O-Net 53

ย้อนเวลาไปเมื่อปี 2549 เยาวชนชาวไทยหลายชีวิตต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาที่ผู้ใหญ่ที่รังสรรค์มันขึ้นมาว่า "แอดมิชชั่น" มันเป็นการสอบเข้าสถาบันระดับอุดมศึกษา ที่เด็กๆมัธยมปลายหลายคนคาดหวังว่าตัวเองคงจะสามารถเข้าไปอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยได้เช่นเพื่อนๆ

ณ วินาทีนั้น ผมยังไม่ตระหนักถึงความเป็นไปของชีวิต แต่อย่างใด ก่อนเวลาเข้าห้องสอบโอเน็ตประมาณ 10 ชั่วโมง ผมยังโลดแล่นอยู่ใน Ragnarok Online อยู่เลย เพราะคิดว่าจะเอาทุนเรียนฟรีที่ ABAC กับเพื่อนๆ

สุดท้ายก็ตัดใจปฏิเสธทุนแล้วหันมาสอบแอดมิชชั่นกลาง จากนั้นก็ได้เรียนในมหาวิทยาลัยที่ใฝ่ฝันมาจนได้ ...ฮิ้วว ว ~

หลังจากเหตุการณ์นั้นเป็นเวลากว่า 4 ปี

ณ วันนี้ ....ผมก็ได้กลับมายืนดูจุดๆที่ตัวเองเคยผ่านมาอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่เรียนอยู่ในวิชาเฉพาะ ในคณะอาจารย์ที่ปรึกษาของผมที่สอนวิชานี้ จู่ๆก็ได้พูดถึงคำถามแปลกๆในข้อสอบ O-Net ทำให้ผมกับเพื่อนสงสัยว่า เออ มันยังจะมีปัญหาอยุ่อีกเหรอเนี่ย ปีนี้น้องสาวตัวดีของผมมันก็กำลังจะเข้ารั้วอุดมศึกษาซะด้วยสิ ยังไงๆก็ไปสอดส่องดูซะหน่อย จะได้รับมือกับปัญหาถูกทิศ

ก็อ่านข้อมูลทั่วไป เกี่ยวกับการตั้งประเด็นนู่นนี่นั่นที่เด็กๆท้วงและผู้ใหญ่ตอบ จนไปสะดุดกับข้อสอบโอเน็ตและคลิปวีดีโอรายการ วูดดี้เกิดมาคุย ที่เชิญ อาจารย์อุทุมพร จามรมาน ผู้อำนวยการสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ มานั่งคุยถึงกระแสต่างๆที่ทำให้ท่านดังเปรี้ยงเป็นปืนระเบิด ! จำได้คร่าวที่อาจารย์ท่านพูดว่า ทนไม่ได้ที่เยาวชนไทยสมัยนี้ไม่รู้จักคิดวิเคราะห์ เน้นแค่การจำอย่างเดียว ไม่มีการพัฒนาด้านนี้ทำให้ด้อยทางด้านการวิเคราะห์ สังเคราะห์

หลังจากนั้นก็ได้ดูคลิปวีดีโอขำๆ ที่มีดีเจจอห์น วิญญูเป็นพิธีกรในรายการ "เจาะข่าวตื้น ดูถูกสติปัญญา..." ถึงกับฮาและชอบด้วยความตลกแบบ Bad Comedy ที่เสียดสีจนรู้สึกว่า โดน!!!~ อยากโหลดไปให้แม่กับน้องดู เลยทีเดียว

ทีนี้ ... รู้สึกยังไงกับข้อสอบที่เห็น

ข้อสอบข้อแรกที่เล่าเรื่องถึง "นิด" ที่เป็นคนสวยมนุษย์สัมพันธ์ดี มีคนรู้จักเยอะ ได้ไปเที่ยวกลางคืนและไม่ปฎิเสธคำขอของเพื่อนชาย จนได้ท้องและไปทำแท้งจนเสียชีวิตในที่สุด .... เป็นข้อที่ได้ฟังมาจากรายการเจาะข่าวตื้นเนี่ยแหละ ...

