ความรู้คู่ความก้าวหน้า
 
สาย LAN/สายตรง/สายครอส, การต่ออุปกรณ์ด้วยสาย LAN สไตล์ CCNA

การเชื่อมต่ออุปกรณ์ Computer และอุปกรณ์เครือข่าย (Hub, Switch และ Router) ด้วยสาย LAN นั้น (ในยุกต์ที่อุปกรณ์ยังไม่มีระบบ Auto Cross / Auto Cross คืออะไร มีอธิบายครับ) เราจำเป็นที่จะต้องรู้ว่าเราควรจะใช้สายตรงหรือสายครอสในการเชื่อมต่ออุปกรณ์อะไรกับอุปกรณ์อะไร (มีในข้อสอบ CCNA ครับ) ซึ่งมีวิธีจำแบบง่ายๆ ที่หลายๆ คนใช้อยู่ (แต่มีจุดที่ต้องระวัง) คือ
- อุปกรณ์เหมือนกัน ต่อกันใช้สาย LAN แบบครอส (Crossover Cable)
- อุปกรณ์ต่างกัน ต่อกันใช้สาย LAN แบบตรง (Straight-Through Cable)
ซึ่งเป็นวิธีจำที่ใช้ได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งหลายคนจะเหมารวมว่า "งั้นแสดงว่า Computer ต่อ Router ก็ต้องเป็นสายตรงซิเพราะเป็นอุปกรณ์คนละชนิดกัน" แต่คำตอบที่ถูกต้องคือ Computer ต่อ Router ต้องเป็นสายครอสครับ ซึ่งจากรูปข้างล่าง เป็นรูปที่แสดงถึงการใช้สายครอสกับสายตรง เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เครือข่ายอย่างถูกต้องครับ (ใช้อ้างอิงในการสอบ CCNA ได้นะครับ)



แล้วอะไรเป็นตัวที่บอกว่า Router และ Computer เป็นอุปกรณ์ชนิดเดียวกันล่ะ ก่อนอื่น เรามารู้จัก MDI และ MDI-X กันซักหน่อย

MDI หรือ Medium Dependent Interface: เป็นชนิดของ Ethernet port ซึ่งจะถูกใช้อยู่บน Network Interface Card (NIC) หรือที่เราเรียกว่า Card LAN นั่นเอง ซึ่ง Card LAN นี้ก็ถูกเสียบอยู่ Computer อีกทีนั่นแหละ นอกจากนี้แล้ว Ethernet port บน Router เองก็เป็นชนิด MDI ด้วยเช่นกัน

MDIX หรือ MDI-X หรือ Medium Dependent Interface Crossover: เป็นชนิดของ Ethernet port ที่อยู่บน Hub และ Switch นั่งเอง  (อักษร X จะเป็นตัวแทนของคำว่า "Crossover" นั่นเอง)

ดังนั้นคำว่า
- อุปกรณ์เหมือนกัน ต่อกันใช้สาย LAN แบบครอส (Crossover Cable)
- อุปกรณ์ต่างกัน ต่อกันใช้สาย LAN แบบตรง (Straight-Through Cable)
จึงควรจะถูกใช้ในลักษณะนี้ครับ

- MDI ต่อกับ MDI เป็นชนิดเดียวกันใช้สายครอส (Crossover cable)
- MDI-X ต่อกับ MDI-X เป็นชนิดเดียวกันใช้สายครอส (Crossover cable)
- MDI ต่อกับ MDI-X เป็นคนละชนิดกันใช้สายตรง (Straight-Through Cable)

และจาก
- Port แบบ MDI ประกอบด้วยอุปกรณ์คือ Router และ Computer
- Port แบบ MDI-X ประกอบด้วยอุปกรณ์คือ Hub กับ Switch

ดังนั้นเมื่อสรุปการเชื่อมต่ออุปกรณ์แล้วจะได้ผลตรงกับรูปข้างบนครับ ซึ่งเป็นรูปในเอกสารการเรียนการสอนของ CCNA ครับ

Auto Cross หรือ Auto MDI/MDI-X คืออะไร?
สำหรับอุปกรณ์ในเครือข่ายที่รองรับการทำ Auto Cross หรือ Auto MDI/MDI-X นั้น เมื่อนำสาย LAN มาต่อกันระหว่างอุปกรณ์แบบผิดหลักการที่กล่าวไปแล้ว (เช่น นำสาย LAN แบบตรงมาต่อกันระหว่าง Switch กับ Switch หรือระหว่าง Computer กับ Computer) หากอุปกรณ์เหล่านั้นรองรับการทำ Auto Cross หรือ Auto MDI/MDI-X แล้ว การเชื่อมต่อจะยังคงสามารถใช้งานได้ เนื่องอุปกรณ์ทั้งสองฝั่งจะทำการเรียนรู้กันและกัน และปรับตัวเองให้รองรับการเชื่อมต่อนั้นได้

มาต่อกันด้วยเรื่องของการเข้าหัว LAN ครับ (จริงๆ แล้วมีหลายคนเขาแชร์เรื่องนี้ไว้มากเหมือนกัน ตอนแรกว่าจะตัดออก แต่คิดๆ แล้วขอใส่เอาไว้ซักหน่อยไว้เป็นทางเลือกด้านข้อมูลครับ)

ก่อนอื่นเรามารู้จักสาย LAN กันซักหน่อยนะครับ สาย LAN ที่คนส่วนใหญ่รู้จักและใช้งานอยู่นั้นมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาย UTP หรือสาย CAT5 นั่นเอง ซึ่งผมขออธิบายคำว่า UTP และ STP เชิงเปรียบเทียบก่อนดังนี้ครับ

สาย UTP (Unshielded Twisted Pair Cable) เป็นสายแบบตีเกลียวเป็นคู่ๆ ทั้งหมดสี่คู่โดยไม่มีเกราะป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอก  (Foil Shield) โดยดูได้ตามรูปข้างล่างครับ



สาย STP (Shielded Twisted Pair Cable) เป็นสายแบบตีเกลียวเป็นคู่ๆ ทั้งหมดสี่คู่ ซึ่งมีเกราะป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอก  (Foil Shield)  โดยดูได้ตามรูปข้างล่างครับ



