How to go : นั่งรถไฟมาลงที่Fribourg แล้วต่อรถประจำทาง ไปลงเมืองBulle จากนั้น ขึ้นรถประจำทางสาย 263 หรือ 2 A อีกหนึ่งต่อ หรือจากเมืองBulle ไปได้อีกทางด้วยรถไฟท้องถิ่นด้วย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเมืองเจนีวาเมืองเดียวนี้มีสำนักงานระหว่างประเทศทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 200 แห่ง ชื่อย่อ สำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติประจำทวีปยุโรป(UNOG- the United Nations Office at Geneva), สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR- United nations High Commissioner for Refugees), องค์การอนามัยโลก (WHO- World Heath Organization), องค์การการค้าโลก (WTO- World Trade Organization) เป็นต้น ย้อนรำลึกไปสมัยเด็กๆที่เรายังแต่งชุดสีฟ้าผูกผ้าพันคอ ก็เคยร่ำเรียนมาว่าแหล่งกำเนิดของสภากาชาดเกิดขึ้นที่นครเจนีวานี่เอง (ICRC -International Committee of the Red Cross) และหากยังจำกันได้ข่าวโด่งดังเมื่อปีที่แล้วที่มีการทดสอบเครื่องเร่งอนุภาคขนาดยักษ์ใต้พื้นดินยุโรป โปรเจคยักษ์ขององค์กรเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป (CERN- European Council for Nuclear Research) สำนักงานCERN ก็ตั้งอยู่ที่เจนีวาเช่นเดียวกัน
แต่สิ่งที่ฉันคิดว่าหากมาถึงเจนีวาแล้ว ไม่ได้มาเห็นเก้าอี้สามขา (the Broken Chair) ปฎิกรรมเก้าอี้ขนาดยักษ์ก็นับว่าพลาด!ทีเดียว เก้าอี้ที่ไม่ได้สวยสะอะไร หลายคนมาถึงแล้วก็มองข้ามไป แท้จริงแล้วก็เพราะไม่รู้ความหมายของมันตังหาก!
เก้าอี้สามขาถูกสร้างขึ้นในปี 1997 ตั้งอยู่ที่จัตุรัสPlace des Nations ด้วย ตัวเก้าอี้ตั้งประชันหน้าประตูทางเข้าสำนักงานสหประชาชาติ สร้างขึ้นโดยDaniel Berset ซึ่ง Paul Vermeulen อดีตประธานสมาคมHandicap international ที่ให้สร้างขึ้นหลังจากการประชุมนานาชาติที่เมืองOttawa แคนาดา ความหมายของมันก็เพื่อเป็นการต่อต้านสงครามและเก้าอี้สามขาก็เปรียบเสมือนผู้เคราะห์ร้ายจากสงครามนั่นเอง ตอนแรกเก้าอี้ตั้งใจจะวางอยู่แค่ 3 เดือนแต่ด้วยเพราะความสำคัญจึงกลายเป็นตั้งอยู่ที่จัตุรัสPlace des Nations ตลอดไป
How to go : นั่งรถเมล์สายใดก็ได้ที่จะมา UN (สาย8,18, F, V, Z) รอที่ประตู pregny14 และอนุสาวรีย์เก้าอี้สามขาอยู่ด้านหน้าUN เลยค่ะ
2. International Red Cross and Red crescent museum ประวัติความเป็นมาของกาชาดและเรื่องราวที่น่าสนใจ เปิดให้เข้าชมส่วนของพิพิธภัณฑ์ทุกวัน 10.00- 17.00 น. เที่ยง ค่าเข้าชม 10 CHF เด็กนักเรียน 5 CHF
Guide : ไม่ต้องตกใจ ต่อให้แซงค์มอริทซ์ จะหรูเริ่ดแค่ไหน ก็ยังมีที่ให้คนธรรมดาอย่างเราๆพอซุกหัวนอนได้บ้างเช่น Youth hostel (Jugendherberge) St. Moritz คืนละ 36 SF ในช่วง low season หากเป็นหน้าฤดูกาล คืนนึงตกประมาณหัวละ 50 SF
8.View on Top: เมืองหลวงในอ้อมกอดของสายน้ำ Capital in a hug
ส่วนเครื่องสำอางเกาหลีสารพัดยี่ห้อที่มีทั้งหมดในประเทศแห่งนี้ทั้ง Skin food , Etude, Its Skin, Tony Molly, The Face shop หรือ Missha นั้นมีมากกว่า1 Shop อยู่ในเมียงดง ยังไม่รวมร้านCD, DVD ร้านของที่ระลึก โปสเตอร์ ปฏิทิน กล่องดินสอ ยางลบ แก้วน้ำดงบังชิงกิ มีมากมายหลายร้านละลานตาเลยล่ะค่ะ