คำตอบที่ได้มา...เด็กๆถามว่าทำไมถึงตอบแบบนั้น ทางอาจารย์ผู้ออกข้อสอบบอกว่าเพราะมันอยู่ในหนังสือหลักสูตรการเรียนการสอน

ข้อต่อมาที่จอห์นเอามาพูดให้ฟังก็คือข้อเกี่ยวกับอันตรายที่เกิดขึ้นบ่อย กับผู้หญิงที่ชอบเที่ยวกลางคืน แล้วคำตอบมันก็ทำให้ตะขิดตะขวงใจอีกว่าทำต้องตอบเช่นนั้น ทางอาจารย์ที่ออกข้อสอบยังคงยืนยันคำเดิมว่า มันเป็นสิ่งที่มีในหลักสูตรการเรียนการสอน

สุดท้ายข้อสอบที่เกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันอย่างการซักผ้า ยังเป็นการตอบคำถามแบบตายตัวอีกด้วย ซึ่งอยากจะบอกว่ารูปแบบของข้อสอบกับเนื้อหามันไม่เข้ากันอย่างรุนแรง ไม่ไหวจะเคลียร์เลย ทางอาจารย์ที่เคารพรักยังคงยืนกรานว่า มันอยู่ในหนังสือหลักสูตรการเรียนการสอน

เช่นนี้แล้ว ไอ้ข้อสอบตรงไหนมันคือการคิดวิเคราะห์ ของอาจารย์ป้าหรือครับ?

ในเมื่อข้อสอบยึดคำตอบตามหนังสือ ตามหลักสูตรอย่างไม่ลืมหูลืมตาก็ไม่มีความหมายอะไรที่พวกเราจะคิดวิเคราะห์หรอก ในเมื่อวิเคราะห์ไปไม่ตรงไม่ได้คะแนนแบบนี้

ข้อสอบแบบคิดวิเคราะห์มันควรจะเป็นคำตอบที่เปิดกว้างและมีเนื้อที่ให้เด็กได้อธิบาย แสดงถึงวิธีการคิดมากกว่านี้ไม่ใช่เหรอ ประสิทธิภาพของการคิดวิเคราะห์มันขึ้นอยู่กับกระบวนการทางความคิดและวิธีการที่เป็นลำดับขั้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่สิ่งที่เป็นผลลัพธ์ออกมาแบบ ผ่าง !! "นิดเป็นคนสวย"

ถ้า นิดเป็นคนสวย แล้วไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศ ได้แต่หยิ่งไปวันๆ เธออาจจะโดนฉุดไปข่มขืนเพราะเพื่อนสาวอิจฉาหรือเพื่อนชายหมั่นไส้ก็ได้ จากนั้นเธอก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหน แอบไปทำแท้งจนติดเชื้อและสิ้นชีพอย่างอนาถเอน็จ

หรือนิดเป็นคนไม่สวย แต่มนุษย์สัมพันธ์ดี เที่ยวกลางคืนและไม่ปฏิเสธคำขอของเพื่อนชาย นั่นก็เข้าข่ายทำให้เธอมีผลลัพธ์แบบเดียวกันได้ไม่ใช่เหรอ

ทำไมล่ะ ทำไมความสวยของนิดจึงเป็นชนวนที่ทำให้มีเพื่อนชาย ทำให้เธอเธอตาย ... เพราะอยู่ในหลักสูตรการเรียนการสอนเหรอคับ

เด็ก ป.3, ป.6 ยังคิดแบบป้าไม่ได้เลยอ่ะ เพราะเอาใครมาก็มีแต่คนตอบข้ออื่นที่ไม่ใช่ "นิดเป็นคนสวย"

แต่ละคนก็ยกเหตุผลทางความคิดที่ฟังดูมีน้ำหนักน่าเชื่อถือกว่าที่อาจารย์ป้าอธิบายหลายเท่านัก ...แม้คนๆนั้นจะเป็นแค่เด็ก ประถม 6

คำถามที่มีระดับความเป็นไปได้หลายหลาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้คำในประโยคคำถาม อย่างคำว่าบ่อย ไอ้คำๆนี้มันไม่เหมือนคำว่า"ที่สุด" มันเป็นคำที่มีช่วงทางความคิดกว้างตามแต่ใครจะนึกได้ คุณไม่ได้กำหนดว่าระดับไหนถึงเรียกว่าบ่อย บ่อยแค่ไหน สัปดาห์ละกี่ราย มันไม่สามารถบอกได้หรอกนะว่าข้อไหนเป็นอันตรายที่สุดของผู้หญิงเที่ยวกลางคืน

"ถูกข่มขืน" มันน่าจะเป็นอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงทุกคนมากกว่า...ไม่จำเป็นต้องเที่ยวกลางคืนหรอก เพราะส่วนหนึ่งของหญิงสาวที่เที่ยวกลางคืนเขาก็หวังที่จะ"ได้"อยู่แล้ว ...ข่มขืนอาจเป็นแค่การเปลี่ยนบรรยากาศด้วยซ้ำ ข่าวเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้นหญิงสาวที่ถูกลากไปข่มขืนหลังป้ายรถเมลล์เธอก็ไม่ได้ไป หรือกลับมาจากเที่ยวซะหน่อย ...เธอแค่จะไปทำงานเท่านั้น ทั้งๆที่แถวนั้นสถานที่เที่ยวก็มีอยู่บ้าง

