Chapter 65

ตอนที่ 65

"ทำไมตื่นเช้าจัง? ไหนบอกว่าเรียนบ่ายไม่ใช่หรอ?" แวนเนสเอ่ยทักน้องชายคนเล็กที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่โซฟา

"ก็กะว่าจะไปทำไอ้พวกรายงานทั้งหลายทั้งแหล่ให้เสร็จๆน่ะครับ เดี๋ยวช่วงสอบจะได้ไม่วุ่ยวาย" ไจ่ไจ๋ลดหนังสือพิมพ์ในมือลงแล้วตอบคำถามพี่ชาย

"อืม....ก็ดีหนิ" แวนเนสเห็นด้วยกับคำพูดน้องแล้วทรุดตัวนั่งลงข้างๆ

"มีข่าวอะไรน่าสนใจบ้าง?" เอ่ยถามต่อเมื่อเห็นน้องชายดูหนังสือพิมพ์อย่างตั้งอกตั้งใจ

"นี่งัย" น้องเล็กยื่นหนังสือพิมพ์พร้อมกับชี้ข่าวในนั้นให้ดู

"พี่รองได้ลงหนังสือพิมพ์แล้วหละ ดังใหญ่แล้วนะ!" น้องเล็กบอกพี่ชายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แวนเนสขมวดคิ้วแล้วมองดูข่าวนั้น

"ไปเอาข้อมูลมาจากไหนวะเนี่ย? โห! ละเอียดซะด้วย!" แวนเนสหยิบขึ้นมาดูพลางพึมพำไปด้วย

"ต่อไปนี้เวลาออกไปไหนพี่รองต้องระวังหน่อยนะ เดี๋ยวจะโดนรุมทึ้งเอา" น้องเล็กเตือนพี่ชายพลางหัวเราะไปด้วย

"เออนี่....แล้วทำไมพี่ตื่นเช้าหละ? วันนี้ก็ไม่ต้องทำงานไม่ใช่หรอ?" ไจ่ไจ๋ถามต่ออย่างนึกขึ้นได้ แวนเนสวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะแล้วยิ้มหวานให้น้อง

"จะไปหาแฟน" ไจ่ไจ๋พูดต่อให้อย่างรู้ทัน

"ไอ้น้องคนนี้มันรู้ดีจริงๆ!" แวนเนสขยี้หัวเจ้าน้องชายตัวดีอย่างเอ็นดู

"งั้นวันนี้พี่รองก็ต้องใช้รถน่ะสิ เดี๋ยวผมเอากุญแจมาให้นะ" พูดจบก็ทำท่าจะลุกแต่แวนเนสรั้งแขนน้องชายเอาไว้ก่อน

"นายเอาไปเถอะ วันนี้พี่มีสารถีส่วนตัวแล้ว พี่กลางมันก็อยู่" แวนเนสบอกน้องชายยิ้มๆ

"เขาจะยอมเป็นสารถีให้พี่รองหรอ?" ย้อนถามเสียงสูงแล้วผงกหัวไปทางพี่ชายอีกสองคนที่เดินตามกันลงมา

"จะไปไหนแต่เช้าไจ่ไจ๋? มีเรียนบ่ายไม่ใช่หรอ?" เคนอ้าปากหาวพลางถามน้องไปด้วย

"ไปทำรายงานให้เสร็จๆช่วงสอบจะได้ไม่วุ่นวาย" แวนเนสตอบแทนน้องชาย ไจ่ไจ๋ได้ยินก็หัวเราะ

"ชั้นถามน้อง" เคนว่าพี่ชายกลายๆแล้วนั่งลงข้างน้องเล็ก พี่ใหญ่ก็ทรุดตัวนั่งลงตรงโซฟาอีกตัว

"วันนี้หยุดไม่ใช่หรอ? ทำไมไม่นอนต่ออีกหละ?" น้องเล็กหันไปถามเคนบ้าง

"มันจะไปรับลูกสาวน่ะสิ" พี่ใหญ่ตอบแทนน้อง ไจ่ไจ๋หันไปทำจมูกย่นใส่พี่ใหญ่

"ผมถามพี่กลาง" จบคำน้องเล็กเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีก

"รออีกแป๊บนึงนะไจ่ไจ๋ เดี๋ยวพี่ไปทำอาหารเช้าให้" เคนบอกน้องแล้วทำท่าจะลุก

"ไม่ต้องหรอกพี่กลาง เดี๋ยวผมไปหากินเองที่มหาลัย นัดเพื่อนไว้ 9 โมง เดี๋ยวต้องออกแล้วหละ" น้องเล็กปฏิเสธทันที

"เอางั้นก็ได้ พี่จะได้ไปอาบน้ำแล้วไปรับเจ้าพีพีกับถางถางเลย ไม่รู้มันจะเป็นงัยมั่ง? คิดถึงเราแย่แล้วมั้ง?" แวนเนสได้ยินก็หัวเราะเสียงแหลม

"ชั้นว่ามันคงดีใจมากกว่ามั้งที่ไม่ได้เจอนาย เพราะนายเห็นมันทีไรต้องจับมันมาฟัดเล่นทุกที" เคนค้อนใส่แล้วหยิบหมอนอิงปาใส่พี่ชาย

"ไอ้บ้า!" แวนเนสรับไว้ได้อย่างแม่นยำ

"พี่ใหญ่ไปทำอะไรมา? หน้าเหมือนคนไม่ได้นอนเลย" น้องเล็กหันไปทักพี่ชายคนโตบ้าง

"อืม...." พี่ใหญ่ตอบรับในลำคอแล้วอ้าปากหาวออกมาอีก

"อืม....คือไม่ได้นอนหรอ?" น้องเล็กถามต่อแล้วเดินไปกอดคอพี่ชาย

"ประมาณนั้นแหละ" ตอบพลางยกมือขึ้นขยี้หัวน้องเบาๆอย่างเอ็นดู

"มัวทำอะไรอยู่หละ?" น้องเล็กถามต่อ

"ไม่ต้องรู้หรอก จะไปเรียนก็รีบไปซะสิ 8 โมงจะครึ่งแล้วนะ" พี่ใหญ่เอ่ยเตือน

"นั่นสิ! ตายหละ! เดี๋ยวไปสายเพื่อนบ่นแย่เลย!" ไจ่ไจ๋คลายแขนที่กอดคอพี่ชายออกแล้วรีบวิ่งไปหยิบกระเป๋า

"นี่! ขับรถดีหละๆ!" แวนเนสร้องเตือน

"รู้แล้วครับ!" น้องเล็กตะโกนตอบรับกลับมาแล้ววิ่งออกประตูไปทันที

"อะไรของมัน! ทำอะไรปุบปับ" เคนบ่นน้องชายออกมาเบาๆแล้วหันหลังเดินกลับขึ้นห้องไปอาบน้ำบ้าง

"ไอ้ลูกลิง! วันนี้จะไปไหน?" พี่ใหญ่เอ่ยถามเจ้าน้องชายจอมไฮเปอร์

"ไปเรื่อยๆ" แวนเนสตอบแล้วยิ้มกวนๆให้พี่ชาย เจอร์รี่ส่ายหน้าเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือไปหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน แต่พอเห็นรูปของน้องชายในนั้นพี่ใหญ่ก็ขมวดคิ้ว

"คนมันดัง! ช่วยไม่ได้!" แวนเนสยักไหล่ เจอร์รี่ส่ายหน้าไปมาแล้วอ่านเนื้อข่าวนั้น

"นายน้ำหนัก 72 เองหรอ? ชั้นนึกว่า 80 แล้วซะอีก!" ตาก็อ่านแต่ปากก็อดที่จะพูดแหย่น้องไม่ได้

