IP address ตอนที่ 3 - การแบ่ง Class ให้กับ IP address ขั้นพื้นฐาน (ก่อนครับ)
จาก IP address ตอนที่ 2 ที่ผมได้ทิ้งท้ายเป็นคำถามไว้ว่า
"ทำไม Network ID ของ นางสาว A เป็น 10 แล้วทำไม Network ID ของนาย B จึงไม่เป็น 172 หรือทำไม Network ID ของนางสาว A ไม่เป็น 10.1 ก็ในเมื่อ Network ID ของนาย B ยังเป็น 172.16 เลย?"
หมายเหตุ หากใครยังไม่ได้อ่านตอนที่สอง ผมขอกล่าวคร่าวๆ อย่างนี้ครับ - IP address แบ่งเป็นตัว 4 ชุด แต่ละชุดจะถูกขั้นด้วยจุด เช่น 10.1.1.1 หรือ 172.16.1.1 แล้วมีการแบ่ง IP address ออกเป็น Network id กับ Host id โดย - 10.1.1.1 มี Network id = 10 และ Host id = .1.1.1 - 172.16.1.1 มี Network id = 172.16 และ Host id = .1.1 จึงเกิดคำถามทิ้งท้ายในตอนที่สองว่า "เราจะใช้เกณฑ์อะไรในการแบ่ง Network id กับ Host id"
ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบกันว่าอะไรเป็นเกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่ง Network id กับ Host id ให้กับ IP address เรามาทำข้อตกลงในเรื่องของ ชุดของ IP address เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน ก่อนที่จะไปเรียนรู้เรื่องถัดไป กันสักนิดดังนี้ครับ
เกณฑ์ที่ใช้ในการแบ่ง Network id กับ Host id ให้กับ IP address นั้นก็คือ การแบ่งโดยอิงตาม Class ครับ
IP address ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 class คือ Class A, Class B และ Class C ซึ่งแต่ละ Class จะมีการกำหนดไว้ดังนี้ครับ
Class A: - Network id = IP address ชุดที่ 1 - Host id = IP address ชุดที่ 2, 3 และ 4 (Network . Host . Host . Host) - Subnet mask = 255.0.0.0 (อันนี้ขอกล่าวไว้ก่อนสำหรับคนที่พอมีความรู้มาบ้างแล้ว แต่จะกล่าวอย่างละเอียดในตอนอื่นๆ ครับ) ถาม จะรู้ได้ไงว่า IP address อะไรอยู่ใน Class A ตอบ ให้สังเกตที่ตัวเลขที่อยู่ตรง IP address ชุดที่ 1 (จากสี่ชุด) จะเป็นตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 126 หมายเหตุ สำหรับ IP address ชุดที่ 1 คือ 127 (127.x.x.x) ได้ถูกจองไว้ใช้งานเป็น loopback address ซึ่งสามารถไปดูรายละเอียดได้ใน IP address ตอนที่ 6 นะครับ ตัวอย่าง 10.1.1.1 = Class A, Network id = 10, Host id = .1.1.1 100.220.100.4 = Class A, Network id = 100, Host id = .220.100.4 126.110.154.5 = Class A, Network id = 126, Host id = 110.154.5
Class B: - Network id = IP address ชุดที่ 1 และ 2 - Host id = IP address ชุดที่ 3 และ 4 (Network . Network . Host . Host) - Subnet mask = 255.255.0.0 (อันนี้ขอกล่าวไว้ก่อนสำหรับคนที่พอมีความรู้มาบ้างแล้ว แต่จะกล่าวอย่างละเอียดในตอนอื่นๆ ครับ) ถาม จะรู้ได้ไงว่า IP address อะไรอยู่ใน Class B ตอบ ให้สังเกตที่ตัวเลขที่อยู่ตรง IP address ชุดที่ 1 (จากสี่ชุด) จะเป็นตัวเลขตั้งแต่ 128 ถึง 191 ตัวอย่าง 128.100.200.1 = Class B, Network id = 128.100, Host id = .200.1 172.16.1.1 = Class B, Network id = 172.16, Host id = .1.1 191.111.123.4 = Class B, Network id = 191.111, Host id = .123.4
