Group Blog
 
All blogs
 
สะเก็ดเงิน... ชื่อเพราะๆที่ไม่มีใครอยากเป็น






โรคสะเก็ดเงิน หรือ เรื้อนกวาง (Psoriasis) เป็นโรคที่เรียกว่า wax and wane
คือเป็นๆหายๆ เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป กำเริบบ้าง สงบบ้าง สลับกันไป
ไม่หายขาด เป็นเรื้อรัง แต่ก็อาจสงบหายไปได้เป็นปีๆ ก่อนจะกำเริบใหม่

คนไข้คงอยากเรียกว่าโรคกรรมโรคเวร
เพราะเป็นสิ่งที่เวลาเป็น มองเห็นทีไรก็สร้างความหงุดหงิด รำคาญใจว่าเราเป็นอะไร
กลัวใครๆรังเกียจ
เป็นมากๆเข้าก็เครียด เลยยิ่งพาลเป็นมากขึ้น
เพราะปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เป็นมากขึ้นคือความเครียด และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง

แต่ยังมีอีกหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น การติดเชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียบางชนิด
การใช้ยาบางตัวเช่น ยาโรคหัวใจในกลุ่มเบต้าบล็อคเกอร์ ยาต้านมาลาเรีย หรือยาต้านการอักเสบพวก NSAIDs



อาการที่เป็น มักแสดงออกที่ผิวหนัง อาจเป็นผื่นแดง
มีสะเก็ดสีขาวเงิน เป็นขุยๆ ถึงได้เรียกสะเก็ดเงิน
พอหลุดออกไปก็จะมีเลือดออกเป็นจุดๆ

บางทีเป็นผื่นหนา แข็ง เป็นแผ่นๆ
แบบนี้เวลาทายาอาจต้องใช้ยาที่ทำให้ผิวหนังแข็งๆหลุดลอกออกก่อน
ยาจะได้ดูดซึมไปออกฤทธิ์ได้ดีขึ้น
พวกนี้มักเป็นที่ศอก เข่า หนังศีรษะ ลามไปที่ตัว แขน ขา หน้า หู มือ เท้า เล็บ

บางคนเป็นจุดๆสีแดง ทั่วตัว

บางครั้งอาจมีอาการอักเสบของข้อร่วมด้วย


โรคนี้ไม่ติดต่อ แต่คนทั่วไปก็มักจะไม่ทราบและหลีกเลี่ยงผู้ป่วย
พบว่าคนในครอบครัวเดียวกันมักมียีนบางตำแหน่งที่แสดงการเกิดโรคนี้
โดยเฉพาะแบบที่มีข้ออักเสบ มีสิทธิ์เป็นได้มากกว่าคนที่ครอบครัวไม่เป็น



โรคสะเก็ดเงินเกิดจากการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับ T-lymphocytes (T-cells)
โดยที่ T-cells ที่ถูกกระตุ้นจะหลั่งสารที่เรียกว่า Cytokines ออกมา
ทำให้เกิดการแบ่งตัวของเซลล์ผิวหนังและการผลัดผิวอย่างรวดเร็ว
ก็เลยเห็นอาการผิวหนังเป็นขุย เป็นแผ่น หนา ลอก

ดังนั้นการรักษาก็คือจัดการกับระบบอิมมูนที่ผิดปกติซะ
เช่นการใช้สเตียรอยด์ หรือยาที่ทำให้การผลัดผิวเป็นปกติมากขึ้น
การรักษาจะแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นกับความรุนแรงของโรค การตอบสนองของผู้ป่วย และการทนต่อยา

ถ้าเป็นไม่มากนักก็ใช้ยาทา
เป็นมากขึ้นมาหน่อยก็ใช้การรักษาโดยการฉายแสง UV ร่วมกับ Chemotherapy
แล้วก็ผลัดเปลี่ยนวิธีรักษาเวียนไปเรื่อยๆ เพื่อลดผลข้างเคียง และความเป็นพิษของยา


วิธีที่ไม่ใช้ยา ก็มี สำหรับคนที่ไม่ชอบใช้ยา แต่ชอบการดูแลตัวเอง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะรักษาให้หายได้
เพียงแต่ชะลอการกำเริบของโรคเท่านั้น
ที่แน่ๆคือ
- ลดความเครียด เพราะสามารถลดได้ทั้งระยะเวลาและความรุนแรงของโรค

