อาการปวดหัวคงเป็นอาการที่หลายๆคนเคยเป็นมาแล้ว มากบ้างน้อยบ้างแต่คนที่ปวดหัวแบบไมเกรน (Migraine) คงเถียงว่าลองมาเป็นไมเกรนบ้างแล้วจะรู้ว่า ปวดหัวมากกับมากที่สุดเป็นยังไงคนที่เป็นไมเกรนมักจะปวดหัวข้างเดียวอย่างรุนแรง เป็นจังหวะตุบๆอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไวต่อแสงและ เสียง ซึ่งอาจทำให้อาการแย่ลงไม่สามารถรวบรวมสมาธิทำอะไรได้เดี๋ยวนี้ไมเกรน แบ่งเป็นแบบที่มี ออร่า (aura) กับไม่มี ออร่า นำแบบที่มี ออร่า คือ อาจเห็นแสงวูบวาบ เป็นจุด เป็นคลื่น นำมาก่อนมีอาการปวด หรือระหว่างที่ปวดหรือไม่อย่างนั้นก็สูญเสียการมองเห็นบางส่วนถ้าไม่ทำอะไรเพื่อช่วยลดอาการปวด อาการก็จะทุเลาลงในเวลา 4-72 ชั่วโมงพวกที่ปวดเกินเดือนละ 1 5 วัน นานกว่า 3 เดือนนี่จัดว่าเป็นไมเกรนเรื้อรังปัจจัยที่กระตุ้นการเกิดไมเกรนก็มีมากมายตั้งแต่สภาพร่างกายตัวเอง เช่น ความเครียด นอนน้อย นอนมากไป มีประจำเดือน หมดประจำเดือน อ่อนเพลียสิ่งแวดล้อม เช่น แสงไฟกระพริบวูบวาบ เสียงดัง กลิ่นแรง กลิ่นบุหรี่ อากาศเปลี่ยนอาหาร เช่น แอลกอฮอล์ กาแฟ ช็อกโกเลต (แย่แน่เรา ถ้าเป็นโรคนี้) ส้ม กล้วย อาหารที่ทำจากนม ชีส ผงชูรส สารแต่งรสหวานเทียม ไวน์ยาบางตัว เช่น ยาคุมกำเนิดถ้าเป็นน้อยๆก็อาจใช้ยาพวกพาราเซตามอล แอสพริน แคฟเฟอีนการใช้ยาในกลุ่ม triptans ก็ได้ผลดีภายใน 2-4 ชั่วโมงสามารถเปลี่ยนไปใช้ตัวอื่นในกลุ่มนี้ได้ ถ้าใช้ตัวใดตัวหนึ่งแล้วไม่ได้ผลErgotamine tartrate และ Dihydroergotamine ก็เป็นยาที่ได้ผลดีในการรักษาตัวหลังนี้สามารถให้ในรูปแบบยาพ่นจมูกได้ในขณะที่ตัวแรกเป็นยากิน และมีรูปแบบฉีดใต้ผิวหนังด้วย แต่ไม่ใช่แบบพร้อมฉีดจึงไม่ค่อยสะดวกถ้าผู้ป่วยจะฉีดเองยาที่ป้องกันการเกิดไมเกรนมีหลายตัวด้วยกันขึ้นกับการตอบสนองของผู้ป่วยแต่ละคนบอกไม่ได้ว่าตัวไหนดีที่สุด ขนาดเท่าใดจะเหมาะสม ต้องดูในผู้ป่วยเป็นรายๆไปตัวอย่าง เช่น - การใช้ยากลุ่ม Beta blockers เช่น propranolol, timolol(ตัวอื่นก็มีรายงานว่าได้ผลดีเช่นกัน)- ยาในกลุ่มต้านการชัก- Calcium channel blockers- ยาต้านอาการซึมเศร้ากลุ่มที่เป็น Tricyclic antidepressants- Ergot Alkaloids อย่างเช่น Ergotamine tartrate หรือ Cafergot, Methysergideหลายๆตัว มีผลข้างเคียงเกี่ยวกับหลอดเลือดและหัวใจ ซึ่งสมควรใช้โดยการสั่งจ่ายของแพทย์เท่านั้นไม่ควรหาซื้อมากินเองค่ะ