(´¨*♥*´¨):-: SimpliFy Your Life : Just Be Your Self :-:(´¨*♥*´¨)
:: คุณลุงแทกซี่ ::

ไม่รู้ว่าใครเคยเจอเหตุการณ์อย่างเราไหม จู่ๆก็มีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเรา ใจที่หายไปกับการเสียดาย เสียใจ และโกรธตัวเองที่ไม่มีสติ ในวันนั้น ทำให้เราเกิดข้อคิดหลายๆอย่างตามมา

ระหว่างที่เดินอยู่ในห้าง ไหนๆ มาแล้วเลยแวะไปที่เคาน์เตอร์เครื่องสำอางเจ้าประจำตอนแรกว่าจะมารับของสมนาคุณที่คิดว่าสมควรจะได้ เพราะมีพนักงานโทรไปหาเราแล้วตั้งเกือบสองเดือน แต่ก็ไม่มีโอกาสแวะมาสักที ด้วยความเสียดายสิทธิ์ที่ควรจะได้มันป็นสิทธิ์ของเรานี่...และก็มาแล้วแวะไปเอาเลยดีกว่า



สองขาพาเข้าไปเท่าที่ใจคิด ตกลงแวะทันทีที่ร้านขายเครื่องสำอางสูตรน้ำที่เคยใช้ก่อนกลับบ้านเมื่อมีโอกาสได้เดินห้างแถวปิ่นเกล้าในวันที่นัดพบกับเพื่อน พอเลี้ยวขวามือเข้าร้านปุ๊ป รอยยิ้มทักทายจากพนักงานขายแว่วมากระทบประสาทหูทันที "มารับของสมนาคุณค่ะ " ทั้งสาวและเกือบสาวนั่งที่เคาน์เตอร์เอ่ยปากต้อนรับพร้อมกัน "หวัดดีค่ะพี่" ทั้งหมดส่งเสียงมาเกือบพร้อมกัน แต่ฉ้นไม่มีเวลามากแล้วต้องรีบร้อน เลยบอกกับน้องว่า มีสาวน้อยโทรไปบอกเรื่องมารับของสมนาคุณ แต่แล้วต้องผิดหวังเพราะคุณน้องหน่าสวยบอกว่าต้องไปรับที่สาขาชิดลม แล้วน้องๆก็อาสาว่าจะเอาของมาไว้ที่นี่เพราะใกล้กับบ้านเราสะดวกในการมารับมากกว่า โอเคไม่ได้ของไม่เป็นไร ไม่มีเวลาแวะไปที่ชิดลมด้วยซิน่า หากคุณน้องบริการมาให้ที่นี่ แล้วคราวหน้าจะแวะมาอีกครั้ง



พอนึกได้บอกกับคุณน้องคนขายว่าต้องการซื้อของที่เกือบจะหมดภายในอาทิตย์นี้ เลือกที่ต้องดูแลรักษาหน้าก่อนนอน ไม่ได้ซื้อนานแล้ว เรียกว่าหมดเกลี้ยงเลยถ้าเกินนี้ไม่มีใช้ บังเอิญครีมกลางคืนที่ต้องการที่มีลด 20 % ถ้านำบรรจุภัณฑ์เก่ามาแลกคืน แต่คุณน้องบอกว่าเอามาวันหลังก็ได้ ถ้ามียืดหยุ่นกันได้อย่างก็โอเคเดี๋ยววันหลังจะเอามาให้แล้วกัน ในที่สุดก็ได้ของกลับไปตามตั้งใจ

เสร็จแล้วแวะซื้อที่ Body Shop อีกนิดหน่อย แล้วรีบเรียกแทกซี่กลับบ้านที่หน้าห้างนั่นทันทีเวลามีไม่เยอะ เห็นแทกซี่เรียงคิวรับผู้โดยสารที่หน้าห้างอยู่ข้างหน้า เดินดิ่งเข้าไปถึงคันที่จ่อคิวรอ แล้วไอ้การเรียกแทกซี่ในเมืองกรุงบางครั้งก็น้องๆการเล่นเก้าอี้ดนตรีอยู่ไม่น้อย อาศัยว่าบ้านอยู่ไม่ไกลนักไม่ค่อยมีคันไหนที่ปฏิเสธ