หมายเหตุ การที่สาย LAN ต้องมีการตีเกลียวเพื่อที่จะป้องกันสัญญาณรบกวนกันเองภายในสาย LAN โดยการตีเกลียวจะเป็นการทำให้คลื่นแม่เหล็กที่เกิดจากกระแสสัญญาณในสายทองแดงแต่ละเส้นหักล้างกันเอง

และแน่นอนว่าสายแบบ STP ซึ่งมีเกราะป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอก ย่อมดีกว่าสายแบบ UTP แต่ทว่าราคาของสายแบบ STP ก็แพงกว่าแบบ UTP ด้วยเช่นกันครับ

แล้วคำว่า CAT5 คืออะไรล่ะ? คำว่า CAT5 จริงๆ แล้วมาจากคำเต็มๆ ว่า Category 5 หรือสายประเภทที่ 5 ครับ (ผมขอข้ามสาย CAT1 ถึง CAT4 ไปนะครับ) โดยจะขออธิบายสาย CAT5, CAT5e และ CAT6 พร้อมรูปตัวอย่างดังนี้ครับ

สาย CAT5 (Category 5 cable) เป็นสายที่ถูกผลิดขึ้นมาตามมาตรฐานของ Fast Ethernet (100 Mbit/sec) โดยเฉพาะ เหมาะที่จะใช้งานกับ Ethernet Network ที่มี speed 100 Mbit/sec (Interface แบบ Fast Ethernet) เป็นหลักครับ แต่หากจะนำมาใช้กับ Ethernet Network ที่มี speed 1,000 Mbit/sec หรือ 1 Gbit/sec (Interface แบบ Gigabit Ethernet) นั้นก็พอใช้ได้ครับ แต่ประสิทธิภาพอาจจะไม่ดีเท่าไหร่ครับ (ซึ่งสายแบบ CAT5 ก็คือสายแบบ UTP นั่นเองครับ) โดยมีรูปดังข้างล่างครับ



สาย CAT5e (Category 5 enhanced cable) เป็นสายที่มีการพัฒนาขึ้นมา (enhance) จากสาย CAT5 เดิมครับ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า (เพื่อให้สามารถรองรับ Ethernet Network แบบ Gigabit Ethernet ได้) ซึ่งใช้งานได้ดีกับ Ethernet Network ทั้งแบบ 100 Mbit/sec (Fast Ethernet) และแบบ 1,000 Mbit/sec (Gigabit Ethernet) ซึ่งแน่นอนว่าสายแบบ CAT5e ย่อมจะแพงกว่า CAT5 โดยมีรูปดังข้างล่างครับ



สาย CAT6 (Category 6 cable) เป็นสายที่ถูกผลิตขึ้นมาตามมาตรฐานของ Gigabit Ethernet โดยเฉพาะครับ ซึ่งแน่นอนครับ เหมาะกับ Ethernet Network แบบ Gigabit Ethernet แต่อย่างไรก็ตามสาย CAT6 นี้ก็ยังสามารถนำไปใช้งานกับ Ethernet Network แบบ 100 Mbit/sec ได้ครับ โดยมีรูปดังข้างล่างครับ



หมายเหตุ รูปของสาย CAT5, CAT5e และ CAT6 ที่แสดงนี้เป็นภาพตัวอย่างเท่านั้น ดังนั้นเวลาไปซื้อสาย สามารถสังเกตที่ข้างๆ สายได้ครับ โดยจะมีเขียนเอาไว้ว่าเป็นสาย Category อะไรครับ

ทีนี้มาถึงการเข้าหัว LAN กันครับ โดยขั้นแรกเราต้องรู้วิธีการนับขา (pin) ของหัว LAN กันก่อนนะครับ ดังรูปข้างล่าง
หมายเหตุ หัว LAN มีชื่อที่เป็นมาตรฐานคือ หัว RJ-45 ครับ



การเข้าหัว LAN มีมาตรฐานการเข้าอยู่สองแบบดังนี้ครับ
- แบบ TIA/EIA 568A ดังรูปข้างล่าง



- แบบ TIA/EIA 568B ดังรูปข้างล่าง



การเข้าหัว LAN สำหรับทำสายตรง (Straight-Through Cable)
การเข้าหัว LAN สำหรับทำสายตรงนั้นมีสองแบบดังนี้ครับ
แบบที่ 1 การเข้าหัวทั้งสองฝั่งเป็นแบบ TIA/EIA 568A ดังรูปข้างล่าง



แบบที่ 2 การเข้าหัวทั้งสองฝั่งเป็นแบบ TIA/EIA 568B ดังรูปข้างล่าง



การเข้าหัว LAN สำหรับการทำสายครอส (Crossover Cable)
การเข้า LAN สำหรับการทำสายครอสนี้สามารถทำได้ง่ายๆ คือ ฝั่งหนึ่งเข้าหัวตามมาตรฐาน TIA/EIA 568A และอีกฝั่งหนึ่งเข้าหัวตามมาตรฐาน TIA/EIA 568B ดังรูปข้างล่างครับ



หรือเจาะลึกลงไปอีกหน่อยคือ
- Pin 1 เข้า Pin 3 ของอีกฝั่ง
- Pin 2 เข้า Pin 6 ของอีกฝั่ง
- Pin 3 เข้า Pin 1 ของอีกฝั่ง
- Pin 6 เข้า Pin 2 ของอีกฝั่ง
ดังรูปข้างล่างครับ



