(´¨*♥*´¨):-: SimpliFy Your Life : Just Be Your Self :-:(´¨*♥*´¨)
วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์




วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ (วัดเขาโคกเผ่น) ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 99 หมู่ 2 บ้านเขาโคกเผ่น ตำบลทำนบ อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ เป็นพุทธสถานที่คณะสงฆ์และคณะศิษยานุศิษย์วัดราชผาติการามร่วมใจกันสร้างถวายแด่ ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร ป.ธ.9) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม กรุงเทพฯ โดยการนำพาของ พระเทพโมลี (สุนทร สุนฺทราโภ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม เจ้าคณะเขตดุสิต (ธรรมยุติ) ด้วยสำนึกในความกตัญญูกตเวที ในโอกาสเจริญชนมายุศม์ครบ 80 ปี เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2529 ทั้งนี้ วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ได้รับอนุญาตจากกรมธนารักษ์ให้ใช้สถานที่จำนวน 96 ไร่ 2 งาน 58 ตารางวา เพื่อสร้างวัดขึ้นเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ 72 พรรษา และได้รับพระราชทานวิสุงคามเสมาในปี พ.ศ. 2548 ปัจจุบันมีพระครูวิจิตรสีลาภรณ์ รักษาการเจ้าอาวาส



ชื่อ “วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์” นี้ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชผาติการาม ได้ประทานชื่อวัดว่า “วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์” เพื่อถวายพระเกียรติแด่ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ (หม่อมเจ้าภุชงค์ ชมพูนุช) วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ส่วน “สิริวัฒนวิสุทธิ์ (วิ.)” เป็นพระราชทินนามที่พระราชทานชื่อสมณศักดิ์แด่พระราชาคณะชั้นสามัญ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ (พัดขาว) พระครูปลัดสัมพิพัฒนวิริยาจารย์ (สุนทร สุนฺทราโภ เปรียญ 3 ประโยค) ซึ่งได้รับพระราชทานชื่อนี้เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2525 ซึ่งปัจจุบันได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ “พระเทพโมลี”

บนเนื้อที่ 96 ไร่ 2 งาน 58 ตารางวา ของวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์นั้น ได้รับการรังสรรค์ขึ้นอย่างงดงามเป็นรูปเรือหลวง มีความหมายถึงพาหนะที่จะช่วยขนสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงแห่งสังสารวัฎ (ทะเลวน) ให้พ้นจากโอฆะสงสาร ห้วงน้ำคือกิเลส เรือที่ตั้งอยู่บนเกาะหรือภูเขา หมายถึง เป็นสถานที่ที่น้ำท่วมไม่ถึงหรือท่วมทับแก่บุคคลที่มีปัญญาไม่ได้ ผู้มีปัญญา มีความขยัน ไม่ประมาทตามกิเลส มีความสำรวมระวังดี ก็จะอยู่บนเรือลำนี้ได้โดยปลอดภัย เรือหลวงอันเป็นที่ตั้งของวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ มีชื่อเรือว่า “ราชญาณนาวาทีฆายุมงคล” เพราะสร้างขึ้นในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ 60 พรรษา ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ เรือหลวงนี้มีความกว้าง 30 เมตร ยาวประมาณ 6 ไร่เศษ สำหรับสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่สร้างขึ้นล้วนแล้วแต่เป็นอนุสรณ์ให้ระลึกถึงสถาบันแห่งชาติทั้งสิ้น





พระภควัมบดี (พระอยู่เย็นเป็นสุข พระไม่มีหน้า) เป็นพระพุทธรูปที่มีรูปลักษณ์เหมือน ‘พระสังกัจจายน์’ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ปางขัดสมาธิเพชร บนกลีบบัว 3 ชั้น คือ ศีล สมาธิ และปัญญา พระองค์นี้มีลักษณ์เหมือนกันทั้งสองด้าน คือ ไม่มีหน้า ไม่มีหลัง และไม่มีหน้าตา หมายถึง ปริศนาธรรม พระองค์นี้ประดิษฐานอยู่กลางเขาโพธิสัตว์ มีหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 10 เมตร ประกอบด้วยรัศมีประภามงคล ฉัตรทอง 9 ชั้น มีความสูงราว 4 เทคี ภายในองค์พระบรรจุแม่พิมพ์ของพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศ รวมทั้งหมด 1,250 องค์ ตามจำนวนของวิสุทธิสงฆ์จาตุรงคสันนิบาต หรือพระสงฆ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้อุปสมบทให้ มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมายใน ‘วันมาฆบูชา’ นั่นเอง