พอเปิดประตูรถคันที่เล็งเอาไว้แล้ว รีบบอกคนขับทันที "ไปจรัญฯ 34 ค่ะ" พอได้ยินเสียงแล้ว ดูท่าทางคนขับอายุเยอะแล้วหล่ะ ท่าทางน่าจะรุ่นพ่อเราได้น่า ตามแบบฉบับบคนไทยที่เรียยกกันง่ายได้เสมือนญาตกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ จากการคาดคะเนของฉัน เดาว่าคุณลุงคนขับท่าทางจะรุ่นพ่อ


ขณะที่รถออกจากห้างมาได้ซักระยะหนึ่งแล้ว จากที่เคยขับรถมาเองบ่อยๆ เพราะไม่ไกลจากบ้านเลยรู้ทางลัด ได้เอ่ยแนะนำลุงว่า "นี่ลุงๆ..มีทางลัดเลยห้างไปประมาณ 50 เมตร ลุงเตรียมเข้าซ้ายไว้นะ จะได้เลี้ยวซ้ายทัน" ระหว่างที่พูดรถที่ออกมาจากห้างไม่ว่าจะเป็นแทกซี่หรือรถเมล์ประจำทางที่เพิ่งจะจอดป้ายหน้าห้างอยู่ฝั่งซ้ายกันยังไม่ใครเบี่ยงไปทางขวา การขับนถไม่เมืองกรุงบางทีเราต้องทำตัวเป็นเขียดตะปาด (ปาดซ้ายปาดขวายังไงล่ะ.!!.. )



พอมองอีกครั้งหนึ่งเลยซอยที่ต้องการให้ลุงเลี้ยวซะแล้ว "อ้าวนั่นไม่ทันแล้วหล่ะหนู " ระหว่างที่พูดฉันเห็นว่ารถลุงคงไปไม่ทันเป็นแน่แล้ว ได้แต่สบถอยู่ในใจ..ก็เอาวะ.... ไม่เป็นไร คราวนี้ลุงทำท่าจะไม่กลับรถที่ย้อนไปทางถนนบรมราชชนนีเสียแล้ว ลุงกลับมาแนะนำว่า ให้ไปทางบางขุนนท์ ฉันเลยโมโห... ของขึ้นมาทันที!!..บอกกับลุงด้วยเสียงที่ไม่เป็นไมตรีแล้วคราวนี้ "อ้าว..นี่..จะไปกันใหญ่แล้ว..ลุง ถ้าไปทางนี้มันอ้อมใหญ่ซี่ โอ้ย..ยิ่งรีบยิ่งช้า" คราวนี้ฉันพูดด้วยเสียงแบบฉุนกึก!!


ดูท่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีลุงตัดสินใจจอดรถให้ลง หลังจากหันมาบอกฉันที่นังทางด้านหลังรถเบาะตำแหน่งเฉียงกัน "งั้นหนูลงไปเถอะลุงไม่รู้ทางแล้ว ไม่แน่ใจ ไม่เอาตังค์หรอกนะ ไปเรียกคันใหม่เถอะ" พอสิ้นคำพูดของลุง ฉันลงจากรถทันที ด้วยอารมณ์ยังคุกรุ่น พอดีมีแทกซี่อีกคันมาพอดี เลยรีบเรียกรถคันใหม่ แถม..ยังสบถกับตัวเองอีก..ว่ายิ่งรีบยิ่งช้า แล้ววิ่งย้ายไปขึ้นแทกซี่คนใหม่ที่วิ่งตามหลังมาทันที






"ไปจรัญ 34ฯ ค่ะ รู้จักไหมคะ " เพื่อกันพลาดคราวนี้เลยรีบถามเอาไว้ก่อน ระหว่างทางก็มีปรึกษากันบ้างว่าจะไปทางใด มองไปรอบๆตัวยังเห็นว่ามีแทกซี่มากมาย ระหว่างทางยังคุยกันด้วยว่ารถเยอะ แต่ที่สังเกตคือคนขับยังเป็นเด็กวัยประมาณยี่สิบต้นๆ จนกระทั่งรถมาจอดหน้าปากซอย คราวนี้เห็นว่าจะซื้อน้ำที่ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยเลยบอกให้แทกซี่จอดที่หน้าปากซอย แล้วรีบลงจากรถทันที