หากไม่เข้าหัว LAN ตามมาตรฐานจะได้ไหม?
จากประสบการณ์ที่เคยทำงานมาในช่วงแรกๆ ของการเข้าวงการ ผมเคยเข้าหัว LAN แบบตามใจฉัน คือ ถ้าเป็นสายตรง ก็เข้าหัวให้ทั้งสองฝั่งเหมือนๆ กันก็พอ และถ้าเป็นสายครอส ก็เข้าหัวแบบ 1 เข้า 3 และ 2 เข้า 6 อะไรประมาณนี้
ผลคือ ใช้งานได้ครับ แต่....
หลังจากที่ผมเสียบสาย LAN ดังกล่าวเข้า Interface LAN แบบ 100 M ทั้งสองฝั่ง ผลคือ ผมใช้ได้แค่ 10 M ครับ โดย Card LAN ทำการปรับตัวเองให้กลายเป็น 10 M อย่างอัตโนมัติ (ผลมันแสดงออกบน Windows เลยครับว่าให้ใช้ได้แค่ 10 M)
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?
เราลองมาสังเกตที่สาย LAN กันสักหน่อยครับ จะเห็นได้ว่าสาย LAN จะมีสายทองแดงข้างในทั้งหมด 8 เส้น แบ่งเป็น 4 คู่ โดยแต่ละคู่จะมีการพันกันเป็นเกลียว (มันจึงชื่อว่า Twisted Pair ครับ) และที่สายแต่ละคู่จำเป็นต้องพันกันเป็นเกลียวนั้นก็เพื่อป้องกันไม่ให้สนามแม่เหล็กที่เกิดจากกระแสสัญญาณมากวนกันเองครับ (พันกันเป็นเกลี่ยวเพื่อให้สนามแม่เหล็กหักล้างกันเอง ไม่มากวนกันเอง) ดังนั้นหากเราไม่เข้าหัว LAN ตามมาตรฐานแล้ว การหักล้างกันของสนามแม่เหล็กอาจจะไม่สมบูรณ์ กลายเป็นสัญญาณที่มารบกวนกันเอง ทำให้เกิด loss ภายในสาย และท้ายสุด Card LAN จำเป็นต้องปรับ speed ลงจาก 100 M ให้เป็น 10 M อย่างอัตโนมัติ เพื่อให้เรายังคงสมารถใช้งานได้ครับ

เสร็จเสียทีครับ สำหรับบทความแรก ผมยังมีอีกหลายอย่างที่อยากจะเขียน ยังไงๆ ก็ลองติดตามดูนะครับ จะพยายามครับ
ขอบคุณครับ
โก้ ชัยวัฒน์


Create Date : 27 พฤษภาคม 2554
Last Update : 20 มกราคม 2559 0:27:16 น. 63 comments
Counter : 131883 Pageviews.  
 
 
 
 
สุดยอด คับพี่ ขอให้มีลูกค้า เยอะๆนะครับ เก่งๆแบบพี่ นักเรียนรักตายเลยคับ
 
 

โดย: ตี๋ IP: 183.88.249.30 วันที่: 31 พฤษภาคม 2554 เวลา:15:07:53 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากครับ จะพยายามสร้างสรรผลงานครับ
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 1 มิถุนายน 2554 เวลา:14:43:12 น.  

 
 
 
ดีดีพี่เอาอีกเยอะๆนะ
 
 

โดย: น้องเก่งสุดสวย IP: 202.57.177.144 วันที่: 6 มิถุนายน 2554 เวลา:14:27:32 น.  

 
 
 
ช่วงนี้เตรียม re-certificate ของ cisco อาจจะมี update ความรู้ห่างสักนิดครับ แต่ยังไงจะพยายามแบ่งเวลามา update ต่อ โดยเฉพาะ IP address ตอน 2 (จะค่อยๆ ลึกขึ้นเรื่อยๆ ครับ)
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 6 มิถุนายน 2554 เวลา:15:33:49 น.  

 
 
 
แบ่งปันความรู้ดีดีแบบนี้..อนาคตรุ่งเรืองแน่นอนค่ะ
 
 

โดย: น้องหมุย IP: 192.168.2.105, 58.8.129.211 วันที่: 6 มิถุนายน 2554 เวลา:23:46:12 น.  

 
 
 
รู้จักพี่มาหลายปี พี่ก็ยังไม่เคยเปลี่ยน ชอบหาสิ่งดีๆให้น้องๆเสมอ
 
 

โดย: Kokittipol IP: 180.180.136.145 วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:0:29:58 น.  

 
 
 
ขอติดตามด้วยคนครับ
 
 

โดย: sorapong_l IP: 58.136.229.17 วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:18:38:53 น.  

 
 
 
ยินดีครับ จะพยายาม update ครับ แต่ช่วงนี้งานเยอะ อาจจะช้านิดนึงนะครับ ยังไงหากมีข้อชี้แนะใด รบกวนด้วยครับ
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 9 มิถุนายน 2554 เวลา:22:59:28 น.  

 
 
 
ยอดเยี่ยม กระเทียมดองเลยครับโก้
 
 

โดย: jeab IP: 202.91.23.4 วันที่: 10 มิถุนายน 2554 เวลา:10:18:38 น.  

 
 
 
สวดยอดคราบ ขอบคุณมากๆๆคราบ
 
 

โดย: ต๋อง IP: 202.91.23.5 วันที่: 10 มิถุนายน 2554 เวลา:12:07:20 น.  

 
 
 
เขียนได้ดีครับ
 
 

โดย: Genzo วันที่: 8 กรกฎาคม 2554 เวลา:23:38:01 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากมายครับผม
 
 

โดย: Jakky IP: 180.183.127.4 วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:10:35:02 น.  

 
 
 
ขอบคุณทุกท่านเช่นกันครับ แค่ทุกท่านได้เข้ามาอ่าน ผมก็มีกำลังใจ (มากมาย) สร้างสรรผลงานต่อไปครับ
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:19:43:02 น.  

 
 
 
เข้ามาอ่านศึกษาด้วยคนครับ รอพี่โก้เปิด ccna อยู่ครับ
 
 

โดย: บู IP: 183.89.220.130 วันที่: 9 กันยายน 2554 เวลา:21:42:27 น.  

 
 
 
ขอบคุณคุณบู มากครับ สำหรับรุ่นต่อไป เร็วๆ นี้เปิดแน่นอนครับ
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 10 กันยายน 2554 เวลา:22:54:40 น.  

 
 
 
รอบของบู เริ่ม 09/10/2011 ครับ ผมพร้อมที่จะถ่ายพลังเต็มที่แล้วครับ เตรียมรับกันไปเต็มๆ ครับ รอบนี้มี 7 คนครับ
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 17 กันยายน 2554 เวลา:11:05:29 น.  

 
 
 
ที่ทำแรกที่แรกของพี่ นี่ผมทำอยู่ตอนนี้เลยครับ
พี่อยู่แผนกไรหรอครับ ตอนนั้น
 
 

โดย: ixohoxix (เจ้าภาพจงเจริญ ) วันที่: 20 พฤศจิกายน 2554 เวลา:16:19:21 น.  