เจดีย์ศรีมหาราช สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นราชสักการะปูชนียานุสรณ์ในปีกาญจนาภิเษก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีความสูง 45 เมตร ความกว้าง 12 เมตร ภายในเจดีย์มี 3 ชั้น จัดแบ่งเป็นห้องต่างๆ ดังนี้

ชั้นที่ 1 มีชื่อว่า “ห้องมหาราช” เป็นที่ประทับของพระบรมรูปหล่อของมหาราชทั้ง 8 พระองค์ คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช, สมเด็จพระนารายณ์มหาราช, สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชการที่ 1), พระมหาเจษฎาราชเจ้า (รัชกาลที่ 3), พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5), พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (รัชกาลปัจจุบัน) และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ในฐานทรงเป็นพระบรมชนกนาถของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย อีกทั้งวีรกษัตริย์ วีรกษัตรี และครูอาจารย์ผู้ทรงคุณูปการแห่งแผ่นดินไทย

ชั้นที่ 2 จัดแบ่งเป็นห้องสำคัญทางประวัติศาสตร์ อาทิ ห้องพระนางจามเทวี ห้องสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ห้องสมเด็จพระสุริโยทัย ซุ้มเทิดพระเกียรติสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า (รัชกาลที่ 6) และภาพสีน้ำพระสาทิสลักษณ์ของพระมหาจักรพรรดิ และสมเด็จพระสุริโยทัย พระราชธิดา ห้องสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมฺรังสี) ห้องนี้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ประกอบด้วยพระสมเด็จโตเนื้อผงมากมายหลายขนาด เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ศึกษาและพิจรณาถึงปฏิปทาของพระอริยสงฆ์เจ้าพระองค์นี้ ห้องพระไตรปิฎก เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก และมีรูปหล่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) แสดงธรรม รูปหล่อสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร) หลวงพ่อทวด และหลวงปู่โง่น โสรโย

ชั้นที่ 3 ชั้นบนสุดของเจดีย์องค์นี้ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และวัตถุมงคลต่างๆ

นอกจากนั้น ภายในวัดยังประดิษฐานวิหารพระนาคปรก, วิหารเทพสถิต, พระพุทธกุมารปางประสูติ, พระอวโลกิเตศวรกวนอิมโพธิสัตว์ปางลีลา, มหาจุติพระพิฆเนศวร, นาคปริวัตนโพธิสัตว์นิมิตปุมุมาตย์สถิตเทวฤทธิ์อนุรักษ์, ท้าวเวสสุวรรณ และต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร) ได้นำเมล็ดพันธุ์มาจากประเทศอินเดีย บริเวณวัดนั้นกรมป่าไม้ได้ประกาศให้เป็นสถานที่อนุรักษ์ป่าธรรมชาติได้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง



ภายในศาสนสถานแห่งนี้ ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างอันเป็นมงคลมากมาย อาทิ

ธุดงคเจดีย์ มณฑปเรือนแก้ว ซึ่งเป็นอุโบสถของวัดแห่งนี้ เป็นสถาปัตยกรรมประยุกต์ไทยอินเดีย มุงและกั้นด้วยกระจกสีชาทั้งหมด อนุสรณ์ระลึกถึงพระมหากัสสปะเถระ เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธบาททั้งคู่” เนื้อสำริดสามกษัตริย์ ประกอบด้วยทองคำ เงิน และนาค รวม 108 บาท และ “พระพุทธรัชมงคลอุบลบพิตร” พระประธานของวัด เป็นพระพุทธรูปสมัยอู่ทองปางสมาธิ ซึ่งทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ได้เสด็จมาถวายไว้ เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 และสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) ได้ถวายพระนามพระประธานองค์นี้ อันมีความหมายว่า พระพุทธเจ้าทรงเป็นมงคลผู้สร้างแห่งความเป็นพระราชา

ศาลาเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ในฐานะทรงเป็นพระบิดาแห่งราชนาวีไทย และเพื่อเป็นสิริมงคลแก่เรือราชญาณนาวาฑีฆายุมงคล ซึ่งจากการรวบรวมของกองทัพเรือ ศาลาเสด็จในกรมหลวงชมพรเขตอุดมศักดิ์ ณ วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ (วัดเขาโคกเผ่น) นับเป็นศาลาลำดับที่ 116 ที่มีการสร้างขึ้นในประเทศไทย

