Part 1
Silent night, holy night,
All is calm, all is bright,
Round yon virgin mother and child,
Holy infant so tender and mild,
Sleep in heavenly peace, Sleep in heavenly peace


เสียงเพลง คริสต์มาสที่ดังก้องไปทั่ว เกล็ดหิมะสีขาวที่ปลิวลงมาไม่ขาดสาย สะท้อนแสงไฟที่ถูกประดับประดาไว้ตามที่ต่างๆ ทำให้บรรยากาศของชานชาลาหมายเลข 9 ¾ สถานีรถไฟคิงครอสเวลานี้เต็มไปด้วยความคึกคักของเทศกาล บรรดาพ่อมดแม่มดต่างลากขนกระเป๋าของตนเดินขวักไขว่ไปมา บ้างก็เข้าลอนดอนเพื่อชมแสงสีของมหานคร บ้างก็กำลังจะเดินทางไปยังเมืองอื่นๆ เพื่อฉลองกับครอบครัว

แม้จะเป็นช่วงวุ่นวาย แต่สายตาแทบทุกคู่ก็ต้องหยุดเหลือบมองคนกลุ่มใหญ่ที่ยืนอยู่ริมชานชาลา ไม่ใช่เพราะเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ดูแวบเดียวก็รู้ว่าราคาแพงระยับ แต่เป็นเพราะใบหน้าเย็นชาเย่อหยิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกตื่นเต้นไปกับบรรยากาศดังเช่นคนทั่วไปนั่นต่างหาก

สตรีในชุดเสื้อคลุมสีดำสนิทประดับเฟอร์สีเดียวกันที่คอเสื้อและปลายแขนยกมือขยับหมวกใบหรูของตนให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะหันกลับไปส่งเสียงดุเด็กชายที่นั่งแกว่งขาอยู่บนม้านั่ง

“ซีเรียส...ช่วยนั่งนิ่งๆ สักครู่จะได้ไหม”

แม้จะไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ แต่สีหน้านั้นมีเค้าติเตียนอย่างชัดเจน “แค่รอเท่านี้ยังไม่รู้จักอดทน เอาอย่างน้องกับซิสซี่เสียบ้าง” คนพูดหันไปพร้อมกับส่งรอยยิ้มชื่นชมให้เด็กชายในชุดสูทตัวเล็กกับเด็กหญิงผมบลอนด์หน้าตาน่ารักน่าชังที่นั่งนิ่งอยู่ใกล้ๆ

ผู้ถูกดุเงยหน้าขึ้นมองทันควัน ใบหน้าป้อมหากมีเค้าคมนั้นบูดสนิท ดวงตาสีเทาเป็นประกายวิบวับ ปากยื่นอย่างไปพอใจ “ก็ไม่ได้อยากจะมาสักหน่อย...เลกูลัสกับนาร์ซิสซาร์ดีนัก แม่ก็พามาแค่สองคนสิ” พูดแล้วก็แกว่งขาแรงขึ้นอย่างดื้อดึง บ่นต่ออย่างไม่เกรงใจ “เราอยากไปเที่ยวกับบ้านแอนโดรมีด้าแท้ๆ ไม่เห็นอยากไปจะฉลองกับพวกน่าเบื่อพวกนั้นเลย”

“เอ๊ะ ซีเรียส!”

ผู้เป็นมารดาขมวดคิ้ว เสียงชักดังขึ้นอีกนิด ทำท่าจะเทศนาต่อ ว่าถูกขัดด้วยเสียงหวานเล็กเสียก่อน

“คุณน้าขา...รถไฟมาแล้วค่ะ” ใบหน้าใสแจ๋วของนาร์ซิซาร์ แบล็คมีเค้าตื่นเต้น มือเล็กชี้ไปที่ขบวนรถไฟซึ่งกำลังจะเข้าสู่ชานชาลา เด็กวัยรุ่นหลายคนโผล่ออกมาจากหน้าต่างรถไฟ โบกมือให้ผู้ปกครองที่มารอรับ