"ไอ้บ้า! ชั้นไม่อ้วนขนาดนั้นนะ!" แวนเนสร้องโวยวายขึ้นมา

"หรอ? หึๆๆๆ" เจอร์รี่หัวเราะในลำคอแต่ไม่ได้สนใจกับน้องที่นั่งทำหน้ามุ่ยใส่

"ชั้นดูอ้วนหรอ?" ผ่านไปซักพักแวนเนสก็เอ่ยถามเพราะเริ่มรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา

"อืม" พี่ใหญ่ตอบสั้นๆโดยที่ไม่ได้มองหน้าน้อง แวนเนสก้มมองดูตัวเองอย่างสำรวจตรวจตรา เมื่อเห็นน้องไม่พูดต่อเจอร์รี่ก็เหลือบตามองน้องชาย

"ชั้นพูดเล่น!" พี่ใหญ่รีบเปลี่ยนคำพูดเพราะเห็นแวนเนสออกอาการเป็นกังวลขึ้นมา

"แต่ชั้นก็ว่าชั้นอ้วนขึ้นว่ะ พักนี้ไม่ได้เข้าฟิตเนตเลย" แวนเนสรำพึงพลางบีบต้นแขนตัวเองไปด้วย

"ไม่หรอก! นายดูสมส่วนดีอยู่แล้ว" เจอร์รี่รีบพูดปลอบทันที

"วันนี้ชั้นหิ้วเจ้าเสี้ยวเทียนไปเข้าฟิตเนตดีกว่าแล้วพรุ่งนี้ค่อยไปหากลอเรีย" แวนเนสเปลี่ยนแผนการ เจอร์รี่ได้ยินก็เลิกคิ้วเล็กน้อยก็ที่จะส่ายหัวไปมายิ้มๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

"เสี้ยวเทียน! วันนี้นายไม่ได้ไปไหนใช่มั๊ย?" เมื่อเห็นน้องชายเดินลงมาแวนเนสก็รีบเอ่ยถามทันที

"ก็จะไปรับพีพีกับถางถางงัย" เคนตอบอย่างงงๆ

"แล้วหลังจากนั้นหละ?" แวนเนสถามต่อ

"ก็คงไม่ได้ไปมั้ง?" เคนตอบอย่างไม่แน่ใจ

"ไปฟิตเนตกัน!" แวนเนสชวนพลางพยักหน้าเซ้าซี้น้องชาย แต่เคนเบ้ปากใส่

"อะไรวะ! อย่าทำหน้าอย่างงี้สิ! นายน่ะน่าจะออกกำลังกายซะบ้างนะ! โรคภัยไข้เจ็บมันจะได้ห่างไกลออกไปบ้าง!" แวนเนสดักคอน้องชายขึ้นมาก่อน

"แต่ชั้นเป็นหอบหนิ เหนื่อยมากๆเดี๋ยวโรคกำเริบ" เคนเถียงหน้าตาเฉย

"แล้วใครเขาจะให้เล่นจนเหนื่อยหอบแบบนั้น? ไปยืนส่ายเอวก็ได้ความหนาจะได้ลดลง" แวนเนสยังตื๊อต่อไป

"เอวตัวเองบางนักหละ? กางเกงชั้นนายยังใส่ได้เลย" เคนเถียงพี่ชายเข้าให้บ้าง

"ใส่ได้แต่หลวมโว้ย! ไม่เหมือนนายหรอกใส่กางเกงชั้นไม่ได้เลย" แวนเนสเถียงกลับ พี่ใหญ่นั่งมองคนหุ่นดีสองคนคุยกันอย่างขำๆ

"ใส่ได้! พอดีด้วย!" เคนเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

"ไม่พอดี! ชั้นเห็นว่ามันฟิตเกินไป!" แวนเนสเองก็ไม่ลดวาราศอกเช่นกัน

"ไม่ฟิต! ใส่ได้พอดี! ไม่เชื่อลองถอดออกมาสิเดี๋ยวจะใส่ให้ดู!" เคนท้าทายพี่ชาย

"เฮ๊อะ! นึกว่าชั้นโง่หรืองัย? นี่มันยางยืดนี่หว่า ใส่ไม่ได้นายก็หมูแล้ว!" แวนเนสผลักหัวน้องอย่างหมั่นไส้

"ชั้นหมูนายก็หมูเหมือนกันแหละ!" เคนตวัดเสียงพลางค้อนควับ

"ไอ้น้องคนนี้! ทำไมมันเถียงเก่งนักนะ!" แวนเนสบีบปากน้องชายเพราะเถียงสู้ไม่ได้

"อื้อ! ปล่อยนะ!" เคนร้องเสียงอู้อี้แล้วพยายามแกะมือพี่ชายออก

"จะไปไม่ไป?" แวนเนสยังไม่ยอมปล่อยแต่กัดฟันถามน้องไปด้วย

"ไม่!" เคนตอบเสียงดัง

"ไม่หรอ?" แวนเนสบีบแรงขึ้นอีก

"โอ้ย!! ไปๆๆๆ!!! ไปก็ได้!!" เคนยอมแพ้ในที่สุด แวนเนสจึงยอมปล่อย เมื่อหลุดมาได้เคนก็ค้อนประหลับประเหลือกพลางเอามือถูแก้มตัวเองไปมาเบาๆ

"ว่าง่ายแบบนี้แต่แรกก็หมดเรื่องแล้ว!" แวนเนสหัวเราะพลางขยี้หัวน้องชายอย่างหมั่นไส้ เคนปัดมือพี่ชายออกทันที

"ขำอะไรหละ! ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำอาบท่าอีก! เดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก!" เคนเอ็ดใส่พี่ชายคนโตที่นั่งหัวเราะอยู่อย่างพาลๆ เจอร์รี่ไม่โต้ตอบอะไรเพียงแต่ลุกไปอาบน้ำตามคำนั้นแต่โดยดี


- ที่ฟิตเนต -

"นี่ๆๆๆ นายมาวิ่งวอร์มก่อนมา เอาซัก 30 นาทีก็พอ" แวนเนสดึงมือน้องไปยังเครื่องลู่วิ่งอย่างคุ้นเคย

"โหย! ตั้งครึ่งชั่วโมงเชียว! เดี๋ยวก็ตายพอดี" เคนโอดครวญออกมาทันทีที่ได้ยิน ไอ้เรื่องการออกกำลังแบบได้เหงื่อเป็นปี๊บแบบนี้เขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่

"อย่าบ่น! ชั้นอุตส่าห์ออกค่าเข้าให้นะต้องเล่นให้คุ้มเข้าใจมั๊ย?" พูดจบก็ดึงแขนน้องให้ขึ้นไปยืนแล้วจัดการตั้งค่าตัวเครื่องให้อย่างชำนิชำนาญ

"เอา 15 นาทีก่อนไม่ได้หรอ?" เคนต่อรองแบบครึ่งต่อครึ่ง

"ไม่ได้! ต้อง 30 นาที ค่อยๆเดินไปก่อนแล้วเปลี่ยนเป็นวิ่งเหยาะๆพอเริ่มอยู่ตัวแล้วค่อยวิ่ง ถ้าเหนื่อยก็ค่อยๆวิ่งให้ช้าลงแล้วเปลี่ยนเป็นเดินช้าๆเหมือนเดิม เข้าใจหรือเปล่า?" แวนเนสแนะนำน้อง เคนพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเซ็งๆ

"แล้วน้ำน่ะ ใช้จิบเอานะไม่ใช่ดื่มอักๆจนจุกซะหละ" กำชับเสร็จก็กดเริ่มเดินเครื่องให้

"บังคับชะมัดเลย!" เคนบ่นออกมาเบาๆแล้วเริ่มเดินตามเครื่องนั้น หลังจากจัดการให้น้องเสร็จแวนเนสก็ค่อยวิ่งวอร์มตัวเองบ้าง ผ่านไปได้พักใหญ่สองพี่น้องก็เหงื่อท่วมตัวไปตามๆกัน