พอลงรถด้วยความรีบวิ่งไปกดน้ำที่ร้านสะดวกซื้อ พอกำลังกดน้ำแข็งมองที่ข้อมือตัวเอง เห็นกระป๋าถือตัวเองที่คล้องเอาไว้ กับอีกถุงเบาๆหนึ่งใบจากร้านบอดี้ชอป


ตายจริง..!!!แล้วถุงเครื่องสำอางละ ทั้งถุงเลยหายไปไหน ยืนอยู่พักหนึ่งพยายามเรียกสติทั้งหมดกลับคืนมา เดินไปดูที่กดน้ำอีกครั้งไมมีถุงวางไว้ กลับไปที่เก่าที่ลงแทกซี่ ไม่มีของที่ล่วงลงมาเลย ใจยังหวังว่าจะมีของที่เราถือมาล่วงอยู่ก็เป็นได้ ตายจริงทำไงดี เครื่องสำอางถุงนั้นเราลืมไว้ที่แทกซี่หรือนี่ !!! ตายหล่ะ ใจเริ่มหวิวๆๆ...แล้ว

ไม่รู้จะทำอย่างไรได้นอกจากการยืนที่ตำแหน่งเดืมที่ลงมาจากรถอยู่นานเหมือนกับว่าแทกซี่คันที่เราขึ้นมาอาจย้อนมาหาเราได้ จะโทรไปที่ไหนดี ที่ 191 เหรอ แล้วจะยังไงกันเนี่ย...ครั้นจะโทรบอกเพื่อน.เพื่อนต้องว่าเรามันจอมเลินเล่อแน่เลย
ระหว่างนั้นสับสนไปหมดเลย จะโทรบอกน้องหรือ..เดี๋ยวก็ต้องว่าไม่ระมัดระวัง ใครที่อยู่ในซอยตอนนั้นคงเห็นฉันเดินหน้าซีดคอตกเดินเข้าซอยแบบไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้ว


ในช่วงที่สับสนอยู่นั้นหันไปเห็นแทกซี่กำลังจะออกไปจากปากซอย เราเงยหน้าขึ้นมองสบตากับคนขับรถ คิดว่าเขาคงจะหาผู้โดยสาร รีบกับสั่นหัวหงึกๆ เหมือนจะบอกว่าไม่ไปนะ หน้าคงซีดราวกับกระดาษ

ยังไม่ทันไร คนที่ขับแทกซี่คันนั้นเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า "หนูที่ขึ้นแทกซี่ลุงมาตอนแรกใช่ใหม" พอได้ยินดังนั้น.. ใจฉันเต้นแรงแบบไม่เป็นจังหวะ ตายจริง!! ฉันไม่มีสติแม้แต่จะจำหน้าคุณลุงแทกซี่ที่ขึ้นมาคันแรกไม่ได้เชียวหรือ !!สติ ..ค่อยกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อเห็นคุณลุงโชว์ถุงเครื่องสำอางในมือ " หนูลืมกระเป๋าไว้ในรถนะ ท่าทางของที่ซื้อมาคงจะเป็นพันอยู่เน้อ " คำพูดใสซื่อของลุงที่มีสำเนียงอีสานปนอยู่ ทำเอาฉันตื่นจากอาการเสียใจ ทั้งๆ ที่กำลังกลืนบางสิ่งลงในลำคออย่างยากเย็น พอลุงยื่นถุงเครื่องสำอางให้ ฉันรีบหยิบตังค์ในกระเป๋าส่งให้กลับไปอย่างไม่เสียดาย พร้อมเอ่ยปากขอบคุณ อย่างที่ใจรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ หลังจากให้ตังค์ลุงไปแล้วรับของจากลุง ยังไม่ลืมที่จะกระพุ่มมือไหว้ลุงด้วยความจริงใจ ฉันไม่ได้ร้องไห้ แต่ความรู้สึกตอนนั้น เหมือนทีน้ำตาตกอยู่ข้างในลำคออย่างไรไม่รู้

ขณะรับของมาใส่มือแล้ว ฉันยังยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ ยังอดนึกถึงความมีน้ำใจของคุณลุงคนขับแทกซี่ผู้ที่เอาใจผู้อื่นมาใส่ใจตน อย่างนี้คนในยุคนี้แทบจะไม่มีคุณสมบัติเช่นนี้กันแล้ว