“อ๊ะ จ้ะ รีบไปกันเถอะ เร็วลูก เลกูลัส” สตรีในชุดสีดำผุดลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น

ซีเรียส แบล็คมองตามมารดาที่เดินจูงมือน้องชายไปยังชานชาลาพร้อมกับพวกผู้ใหญ่ที่เหลืออย่างเหนื่อยใจ เขาไม่มีความสนุกสนานกับเทศกาลคริสมาสต์มาตั้งหลายปีแล้ว แต่ปีนี้ดูจะยิ่งแย่เข้าไปอีก พวกผู้ใหญ่เกิดอยากจะจัดงานเลี้ยงรวมญาติขึ้นมา

“ไงล่ะ ทำหน้าเซ็งอะไรนักหนาเหรอ คนนอกคอก”

เสียงเยาะเล็กๆ จากด้านข้างทำให้เด็กชายหันขวับไปมองอย่างไม่ชอบใจ แต่ใบหน้าเรียวขาวของคนพูดกลับไปสะทกสะท้าน เด็กหญิงผมบลอนด์ลุกขึ้น ใช้มือปัดกระโปรงสีครีมตัวสวยของตนไปมา

“อยากไปสุงสิงกับพวกจนๆ อย่างวิสลีย์มากกว่าญาติตัวเอง...ความคิดนอกคอกจริงๆ น๊า...”

รอยยิ้มใสซื่อที่ยิ้มให้มารดาเขาเมื่อครู่ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มร้ายเล็กๆ ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลอกเลียนแบบมาจากใคร ซีเรียสขมวดคิ้วมุ่น ยกมือขึ้นกอดอก

“ไม่ต้องมายุ่งกับเรา นาร์ซิซาร์” เด็กชายผมดำเบี่ยงหน้าไปทางรถไฟที่เพิ่งจอดสนิท “ไปหาเบลลาที่รักของเธอสิ เดินเชิดจมูกมาโน่นแล้ว”

ดวงตาสีเทาเหลือบมองร่างโปร่งบางในชุดนักเรียนปีเจ็ดของฮอกวอร์ดที่เพิ่งก้าวลงจากรถไฟ ตามด้วยเด็กหนุ่มร่างสูงผมบลอนด์ที่มีใบหน้าเฉยชา ทั้งสองก้าวเข้าไปหากลุ่มญาติที่มารอรับด้วยสีหน้ายินดี

เด็กสาวผมดำสนิทหันมาทางที่เด็กทั้งสองยืนอยู่ รอยยิ้มหวานที่ส่งเด็กหญิงผมบลอนด์เปลี่ยนเป็นเหยียดเยาะทันทีที่เห็นว่าใครอยู่ข้างๆ น้องสาวสุดที่รักของตน ซีเรียสเดินเลี่ยงออกมาเสียทันที แต่ก็ยังไม่วายเหลือบเห็นเบลลาทริกซ์ แบล็คหันไปกระซิบกับญาติผมบลอนด์ที่ยืนอยู่ข้างๆ อย่างขบขัน

เด็กชายสาวเท้าเร็วขึ้นโดยไม่สนใจเสียงเรียกอย่างตำหนิของมารดา

เหอะ! ถึงได้เกลียดไอ้งานรวมญาตินี่นักไงล่ะ!

……………………………………………………


“แล้วยังไงอีกเหรอ เบลลา เล่าให้ฟังอีกสิ ว่าแกล้งพวกเลือดสีโคลนนั่นยังไง”

เสียงใสเร่งเร้า มือเล็กขาวเกาะแขนร่างโปร่งบางที่นั่งเคียงกันบนที่นั่งในตู้รถไฟชั้นหนึ่ง ซึ่งกำลังมุงหน้าไปยังวิลเชียร์ คฤหาสน์ของครอบครัวมัลฟอย สถานที่จัดงานเลี้ยงคริสมาสต์ปีนี้