- แช่น้ำข้าวโอ๊ตอุ่นๅ เพื่อลดอาการคัน (กินจะอร่อยกว่าไหมเนี่ย)
เป็นวิธีของฝรั่ง คนไทยคงต้องน้ำข้าวอุ่นๆ
แต่ข้าวโอ๊ตมี วิตามิน B สูง ก็อาจจะดีกว่าน้ำข้าวขาวที่ผ่านการขัดสีแล้วของเรา

-ทาครีมหรือโลชั่นที่ปราศจากน้ำหอม เพื่อช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขึ้น วันละหลายๆหน เพื่อลดอาการแห้งแตกของผิว

-หลีกเลี่ยงของที่ระคายผิว เช่น การใช้สบู่แรงๆหอมไปสามคุ้งน้ำ ฟอกแล้วผิวสะอาดถูดังเอี๊ยด
หลีกเลี่ยงการใช้ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน ต้องทำตัวเป็นคุณนาย ถ้าจำเป็นก็ใช้ถุงมือ

-หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ แสบร้อนของผิวหนัง อย่างเช่น sunburn
อย่าคิดว่าดำอยู่แล้ว ไม่เป็นไร
ดำก็ผิวไหม้ได้ แต่อาจช้ากว่าพวกฝรั่งขาวๆเท่านั้นเอง
เวลาคันก็อย่าขูดข่วนแกะเกาจนถลอก



ส่วนใหญ่การใช้ยาทาเฉพาะที่มักจะได้ผล 70-80% ของผู้ป่วยทั้งหมด
เพราะฉะนั้นพอมีอาการแล้วก็ใช้ยาเถอะ
ข้างบนที่ว่ามานั่นเก็บเอาไว้เวลาไม่มีอาการดีกว่า


ยาทาที่ใช้ก็คือสเตียรอยด์ ซึ่งมีหลายชนิด หลายความเข้มข้น

รายที่อาการปานกลางก็ใช้ 0.05% - 1% Betamethasone valerate

พออาการดีขึ้นแล้วก็ลดความแรงของยาลงมาเป็น 0.5% - 2% Hydrocortisone

คนที่เป็นที่หน้าหรือข้อพับ ซึ่งผิวอ่อนบาง ควรใช้ตัวที่ไม่แรงมากอย่าง 0.5% Hydrocortisone



รายที่อาการมากๆ มีผื่นหนาแข็งเป็น plaque ก็อาจใช้ตัวที่แรงขึ้นมาเช่น
Fluocinonide, Clobetasol, Halobetasol, Betamethasone dipropionate
(สังเกตว่าชื่อยาเดียวกัน แต่ตัวต่อท้ายไม่เหมือนกัน ความแรงจะไม่เท่ากันกับ Betamethasone valerate ตัวข้างบน )


แต่ที่สำคัญมากก็คือ อย่าใช้นาน ควรใช้แค่ระยะสั้นๆ แล้วหยุด
เช่น ใช้แค่อาทิตย์ละ 1-2 วัน จำง่ายๆก็คือ "Weekend Therapy" เท่านั้น



อีกอย่างหนึ่งก็คือ ยาทาพวกนี้ จะอยู่ในรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน
ถ้าเป็น ointment การดูดซึมจะดี แต่เหนอะหนะ
ครีมหรือโลชั่นจะทาง่ายกว่า
โฟมจะเหมาะกับบริเวณที่ผิวบางๆ


อีกตัวที่เป็นยาทาที่ดีก็คือ Calcipotriol เป็น Vitamin D analogues
ซึ่งได้ผลดีพอๆกับการใช้ Betamethasone dipropionate
แต่ไม่ค่อยระคายเคือง ก็เลยเหมาะจะใช้กับผิวอ่อนบางที่หน้าหรือข้อพับ
บางทีก็ใช้ร่วมกันทั้งสองตัว
แต่ระวังอย่าใช้ร่วมกับ Salicylic acid เพราะจะทำลายฤทธิ์ของ Calcipotriol

ถ้าเป็นผื่นหนาแข็งก็ต้องใช้ Salicylic acid ร่วมกับสเตียรอยด์ เพื่อให้สเตียรอยด์เข้าถึงผิวหนังชั้นในได้ง่ายขึ้น
เนื่องจาก Salicylic acid จะไปทำลาย keratin ทำให้ผิวหนังนุ่มขึ้น การรักษาก็จะดีขึ้น





Create Date : 18 เมษายน 2551
Last Update : 18 เมษายน 2551 18:48:09 น. 20 comments
Counter : 4305 Pageviews.