หรือกรณีคำตอบที่ระบุเหตุที่ทำให้นิดต้องตาย มันก็เป็นคำตอบที่หลายแง่เกินกว่าจะมาจบที่ความคิดโง่ๆที่ตอบว่า "ความสวย"

ในทางกลับกัน

การซักผ้าที่แตกต่างกันตามปัจเจกบุคคล ตามวิถีการดำรงค์ชีวิตที่แตกต่าง กลับนำมาเป็นข้อสอบตายตัว แถมการเรียงลำดับให้ถูกต้อง ส่วนหนึ่งนอกจากการใช้เหตุแลละผลแล้วมันก็เป็นความจำอย่างหนึ่งไม่ใช่เหรอ เผื่อว่ากูจำไม่ได้ว่าต้องขยี้ที่ปกคอก่อน กูไปขยี้แขนเสื้อก่อนมันก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ทำไมถึงตอบผิด

เอาแค่คุณป้าไปบอกลูกซักผ้าแล้วยืนดูเงียบๆ รับรองได้ว่าขั้นตอนมันก็ต้องต่างกันซักกระเบียดหนึ่งอยู่ดี ของแค่นี้ถ้าผู้ใหญ่คิดไม่ได้ ก็ไม่ความหมายที่ท่านพยายามจะสอนเด็กให้คิดได้ นอกเสียจากจะให้เด็กคิดแบบท่าน เป็นแบบท่าน แบบนั้นถึงจะเข้ากันได้

โปรดอย่าลืมว่า..

ยังมีเด็กไทยอีกหลายชีวิตที่ซักผ้าต่างกัน คิดต่างกัน แต่ก็ได้ดีเหมือนกัน

ยังมีแกะดำที่ถูกมองว่าเพี้ยน บ้า แต่ทำอะไรๆเพื่อชาติ เพื่อการพัฒนายิ่งกว่าลมปากเหม็นๆของนักการเมืองหลายๆคน

ยังมีคนที่ไม่คิดจะเป็นหัวหน้า ทั้งๆที่มีความสามารถ คอยผลักดันให้เพื่อนๆเป็นผู้นำที่ดี โดยมีตัวเองเป็นผู้แนะแนวให้

ยังมีคนที่ไม่จบด็อกเตอร์อีกหลายคนที่ต้องคอยบอกคอยสอนเหล่าผู้มีความรู้เหล่านั้นให้รู้จักปล่อยวางและมองโลกในมุมมองอื่น

ยังมีหญิงเที่ยวกลางคืนหลายคน ที่ถูกมอมยาและเจอชีวิตที่เลวร้ายกว่าการถูกข่มขืน (ยาชนิดหนึ่งเมื่อใช้มอมแล้วจะทำให้เหยื่อมีอารมณ์ ทว่าเมื่อสร่างยาแล้วจะจำอะไรไม่ได้เลย นอกจากนี้ถึงแม้ผู้ลงมือมอมยาและข่มขืนจะไม่ได้ป้องกัน ผู้ถูกมอมจะไม่ตั้งครรภ์เป็นหมันไปตลอดชีวิตเพราะยาที่ใช้เป็นยาทำหมันที่ใช้กับสัตว์เลี้ยงในวงการสัตวแพทย์....คุณเคยรู้รึป่าว)

ยังมีคนไม่สวยหลายคนที่ตายเพราะติดเชื้อจากการทำแท้ง ฉะนั้นความสวยมันเทียบไม่ได้กับความเลวในก้นบึ้งจิตใจที่ไร้สามัญสำนึกหรอกครับ

และแน่นอน ....ยังมีคนที่คิดไม่เหมือนอาจารย์ป้าอยู่เต็มประเทศเลย ชัดเจนมั๊ยคับ...

คำหนึ่งที่ได้ยินแล้วหงุดหงิดคือ การมองการณ์ไกล เช่นประโยคที่ว่า "เดี๊ยนอยากให้เด็กสมัยนี้มีวิสัยทัศน์ไกลๆ"

ก่อนที่จะให้เด็กมองไกลๆ หัดตัวเองมองให้กว้างๆบ้างจะได้ไหมครับ ...อาจารย์ป้า

Create Date : 13 มีนาคม 2553
Last Update : 13 มีนาคม 2553 18:18:08 น.		0 comments
Counter : 455 Pageviews.
Share Tweet