เด็กสาวผมดำใช้มือข้างที่ว่างไล้ปลายผมหยิกขอดของตัวเองเล่น “เอ...ชักจะจำไม่ได้เสียแล้ว” ใบหน้าสวยคมหันไปหาร่างสูงของใครอีกคนที่นั่งเงียบอยู่บนที่นั่งฝั่งตรงข้ามแขนยาวเท้าศอกกับพนักเก้าอี้ ใบหน้าเรียวขาวก้มลงอ่านหนังสือบนตัก

“ลูเซียสแน่ะ เล่าให้ซิสซี่ฟังหน่อยสิ…”

“ไม่” เสียงตอบปฏิเสธทันควัน ดวงตาสีฟ้าซีดละจากหน้ากระดาษเงยหน้าขึ้นมอง เด็กหนุ่มผมบลอนด์เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ฉันไม่เคยจำเรื่องพวกสกปรกนั่นอยู่แล้ว” พูดแล้วก็ทำท่าจะหันกลับไปสนใจหนังสือของตัวเองต่อ แต่ญาติผู้พี่กลับยังไม่พอใจ

“แหม ลูเซียสนี่ ไม่สนุกเลย เรามาเที่ยวกันนะ ยังจะอ่านหนังสืออยู่อีก เพิ่งปี 3 เองน่า ไม่ต้องเครียดเรื่องสอบ สพวส. ขนาดนั้นก็ได้” มือเรียวทำท่าจะดึงหนังสือไปจากมืออีกฝ่าย “เดี๋ยวฉันติวให้ก็ได้ ของง่ายๆ แค่นี้”

สุดท้ายเด็กหนุ่มร่างสูงก็ถอนหายใจยาว ชิงปิดหนังสือวางไว้ข้างตัวเสียงเอง “มีแผนอะไรอีกล่ะ?”
เขาถามด้วยเสียงหน่ายๆ เพราะรู้นิสัยอีกฝ่ายดี ถ้าลงเสนอตัวติวให้ขนาดนี้ล่ะก็ คงไม่พ้นจะให้เขาช่วยทำอะไรอีกนั่นล่ะ...

เด็กสาวผมดำคว้าน้องสาวตัวเล็กมากอดเล่นพลางหัวเราะคิกคักให้กัน ดวงตาสีดำปรายมองไปยังที่นั่งอีกด้านไกลออกไป ที่นั่นเด็กชายผมดำกำลังนั่งกอดอก สีหน้าบูดบึ้งไม่พอใจเต็มที่

ยกมุมปากบางหยักยิ้มเล็กๆ ฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี

“ก็...หาเรื่องสนุกๆ ทำฆ่าเวลาไง”

..........................................................

“ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ ซีเรียส”

เสียงทักจากด้านหลังทำให้เด็กชายละสายตาจากทิวทัศน์ด้านนอกหันกลับมามอง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นดวงตาสีเทาจ้องตอบกลับดวงตาสีดำสนิทที่มองอยู่ก่อนอย่างไม่เกรงกลัว “ไม่เกี่ยวกับเธอนี่”

เบลลาทริกซ์หัวเราะน้อยๆ ก้มลงมองเด็กหญิงผมบลอนด์ที่ตัวเองจูงอยู่ “ซิสซี่เห็นเธอนั่งอยู่คนเดียว พวกพี่ก็กลัวว่าจะเหงาน่ะ...” รอยยิ้มเสแสร้งประกอบกับสรรพนามเรียกตัวเองนั้นทำให้ซีเรียสพ่นลมหายใจพรืดอย่างหงุดหงิด

“ไม่ต้องมาสงสารฉัน พวกเธอจะไปทำอะไรก็ไปซะ”

เด็กชายโบกมือไล่ กับพวกน่าเบื่อนี่ เขาไม่สนใจเรื่องอาวุโสอยู่แล้ว

ญาติผู้พี่หรี่ตาลงอย่างไม่พอใจกับท่าทางไม่แยแสนั้น จองหองดีนักนะ...อย่างนี้มันน่าลงโทษให้หลาบจำจริงๆ ดวงตาสีดำเหลือบมองไปยังกลุ่มผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่อีกทางหนึ่ง ภาพน้าสาวของตนอุ้มลูกชายคนเล็กไว้บนตักอย่างหวงแหนทำให้นึกอะไรขึ้นมาได้ เบลลาทริกซ์เหยียดมุมปาก ดึงมือเด็กหญิงผมบลอนด์ เอ่ยขึ้นลอยๆ