 
 
 
@ixohoxix
หมายถึง UIH ใช่ไหมครับ ถ้าใช่ ตอนนั้นผมทำอยู่แผนก NMC ครับ แรกๆ ทำ Fault Monitor หลังๆ ทำ Cross Connect ครับ ทำ Lease Line และ Frame Relay ยุคแรกๆ พอได้มาจับ MPLS แล้วรู้สึกถึงความมันส์ของ IP Network เลยกระโดดออกจาก UIH มาทำงานทางด้านนี้เต็มตัวครับ
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 21 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:46:43 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากมายครับพี่โก้ ผมได้อ่านทั้งหมด ของพี่แล้วเข้าใจดีมากเลยครับ ตอนเรียน การแปลงเลขฐานสองเป็นฐานสิบ ไม่เข้าใจเลย แต่พอมาอ่านในบล็อคของพี่ เข้าใจอย่างถ่องแท้ สุดยอดมั๊กๆ ยังไงก็จะเป็นกำลังใจให้นะครับพี่ สู้ๆ แล้วก็เอาเกรดความรู้ดีๆ มาแบ่งปันกันอีกนะครับ รอ episode 7 อยู่นะครับ
 
 

โดย: icqsung9 IP: 61.90.18.120 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:8:50:45 น.  

 
 
 
ขอบคุณน้อง icqsung มากๆ ครับ หลังวันที่ 09/02/2011 ไป พี่ก็จะพอมีเวลาแล้วล่ะ จะพยายาม update ครับ

การถ่ายทอดบทความที่ดี ต้องบรรจงสร้างสรรค์จากใจที่รักจะให้

หากพี่พร้อม จะรีบบรรจงสร้างสรรค์บทความต่อไปครับ

ขอบคุณมากมายเช่นกันครับ
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:17:08:57 น.  

 
 
 
พอดีผมจะสอบ CAT Telecom อ่านเป็นความรู้ประดับภูมิเข้าใจง่ายดีครับ คนเราพอตั้งใจ รักที่จะทำ การถ่ายทอดและผลงานที่ออกมาจะดีตามด้วย ขึ้นอยู่กับผู้รับว่าจะรับได้มากน้อยแค่ไหนด้วยเป็นองค์ประกอบ

ถ้าพี่โก้ทำเป็นหนังสือขายนี่ผมคิดว่าคนต้องซื้อเยอะแน่นอนครับ (โดยส่วนตัวเป็นคนที่เข้าใจยาก) แต่พอผมอ่านบทความที่พี่เขียนนี่ถึงบางอ้อเลย ยอมรับตามตรงตอนที่เรียนไม่เข้าหัวเลยสักนิด อาศัยตอนทำงานพอทำซ้ำๆประจำทุกๆวันถึงได้เกทขึ้นบ้าง

ปล. ขอบคุณอีกครั้งสำหรับบทความดีๆ เป็นกำลังใจให้นะครับ
 
 

โดย: icqsung9 IP: 115.87.196.21 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:14:22:04 น.  

 
 
 
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะคะ
เป็นประโยขน์มากเลย ^^
 
 

โดย: Miau IP: 202.149.29.82 วันที่: 6 กรกฎาคม 2555 เวลา:10:47:14 น.  

 
 
 
การครอส ฮับกับฮับ ครับ
 
 

โดย: tt IP: 113.53.179.135 วันที่: 1 สิงหาคม 2555 เวลา:15:49:02 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับ
 
 

โดย: topten IP: 223.206.49.248 วันที่: 21 สิงหาคม 2555 เวลา:11:42:32 น.  

 
 
 
ขอบพระคุณสำหรับความรู้มากๆนะคะพี่
 
 

โดย: cloe วันที่: 17 กันยายน 2555 เวลา:8:20:16 น.  

 
 
 
ขอบคุณคับ สำหรับความรู้ที่นำมาแบ่งปันคับ
 
 

โดย: Lhang IP: 119.42.94.207 วันที่: 14 ธันวาคม 2555 เวลา:10:57:30 น.  

 
 
 
ผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลย อ่านแล้วเข้าใจครับ ขอบคุณมากครับ เย่ียมจริงๆ
 
 

โดย: ยอด IP: 58.8.236.195 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:9:22:25 น.  

 
 
 
ขอบคุณทุกๆ ท่านมากมายครับ
โก้
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:18:28:07 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากๆครับ ที่นำแต่ความรู้ดีๆมาแบ่งปัน และการนำเสนอ เข้าใจง่าย ครับ ขอบคุณครับ
 
 

โดย: TOW IP: 171.6.229.42 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:17:39 น.  

 
 
 
เอาอีก อิอิ
 
 

โดย: ดีมาก IP: 125.24.30.33 วันที่: 1 กรกฎาคม 2556 เวลา:17:13:47 น.  

 
 
 
ละเอียดแบบนี้ผมสอบใด้ชัว
 
 

โดย: ธเนศ กาลพัฒน์ IP: 110.171.203.126 วันที่: 15 กรกฎาคม 2556 เวลา:6:49:55 น.  

 
 
 
เป็นประโยชน์มากครับต้องการรู้อยู่พอดีเลย
 
 

โดย: นันทชัย แสงอรุณ IP: 1.20.0.131 วันที่: 19 สิงหาคม 2556 เวลา:22:20:58 น.  

 
 
 
สาย utp ของผม ต่อ hub to hub ขาดในคู่ 1&2 เช็คแล้ว
ผมอ่านดูก็เห็นบอกว่าใช้แค่ 2 คู่ คือ 1&2 และ 3&6
ไม่อยากปีนเพดานเดินสายใหม่ครับ เลยเข้าหัวใหม่โดย
เอาคู่ 7&8 มาแทน คู่ 1&2 ที่ขาด
มันใช้ไม่ได้ครับ ใครรู้วิธีแก้ช่วยทีครับ
ไวร์เลสไม่เอาครับ speed มันไม่ได้
 
 

โดย: superj IP: 110.169.207.95 วันที่: 18 กันยายน 2556 เวลา:23:35:54 น.  

 
 
 
มาติดตามพี่โก้ ^^
 
 

โดย: NinG IP: 27.55.26.253 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2556 เวลา:1:02:23 น.  