Guide : How to go : รถไฟใต้ดินสาย 4 Myeongdong Station
ตลาดอื่นๆที่น่าสนใจ - ตลาดนัมแดมุน ขายตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยังเรือรบ ตลาดราคาประหยัดเปรียบได้กับจตุจักรบ้านเรา แค่เดินดูก็เพลินแล้ว How to go : รถไฟใต้ดินสาย 4 Hoehyeon Station Exit 5
- ตลาดทงแดมุน มีทั้งตลาดบนดิน ตลาดใต้ดินและอีก5 ตึกที่ขายเสื้อผ้าทั้งส่งและปลีก รวมถึงกระเป๋า รองเท้า ตุ้มหูและ accessoriesสารพัด เหมือนประตูน้ำที่มีplatinumอยู่5ตึก How to go : รถไฟใต้ดินสาย 2,4,5 Dongdaemun Station
- ตลาดอิแตวอน อยู่ใกล้เมียงดง ย่านนานาชาติเหมือนถนนข้าวสาร ขายพวกกระเป๋าเดินทางและของที่ระลึกซะมากกว่า How to go : รถไฟใต้ดินสาย 6 Itaewon Station
- ตลาดยีฮวา หรือย่านชินชน ย่านของเด็กมหาลัย เพราะเป็นตลาดนัดหลังมหาลัยหญิงยีฮวา(Ehwa woman Uni.) และมหาลัยฮงงิก(Hongik Uni.) แต่ไม่ใช่เฉพาะนักศึกษาหรอกที่ love ที่นี่เพราะแม้แต่ฉันเองก็ติดใจตลาดนี้เหมือนกัน How to go : รถไฟใต้ดินสาย 2 Sinchon Station
- ตลาดนัดเครื่องใช้ไฟฟ้ายงซาน ไม่รู้ว่าจะเรียกตลาดหรืออาณาจักรดี แหล่งรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในโซล ราคาถูกกว่าปกติประมาณ 10-15 % How to go : รถไฟใต้ดินสาย 4 Sinyongsan Station
Guide: สีสันของอินซาดง มีมากที่สุดในวันเสาร์-อาทิตย์ซึ่งจะปิดเป็นถนนคนเดิน ขอแนะนำให้ใช้เวลาซักนิดเพื่อการจิบกาแฟที่นี่ค่ะ How to go : รถไฟใต้ดินสาย 1 ลง Jonggak Station Exit 3 รถไฟใต้ดินสาย 3 ลง Anguk Station Exit 6 รถไฟใต้ดินสาย 5 ลง Jongno3-ga Station Exit 5
ตลอดการทัวร์รอบพระราชวัง จะมีguideเกาหลีแต่งตัวชุดฮันบกในวัง นำทัวร์ด้วยversion Korean English ที่ถึงฉันจะฟังไม่ค่อยออก แต่ฉันก็รู้สึกเพลิดเพลินตลอดการชมเลยล่ะ
Guide : How to go : รถไฟใต้ดินสาย 3 Anguk Station Exit 3 ค่าเข้าชม : 3000 won การเข้าชมต้องเข้าเป็นรอบๆพร้อมมีเจ้าหน้าที่ของเขาเป็น guideพาเดินทัวร์ มีภาษาเกาหลี อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น จะเลือกภาษาไหนก็ต้องเช็คดูรอบเวลาด้วยค่ะ //www.cdg.go.kr
พระราชวังอื่นที่น่าสนใจ Gyeongbokgung palace - พระราชวังที่เก่าแก่ที่สุดและใหญ่ที่สุดในกรุงโซล สร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 1392 สิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงภายในคือท้องพระโรงเคียนจองเจียนและศาลากลางน้ำเคียงเพียวรู เป็นจุดหมายยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งที่คนไทยชอบมา How to go : รถไฟใต้ดินสาย 3 Gyeongbokgung Station Exit 5
Guide: เกาะนามิตั้งอยู่ที่เมืองชุนชอน ซึ่งเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องไก่ผัดซอสพริกหรือดักคาลบี้( DAKKALBI) อย่าลืมแวะทานกันด้วยล่ะ How to go : - จากโซลขึ้นรถทัวร์ที่ Dong Seoul Bus Terminal ลงที่ท่ารถGapyeong Bus Terminal. จากนั้นก็ต่อรถเมล์(1000 won)หรือแท๊กซี่ไปยังท่าเรือgapyeongประมาณ 10 นาที ค่าเรือไปกลับรวมค่าเข้าเกาะ 5000 Won - ถ้ากลัวหลงเอาแบบง่ายสุดๆแต่จ่ายแพงหน่อย โดยการโดยสารรถบัสเฉพาะกิจไปเกาะนามิขึ้นที่อินซาดง(Insadong) กรุงโซล รถออก9:30 น.กลับจากเกาะนามิตอน 16:00 น.