"โหย! เหนื่อยชะมัดเลย!" เคนบ่นอุบในขณะที่ทั้งคู่พากันมานั่งพักที่เคาเตอร์

"แค่นี้เหนื่อย! ชั้นยังไม่เห็นรู้สึกอะไรเลย" แวนเนสว่าพลางยกแก้วน้ำขึ้นจิบ

"ใครมันจะไปถึกเหมือนนายหละ!" เคนว่ากระทบพี่ชายแล้วอ้าปากหาวก่อนที่จะเอาหน้าฟุบลงที่โต๊ะอย่างหมดแรง แวนเนสมองน้องชายพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ

"ไปอดหลับอดนอนที่ไหนมา?" แวนเนสว่าพลางหัวเราะไปด้วย

"ก็นายแหละตัวดี! ไปพูดอะไรให้เจอร์รี่มันฟังเฮอะ? ทำมันคิดมากจนนอนไม่หลับเลย" เคนต่อว่าพี่ชายทั้งๆที่ยังฟุบหน้าอยู่อย่างนั้น

"มันเข้าไปคุยกับนายหรอ?" แวนเนสเลิกคิ้วเล็กน้อย

"ก็ใช่น่ะสิ! จู่ๆก็ขอโทษขอโพยชั้น ทำเอางงไปพักใหญ่เลย" เคนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพี่ชาย

"ก็ดีแล้วหนิ คุยกันตรงๆซะบ้างจะได้เข้าใจกันซักที" แวนเนสว่าแล้วเลื่อนจานแซนวิชที่พนักงานเพิ่งเอามาเสริฟไปทางด้านหน้าน้องชาย

"ชั้นก็เข้าใจมันอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องพูดอะไรเลย" เคนว่าแล้วหยิบแซนวิชเข้าปากทันที

"นายอ่ะหุบปากซะมั่งก็ได้! รู้ๆอยู่ว่าเจอร์รี่มันคิดมากยังชอบเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องไปพูดให้มันเครียดอีก!" ต่อว่าพี่ชายออกมาอีกด้วยเสียงอู้อี้เพราะเคี้ยวแซนวิชอยู่เต็มปาก

"เรื่องทุกอย่างที่มันเกี่ยวกับนายย่อมสำคัญกับชั้นเสมอแหละ ที่ชั้นทำก็เพื่อปกป้องนายนะ ถ้าให้เลือกชั้นยอมเห็นเจอร์รี่มันเครียดยังดีกว่าต้องเห็นนายร้องไห้" แวนเนสแย้งขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง เคนได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปถือแซนวิชค้างอยู่ในมือ ระหว่างเขากับแวนเนสแทบไม่เคยจะแสดงความรู้สึกต่อกันเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นในรูปแบบการพูดกันเล่นๆมากกว่า

"ชั้นใจไม่ดีทุกครั้งที่เห็นนายร้องไห้เสียใจ แต่ทุกครั้งที่เห็นชั้นก็แทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลย" แวนเนสพูดต่อออกมาเบาๆ เคนอึ้งไปอีกเล็กน้อย แล้วบทสนทนาก็ขาดช่วงไปพักใหญ่

"หายเหนื่อยหรือยัง? จะได้ไปต่อกันอีกรอบ!" แวนเนสปรับน้ำเสียงให้ร่าเริงตามเดิม เคนพยักหน้ารับเล็กน้อย

"คราวนี้นายอยากจะเล่นอะไรก่อน?" แวนเนสย้อนถามน้องอีก เคนเงียบไม่ตอบคำถามนั้น

"นายลองไปเล่นเครื่องโยกนั่นดีกว่า เผาผลาญแคลลอลี่ได้เยอะมากเลย ไอ้เมื่อกี้ที่กินเข้าไปจะได้ไม่ลงไปสะสม" พูดจบแวนเนสก็จูงมือน้องไปยังเครื่องออกกำลังกายที่พูดถึง

"ไม่อยากเล่นหรอ?" แวนเนสถามต่อเมื่อเห็นน้องไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไร

"เปล่า....เพียงแต่...." เคนปฏิเสธแล้วมองหน้าพี่ชาย

"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว" แวนเนสพูดดักไว้ก่อนเพราะรู้ว่าน้องจะพูดอะไร

"แต่ชั้นอยากพูดหนิ" เคนแย้งขึ้นอย่างดื้อดึง

"งั้นก็ว่ามาสิ" แวนเนสกอดอกแล้วรอฟัง เคนเหลือบตามองพี่ชายแว๊บนึง

"ไม่พูดแล้วดีกว่า" เคนเปลี่ยนใจเพราะรู้สึกเก้อเขินที่จะพูดออกมาตรงๆ แวนเนสเองก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เขารู้นิสัยของน้องชายดีว่าไม่ชอบพูดแสดงความรู้สึกออกมา และตั้งแต่จำความได้เจ้าน้องชายคนนี้ไม่เคยบอกรักเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

"เปลี่ยนใจเร็วจริงๆ!" แวนเนสแกล้งพูดเป็นเชิงบ่นแล้วหันไปตั้งค่าเครื่องออกกำลังกายตรงหน้า

"ก็นายอ่ะ!....." เคนโทษพี่ชายหน้าตาเฉยแถมค้อนใส่อีก

"ชั้นไปทำอะไรให้นายวะ?" แวนเนสย้อนถามเสียงสูง

"นายชอบพูดแบบนั้นน่ะ!" เคนเถียงข้างๆคูๆ

"แบบไหน? ชั้นพูดอะไร?" แวนเนสรุกถามน้องต่อ

"ก็เมื่อกี้! โอ้ย! ไปให้พ้นๆเลย!" เคนแกล้งโวยวายกลบเกลื่อนเมื่อรู้ตัวว่าถูกพี่ชายแกล้งเข้าให้แล้ว

"จะให้ไปไหนเล่า! ที่ก็มีอยู่แค่นี้!" แวนเนสว่าพลางหัวเราะพลาง เคนเงื้อนมือขึ้นจะทุบพี่ชายแต่เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นซะก่อน

"ของนายหรอ?" แวนเนสย้อนถาม

"อืม" เคนพยักหน้าตอบแล้วล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง

"เค้าห้ามเปิดโทรศัพท์เวลาออกกำลังกาย! นี่แหนะ! จำไว้นะ!" แวนเนสเอ็ดใส่แล้วตีมือน้องชายเข้าให้ด้วย

"ก็ยังไม่ทันได้ขึ้นบนเครื่องเลยหนิ!" เคนเถียงแล้วมองดูเบอร์ที่โทรเข้ามา

"ไจ่ไจ๋ว่ะ" เคนบอกพี่ชายแล้วกดรับทันที

"มีอะไรไจ่ไจ๋?" เคนเอ่ยถามไปตามสาย

"หา!! อะไรนะ!!" เคนทำเสียงตกใจเมื่อได้ยินเสียงน้องตอบกลับมา พลอยทำเอาแวนเนสตกใจไปด้วย

"รออยู่นั่นแหละอย่าเพิ่งตกลงอะไรกับเค้า! ว่าแต่นายอยู่ที่ไหน?" เคนพูดย้ำกับน้องชัดๆแล้วถามหาที่ที่น้องชายอยู่

"โอเค....รอพี่อยู่ตรงนั้นห้ามไปไหนทั้งนั้น! พี่กับพี่รองจะรีบไปเดี๋ยวนี้!" สั่งเสียเสร็จก็กดวางสายแล้วหันไปบอกพี่ชาย

"น้องเกิดอุบัติเหตุ!" โดยไม่ต้องรอให้พี่ชายต้องถามอะไรอีกเคนก็รายงานต่อ

"น้องไม่เป็นไรแต่รถถูกชนเสียหายนิดหน่อย" จบคำสองพี่น้องก็รีบวิ่งเข้าห้องแต่งตัวโดยเร็ว