เหตุการณ์ครั้งนี้ได้บอกให้รู้ว่า ในสังคมเมืองที่มีแต่การแก่งแย่งแข่งขันกันมากมาย ในซอกหลีบของตึกสูงในเมืองใหญ่ที่ต่างคนต่างคิดว่าเรื่องของใครไม่ใช่เรื่องของตัว ของที่ได้มาไม่ว่าจะวิธีใดเมื่อมาถึงมือตนนับว่าเป็นโชคนั้น ยังมีความมีน้ำใจจากลุงแทกซี่ที่ได้เจอกันในวันนั้น และคงมีอีกหลายคนที่ยังพอจะมีนำใจที่แบ่งปันให้กันบนโลกใบนี้

อย่างน้อยโลกใบนี้ก็ไม่ได้โหดร้ายต่อกันมากจนเกินไป เพราะตอนแรกคิดว่าของที่ซื้อมาได้ติดแทกซี่คันที่สองไปแล้ว ไม่คิดว่าของที่หายจะได้กลับคืน อย่างน้อยโลกใบนี้พอจะมีที่ทางให้คนดีๆได้ยืนบ้าง

ใครจะคิดว่าคุณลุงจะมองมาทางด้านหลังเบาะ แล้วเห็นถุงเครื่องสำอางใบนั้นหลังจากที่ฉันลงจากรถ และขับรถตามแทกซีคันที่ฉันเรียกเป็นครั้งที่สองมาจนถึงที่หมาย เพื่อนำของมาคืน จะมีแทกซี่ซักกี่คันกันนะที่ทำเช่นนี้ เพียงแค่นี้ก็น่าชื่นใจยิ่งนักสำหรับสังคมเมืองกรุงที่มีเจริญเติบโตทางด้านวัตถุ จนหลายคนลืมไปแล้วว่าคำว่าน้ำใจสะกดว่าอย่างไร



ขอขอบคุณคุณลุงแทกซี่ในวันนั้น เพราฉันคิดว่าตนเองได้สะเพร่าลืมของไว้ในแทกซี่คันที่สองที่เราเรียกใหม่ด้วยซ้ำไป อยากขอโทษคุณลุงแทกซี่ที่ตอนแรกฉันแสดงอาการไม่ดีใส่ พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่น่ารักเลย แต่กระนั้นคุณลุงก็ไม่ได้ถือสาหาความอะไร



ครั้งนี้ทำให้เราได้รู้ว่าการทำอะไรแล้วเกิดอาการขาดสติ มีแต่โทษทั้งนั้น ตอนที่ฉันต่อว่าคุณลุงไปที่ขึ้นรถไปแล้วคุณลุงพาไปผิดทาง เพราะอธิบายแล้วยังไม่เข้าใจ ในใจก็คิดเอาว่าแทกซี่หลายคันมักฉวยโอกาสพาผู้โดยสารอ้อม ถ้าผู้โดยสารไม่รู้ทาง ในสังคมเมืองเราจะไว้ใจใครได้อย่างไร มันเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาได้จริงๆ








Create Date : 25 มกราคม 2553
Last Update : 27 มกราคม 2553 0:33:57 น. 1 comments
Counter : 374 Pageviews.

 
You are lucky.


โดย: Art IP: 222.153.174.117 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:10:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

chabori
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




(*♥*´¨) :-: SimpliFy Your Life : Just Be Yourself :-: (*♥´¨)




Everyday is means to me:-)
..................o°o
.................O....°
............o°°O.....o
...........O..........O
............° o o o O
......................★
...................★
...............★
...........★
........★
....★
.★
*♥´¨)
¸.-´¸.-♥´¨) ¸.-♥¨)
(¸.-´ (¸.-` ♥♥´¨) ♥.-´¯`-.- ♥
«-(¯`v´¯)-» KorPai «-(¯`v´¯)-»


***************************

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Share |
Total คน
(online)
"ทรายทุกเม็ดมีค่า ทุกครั้งที่มันร่วงลงมา เปรียบเสมือน กาลเวลา ที่ล่วงเลย
(¯`v´¯)-» Welcome To KorP@I Blog«-(¯`v´¯)-
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chabori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.