“ก็แค่สงสารลูกแหง่ที่แม่ไม่สนใจก็เท่านั้นแหละ...” พูดแล้วก็ก้มลงแสร้งทำเสียงอ่อยกับน้องสาว “เฮ้อ น่าเศร้าจริงๆ”

ได้ผล คราวนี้เด็กชายหันขวับมาทันควัน “เธอว่าใครเป็นลูกแหง่!” เสียงพูดแทบจะเป็นตวาด ใบหน้าคมขมวดคิ้วแน่น แต่อีกฝ่ายเพียงแต่ผินหน้ามามองเล็กน้อย

“ไม่ได้ว่าใครนี่ ซีเรียส?”

เด็กสาวเลิกคิ้วอย่างใสซื่อ หากรอยยิ้มเยาะปรากฏที่มุมปากชัด ร่างโปร่งดึงน้องสาวให้เดินตาม ทำท่าจะออกมาจากตู้รถไฟนั้น

“ไปหาขนมที่ตู้เสบียงทานกันเถอะ ซิสซี่ เฮ้อ....ทำไมพวกหมาหัวเน่าถึงชอบร้อนตัวนักน๊า”

“เธอ!!!!”
เด็กชายตัวเล็กหน้าแดงก่ำ ลุกขึ้นออกวิ่งตามไปอย่างไม่ต้องคิด

ความโกรธทำให้ลืมสังเกตว่าประตูที่ญาติทั้งสองผ่านเข้าไปนั้นอยู่ผิดที่ผิดทาง แถมเขายังไม่ทันสังเกตร่างสูงของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่ยืนกอดอกนิ่งอยู่ข้างๆ

ประตูเหล็กถูกเปิดผางออก ซีเรียสก้าวขาออกไป แต่สิ่งที่สัมผัสกลับไปอากาศว่างเปล่า

“อ๊ะ!!!!!”

……………………………………………

“เอ๊ะ?”

ดวงตาสีน้ำตาลเข้มหลังกรอบแว่นบางเบิกกว้างอย่างประหลาดใจ ก่อนที่เด็กชายผมดำค่อนข้างยุ่งจะยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเอง

“เป็นอะไรไปหรือ? เจมส์”

นายพอตเตอร์ละจากหนังสือพิมพ์ขึ้นมาถามลูกชายที่กำลังเพ่งออกไปนอกหน้าต่างรถ คนถูกถามเอียงคอเล็กน้อย มองสำรวจให้แน่ใจก่อนจะหันกลับมาหาบิดา

เจมส์ พอตเตอร์ยักไหล่แล้วส่ายหน้าเบาๆ

“สงสัยจะตาฝาดน่ะฮะ เมื่อกี้เหมือนเห็นเด็กตกลงไปจากรถไฟ”
………………………………………………

“อูย......”

เสียงครางเบาๆ ก่อนที่จะดวงตาสีเทาจะลืมขึ้นมองท้องฟ้าขาวโพลนเบื้องบน ความมึนงงค่อยๆ หายไปพร้อมกับที่ลำดับเรื่องราวได้ แล้วค่อยงึมงำกับตัวเองอย่างเจ็บแค้น

“ยัยจอมโหดเบลลา กะเอาให้ตายเลยหรือไงนะ!”

ร่างเล็กลุกขึ้นนั่งพลางกุมศีรษะตัวเอง ดีนะที่พื้นตรงที่เขาหล่นลงมาเป็นกอหญ้านุ่มหนา ไม่งั้นคงได้บาดเจ็บบ้างแน่ๆ

เด็กชายเหลือบมองไปรอบๆ ข้างตัวคือรางรถไฟ แต่ตัวรถน่ะ ไม่อยู่ในสายตาแล้ว รอบด้านมีแต่ทุ่งหญ้าสีเขียวอมเหลืองกับต้นไม้แห้งโกร๋น ไกลออกไปเป็นหมู่ไม้สีเข้มกับเทือกเขาที่เห็นอยู่ลิบๆ ในม่านหมอกสีขาว แสงแดดอ่อนของเดือนธันวาคมสาดแสงลอดก้อนเมฆสีเทาเข้ามาเพียงเบาบาง