- ไจ่ไจ๋ -

"ปี๊นนนนน!!!!!" เสียงบีบแตรไล่ดังกังวานลั่นถนนทำให้ไจ่ไจ๋ถึงกับสะดุ้งรีบเข้าเกียร์แล้วออกรถโดยเร็ว

"จะรีบไปไหนของเค้านะ! ใจร้อนชะมัด!" ไจ่ไจ๋บ่นอุบพร้อมกับมองกระจกข้างไปด้วย ซักครู่หนึ่งรถยนต์คันที่ตามหลังมาก็แซงขึ้นมาขับคู่กับรถของไจ่ไจ๋แล้วบีบแตรใส่อย่างจงใจ

"จะหาเรื่องกันหรืองัย! ไปทำอะไรให้วะ!" ไจ่ไจ๋เหลือบมองรถคันข้างๆแล้วเอ็ดตะโรออกมาอย่างเริ่มโมโหขึ้นมาบ้าง

"ปี๊นนนนน!!!!" ไจ่ไจ๋บีบแตรใส่กลับไปบ้างแล้วเร่งเครื่องหนี แต่รถยนต์คันดังกล่าวก็ไล่จี้ตามมาติดๆ เมื่อเห็นดังนั้นไจ่ไจ๋จึงชะลอรถแล้วหักเข้าข้างทางในที่สุด รถคู่กรณีนั้นก็ทำท่าเหมือนจะจอดตามแต่แล้วก็ขับเลยไปเฉยๆพร้อมกับบีบแตรใส่อีก

"ประสาท!" ไจ่ไจ๋ตะโกนด่าอย่างเหลืออดแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเข้าเกียร์ออกรถต่อ

"ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ" เสียโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ไจ่ไจ๋ใช้มืออีกข้างควานหาแล้วกดรับขึ้นมา

"กำลังจะถึงแล้วหละ" ไจ่ไจ๋พูดไปตามสายเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนถามมา

"เออ! ใกล้แล้วหละ! กำลังจะเลี้ยวเข้ามหาลัยแล้วเนี่ย!" พูดต่ออย่างหงุดหงิดเมื่อโดนถามเซ้าซี้มากเข้า

"เดี๋ยวชั้นเดินไปหาพวกนายเอง! อีก 5 นาที!" พูดจบก็กดวางโทรศัพท์ทันที

"โทรจิกอยู่ได้! ถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ!" บ่นออกมาอย่างเริ่มรู้สึกหงุดหงิด แล้วหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าประตูมหาลัยทันที แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ไจ่ไจ๋ไม่อยากให้เกิดมากที่สุด

"โคร้มมม!!!" รถยนต์อีกคันเลี้ยวออกมาจากประตูดังกล่าวเช่นกันจึงประสานงากับรถยนต์ของไจ่ไจ๋เข้าเต็มๆ แต่ก็ไม่ได้ชนกันรุนแรงเท่าไรนัก

"เฮ้ยยยย!!!!" ไจ่ไจ๋เหยียบเบรกตัวโก่งแต่ก็ไม่ทัน ผ่านไปซักพักไจ่ไจ๋ก็เอามือกุมหัว

"โอ้ยยย.....ตายแล้ว....." ครางออกมาอย่างแผ่วเบาแต่แล้วก็รีบลงจากรถเพื่อดูว่าคู่กรณีนั้นได้รับบาดเจ็บหรือไม่ แต่เมื่อเดินลงมาแล้วไจ่ไจ๋ก็ชะงักไปเล็กน้อยเพราะรถยนต์คันดังกล่าวเป็นคันเดียวกับที่ไล่จี้เขามาเมื่อกี้นี้

"ขับรถประสาอะไรของคุณ! เลี้ยวเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือ!" ในไม่กี่อึดใจร่างของเจ้าของรถคันนั้นก็ก้าวลงมาพร้อมกับเสียงโวยวายเสียยกใหญ่ ไจ่ไจ๋มองเธออย่างอึ้งๆ

"อ๋อ! เธอเองหรอ? ขับรถอย่างกับเต่าคลาน! ใบขับขี่น่ะมีหรือเปล่า!?" แหวใส่ไจ่ไจ๋อีกอย่างไม่เกรงใจ

"นี่คุณ! เรื่องอะไรมาว่าผมฉอดๆแบบนี้หละ? ทางนี้มันทางเข้านะ! คุณเลี้ยวรถออกมาได้ยังงัย?" ไจ่ไจ๋ตอกกลับไปบ้าง แต่หญิงสาวคนนั้นยกมือขึ้นกอดอกอย่างไม่สนใจ

"ทางเข้าแล้วงัย? ก็ชั้นจะออกนี่! เธอมีปัญหางั้นหรอ?" ย้อนถามกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว

"มีสิ! คุณทำผิดกฎแล้วก็ชนรถผมเสียหาย! นี่แหละคือปัญหา!" แม้ปกติไจ่ไจ๋จะไม่ขึ้นเสียงกับผู้หญิงแต่ในเวลานี้เขาเองก็โกรธขึ้นมาเหมือนกัน

"ผมมีธุระนะ! แล้วก็ต้องเข้าเรียนด้วย! คุณทำให้ผมต้องเสียเวลา!" ไจ่ไจ๋เอ็ดใส่อย่างโมโห หญิงสาวคนนั้นยิ้มเล็กน้อย

"ใจเย็นเด็กน้อย.....ชั้นจะจ่ายค่าเสียหายให้เธอแน่ไม่ต้องห่วง......" ไจ่ไจ๋เหมือนถูกตบหน้าเข้าฉาดใหญ่ที่เธอเรียกเขาว่าเด็กน้อย

"คุณเรียกผมว่างัยนะ?" ไจ่ไจ๋ย้อนถามอย่างเอาเรื่อง

"เด็กน้อยงัย! เพราะดูท่าแล้วเธอคงเป็นเด็กปีหนึ่งใช่มั๊ย?" เธอยิ้มเยาะน้อยๆแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมายื่นให้

"จะโทรหาผู้ปกครองหน่อยมั๊ยหละ? เพราะดูท่าแล้วเธอคงไม่เคยจะเจอกับอุบัติเหตุแบบนี้ถึงได้หัวเสียนัก" ไจ่ไจ๋เม้มปากแน่นแล้วเบือนหน้าหนี

"ไม่ต้อง! ของผมมี!" ไจ่ไจ๋ตวัดเสียงแล้วเดินหนีไปอีกทางเพื่อโทรศัพท์หาพี่ชาย

"บอกผู้ปกครองด้วยนะว่าไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องค่าเสียหายน่ะชั้นจะจ่ายให้เธอไม่อั้น" พูดจบก็หัวเราะในลำคอเบาๆแล้วยกโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาคุยบ้าง

"ผู้หญิงแบบนี้ก็มีในโลกด้วยหรอเนี่ย?" ไจ่ไจ๋พึมพำพลางมองร่างของหญิงสาวด้วยสีหน้าบรรยายไม่ถูก อันที่จริงแล้วจะว่าไปหญิงสาวคนนั้นก็จัดว่าหน้าสะสวยทีเดียว ทั้งผิวพรรณหน้าตาก็บ่งบอกว่าคงเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล แต่เมื่อเห็นกิริยาท่าทางแล้วอาจทำให้หลายคนต้องเปลี่ยนความคิด

"พี่กลางหรอครับ?" ไจ่ไจ๋พูดกรอกลงไปในโทรศัพท์

"ผมเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย" เมื่อได้ยินเสียงของพี่ชายตอบรับไจ่ไจ๋ก็พูดต่อเพื่อไม่ให้พี่ชายตกใจ

"ผมไม่ได้เป็นอะไรแต่รถถูกชนเสียหายนิดหน่อย กำลังจะเจรจาต่อรองกันอยู่" เมื่อได้ยินเสียงพี่ชายสั่งเสียมาตามสายไจ่ไจ๋ได้แต่รับคำในลำคอ