 


โดย: CrackyDong วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:19:32:20 น.  

 


โดย: yosita_yoyo วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:19:44:48 น.  

 
ขอบคุณมากเลยนะค่ะ ตอนนี้ก็กำลังรักษาอยู่เลยค่ะ


โดย: moopu วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:21:19:44 น.  

 
มารับความรู้อย่างเคยแหละครับ สงกรานต์ไปไหนมาบ้างล่ะหมอ หนุกมั้ยครับ


โดย: เขาพนม วันที่: 18 เมษายน 2551 เวลา:21:24:42 น.  

 
ผมชอบฟอกสบู่ให้ผิวสะอาดจนถูดังเอี๊ยดแหล่ะ แห่ะๆ
ทั้งๆที่รู้แล้วว่าเป็นความเข้าใจผิด แต่ก็ยังชอบน่ะครับ
แต่พอดีสบู่ที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ทำให้เอี๊ยดอะไรมากมาย


โดย: อะไรคือสิ่งหายาก แต่ไม่มีค่า วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:10:01:44 น.  

 

คุณ CrackyDong, คุณ yosita_yoyo ----- สวัสดีค่ะ

คุณ moopu ----- เป็นมานานหรือยังคะ

ลุงเขา ----- สงกรานต์เป็นเทศกาลเฝ้าบ้านค่ะ ออกไปทานข้าวแค่นั้นเอง
ลุงเขา ชีพจรลงเท้า เที่ยวทุกวันหยุดเลย

คุณตี๋ ----- คนปกติ จะใช้สบู่ถูสะอาดแบบนั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ
ผิวจะแห้ง เท่านั้นเอง แต่ก็เสี่ยงต่อการคัน เกา ติดเชื้อต่อมาได้
แต่คนเป็นโรคนี้ต้องระวังค่ะ



โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:10:25:10 น.  

 
สำรวจตัวเองดูแล้วว่าไม่มีสะเก็ดเงิน มีแต่ผิวเหี่ยวเพราะอายุเยอะนะครับ


โดย: ลุงแมว วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:21:58:52 น.  

 
เป็น โรค ที่น่ากลัวจังเลยอ่ะ น่ารำคาญ อีกด้วย


โดย: แมท (everything on ) วันที่: 19 เมษายน 2551 เวลา:23:38:56 น.  

 
เคยไปสถาบันโรคผิวหนังแล้วยืนดูพวกโปสเตอร์โรคผิวหนังแบบต่างๆแล้วลมจะใส่ค่ะ
น่าเห็นใจคนที่เป็นมากๆ และได้แต่ภาวนาว่าขออย่าได้เป็นเองเลย


โดย: Hobbit วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:20:33:09 น.  

 
อ่านข้อมูลที่พี่พูดถึงการดูแลตัวเองไม่ให้เป็นโรคผิวหนังก็นึกขึ้นมาได้...

หลายวันก่อนดูข้อมูลจาก Internet น่ะพี่ เกี่ยวกับโรคผิวหนังอักเสบ (ผมเป็นอยู่นิดนึง เป็นๆหายๆมาตลอด) เขียนว่า บางครั้งโรคผิวหนังอักเสบเกิดมาจากภูมิต้านทานข้างในไม่สมดุล เห็นในนั้นเขียนแนะนำว่าต้องลดความเครียดเหมือนที่พี่เขียนเลย แล้วก็ในนั้นแนะนำว่าให้ลดอาหารประเภทเนื้อสัตว์ลง อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะเกี่ยวกันหรือเปล่าครับพี่

แต่เกี่ยวไม่เกี่ยว ก็ว่าจะลองดูครับ


โดย: Tony Koon (tk_station ) วันที่: 20 เมษายน 2551 เวลา:23:02:05 น.  

 

ลุงแมว ----- ท่าทางจะรักษายากนะคะ




คุณแมท ----- คนเป็นคงกลุ้มใจพอดูละค่ะ



หนูปุ๊ก ----- เวลาดูรูป ลักษณะ รอยโรค บางโรค ก็ต้องรีบเปิดเร็วๆค่ะ
เพราะบางทีก็น่ากลัวด้วย น่าเห็นใจด้วย



คุณคูณ ----- ข้อมูลอันนั้นสำหรับคนเป็นโรคสะเก็ดเงินค่ะ
คนปกติไม่ต้องระวังมากขนาดนั้น

ถ้าหากเป็น Seb. Derm ที่ว่า ความเครียดมีส่วนค่ะ
แต่อาหารพวกเนื้อสัตว์ หลักฐานยังไม่ชัดเจนนะคะ




โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:1:11:12 น.  