ลานพระธรรมจักร เป็นลานกว้างขนาด 7 x 7 เมตร บนลานแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐาน ‘แท่นพระธรรมจักร’ มีหินทรายแกะสลักเป็นรูปกวาง และแท่นหิน 8 เหลี่ยมที่แกะจากหินทรายสลักเป็นรูปมงคลต่างๆ ตั้งไว้ด้านหน้า เป็นนิมิตหมายว่า สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประกาศพระธรรมคำสอนอันยอดเยี่ยมให้เป็นไปในโลกทั้ง 2 อันใครจะปฏิวัติ ปรับปรุง เปลี่ยนเปลี่ยนไม่ได้ เพราะมีความสมบูรณ์ บริบูรณ์ ยุติธรรม ในการวางแนวทางไว้อย่างประเสริฐแก่เหล่าเทพยาและมนุษย์ทั้งหลาย

พระพุทธเอกนพรัตน์ ประดิษฐานอยู่ ณ บริเวณหัวเรือราชญาณฑีฆายุมงคล ซึ่งสร้างขึ้นในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เป็นปีกาญจนาภิเษก พระเทพโมลี ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มสร้างวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ได้คิดรวบควมพระพุทธจริยาปางต่างๆ ที่ประจำวันของเทพนพเคราะห์ทั้ง 9 พระองค์ มี อาทิตยเทพ จันทรเทพ เป็นต้น และคนทั้งหลาย

ขณะนี้ วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ดำเนินการสร้าง “เจดีย์ศรีพุทธคยา เฉลิมพระเกียรติ” ซึ่งมีความโดดเด่นและงดงามมาก อันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยจำลองแบบสถาปัตยกรรมและงานพุทธศิลป์มาจากเจดีย์พุทธคยา เมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ทุกประการ มาสร้างไว้ ณ ยอดเขาโพธิสัตว์ วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ โดยย่อส่วนลงให้เหมาะสมกับพื้นที่ให้มีความสูง 28 เมตร เป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธเจ้า 28 พระองค์ มีความกว้าง 16 x 20 เมตร ประดับลวดลายปูนปั้น ทางเข้าสู่เจดีย์จะเป็น ‘โตรณะ’ หรือซุ้มประตูปราสาทพร เป็นเสาสลักลวดลายแบบอินเดีย เมื่อเข้าถึงเจดีย์จะผ่านประตูชั้นล่าง ซึ่งมีซุ้มพระพุทธรูปประทับยืนศิลปะอินเดียทั้งสองข้าง มีหน้าบันใหญ่อยู่ด้านบนประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งและรอบๆ เป็นซุ้มพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์

ส่วนบริเวณรอบฐานเจดีย์ก็มีซุ้มพระพุทธรูปประทับนั่งเช่นกัน ส่วนชั้นที่สอง มีลักษณะเป็นมุขเด็จทั้งซ้ายขวา มีการตกแต่งแผงกลาง 4 ทิศ รายรอบด้วยมุมพระพุทธรูป ส่วนเหนือขึ้นไปตรงกลางจะเป็นหน้าบันประดิษฐานพระพุทธรูปตามมุม แกะลวดลายปูนปั้นหน้ากาล องค์พระเจดีย์แต่ละด้านประดับด้วยหน้าบัน ซุ้มพระ และหน้ากาลลดหลั่นกันไปถึงยอด ภายในองค์เจดีย์มี 4 ชั้นดังนี้คือ ชั้นที่ 1 เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธเมตตาสันติภาพ” เนื้อสำริด สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในปี พ.ศ. 2550, ชั้นที่ 2 เป็นที่ประดิษฐาน “พระศรีอริยเมตไตรยศรีศากยสิงห์” สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ และชั้นที่ 3 เป็นที่ประดิษฐาน “พระคันธกุฎีจำลอง” ที่ได้จำลองที่ประทับของพระพุทธเจ้าที่อินเดียมาไว้ในรูปลักษณ์เดิม

บริเวณยอดเจดีย์ชั้นสูงสุดเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีห้องปฏิบัติธรรม และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปเนื้อศิลา ชื่อ “สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงพ่อดำ”





พระภควัมบดี (พระอยู่เย็นเป็นสุข พระไม่มีหน้า) เป็นพระพุทธรูปที่มีรูปลักษณ์เหมือน ‘พระสังกัจจายน์’ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ ปางขัดสมาธิเพชร บนกลีบบัว 3 ชั้น คือ ศีล สมาธิ และปัญญา พระองค์นี้มีลักษณ์เหมือนกันทั้งสองด้าน คือ ไม่มีหน้า ไม่มีหลัง และไม่มีหน้าตา หมายถึง ปริศนาธรรม พระองค์นี้ประดิษฐานอยู่กลางเขาโพธิสัตว์ มีหน้าตักกว้าง 5 เมตร สูง 10 เมตร ประกอบด้วยรัศมีประภามงคล ฉัตรทอง 9 ชั้น มีความสูงราว 4 เทคี ภายในองค์พระบรรจุแม่พิมพ์ของพระเกจิอาจารย์ทั่วประเทศ รวมทั้งหมด 1,250 องค์ ตามจำนวนของวิสุทธิสงฆ์จาตุรงคสันนิบาต หรือพระสงฆ์ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้อุปสมบทให้ มาประชุมกันโดยมิได้นัดหมายใน ‘วันมาฆบูชา’ นั่นเอง