 
 
 
@NinG,
ขอบคุณครับ
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 21 พฤศจิกายน 2556 เวลา:8:48:11 น.  

 
 
 
ผมก็ชอบ network แต่ไม่ค่อยมีความรู้อ่ะครับ
จะเรียนได้ที่ไหนครับ
 
 

โดย: mks IP: 202.28.180.202 วันที่: 2 กันยายน 2557 เวลา:11:02:03 น.  

 
 
 
@คุณ mks,
ถ้าชอบ network แล้วได้ดู VDO ของผมมาบ้างแล้ว สามารถเรียนกับผมได้ครับ เพราะผมจะสอบแบบปูพื้นฐานเป็นต้นไป และแน่นอนว่าถ้าไม่เคยจับ หรือเกี่ยวข้งอกับ network มาก่อนแล้ว เรียนรอบแรกอาจจะไม่เข้าใจทั้งหมด ผมเสนอให้เรียนกับผมสองรอบ โดยรอบสอง ขอแค่ 500 บาทเท่านั้นครับ ถ้าสนใจ ส่ง mail มาหาผมที่ chaiwat_amorn@yahoo.com

KoChaiwat
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 2 กันยายน 2557 เวลา:22:44:37 น.  

 
 
 
เยี่ยม ขอติดตามนะครับ
อยากรู้เรื่อง Hub กับ Switch มันทำงานต่างกันอย่างไร
็Hub ส่งข้อมูลไปทุกๆ port, Switch เฉพาะ port
พยายามค้นหาข้อมูลหลายที่ก็ยังไม่เข้าใจว่ามันต่างกันอย่างไร
อยากให้มีบทความอีกนะครับ
 
 

โดย: May IP: 49.230.75.42 วันที่: 14 กันยายน 2557 เวลา:21:26:26 น.  

 
 
 
@ คุณ May,
ผมขอตอบเบื้องต้นก่อน (เพราะการอธิบายด้วยตัวหนังสือมันอธิบายยาก แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าจะอธิบายด้วยการวาดรูปแบบ step by step) ดังนี้ครับ

เนื่องจาก Hub ไม่สามารถอ่าน protocol ได้อย่าง Switch (เพราะมันทำงานที่ Layer 1 หรือระดับ hardware) ดังนั้นเมื่อมีข้อมูลเข้ามาหามัน (มีแรงดันไฟฟ้าเข้ามา) มันจะกระจายข้อมูลออกทุกๆ port ให้ไปยังไปทางให้จงได้ ดังนั้นมันจึงต้องส่งข้อมูลออกทุกๆ port

สำหรับ Switch มันทำงานที่ layer 2 เพราะมันอ่าน Ethernet Header ได้ดังนั้นมันจึงอ่าน MAC address ซึ่งเป็น address layer 2 ได้ ดังนั้นมันจึง MAC address table เพื่อทำการ mapping MAC address กับ port ของมัน ว่า MAC address อะไร อยู่ port ไหนของมัน ดังนั้นเมื่อข้อมูลที่มี header เป็น Ethernet เข้ามา มันจึงสามารถอ่าน destination MAC address ได้ และเช็คว่า destination MAC address นั้นสอดคล้องกับ MAC address ไหนใน MAC table และ MAC นั้นอยู่ port ไหน มันจึงทำการ forward Ethernet Frame นั้นออกเฉพาะ port นั้นๆ โดยไม่กระจายออกทุกๆ port เหมือน hub

ผมหวังว่าจะช่วยได้บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ

ขอบคุณครับ
โก้-ชัยวัฒน์
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 18 กันยายน 2557 เวลา:0:26:01 น.  

 
 
 
รบกวนสอบถามหน่อยครับเกี่ยวกับ Ethernet Port MDI และ MDI-X ถ้าเป็นอุปกรณ์ไอทีอย่างอื่น เช่น เครื่องบันทึกเวลาแสกนลายนิ้วมือ เราพอจะรู้ไหมว่าเป็น Ethernet port แบบไหนครับ พอมีเครื่องมือทดสอบแบบบ้านๆไหม
 
 

โดย: เบิร์ดเดย์ IP: 118.172.76.87 วันที่: 26 ตุลาคม 2557 เวลา:0:24:21 น.  

 
 
 
@คุณเบิร์ด
วิธีที่จะพิสูจน์แบบง่ายว่า Port Ethernet ของอุปกรณ์ตัวนั้นเป็น MDI หรือ MDI-X ให้หาอุปกร์ประเภท L2 Switch ราคาถูกๆ ที่เรามั่นใจว่ามันไม่มี Feature Auto Cross มาต่อกับอุปกรณ์ที่เราสงสัยว่ามันเป็น Auto MDI/MDI-X หรือไม่ ด้วยการใช้ สาย LAN ตรง และสาย LAN cross ถ้าใช้เส้นนึงแล้ว port up แต่ใช้อีกเส้น แล้ว port down แสดงว่า อุปกรณ์ตัวที่คุณสงสัยมันไม่ได้เป็น Auto Cross ครับ (แต่สาย LAN จะต้องมั่นใจว่าไม่มีปัญหานะครับ)
แต่ถ้าสลับสายตรง และสาย cross ปรากฏว่า port up ทุกกรณ์ แสดงว่าอุปกรณ์ที่คุณกำลังสงสัยตัวนั้นน่าจะเป็นแบบ Auto Cross ครับ
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 27 ตุลาคม 2557 เวลา:22:53:31 น.  

 
 
 
.ชนิดของสายเคเบิลที่จำเป็นต้องในการเชื่อมต่อรคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์สวิทช์? เพราะเหตุใดถึงต้องใช้? ช่วยตอบหน่อยนะคะ
 
 

โดย: จ๋า IP: 171.6.245.58 วันที่: 27 มกราคม 2558 เวลา:19:28:48 น.  