 
เที่ยวเยอะเที่ยวเก่งก็มีดีมีเสียอยู่ครับ ที่ดีคือได้ปลดปล่อยความทุกข์ทิ้งไปซะบ้าง ที่เสียคือไม่มีเก็บเงินทองเตรียมไว้ยามแก่เลย

ด้วยวัยเด็กไม่ค่อยได้ไปไหน พอแก่หน่อย ชีวิตจึงถูกตั้งคอนเซปเอาไว้ว่า เที่ยวซะให้พอ ห่อเหี่ยวแล้วก็ต้องพักเองแหละ แต่พอเอาเข้าจริง ยังไม่ยอมรับว่าห่อเหี่ยวเลยครับ หุหุ ทั้งๆที่...เกินกว่าใช่แล้วนะเรา


โดย: เขาพนม วันที่: 22 เมษายน 2551 เวลา:20:30:23 น.  

 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับพี่ฮันนี่ฯ

ปล.ตอนนี้ Office ฝนตกหนักมากเลยพี่....

กลับบ้านไม่ได้


โดย: Tony Koon (tk_station ) วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:18:20:21 น.  

 

ลุงเขา ----- ยังมีเรี่ยวแรงเที่ยวไหว มีเงินให้เที่ยว ก็เที่ยวเถอะค่ะ
เดี๋ยวพอแก่ ไขข้อเสื่อม แล้วจะไปไหนไกลๆไม่ได้ ทั้งที่มีเวลา มีเงิน


คุณคูณ ----- ตอนโพสต์มา บ้านพี่เริ่มฝนซาแล้วค่ะ เริ่มตกตอนหกโมง
แต่ก่อนหน้านั้นลมแรงมาก ดีว่าวันนี้ถึงบ้านแล้ว
หวังว่าออกมาจากออฟฟิศ น้ำคงไม่ท่วมนะคะ



โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 23 เมษายน 2551 เวลา:18:40:16 น.  

 
แวะมาบอกว่า ขอฝากบล็อกสัก 2 วันครับ แล้วจะหาภาพมาฝากหมออย่างเคยครับผม


โดย: เขาพนม วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:50:29 น.  

 
งืมมม น่ากัวค่ะ

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันข้อมูลนะคะ


โดย: นางสาวดุ่บดั่บ วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:15:20 น.  

 
มาชวนหมอไปเดินป่ากันครับ

บุกป่าฝ่าดงพงลึก
ดึกดึกสังสรรค์หรรษา
ยามที่ต้องจากป่ามา
นำภาพวนามาฝากกัน...


โดย: เขาพนม วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:13:17 น.  

 


คุณปอย -----
น่ากลัวพอสมควรเลยค่ะ สำหรับคนที่เป็น
เพราะที่ผิวนี่ ขาดความมั่นใจเลย
แต่ถ้าเป็นที่ข้อ ก็ยิ่งหนักกว่าผิวหนัง



ลุงเขา -----
ทิ้งรปภ.ไว้เฝ้าบล็อก
(รปภ. = เรา เป็น เภสัช)
ขอบคุณที่แวะมาตามไปดูภาพค่ะ




โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:30:41 น.  

 
ผมใส่ถุงเท้านานๆไม่ค่อยได้ เท้าจะเปื่อยเอาง่ายๆ

ตอนนี้ก็ต้องเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะที่ทำงาน ควรทำไงดี


โดย: ลุงแมว วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:18:14 น.  

 

ลุงแมว -----

น่าจะเกี่ยวกับรองเท้า มากกว่าถุงเท้านะคะ
เพราะรองเท้า court shoes ของผู้ชายมักจะอับชื้น
เนื่องจากใส่ทุกวัน มีอยู่คู่เดียว
(แต่ผู้หญิงมีเป็นสิบคู่ ผลัดเปลี่ยนได้ตลอด)
ลองสเปรย์ที่ใช้ฆ่าเชื้อสำหรับรองเท้าสิคะ
บางอย่างใช้ฉีดเท้าได้ด้วย... 2 in 1



โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:16:55 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

HoneyLemonSoda
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




เพราะทุกวันที่ตื่นขึ้นมา
คือของขวัญที่กาลเวลามอบให้
Friends' blogs
[Add HoneyLemonSoda's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.