"ครับ รีบๆมานะพี่" ไจ่ไจ๋กำชับพี่ชายแล้ววางสายไปก่อนที่จะต่อสายหาเพื่อนอีก

"ชั้นเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย อยู่หน้าทางเข้ามหาลัย" เมื่อเพื่อนรับไจ่ไจ๋ก็บอกกล่าวไป

"ชั้นไม่เป็นไร กำลังรอพี่ชายมาเจรจาอยู่" ไจ่ไจ๋พูดต่ออีก

"คู่กรณีเป็นผู้หญิงว่ะ เอาเรื่องน่าดู" ไจ่ไจ๋บอกรายละเอียดหลังจากที่ได้ยินคำถาม

"โอเค! ยังงัยก็ขอบใจมาก!" ไจ่ไจ๋เอ่ยขอบคุณเมื่อเพื่อนบอกว่ากำลังจะมาหา

"ว่างัยเด็กน้อย? ผู้ปกครองดุหรือเปล่า?" หญิงสาวคนนั้นเดินเข้ามาถามด้วยแววตาขบขัน ไจ่ไจ๋มองหน้าเธอนิ่งๆแล้วมองไปที่รถยนต์ทั้งสองคัน

"ผมว่าเราไปเลื่อนรถกันก่อนดีกว่า คนอื่นเขาจะได้ไม่เดือดร้อน" ไจ่ไจ๋พูดเสียงเรียบๆแล้วทำท่าจะเดินไปเลื่อนรถแต่หญิงสาวก็ขัดไว้ก่อน

"จะเลื่อนได้ยังงัย? ประกันยังไม่มารูปก็ยังไม่ได้ถ่ายเดี๋ยวเขาจะไม่จ่ายเธอนะเด็กน้อย" เธอพูดพร้อมกับรอยยิ้มเป็นเชิงล้อเลียนเขานิดๆ

"ความเสียหายแค่นี้ผมคงมีปัญญาจ่ายเองได้ แต่ถ้ายังรอจนกว่าประกันมาเดี๋ยวคนอื่นเขาจะด่าแม่เอานะคุณ" พูดจบไจ่ไจ๋ก็เดินเลยไปที่รถแล้วเลื่อนออกมาจอดไว้ข้างทาง หญิงสาวมองแต่ไม่นึกจะทำตามเช่นนั้นเลย

"ไจ่ไจ๋" กลุ่มชายหนุ่มประมาณ 3-4 คนเดินไปหาไจ่ไจ๋พลางไถ่ถามเรื่องราว

"โน้นงัยหละ! ผู้หญิงอะไรวะ? ไม่เคยพบเคยเห็น" ไจ่ไจ๋ผงกหัวไปทางหญิงสาวที่ยืนเชิดหน้าไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

"เฮ้ย! นั่นมันรุ่นพี่ที่ชมรมเรานี่หว่าไจ่ไจ๋!" เพื่อนคนหนึ่งร้องอุทานขึ้นมา ไจ่ไจ๋ได้ยินก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

"รุ่นพี่เราหรอ?" ไจ่ไจ๋ย้อนถามกลับแล้วมองเธอพลางทำหน้าเบ้

"อยู่ปีอะไรวะ?" ย้อนถามกลับไปสายตาก็ยังคงจับจ้องเธออยู่

"ปี 3 ...ฝีมือวาดภาพสุดยอดเลยนะโว้ย! ภาพวาดของเขาน่ะชนะการประกวดที่ประเทศอิตาลีเชียวนะ" เพื่อนคนเดิมยังพูดต่อแล้วมองไปทางหญิงสาวด้วยสายตาชื่นชม

"ยัยคนนี้เนี่ยนะ!" ไจ่ไจ๋อุทานออกมาอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

"เธอจะขนเพื่อนมาเกทับชั้นหรืองัยเด็กน้อย?" หญิงสาวก้าวเข้ามาพร้อมกับเอ่ยปากขึ้น ไจ่ไจ๋ชักสีหน้าใส่ทันที


"อ้าว! เธอเป็นรุ่นน้องที่ชมรมชั้นหนิ ไอ้เด็กนี่น่ะเพื่อนเธอหรอ?" หญิงสาวหันไปถามเพื่อนของไจ่ไจ๋

"เอ่อ....ครับ.....เพื่อนผมเอง เขาก็อยู่ชมรมศิลปะด้วยเหมือนกัน" เพื่อนไจ่ไจ๋ตอบรับแล้วขยายความให้หญิงสาวฟัง

"อ้อ! งั้นเธอก็เป็นรุ่นน้องชั้นสินะ เด็กน้อย" เธอหันมาพูดกับไจ่ไจ๋แล้วยิ้มยียวนให้ ไจ่ไจ๋เม้มปากแล้วหันหลังหนีทันที

"เธอปฏิบัติกับรุ่นพี่แบบนี้หรืองัย? อยากอยู่แบบไม่สงบสุขงั้นหรอ?" เธอเอ่ยปากท้าทาย ไจ่ไจ๋หันขวับกลับมา

"ผมไม่มีทางที่จะนับถือคนที่นิสัยแย่ๆอย่างคุณเป็นรุ่นพี่แน่ๆ คุณไม่ต้องมาขู่ผมซะให้ยาก!" ไจ่ไจ๋พูดตอบโต้เสียงกร้าว

"ไจ่ไจ๋" บรรดาเพื่อนๆต่างเอ่ยปากเตือน เพราะไม่อยากให้เพื่อนมีเรื่อง

"ดีหนิ....รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้!" เธอเหยียดริมฝีปากแล้วเชิดหน้าใส่

"ผมรังแกคุณงั้นหรอ!?" ไจ่ไจ๋ย้อนถามเสียงสูงอย่างคาดไม่ถึงว่าเธอจะต่อว่าเขาแบบนี้

"ใช่สิ! พาเพื่อนมาเยอะแยะแบบนี้เพื่อที่จะข่มชั้นใช่มั๊ยหละ?" เธอเถียงกลับเสียงแหลมเช่นกัน

"ขอโทษทีนะ! เพื่อนผมเขาก็แค่เป็นห่วงเลยออกมาดูก็เท่านั้นเอง มีแต่พวกไร้สมองเท่านั้นแหละที่แปรความหวังดีของคนอื่นไปในทางที่เสียหายแบบคุณเนี่ย!" หญิงสาวแทบกรี๊ดเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอชี้หน้าไจ่ไจ๋อย่างแค้นเคือง

"แล้วไอ้คนอย่างคุณเนี่ยก็คงไม่รู้จักคำว่าเพื่อนด้วยหละมั้ง?" ไจ่ไจ๋ย้อนแล้วยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เขานึกว่าคงได้เห็นเธอโกรธจนแทบเต้นแต่ผิดคาดเพราะเธอได้แต่เม้มปากแน่น

"เฮ้ย! ไจ่ไจ๋.....ไม่เอาหน่า!" เพื่อนของเขาตบไหล่เบาๆเป็นเชิงเตือน ไจ่ไจ๋เบือนหน้าหนี

"ยอมๆเขาไปเถอะ ยังงัยเขาก็เป็นผู้หญิง" เพื่อนอีกคนปลอบใจเบาๆด้วยรู้ว่าไจ่ไจ๋รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากเพราะไม่บ่อยนักที่ไจ่ไจ๋จะเอ่ยปากต่อว่าใครตรงๆแบบนี้ ผ่านไปซักครู่เคนกับแวนเนสก็มาถึง

"ไจ่ไจ๋! เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า?" เคนวิ่งเข้าไปหาน้องแล้วมองสำรวจตรวจตราอย่างเป็นห่วง

