบด้วย PTTEP อยู่ที่ 75.00 บาท ลบ 15.50 บาท PTT อยู่ที่ 141.00 บาท ลบ 21.00 บาท KBANK อยู่ที่ 45.50 บาท ลบ 6.00 บาท BBL อยู่ที่ 59.00 บาท ลบ 11.00 บาท และ SCB อยู่ที่ 45.50 บาท ลบ 6.00 บาท






 

Create Date : 28 ตุลาคม 2551    
Last Update : 28 ตุลาคม 2551 0:05:25 น.
Counter : 252 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

Rushing Dandy
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดีทุกๆท่านครับ ขอต้อนรับเข้าสู่ Bloggang ผมนะครับ
อยาก Comment อะไรเชิญได้เต็มที่ครับ
แล้วก็ยังไง ช่วยกรุณาสนับสนุน Sponsor link ด้านล่างนี้ ด้วยนะครับ




มีผู้เข้าชม Blog แห่งนี้นับตั้งแต่ 14 ธ.ค 51 แล้ว free counters
free counter

Friends' blogs
[Add Rushing Dandy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.