เจดีย์ศรีมหาราช สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นราชสักการะปูชนียานุสรณ์ในปีกาญจนาภิเษก แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ มีความสูง 45 เมตร ความกว้าง 12 เมตร ภายในเจดีย์มี 3 ชั้น จัดแบ่งเป็นห้องต่างๆ ดังนี้



ชั้นที่ 1 มีชื่อว่า “ห้องมหาราช” เป็นที่ประทับของพระบรมรูปหล่อของมหาราชทั้ง 8 พระองค์ คือ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช, สมเด็จพระนเรศวรมหาราช, สมเด็จพระนารายณ์มหาราช, สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช, พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชการที่ 1), พระมหาเจษฎาราชเจ้า (รัชกาลที่ 3), พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5), พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (รัชกาลปัจจุบัน) และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ในฐานทรงเป็นพระบรมชนกนาถของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย อีกทั้งวีรกษัตริย์ วีรกษัตรี และครูอาจารย์ผู้ทรงคุณูปการแห่งแผ่นดินไทย

ชั้นที่ 2 จัดแบ่งเป็นห้องสำคัญทางประวัติศาสตร์ อาทิ ห้องพระนางจามเทวี ห้องสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ห้องสมเด็จพระสุริโยทัย ซุ้มเทิดพระเกียรติสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า (รัชกาลที่ 6) และภาพสีน้ำพระสาทิสลักษณ์ของพระมหาจักรพรรดิ และสมเด็จพระสุริโยทัย พระราชธิดา ห้องสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมฺรังสี) ห้องนี้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) ประกอบด้วยพระสมเด็จโตเนื้อผงมากมายหลายขนาด เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้ศึกษาและพิจรณาถึงปฏิปทาของพระอริยสงฆ์เจ้าพระองค์นี้ ห้องพระไตรปิฎก เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก และมีรูปหล่อของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) แสดงธรรม รูปหล่อสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร) หลวงพ่อทวด และหลวงปู่โง่น โสรโย

ชั้นที่ 3 ชั้นบนสุดของเจดีย์องค์นี้ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ และวัตถุมงคลต่างๆ

นอกจากนั้น ภายในวัดยังประดิษฐานวิหารพระนาคปรก, วิหารเทพสถิต, พระพุทธกุมารปางประสูติ, พระอวโลกิเตศวรกวนอิมโพธิสัตว์ปางลีลา, มหาจุติพระพิฆเนศวร, นาคปริวัตนโพธิสัตว์นิมิตปุมุมาตย์สถิตเทวฤทธิ์อนุรักษ์, ท้าวเวสสุวรรณ และต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (วิน ธมฺมสารเถร) ได้นำเมล็ดพันธุ์มาจากประเทศอินเดีย บริเวณวัดนั้นกรมป่าไม้ได้ประกาศให้เป็นสถานที่อนุรักษ์ป่าธรรมชาติได้ดีที่สุดแห่งหนึ่ง



สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงมีพระกรุณาคุณบริจาคทุนทรัพย์ร่วมทำบุญพื้นที่สร้างเจดีย์ศรีพุทธคยา เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ซึ่งนำความความปลื้มปิติโสมนัสยินดีแก่คณะกรรมการโครงการฯ เป็นที่ยิ่ง และนับเป็นพระกรุณาคุณอย่างหาที่สุดมิได้ เมื่อทรงรับเป็นองค์ประธานงานสร้างเจดีย์ศรีพุทธคยา เฉลิมพระเกียรติฯ ในวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2549 และได้พระราชทานพระราชทรัพย์ประดับองค์ผ้าป่าพระราชทาน 1 ล้านบาท ไปทอดถวายที่วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ในพระองค์ฯ ในวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2550 โดยมีประชาชนทุกหมู่เหล่าจากทั่วประเทศได้ร่วมเป็นเจ้าภาพกองผ้าป่าพระราชทาน เพื่อนำไปสมทบทุนในการจัดสร้างเจดีย์ศรีพุทธคยา เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นางสุมนา อภินรเศรษฐ์ เป็นผู้แทนพระองค์ไปประกอบพิธีสมโภชเฉลิมฉลองเจดีย์ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และบัดนี้ เปิดให้ประชาชนรวมถึงพุทธศาสนิกชนทั่วไปสามารถขึ้นสักการะได้แล้ว