 
 
 
@K. จ๋า
ผมไม่แน่ใจว่าคำถามนี้มาจากข้อสอบของคุณจ๋าหรือเปล่า ผมขอตอบตามหลักการ แต่อาจจะไม่ถูกใจ อาจารย์ที่ตั้งคำถามนี้นะครับ

Pin ของ RJ-45 จะมี Tx (Transmit) และ Rx (Receive) ดังนั้นอุปกรณ์ที่เป็น Type เดียวกัน เมื่อมาต่อกันแบบตรงๆ มันจะต้องส่งสัญญาณจะ Tx ไปยัง Rx นั่นคือ จะต้องใช้สาย Crossover เช่น PC ต่อ PC หรือ PC ต่อ Router
แต่เมื่อมีอุปกรณ์ที่มาขั้นกลางเพื่อเป็น concentrator (เช่น Switch หรือ Hub) เพื่อรวบรวมการเชื่อมต่อของอุปกรณ์แล้วนั้น Switch หรือ Hub จะเป็นตัวที่ทำการ cross สัญญาณจาก Tx ของต้นทางไปยัง Rx ของปลายทางให้ ดังนั้นการเชื่อต่อจาก PC ไปยัง Switch หรือ Hub (หรือ Router ไปยัง Switch หรือ Hub) จึงต้องเป็นสายแบบ straight through (Tx ของ PC ต่อตรงไปยัง Tx ของ Switch หรือ Hub)

link ที่มีคนอธิบายไว้คล้ายๆ กับผมก็มีดังนี้ครับ:

//www.networkworld.com/article/2219416/lan-wan/do-you-need-a-crossover-cable-.html
หรือ
https://learningnetwork.cisco.com/thread/62537
หรือ
//en.wikipedia.org/wiki/Ethernet_crossover_cable

บ่งตงนะครับ ผมไม่แน่ใจว่าอาจารย์ที่ตั้งคำถามนี้อ้างอิงข้อมูลจากตำราเล่มไหน แต่ที่ผมตอบนั้น อิงจากประสบการณ์ มิใช่ตำรานะครับ ซึ่งอาจจะต้องไม่ตรงกับทฤษฎี ดังนั้นขอให้คุณจ๋า นำข้อมูลที่ผมให้ไปนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการหาคำตอบตามทฤษฎีนะครับ

ขอบคุณครับ
โก้-ชัยวัฒน์
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 27 มกราคม 2558 เวลา:19:58:11 น.  

 
 
 
@คุณจ๋า
link นี้ก็เป็นอีกหนึ่ง link ที่น่าสนใจครับ

//networking.nitecruzr.net/2006/08/what-is-crossover-cable-and-why-do-i.html
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 27 มกราคม 2558 เวลา:20:03:00 น.  

 
 
 
[url=//image.ohozaa.com/view2/y8Q7jFIY2SzdQo7P][img]//image.ohozaa.com/t/193/BStSpJ.gif[/img][/url]

สาย lan cross แบบนี้ต่างจาก cross ทั่วไปอย่างไงครับ
สามารถใช้สาย cross ทั่วไปแทนกันได้ไหมครับ
 
 

โดย: MK IP: 115.87.79.220 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:23:46:14 น.  

 
 
 
@คุณ MK,
ผมพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ pin 4, 5, 7 และ 8 เพิ่มเติม แต่ก็ไม่สามารถหาได้ (อาจจะเป็นเพราะยังหาไม่เก่งพอ) เบื้องต้นนะครับ pin 4, 5, 7 และ 8 ในเอกสาร Cisco ระบุว่าเป็น NC ซึ่งไม่ได้มีข้อมูลบอกว่า NC ย่อจากอะไร แต่จากรูป standard Crossover Cable นั้น 4 <->4 , 5 <->5, 7<->7, 8<->8 แต่สำหรับภาพที่คุณให้มานั้น 4<->8, 5<->7, 7<->5, 8<-> เบื้องต้น ผมขอใช้ข้อสันนิษฐานว่าน่าจะได้นะครับ แต่จะให้ดีคือต้องลองครับ ถึงจะตอบได้จริงๆ (บ่งตง ผมก็ยังไม่ได้ลองนะครับ เพราะเสียดายของน่ะครับ เพราะใช้ได้ก็ดีไป ถ้าใช้ไม่ได้ก็เสียของเลย ^_^)
อย่างไรก็แล้วแต่ หากจะต้องเข้าหัว LAN แบบ Crossover แล้ว ผมแนะนำให้ทำตาม standard ดีกว่าครับ เพราะเค้ามีการคำนวณมาอย่างดีแล้วว่า สนามแม่เหล็กที่เกิดจากกระแสของสัญญาณไฟฟ้า (traffic) จะหักล้างกันพอดี ทำให้ได้ประสิทธภาพในการใช้งานครับ

ปล. ผมไม่แน่ใจว่า pin 4,5,7 และ 8 ตามรูปที่คุณให้มานั้นเป็นของ product ยี่ห้ออะไร มันคงมีความหมายมากกว่าคำว่า NC ของ LAN ทั่วๆ ไปน่ะครับ

โก้-ชัยวัฒน์
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:8:40:12 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับ คุณโก้
สายที่ให้ในรูปเป็นของยี่ห้อ sunwa supply ครับ
model: KB-T6L-10BLC
//www.sanwa.co.jp/product/syohin.asp?code=KB-T6L-10BLC

พอดีที่ซื้อมาจะเป็น อีกรุ่นหนึ่ง model: KB-T6L-10BLCK
ตรง pin 4,5,7,8 จะเข้าไม่เหมือนกัน

ก็เลยจัดการเข้าสายเองอีกเส้นตามแบบ KB-T6L-10BLC
ลองต่อทั้ง 2 แบบ แล้วใช้งานได้เหมือนกันครับ
 
 

โดย: MK IP: 124.120.177.213 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:23:58:58 น.  

 
 
 
ดีดีดี
 
 

โดย: mif IP: 180.183.121.55 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:10:00:02 น.  

 
 
 
@ คุณ MK,
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล ถือว่าเป็นประโยชน์มากๆ ครับ

โก้-ชัยวัฒน์
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:18:00:37 น.  

 
 
 
คุณ เขียนว่า 100m ต่อวิ
แต่พอใช้งานโอนไฟล์ทำมัยมันได้แค่10ครับ ในการ์ดแลนก็เขียนว่า
100 M ในซอพแวนะ ไม่ใช่ ฮาร์ดแวร์
แต่พอเล่นเน็ตกับได้สปีด 30 mbps วิ่ง
แต่โอนไฟล์ผ่านสวิส ตัวเดียวกัน ซอฟแวขึ้น 100เหมือนกันแต่ได้แค่ 10 m ต่อวิ

อยากรู้นะครับพอดีเห็น แบบงงๆ
 
 

โดย: อยากรู้ครับ IP: 49.49.210.73 วันที่: 26 มิถุนายน 2558 เวลา:19:55:40 น.  