"ผมไม่เป็นไรครับพี่กลาง" ไจ่ไจ๋บอกพี่ชาย

"ตกใจมากหรือเปล่า?" แวนเนสรั้งร่างน้องชายเข้ากอดเพื่อปลอบใจ

"ไม่ครับพี่รอง" ไจ่ไจ๋ปฏิเสธแล้วกอดพี่ชายตอบก่อนที่จะหันไปทางเพื่อนๆ

"นี่พี่ชายชั้น....คนนี้พี่ชายคนรอง คนนี้พี่ชายคนกลาง" ไจ่ไจ๋แนะนำพี่ชายให้เพื่อนๆ

"สวัสดีครับ" เพื่อนของไจ่ไจ๋ต่างเอ่ยทักทายเคนและแวนเนส

"พี่นายคนนี้ใช่มั๊ยที่เป็นดาราน่ะ" หนึ่งในกลุ่มเพื่อนเอ่ยถามขึ้น

"ใช่.....คนนี้แหละ" ไจ่ไจ๋เริ่มยิ้มออก เคนและแวนเนสก็ทักทายเพื่อนๆของน้องนิดหน่อย

"พวกนายเข้ามหาลัยไปก่อนเถอะ ไว้เสร็จเรื่องแล้วชั้นจะโทรหา ขอบใจมากที่ออกมาอยู่เป็นเพื่อน" ไจ่ไจ๋เอ่ยปากกับกลุ่มเพื่อนของเขา

"ขอบใจมากนะ!" เคนกับแวนเนสเอ่ยขอบคุณด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นเพื่อนๆของไจ่ไจ๋ต่างพากันกลับเข้ามหาลัยไป

"ผมเลื่อนรถออกมาแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่าพี่?" ไจ่ไจ๋เอ่ยปากถามพี่ชายทั้งสองคน

"ไม่เป็นไรหรอก ดีแล้วที่เลื่อนรถออกมาไม่งั้นคนอื่นเขาจะเดือดร้อน" แวนเนสบอกน้องชายแล้วพากันไปดูความเสียหายที่รถ

"ก็แค่บุบนิดหน่อย แล้วคู่กรณีหละ? เป็นอะไรมากหรือเปล่า?" เคนเอ่ยถามถึงคู่กรณีด้วย ไจ่ไจ๋ทำหน้าเซ็งแล้วผงกหัวไปทางหญิงสาวที่ยืนกอดอกมองเขาอยู่

"สวยซะด้วย!" แวนเนสยิ้มออกมานิดๆพลางพึมพำเบาๆ

"เดี๋ยวจะฟ้องกลอเรีย!" เคนกระซิบแหย่พี่ชายบ้าง แวนเนสจึงเอื้อมมือผลักหัวน้องเบาๆ ก่อนที่จะได้คุยอะไรกันอีกรถเก๋งคันหรูก็เลี้ยวเข้ามาจอดต่อจากรถของไจ่ไจ๋แล้วหญิงสาววัยทำงานคนหนึ่งก็ลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว

"มี่เฟิง! แกจะไม่หาเรื่องให้ชั้นซักวันได้มั๊ย!?" หญิงสาวคนนั้นเดินดุ่มๆเข้าไปต่อว่าหญิงสาวที่อ่อนวัยกว่าอย่างไม่ไว้หน้า ทำให้สามพี่น้องถึงกับอึ้งไป

"ใครใช้ให้พี่มาหละ? ชั้นบอกให้เด็กที่บ้านมาจัดการต่างหาก!" หญิงสาวที่ถูกเรียกว่ามี่เฟิงเถียงกลับอย่างไม่สนใจ

"เรื่องแบบนี้แกจะให้เด็กที่บ้านมาจัดการงั้นหรอ!? ใครมันจะไปจัดการให้แกได้นอกจากชั้นน่ะ!" ผู้สูงวัยกว่าแหวใส่ผู้เป็นน้องสาวอย่างเหลืออด

"นั่นสินะ....พี่เลยเสียเวลาไป....น่าจะประมาณ 2 ชั่วโมง ทำให้สูญเสียรายได้ไปหลายแสนเลยหละมั้ง?" เธอย้อนคำพี่สาวอย่างไม่เกรงกลัว

"แก!" ฝ่ามือถูกเงื้อนขึ้นแต่ก็ชะงักไปเพราะยังพอคุมอารมณ์ได้อยู่

"ชั้นไม่อยากจะเถียงกับแกแล้ว! หุบปากไปเลย!" พูดจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเหลือบตามองสามพี่น้องที่ยืนมองอย่างอึ้งๆ

"รถเสียหายมากมั๊ย?" เธอสาวเท้าก้าวเข้ามาหาพี่น้องทั้งสามคนแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนผิดกับที่พูดกับน้องสาวราวฟ้ากับดิน

"ไม่เสียหายมากหรอกครับ ก็แค่บุบนิดหน่อย" เคนตอบอย่างสุภาพแล้วมองเลยไปทางมี่เฟิงที่เดินตามพี่สาวเข้ามา

"เด็กน้อย....เธออยากเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ก็ตามสบายเลยนะ เรียกค่าทำขวัญด้วยก็ได้ เพราะชั้นคงทำเธอตกใจแย่เลย" เธอพูดกับไจ่ไจ๋พร้อมกับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

"นี่คุณ! ผมไม่ใช่คนฉวยโอกาสแบบนั้นนะ! เงินของคุณน่ะผมไม่ต้องการหรอก!" ไจ่ไจ๋เองก็ตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า

"ไจ่ไจ๋! อย่าเสียมารยาท!" เคนเอ่ยเตือนน้องชายขึ้นมาทันที

"เอ่อ....ขอโทษครับ...." ไจ่ไจ๋ก้มหัวให้พี่สาวของมี่เฟิง

"ไม่ต้องหรอกจ๊ะ น้องสาวชั้นก็ปากไม่ดีแบบนี้แหละ" หญิงสาวว่ากระทบน้องสาวตัวเองกลายๆ

"พี่! ชั้นน่ะน้องสาวพี่นะ! ทำไมไปเห็นไอ้หน้าละอ่อนมันดีกว่าน้องหละ?" มี่เฟิงต่อว่าพี่สาวอย่างนึกโกรธ

"ก็แกเป็นอย่างนั้นจริงมั๊ยหละ? แล้วมันเรื่องอะไรถึงได้ไปเรียกน้องเขาแบบนั้น? ขอโทษเขาเดี๋ยวนี้นะ!" ผู้สูงวัยกว่าเสียงเกรี้ยว แต่น้องสาวกลับสะบัดหน้าหนี

"มี่เฟิง! แกจะลองดีกับชั้นใช่มั๊ย?" จบคำนิ้วมือเรียวก็ตบเข้าที่หน้าของน้องสาวเต็มแรง

"เพี๊ยะ!!!" สามหนุ่มอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึง มี่เฟิงเม้มปากแน่นแล้วจ้องมองพี่สาวด้วยแววตาแข็งกร้าว

"เอ่อ....ผมว่าค่อยๆคุยกันดีกว่ามั๊ยครับ? อย่าลงไม้ลงมือกันเลย" เคนเอ่ยปากไกล่เกลี่ย

"คุณไม่ต้องทำตัวเป็นสุภาพรุษหรอก! แล้วถ้าอยากคุยก็เชิญกันตามสบาย!" พูดใส่หน้าเคนเต็มๆแล้วหันไปโบกแท็กซี่จากไปทันที

"มี่เฟิง!!!" ผู้เป็นพี่ตะเบงเสียงเรียกน้องสาวก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ

"ชั้นขอโทษแทนน้องด้วย แกเป็นเด็กกร้าวร้าวแบบนี้แหละ" เธอพูดอย่างเหนื่อยหน่ายแล้วก้มลงมองความเสียหายที่รถยนต์ของไจ่ไจ๋

"มี่เฟิงบอกชั้นแล้วว่าแกเลี้ยวออกตรงทางเข้าเลยชนกับเธอเข้าให้ เอาเป็นว่าชั้นจะรับผิดชอบค่าซ่อมแซมทั้งหมดเอง เอารถเข้าอู่ได้เลย" เธอบอกพร้อมกับหยิบนามบัตรออกมาส่งให้ไจ่ไจ๋