“เวรล่ะ...” ซีเรียส แบล็คลุกขึ้นยืน พิจารณาสถานการณ์อย่างใคร่ครวญ

เป็นอันว่าเขาตกรถไฟของจริง ถ้าจะนั่งรอความช่วยเหลืออยู่ตรงนี้คงไม่มีหวัง แน่ใจได้เลยว่า พวกผู้ปกครองที่รักของเขาคงไม่สนใจหรอกว่า ลูกชายคนโตหายไป กว่าจะรู้เรื่องก็คงตอนที่ถึงวิลเชียร์โน่น ไอ้ครั้นจะเดินตามรางรถไฟไป ก็มีหวังได้หนาวตายอยู่กลางทางแน่ๆ

ตอนนี้คงต้องหาที่พักก่อนล่ะมั้ง เด็กชายมองไปรอบๆ อีกครั้ง พยายามเพ่งหาที่อยู่อาศัยของมนุษย์ แล้วออกเดินไปยังทางที่คิดว่าน่าจะมีเค้ามากที่สุด ลมหนาวพัดกระพือจนต้องกระชับแจ็กเก็ตตัวบางที่สวมอยู่

ยัยเบลลากับพวก...คราวนี้ทำแสบจริงๆ คอยดูนะ กลับไปถึงเมื่อไหร่พ่อจะเล่นให้เจ็บตัวกันบ้าง
……………………………………………………

ซีเรียสย่ำเท้าไปบนพื้นหญ้า พยายามเพ่งมองแสงไฟผ่านม่านหมอก หากแต่ก็ไม่เห็นอะไรมากไปกว่าเงาสีดำของหมู่ไม้ เด็กชายกอดอกแน่น ก้าวเร็วขึ้นเมื่อลมหนาวพัดผ่านทะลุผืนผ้าบาง ความชื้นในอากาศกับเสียงไหลรินเบาๆ บอกให้รู้ว่าเขาเข้ามาใกล้แหล่งน้ำ น่าจะเป็นลำธารสายเล็กๆ

เอาเถอะ ตามหลักทฤษฎีในหนังสือที่อ่านมา ถ้าเดินตามลำธารไปก็น่าจะเจอหมู่บ้าน

เด็กชายรีบสาวเท้าไปยังทิศทางของต้นเสียง เมื่อเดินต่อไปอีกไม่ไกลนัก เขาก็พบกับลำธารที่ไหลผ่านโขดหินจริงๆ ร่างเล็กไม่รีรอที่จะถอดถุงมือออก แล้ววักน้ำดื่มแก้กระหาย

ซีเรียสรีบเช็ดมือให้แห้งก่อนจะสวมถุงมือกลับตามเดิม กำลังคิดว่าจะเดินไปตามกระแสน้ำ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อถูกโจมตีจากด้านหลัง “เฮ้ย!”

แรงผลักทำเอาเด็กชายแทบจะล้มทั้งยืน เขารีบหันขวับ เกือบจะคว้าก้อนหินใกล้มือขึ้นมาเป็นอาวุธ ถ้าใบหน้าจะไม่ถูกลิ้นเปียกๆ เลียเอาเสียก่อน พอลืมตามองถึงเห็นว่า ผู้โจมตีเป็นสุนัขตัวใหญ่ผอมโซ ขนยาวรุงรังสีดำของมันจับเป็นกระจุก แต่ดวงตากลับสุกใส แถมยังกระดิกหางอย่างร่าเริงเสียเต็มที่