 
 
 
@คุณอยากรู้ครับ
การรับส่งข้อมูลโดยการ transfer file นั้นจะ transfer บน TCP protocol ใน 1 session ซึ่งในการ transfer ใน 1 session นั้นจะไม่สามารถ transfer ได้ทีเดียว 100 Mbps
หากต้องการ transfer file ให้ได้เต็มประสิทธิภาพ 100 Mbps จะต้องทำการ transfer ทีเดียวหลายๆ session
เช่นการ load file หรือการ transfer file ด้วย bittorrent ก็จะเป็นตัวอย่างของการ transfer file แบบทีเดียวหลายๆ session ซึ่งจะทำให้เราสามารถ transfer ได้เต็มประสิทธิภาพของ card LAN ครับ

ลองสังเกตเปรียบเทียบแบบ transfer file แบบเดียวกันแบบธรรมดา กับการ transfer ด้วย bittorrnet นะครับ จะเห็นว่า speed จะต่างกัน และกิน bandwidth แตกต่างกัน
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 26 มิถุนายน 2558 เวลา:23:18:24 น.  

 
 
 
ขอบคุณสำหรับ บทความดีๆครับ
 
 

โดย: Nong IP: 37.59.6.32 วันที่: 28 ตุลาคม 2558 เวลา:8:22:53 น.  

 
 
 
ขอบคุณครับได้ความรู้และสามารถ
 
 

โดย: อ่อนด๋อย IP: 171.97.98.162 วันที่: 31 สิงหาคม 2559 เวลา:13:05:19 น.  

 
 
 
คุณสอนละเอียดมากเลย ขอบคุณมากนะครับ ผมได้อะไรจากคุณมากจริงๆ คำสอนอะไรที่ดีๆผมจะเอาไปใช้ครับ
 
 

โดย: bers IP: 192.99.15.166 วันที่: 18 ตุลาคม 2559 เวลา:21:00:51 น.  

 
 
 
๑ทุกท่าน
ขอบคุณเช่นกันนะครับ คำชมต่างๆ เป็นกำลังใจอันยิ่งใหญ่ให้ผมได้ทำงานด้านนี้ และได้แชร์ความรู้ต่อไปอย่างทุ่มเทเลยครับ
ขอบคุณท่านจริงๆ ครับ ^^
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 30 ตุลาคม 2559 เวลา:22:18:19 น.  

 
 
 
เคยทำ สาย lan 4 เส้น ต่อ switch cisco ด้วยกันไหมครับ
 
 

โดย: sukitph IP: 202.28.118.121 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:10:11:43 น.  

 
 
 
@K. Sukitph,

เหมือนเคยครับ นานมาละ ถ้าจำไม่ผิด รู้สึกว่าใช้งานได้ แต่ไม่ค่อยดี แต่ไม่ขอ confirm นะครับ นานนับสิปีแล้ว
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:22:50:38 น.  

 
 
 
ขอบคุณสำหรับความรู็ในส่วนนี้ ครับ ผมเป็น IT Recruit กำลังหาข้อมูลด้าน Network ในการสัมภาษณ์ เขียนดีครับทำให้คนไม่มีพื้นเข้าใจได้ ขอบคุณมากครับ
 
 

โดย: Achira IP: 171.101.53.63 วันที่: 2 ตุลาคม 2560 เวลา:20:25:47 น.  

 
 
 
@คุณ Achira,

ยินดีครับ ^^
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 3 ตุลาคม 2560 เวลา:9:22:32 น.  

 
 
 
ขอบคุณมากครับ สำหรับบทความดีๆ
 
 

โดย: Aroon IP: 171.6.244.47 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2560 เวลา:13:32:59 น.  

 
 
 
very good,thanks
 
 

โดย: sese IP: 202.29.212.226 วันที่: 6 กรกฎาคม 2561 เวลา:16:45:49 น.  

 
 
 
ขอบคุนมาก จากประเทดลาว อาดพิมผิดต้องขอโทดด้วย :p
 
 

โดย: johnny IP: 139.99.104.93 วันที่: 9 กันยายน 2563 เวลา:16:10:40 น.  

 
 
 
@Johny,
ขอบคุณมากครับ ดีใจที่มีผู้อ่านจากพี่น้อง สปป. ลาวครับ ^^
 
 

โดย: kochaiwat วันที่: 14 กันยายน 2563 เวลา:7:49:25 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

kochaiwat
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 693 คน [?]




เริ่มงานครั้งแรกที่บริษัท UIH (United Information Highway) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการทางด้านการสื่อสารข้อมูล อาทิเช่น Lease Line, Frame Relay และ MPLS และได้ย้ายไปร่วมงานกับบริษัท dtac โดยได้ทำงานเกี่ยวกับ IP Network (Switch/Router/Firewall/F5-Loadbalancer) รวมถึง MPLS Network และ IPRAN (IP Radio Access Network) ซึ่งเป็น IP Network ที่รองรับ Access ของ Mobile System นอกจากนั้นยังสนใจศึกษาเรื่อง IPv6 Address ที่จะมาใช้แทน IPv4 ที่เราใช้งานอยู่ในปัจจุบัน
แต่ด้วยความชอบในการแบ่งปันความรู้ จึงได้มีโอกาสสอน CCNA อยู่ที่สถาบันแห่งหนึ่งในอาคารฟอร์จูนทาวน์ในวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 จนถึง พ.ศ. 2553 รวมเป็นเวลา 4 ปี, หลังจากนั้นในระหว่างที่ทำงานที่ dtac ก็ได้สอนเสาร์-อาทิตย์เรื่อยมา