Class C: - Network id = IP address ชุดที่ 1, 2 และ 3 - Host id = IP address ชุดที่ 4 (Network . Network . Network . Host) - Subnet mask = 255.255.255.0 (อันนี้ขอกล่าวไว้ก่อนสำหรับคนที่พอมีความรู้มาบ้างแล้ว แต่จะกล่าวอย่างละเอียดในตอนอื่นๆ ครับ) ถาม จะรู้ได้ไงว่า IP address อะไรอยู่ใน Class C ตอบ ให้สังเกตที่ตัวเลขที่อยู่ตรง IP address ชุดที่ 1 (จากสี่ชุด) จะเป็นตัวเลขตั้งแต่ 192 ถึง 223 หมายเหตุ สำหรับ IP address ชุดที่ 1 ตั้งแต่ 224 ถึง 255 ได้ถูกจองเอาไว้ใช้งานอย่างอื่น เช่น Multicast address เป็นต้น (ซึ่งจะยังไม่ขอกล่าวอะไรมากในตอนนี้) ตัวอย่าง 192.168.211.8 = Class C, Network id = 192.168.211, Host id = .8 200.123.9.81 = Class C, Network id = 200.123.9, Host id = .81 223.255.129.247 = Class C, Network id = 223.255.129, Host id = .247
มาถึงตรงนี้น่าจะทำให้พอเข้าใจได้แล้วว่าทำไม 10.1.1.1 จึงมี Network id = 10, Host id = .1.1.1 และทำไม 172.16.1.1 จึงมี Network id = 172.16, Host id = .1.1
สรุปแนวคิด สำหรับ IP address จากความรู้เบื้องต้นในตอนนี้ ถ้าเราเห็น IP address หนึ่งเบอร์ เราจะมีวิธีการคิด หรือแนวคิดอย่างไรกับมันบ้าง? ให้คิดตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ครับ 1. ให้ถามตัวเองว่า IP address เบอร์นี้อยู่ Class อะไร? โดยการดูที่ IP address ชุดที่ 1 ว่าตกอยู่ในตัวเลขช่วงไหน - ถ้า IP address ชุดที่ 1 อยู่ในช่วง 1-126 = Class A - ถ้า IP address ชุดที่ 1 อยู่ในช่วง 128-191 = Class B - ถ้า IP address ชุดที่ 1 อยู่ในช่วง 192-223 = Class C
2. ให้ถามตัวเองว่า Subnet Mask ใช้ชุดไหน? -ถ้าเป็น Class A แล้ว - Subnet Mask ที่จะต้องใช้ คือ 255.0.0.0 -ถ้าเป็น Class B แล้ว - Subnet Mask ที่จะต้องใช้ คือ 255.255.0.0 -ถ้าเป็น Class C แล้ว - Subnet Mask ที่จะต้องใช้ คือ 255.255.255.0
3. ให้ถามตัวเองว่า IP address เบอร์นี้ อะไรเป็น Network และ อะไรเป็น Host? -ถ้าเป็น Class A = Network . Host . Host . Host -ถ้าเป็น Class B = Network . Network . Host . Host -ถ้าเป็น Class C = Network . Network . Network . Host
สำหรับ "การแบ่ง Class ให้กับ IP address" ขั้นประยุกต์ ได้ถูกเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ จะอยู่ในหัวข้อดังข้างล่างครับ
IP address ตอนที่ 6 - ลึกอีกนิดกับ Class ของ IP และ loopback address (127.0.0.1/localhost)
แต่ก็เกิดคำถามขึ้นมาใหม่คือ - Subnet mask คืออะไร มีไว้ทำไม? - Class A, B, และ C ให้สังเกตที่ IP address ชุดที่ 1 แล้วเลขเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร? - ทำไม IP address จึงมีค่าได้ 0.0.0.0 ถึง 255.255.255.255 เท่านั้น?
ลูกค้าที่เคยมารับการอบรม เช่น - Lao Telecom Company Ltd - CAT Telecom - TOT - True - dtac - CDG Group - SITA air transport communications and information technology (www.sita.aero/) - Infonet Thailand - MultiLink Co., Ltd - โรงพยาบาลไทยนครินทร์ - และเคยไปเป็นวิทยากรพิเศษที่ มหาวิทยลัยกรุงเทพสุวรรณภูมิ