ค่ารถไปกลับ 15000 won ถ้ารวมเฟอรรี่และค่าเข้าเกาะก็ 23000 won โทรจองที่ Nami Island Seoul Center 02)753-1245~8
Guide: การขึ้นภูเขานัมซานมีได้หลายวิธีทั้ง รถเมล์ แท็กซี่ หรือเดิน ! แต่ไหนๆจะขึ้นทั้งทีแนะนำให้ขึ้นกระเช้า(Namsan cable car) ดีกว่าได้อารมณ์กว่าเยอะค่ะ How to go : - นั่งกระเช้าขึ้น N seoul นั่งรถไฟใต้ดินสาย 4 ลงMyeongdong Station exit 3 เดินไปทางPacific Hotel และเดินขึ้นเขาอีกประมาณ 10 นาทีไปสถานีNamsan cable car. กระเช้า: ไปกลับ 6800 won เที่ยวเดียว 4800 won - นั่งรถขึ้นN seoul นั่งรถไฟใต้ดินสาย 3 หรือ 4 ลงChungmuro Station exit 2 หรือ 4 ต่อรถเมล์สีเหลืองสาย 2 ขึ้นภูเขานัมซาน( Mt. Namsan) ลงหน้า N Seoul Tower - หากไม่อยากเสียตังค์ขึ้นชมวิวบนหอคอย ก็สามารถชมวิวมุมสูงแบบฟรีๆจากลานด้านนอกได้เหมือนกัน
พักหลังนี้ เห็นมีคนไปเที่ยวไต้หวันกันมากขึ้นนมาก และคนที่เข้ามาเยี่ยมblog นี้ ก็มากขึ้นมากด้วยเช่นกัน ขอบคุณที่ทำให้เราเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนการเดินทางของทุกคนค่ะ ... Me and Miles update 05/05/2010
How to go : นั่งรถไฟใต้ดินสายสีแดง(Danshui Line) ลงสถานี Jiantan แล้วต่อรถเมล์สายRed5 ถ้ากลัวขึ้นผิดตะโกนถามคนขับเลยค่ะ ยางมิงซาน ? ยางมิงซาน ? (อย่าลืมใส่สำเนียงจีนด้วย!)
How to go : ขึ้นรถไฟ THR ไป Rueifang แล้วต่อรถเมล์ไป Jioufen ที่ฝั่งตรงข้ามกับสถานีรถไฟ หากไม่รู้ว่าจะไปยังไงเอาเป็นว่าขึ้นรถไฟไปลงที่ Rueifang ให้ได้ก่อนจากนั้นทำตามคนอื่นโลด
How to go: รถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงิน(Nangang Line) ลงสถานี Longshan temple station
10. History : ประชาธิปไตยที่ CKS memorial hall
มายรู้สึกประทับใจกับสถานที่แห่งนี้มาก เหตุผลไม่ใช่เพราะประวัติศาสตร์น่าสนใจ แต่เป็นเพราะของจริงดูดีไฮโซ ยิ่งใหญ่อลังการไม่เหมือนในรูปเลยซักนิด ดูจากรูปก่อนไปเที่ยวCKS memorial hall ก็เห็นเป็นตึกหลังคาและประตูแบบจีนสีฟ้าๆไม่เห็นจะสวยตรงไหน แต่เมื่อมาเห็นของจริง สถานที่แห่งนี้ช่างกว้างใหญ่และดึงดูดสายตาจนทำให้มายต้องนั่งลงค่อยๆละเลียดมองบรรยากาศรายรอบอย่างช้าๆ หากไม่มองเรื่องการเมือง CKS memorial hall คล้ายกับเป็นลานกิจกรรมอันกว้างใหญ่ของคนไต้หวันและเด็กวัยรุ่นกับกีฬา X-tream ด้านข้างยังมีสวนหย่อมเล็กๆที่เป็นแหล่งรวมของชมรมคนสูงวัยมานั่งโขกหมากรุกและจิบน้ำชาร่วมกัน แต่หากมองเรื่องการเมืองจากมุมมองของเพื่อนชาวไต้หวัน CKS memorial hall ที่ครั้งหนึ่งเคยเปลี่ยนชื่อเป็น Democracy memorial Hall(หรือแม้ในปัจจุบันก็ยังใช้ชื่อนี้แล้วแต่คนจะเรียก)แสดงถึงประชาธิปไตยที่ไม่เคยราบรื่นในไต้หวัน เพราะอนุสาวรีย์คือสิ่งที่สร้างเพื่อสดุดีให้กับสิ่งที่ตายไปแล้ว (ย้ำอีกครั้งมาจากคำพูดของคนไต้หวันนะคะ ไม่ได้กล่าวอ้างขึ้นเองแต่อย่างใด แต่เอ๊ะ ฟังดูแล้วมันคุ้นๆเหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัวชอบกล!)