เคยเป็น Trainer หรือ Instructor อย่างเต็มตัว สอนวิชาต่างๆ ของ Cisco อย่างเป็นทางการ (Authorize Training) ที่บริษัท Training Partner Thailand จนถึง มีนาคม 2014 และได้ตัดสินใจออกมาสอนเอง เพราะด้วยความรักในอาชีพการสอน และต้องการที่จะแบ่งปันความรู้ให้กับบุคคลในระดับกลางและล่างเพื่อส่งเสริมให้ได้มีโอกาสได้เรียน และได้มีโอกาสสมัครงาน แต่ด้วยใจรักในบริษัท Cisco ดังนั้น เมื่อมีโอกาสเข้ามา จึงได้ตัดสินใจหยุดการสอน และได้เข้าไปเป็นพนักงาน หรือทำงานที่บริษัท Cisco Thailand ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 (2016) จนถึงปัจจุบัน

ลูกค้าที่เคยมารับการอบรม เช่น
- Lao Telecom Company Ltd
- CAT Telecom
- TOT
- True
- dtac
- CDG Group
- SITA air transport communications and information technology (www.sita.aero/)
- Infonet Thailand
- MultiLink Co., Ltd
- โรงพยาบาลไทยนครินทร์
- และเคยไปเป็นวิทยากรพิเศษที่ มหาวิทยลัยกรุงเทพสุวรรณภูมิ

ปัจจุบัน โก้-ชัยวัฒน์ ได้ผ่านการสอบ:
- Cisco Certified Internetwork Expert (CCIE) No. 51353 และ
- Cisco Certified Systems Instructor (CCSI) ซึ่งเป็น Certificate ที่ออกให้โดย Cisco สำหรับผู้ที่จะเป็นผู้สอน Cisco Certificate อย่างเป็นทางการ และได้รับ CCSI ID: 34784

วิชาที่สามารถได้สอนได้สำหรับ Cisco Certificate ในขณะนี้คือ
- CCNA Routing & Switching
- CCNA Security (IINS)
- CCNP Route & Switch: ROUTE
- CCNP Route & Switch: SWITCH
- CCNP Route & Switch: TSHOOT
- MPLS (IOS)
- MPLS Traffic Engineering (IOS)
- CCNP Service Provider: SPROUTE (OSPF, IS-IS, BGP, Prefix-List, Route-Map and RPL (Routing Policy Language))
- CCNP Service Provider: SPADVROUTE (Advance BGP, Multicast, and IPv6)
- CCNP Service Provider: SPCORE (MPLS, MPLS-TE, QoS)
- CCNP Service Provider: SPEDGE (MPLS-L3VPN, MPLS-L2VPN (AToM and VPLS)
- IPv6

Certification ที่มีอยู่ในปัจจุบัน CCIE# 51353, CCSI# 34784, CCNA Routing & Switching, CCNA Security (IINS), CCNA Design, CCNP Routing & Switching, CCIP, CCNP Service Provider ซึ่งเป็น Certification ของ Cisco product รวมถึง Certification ของสถาบัน EC-Council (www.eccouncil.org) นั่นคือ Certified Ethical Hacker (CEH)

"เป้าหมายมีไว้ให้ไล่ล่า บ้างเหนื่อยล้าบ้างหยุดพัก
ชีวิตแม้ยากนัก แต่เรารักเราไม่ถอย
ชีวิตแม้ต้องคอย จะไม่ปล่อยไปวันๆ
ชิวิตไม่วายพลัน แม้นสักวันต้องได้ชัย"

"แม้ระยะทางจะไกลแค่ไหน แม้ต้องใช้เวลามากเพียงใด
ขอเพียงแค่มีความตั้งใจ เราต้องได้ไปให้ถึงมัน"

ผมจะไม่ยอมทิ้งฝัน แต่จะไล่ล่ามันให้ถึงที่สุด สักวันฝันอาจจะเป็นจริง ถึงจะไปไม่ถึง แต่ผมก็ภูมิใจที่ได้ทำ
==============================
ความรู้ = เมล็ดพืช
ความพยายามในการเรียนรู้ = ปุ๋ย, น้ำ และความใส่ใจที่จะปลูก
สรุปคือ
ยิ่งพยายามเรียนรู้ ยิ่งพยายามศึกษาในเรื่องใดๆ ผลที่ได้คือ จะได้ความรู้ในเรื่องนั้นๆ อย่างลึกซึ้ง เปรียบเสมือนปลูกต้นไม้ด้วยความใส่ใจ ให้น้ำ ให้ปุ๋ย ผลที่ได้ก็คือ ต้นไม้ที่เติบโตอย่างแข็งแรง และผลิดอกและผลที่งดงามให้เราได้ชื่นชม
ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จจะอยู่ที่นั่น หรือที่ไหนก็ช่าง แต่เชื่อเถอะ เราจะได้ผลลัพธ์ที่ดีจากความพยายามนั้นๆ ไม่มากก็น้อย
อยากได้อะไรให้พยายาม แล้วความสำเร็จมันจะเข้ามาหาเอง
ผมเชื่อ และมั่นใจอย่างนั้น
===============================
ตอนนี้ผมได้ไปถึงฝัน (CCIE) แล้ว และสิ่งที่ไม่คาดฝัน คือได้ทำงานที่บริษัท Cisco ซึ่งถือได้ว่าไกลเกินฝัน

กว่าผมจะมาถึงจุดนี้ได้ เกิดจากความตั้งใจ มุ่งมั่น และพยายามอย่างไม่ย่อท้อ ศึกษาหาความรู้ และฝึกฝนตนเองอยู่เสมอ จนกระทั่งประสบความสำเร็จ และผมก็ได้พิสูจน์แล้วว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ขอเพียงแค่อย่าท้อ อย่าถอย และอย่าหยุด

ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน และขอให้ประสบความสำเร็จดังที่มุ่งหวัง ไม่ว่าท่านจะหวังสิ่งใดก็ตามครับ

ท้ายที่สุด ผมขอฝากข้อคิดในเรื่อง Certificate ไว้สักนิดนะครับ:
*** "CCIE และ Certificate อื่นๆ มีไว้เพื่อทำมาหากิน และมีไว้เพื่อข่มตนไม่ให้เกรียน เพราะความเกรียนจะนำมาซึ่งการเป็นเป้าให้คนที่เค้าหมั่นไส้ยิงเอานะครับ" ***

Facebook: Chaiwat Amornhirunwong
New Comments
[Add kochaiwat's blog to your web]

MY VIP Friends


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com