"เอ่อ.....ไม่เป็นไรหรอกครับ ทางเราก็มีประกัน ผมว่าต่างคนต่างซ่อมดีกว่าไม่ต้องชดใช้อะไรให้หรอกครับ เพราะทางคุณก็เสียหายเหมือนกัน อีกอย่างน้องเค้าคงไม่ได้ตั้งใจ" แวนเนสเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ

"ขอบคุณมากนะคะที่ไม่เอาเรื่อง แต่ยังงัยให้ชั้นจ่ายค่าเสียเวลาให้ก็แล้วกันนะคะ" พูดจบก็หยิบกระเป๋าตังค์ออกมา

"ไม่ต้องครับ เราไม่ได้เสียเวลาอะไร เอาเป็นว่าจบเรื่องแค่นี้ดีกว่า" แวนเนสปฏิเสธอีก

"แค่น้องชายผมปลอดภัยก็พอแล้วหละครับ" หญิงคนนั้นได้ยินก็ชะงักไปเล็กน้อยก่อนที่จะพยักหน้ารับ

"ยังงัยก็ฝากขอโทษแทนน้องสาวด้วยนะคะ" เธอก้มหัวให้สามพี่น้องอีกครั้ง

"ไม่เป็นไรครับ" ทั้งสามคนก้มหัวรับตามมารยาท

"งั้นช่วยรับนามบัตรนี้ไปด้วยเถอะค่ะ เผื่อน้องผู้ชายเกิดอาการบาดเจ็บขึ้นมาภายหลังพวกคุณก็ติดต่อกลับมา ชั้นจะรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลให้" เธอยังคงยัดเยียดนามบัตรให้ เคนไม่อยากขัดความตั้งใจของเธอจึงรับไว้ตามมารยาท

"งั้นพวกผมขอตัวเลยแล้วกัน" พูดจบเคนก็หันไปพยักหน้ากับพี่น้อง

"วันนี้นายไม่ต้องเรียนแล้วหละ โทรบอกเพื่อนให้เก็บงานไว้ให้ก็แล้วกัน" แวนเนสบอกน้องชายเบาๆ

"ครับ" ไจ่ไจ๋รับคำอย่างว่าง่ายแล้วหยิบโทรศัพท์มาต่อหาเพื่อนตามนั้น

"เสี้ยวเทียน.....เดี๋ยวนายพาน้องกลับไป ส่วนคันนี้เดี๋ยวชั้นจะขับกลับเอง" แวนเนสหันไปสั่งแล้วแบมือขอกุญแจจากน้องชาย

"กลับบ้านกัน" เคนกอดคอน้องชายแล้วพาเดินไปที่รถของตัวเอง ส่วนแวนเนสก็เดินแยกไปที่รถอีกคันเช่นกัน


- ที่บ้าน -

"พี่ใหญ่กลับมาแล้ว" ไจ่ไจ๋บอกพี่ชายอีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เคนกับแวนเนสหันไปมองพี่ชายที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในบ้าน

"พี่ใหญ่!" น้องชายทั้งสามคนเอ่ยทักพี่ชายขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

"อืม" เจอร์รี่พยักหน้ารับแล้วหันไปมองหน้าแวนเนสเป็นคนแรก

"เรื่องแบบนี้ใครจะไปห้ามได้หละ? เราระวังแล้วแต่คนอื่นไม่ระวังด้วยหนิ" แวนเนสเถียงขึ้นมาก่อนที่พี่ชายจะทันได้พูดอะไร เมื่อเป็นเช่นนั้นไจ่ไจ๋จึงพูดต่อทันที

"นั่นสิพี่ใหญ่ ผมไม่ได้ขับรถผิดกฎนะ ก็ยัยคนนั้นน่ะดันเลี้ยวรถออกมาตรงทางเข้าผมก็เบรกไม่ทันน่ะสิ แล้วอีกอย่างเค้าเป็นฝ่ายชนผมด้วยนะ" ไจ่ไจ๋ยกเหตุผลขึ้นมาอ้าง

"ใช่! แล้วไอ้อุบัติเหตุครั้งนี้มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร นายอย่าไปว่ามันสองคนเลยนะ" เคนช่วยพี่น้องด้วยอีกแรง พี่ใหญ่มองน้องชายทั้งสามคนสลับกันไปมาแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

"พี่ยังไม่ทันว่าอะไรใครเลยซักคำ พวกนายร้อนตัวกันเกินไปหรือเปล่า?" พี่ใหญ่ส่ายหัวไปมาแล้วเดินมาทรุดตัวนั่งลงกับน้องๆด้วย ได้ยินดังนั้นสามพี่น้องก็หันไปสบตากัน

"ก็ผมเห็นพี่ใหญ่ทำหน้าดุมาแต่ไกลเลย" น้องเล็กเอ่ยขึ้นมาแล้วขยับเข้าไปกอดแขนพี่ชายอย่างประจบประแจง

"พี่ทำหน้าดุที่ไหน? หน้าพี่ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วหนิ" เจอร์รี่เถียงแล้วโอบไหล่เจ้าน้องชายตัวดีไว้

"เป็นงัยบ้างเรา? เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า?" เอ่ยถามน้องอย่างเป็นห่วงพลางเชยคางน้องขึ้นแล้วพลิกซ้ายทีขวาที

"ไม่เป็นไรหรอกครับ เจ็บอยู่ที่เดียวตรงนี้อ่ะ!" น้องเล็กหน้ามุ่ยพลางเอามือตบลงไปที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง

"อ้าว! นายเจ็บหน้าอกหรอ? ไหนบอกไม่ได้กระแทกอะไรงัย!" เคนทำตาโตพลางโวยวายไปด้วย

"นั่นสิ! แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก ไม่งั้นพี่ไม่ยอมง่ายๆแบบนี้หรอก!" แวนเนสเองก็โวยขึ้นมาด้วย

"หน้าอกถูกกระแทกหรอ? แล้วเจ็บนานหรือยัง?" พี่ใหญ่ถามขึ้นอีก ไจ่ไจ๋มองพี่ชายสามคนไปมาพลางทำตาปริบๆ

"เปล่า....ผมไม่ได้เจ็บหน้าอก เพียงแต่เจ็บใจก็เท่านั้นเอง!" น้องเล็กให้ความกระจ่างแก่บรรดาพี่ชายทั้งสามคน

"อ้าว!" สามพี่น้องอุทานออกมาพร้อมกัน

"ทำไมถึงเจ็บใจหละ? เพราะไม่ได้ค่าทำขวัญหรอ?" เจอร์รี่ย้อนถามพลางลูบหัวน้องชายไปด้วย

"ไม่ใช่ครับ แต่เจ็บใจยัยผู้หญิงคนนั้นน่ะ" เมื่อคิดไปถึงหญิงสาวคนนั้นแล้วไจ่ไจ๋ก็อดที่จะนึกเคืองขึ้นมาไม่ได้

"ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้! มารยาทต่ำมาก! ปากเสียอีกต่างหาก!" ไจ่ไจ๋ว่าด้วยสีหน้าแค้นเคือง

"อ๊ะ! ทำไมปากร้ายแบบนี้หละ? พี่เคยสอนให้ด่าว่าใครแบบนี้ด้วยหรอ?" พี่ใหญ่ดุน้องเข้าให้

"พี่ใหญ่....พี่ต้องไปเห็นเองแล้วจะรู้ ไม่เชื่อถามพี่รองกับพี่กลางดูก็ได้" น้องเล็กครางเสียงอ่อย

"ก็จริงของมัน ยัยเด็กคนนั้นน่ะสุดๆเลย พูดใส่หน้าชั้นแบบไม่เกรงใจด้วยเป็นน้องเป็นนุ่งนะตีตายไปแล้ว" เคนเห็นด้วยกับน้องชาย