“เฮ้ๆ ใจเย็นๆ” ซีเรียสยกมือขึ้นปรามมันก่อนจะลุกขึ้นนั่ง “แกมาจากไหนเนี่ย หลงทางเหมือนกันเหรอ?” เด็กชายลูบหัวเจ้าหมาตัวโตอย่างเอ็นดู เขาชอบสัตว์ทุกประเภทอยู่แล้ว ตรงข้ามกับมารดาและบรรดาญาติผู้หยิ่งผยองที่ไม่คิดจะเลี้ยงอะไรนอกจากนกฮูกสื่อสารกับงูพิษ

ยังไม่ทันที่จะได้ถามไถ่ต่อ เสียงแกรกกรากก็ดังขึ้นอีกครั้ง สุนัขที่อยู่ใกล้ส่งเสียงคำรามออกมาทันควัน ทำให้เด็กชายผมดำหันไปทางต้นเสียง แล้วก็ต้องเบิกตากว้าง

ร่างผอมบางที่กำลังเดินออกมาจากพุ่มไม้หยุดชะงัก มือเล็กตวัดชายเสื้อเก่าขาดของตัวเองรวบเข้าหากันแน่นโดยอัตโนมัติ ใบหน้าเรียวขาวที่มีผมสีอ่อนตกลงมาระแก้มเบิกตากว้าง ก่อนจะกระพริบปริบ

ริมฝีปากบางเอ่ยถามเสียงเบาราวกับกระซิบ

“นายเป็นใคร?”

*~*~*~*~*~TBC*~*~*~*~*~


**Talk**


Acacha :

พอถึงวันคริสต์มาสก็หายหนาวพอดีเลยเนอะ วันก่อนยังอากาศเย็นนนอยู่เลยแท้ๆ แต่ก็ดีแล้ว ตอนเช้าๆ ค่อยสบายหน่อย ฟิคคราวนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนเริ่มคิดคือใคร^^หลังจากจบเจ้ารี่ตัวกวน2.1 ท่าทางโอคุงจะอยากเขียนซิริลูขึ้นมาเลย เพราะงั้นฟิคคริสต์มาสปีนี้ก็เลยกลายเป็นของคู่นี้ไปเรียบร้อย

ฟิคซิริลูเรื่องแรกของร้านน้ำชาเลยนะเนี่ย หวังว่าจะชอบกันนะคะ ^^

((ขอที่จิ๊ดนึง คนแก่มันชอบบ่นเวลาพูดนอกเรื่องอ่ะ – ตอนนี้ชากำลังบ้าFull Metalแหละ(ล้าหลังคนอื่นอยู่10ปีแสง) เพื่อนเพิ่งเอามาให้ดู+ไปเช่าการ์ตูนมาอ่าน เลยนั่งดู งานการไม่ทำ 5555+))

NaO :

ในที่สุดก็แต่งซิริลูได้ซะที!!!!!! ที่จริงเคยคิดว่าเราไม่ค่อยถนัดคู่นี้ เพราะว่าฟิกของคู่นี้ที่คนอื่นแต่งกันก็มีแต่เลิศๆ ยอมรับว่ากลัวติดภาพ (พี่น้องคู่นี้ยิ่งได้รับอิทธิพลง่ายอยู่) พอดีวันก่อนไปสวนรถไฟ แล้วนึกมุขอะไรได้ เลยเกิดอยากจะแต่งซิริลูขึ้นมา คิดไปคิดมาไหงออกมาแนวมินิก็ไม่รู้

เรื่องนี้คงสั้นๆ สัก 2-3 ตอนจบแหละ ที่จริงอยากตอนเดียวจบ แต่พอเขียนพวกบ้านสลิธิรินรุ่นพ่อตอนเด็กแล้วชักเมามัน ชอบเบลลาจอมโหด (เพิ่งเช็คจาก HP Lexicon เจ๊แกแก่ว่าคุณซีตั้ง 10 ปีแน่ะ แก่กว่าลูเซียส 4 ปี) นายเอกเลยมาออกตอนท้ายซะงั้น แหะแหะแหะ แต่ตอนหน้าลูลูมีบทแน่ๆ แล้วครับ

โปรดติดตามตอนต่อไป...




Create Date : 12 มิถุนายน 2550
Last Update : 12 มิถุนายน 2550 11:56:31 น.
Counter : 1122 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

นะโอ
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]