"ใช่! รู้สึกว่าเด็กคนนั้นจะเรียกไจ่ไจ๋ว่างัยนะ? .....อืม.....เด็กน้อย.....ใช่มั๊ย?" ได้ยินดังนั้นพี่ใหญ่ก็หลุดขำออกมา

"พี่รอง! ไม่ต้องย้ำก็ได้! พี่ใหญ่! ขำอะไรครับ?" น้องเล็กเงยหน้ามองพี่ชายอย่างเอาเรื่อง

"เปล่าๆๆๆ.....พี่ว่าเขาคงนึกเอ็นดูนายหรอกถึงได้เรียกแบบนั้น" เจอร์รี่พูดพลางหัวเราะไปด้วย

"เอ็นดูบ้าอะไร! ยัยนั้นน่ะมัน...." ไจ่ไจ๋ยังพูดไม่ทันจบก็ชะงักไปเพราะเห็นพี่ชายจ้องตาเขม็ง

"ผู้หญิงคนนั้นน่ะเขาหาเรื่องผมมาตั้งแต่ตอนที่อยู่สี่แยกแล้ว บีบแตรไล่อยู่ได้แถมยังขับรถแซงขึ้นมาบีบแตรใส่อีก คนดีๆใครเค้าทำกัน? สงสัยจะเป็นโรคจิต!" ไจ่ไจ๋เปลี่ยนสรรพนามที่พูดถึงบุคคลภายนอกซะใหม่แต่ไม่วายแอบด่าตบท้ายอีกด้วย เคนกับแวนเนสนั่งหัวเราะคิกคักกับคำบอกเล่าของน้องชาย

"นี่! เราสองคนเนี่ยนะชอบไปให้ท้ายน้องอยู่เรื่อย!" พี่ใหญ่หันไปดุน้องอีกสองคนด้วย

"เรื่องมันแล้วไปแล้วก็อโหสิให้เขาไปเถอะ! โกรธไปเราก็ทุกข์ใจเปล่าๆ" พูดปลอบน้องเล็กอย่างอ่อนโยน

"ก็ไม่ได้อยากคิดหรอกครับ แต่ผู้หญิงคนนั้นเขาเป็นรุ่นพี่ที่ชมรมด้วยอ่ะ" ไจ่ไจ๋ยังหน้ามุ่ยไม่หาย

"อ้าว! ชะรอยซะหละมั้งน้องเรา!" แวนเนสพูดแทรกขึ้นมา

"ผมไม่ชายตาแลผู้หญิงประเภทนั้นหรอกพี่รอง! แต่ถ้าเป็นแบบพี่กลอเรียก็ว่าไปอย่าง!" ตอกกลับพี่ชายหน้าตาย แวนเนสทำตาโตแล้วชี้หน้าน้องชายตัวดี

"นี่! เล่นด้วยแล้วลาม! อะไรของใครให้มันรู้ซะมั่ง!" เจอร์รี่ได้ยินก็หันไปผลักหัวแวนเนสอย่างหมั่นไส้

"นายไปเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเค้าตั้งแต่เมื่อไหร่? ระวังเถอะน้ำตาจะเช็ดหัวเข่าเข้าซักวัน!" ไจ่ไจ๋กับเคนหันไปแปะมือกันพลางหัวเราะชอบใจ

"ทำไมอวยพรกันแบบนี้หละ?" แวนเนสทำหน้ามุ่ยใส่พี่ชาย

"พี่ใหญ่เตือนเฉยๆ" เจอร์รี่หยิกแก้มน้องชายยิ้มๆ

"แล้วตกลงรถเอาไปซ่อมหรือยัง?" พี่ใหญ่เปลี่ยนเรื่องมาถามถึงรถยนต์บ้าง

"เอาไปเข้าอู่แล้วหละ ประมาณอาทิตย์นึงคงเสร็จ" แวนเนสตอบ

"เดือนนี้พวกพี่หักค่าขนมของผมไปก็ได้ เพราะอย่างน้อยผมก็ควรมีส่วนรับผิดชอบเรื่องค่าซ่อมแซมรถบ้าง" ไจ่ไจ๋เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"โถ....ใครจะไปหักค่าขนมน้องรักของพี่ได้ลงคอ? ยิ่งเป็นเด็กวัยกำลังกินกำลังนอนอย่างนี้ด้วยแล้วเดี๋ยวไม่โตกันพอดี" แวนเนสเอื้อมมือไปโยกหัวเจ้าน้องชายตัวดีอย่างเอ็นดู

"พี่รองอ่ะ!" น้องเล็กครางออกมาเพราะรู้ว่าพี่ชายกำลังจะว่าเขาเหมือนเด็กน้อยตามที่หญิงสาวคนนั้นว่า

"ใช่! นายไม่ต้องคิดมากหรอก รถของใครคนนั้นก็ต้องซ่อมเองเป็นธรรมดา!" เคนพูดแก้แค้นให้น้อง

"อ้าว! เอางี้เลยหรอ?" แวนเนสครางออกมา

"งั้นขอบคุณมากนะครับพี่รอง!" ไจ่ไจ๋รีบลุกไปกอดคอพี่ชายแบบมัดมือชก

"เฮอะ! ร้ายชะมัด!" แวนเนสเคาะหัวน้องเบาๆแต่ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

"ยังงัยพี่ก็เชื่อว่าพี่ใหญ่คงไม่นิ่งดูดายให้น้องควักกระเป๋าจ่ายคนเดียวหรอก!" แวนเนสเอ่ยปากขึ้นกลายๆ

"พี่เห็นด้วยกับที่เสี้ยวเทียนพูดนะ รถใครคนนั้นก็ต้องซ่อมเอง" พี่ใหญ่ลอยหน้าลอยตาพูด

"โหย! ใจร้ายชะมัด!" แวนเนสพึมพำเบาๆ

"หึๆๆๆ.....ไปเอารถวันไหนก็บอกพี่ใหญ่แล้วกัน! แบบนี้พอใจมั๊ยไอ้ตัวแสบ?" ว่าพลางบีบจมูกน้องอย่างนึกหมั่นไส้

"ค่อยยังชั่ว!" แวนเนสว่าแล้วยิ้มหวานให้พี่ชาย

"ผมขอโทษนะครับที่ทำให้พวกพี่ต้องวุ่นวายกันอีกแล้ว" น้องเล็กกลับมานั่งลงที่เดิมพร้อมกับเอ่ยปากขอโทษ

"ไม่เป็นไรหรอกไจ่ไจ๋ พวกพี่ไม่มีใครถือโทษโกรธนายเลยซักคน" เคนกอดคอน้องชายแล้วพูดปลอบ

"แต่จู่ๆพวกพี่ก็ยังต้องเสียเงินเงียทองเพราะผม รู้สึกไม่ดีเลย" น้องเล็กหน้าเศร้าลง

"คิดมากหน่า! พวกพี่ไม่เคยคิดเสียดายเงินทองพวกนั้นหรอก" แวนเนสปลอบน้องด้วยอีกคน

"ใช่....ขอแค่นายปลอดภัยต่อให้พี่ต้องเสียเงินจนหมดตัวพี่ก็ยอม เพราะนายน่ะสำคัญกับพี่มากกว่าเงินทองนะ เลิกคิดมากได้แล้วไอ้ตัวยุ่ง!" พี่ใหญ่พูดจบก็ดึงน้องเล็กเข้ามากอดไว้

"ขอบคุณมากครับ" ไจ่ไจ๋บอกแล้วซุกหน้าลงกับอกของพี่ชายอย่างอุ่นใจ





Create Date : 07 มกราคม 2550
Last Update : 7 มกราคม 2550 17:40:23 น. 0 comments
Counter : 922 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 
 

loving_zai
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




[Add loving_zai's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com