เสาอโศก ณ เจดีย์ศรีพุทธคยา เป็นสิ่งก่อสร้างสำคัญสิ่งหนึ่งที่อยู่คู่กับเจดีย์ศรีพุทธคยา สร้างด้วยหินทรายสีเหลืองสูง 9 เมตร พร้อมแกะสลักหินภาพพุทธประวัติทั้ง 4 ด้าน ด้านบนของเสาอโศกเป็นรูปสิงห์ในท่านั่ง แกะสลักจากหินทราย และที่ฐานสิงห์บนยอดเสาอโศก เพิ่มหน้าสิงห์เข้าไปอีก 4 หน้า 4 ทิศ จึงมีสิงห์บนยอดเสาอโศกรวม 5 สิงห์

รอยพระจริยวัตรของพระเจ้าอโศกมหาราชในการสร้างเสาอโศกนั้น ความว่า พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างแท่งหินกลมทรงกระบอก ปลายสอบ เพื่อเป็นเครื่องบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเครื่องแสดงถึงการหยุดทำสงครามทางโลก แต่มาทำสงครามทางธรรมของพระเจ้าอโศกมหาราชแทน เสาอโศกจารึกหลักฐานทางพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวกับพระจริยวัตรขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และตำแหน่งของสังเวชนียสถาน อาทิ สวนลุมพินีวัน สถานที่ประสูติ แม่น้ำเนรัญชรา สถานที่ตรัสรู้ และเมืองกุสินารา สถานที่นิพพาน


ในปี พ.ศ. 2550 คณะสงฆ์วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ได้น้อมเกล้าฯ ถวายวัดแห่งนี้เป็นวัดในพระองค์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อเทิดพระเกียรติในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 7 รอบ 84 พรรษา เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ เป็นวัดในพระองค์ เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2550

พระครูวิจิตรสีลาภรณ์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ทรงมีพระกรุณาธิคุณแก่วัดเป็นอย่างมาก นอกจากจะรับไว้ในอุปถัมภ์แล้ว ยังทรงสนับสนุนกิจกรรมทางวัดเรื่อยมา อาทิ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 อันเป็นวันประสูติของพระองค์ ครบ 7 รอบ 84 พรรษา ได้รับพระเมตตาให้จัดโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ 85 รูป สามเณร 11 รูป รวม 96 รูป, วันที่ 6-11 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ได้อาราธนาพระสงฆ์ สามเณรเปรียญธรรมรวม 85 รูปจากวัดต่างๆ มาสาธยายพระไตรปิฎก

ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับวัดเป็นวัดในพระองค์ฯ และทรงรับเป็นองค์ประธานงานก่อสร้างเจดีย์พุทธคยา กับทั้งพระราชทานพระอนุญาตให้ตั้งศูนย์เด็กเล็กในบริเวณหน้าวัดมีชื่อว่า “ศูนย์เด็กเล็กราชนครินทร์” ที่สำคัญพระองค์ทรงพระราชทานคำว่า “ราชนครินทร์” ไว้ใช้ในกิจกรรมที่สมควร กับอาคารอื่นๆ ในวัดอีกด้วย นับเป็นพระมหากรุณาอย่างหาที่สุดมิได้ เมื่อพระองค์จะสิ้นพระชนม์ไปแล้วทางวัดจะขอทำงานสานปณิธานที่พระองค์ให้ไว้ทุกกิจกรรมต่อไป

ทั้งนี้ คณะสงฆ์และคณะกรรมการโครงการจัดสร้างเจดีย์ศรีพุทธคยา เฉลิมพระเกียรติฯ ได้ร่วมประกอบพิธีสมโภชวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ ในพระองค์ฯ และฉลองตราสัญลักษณ์วัดที่ได้รับพระราชทานให้เป็นสิริสวัสดิ์แก่พุทธศาสนิกชน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ความหมายตราสัญลักษณ์วัดในพระองค์ฯ



พระนามย่อ “กว.” ประดิษฐานด้านบนตราสัญลักษณ์ อันหมายถึง สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

ดอกบัว สื่อถึงพระพุทธศาสนา ซึ่งมีดอกบัวสีเงินและสีทอง

พระพุทธรูปตรงกลางดอกบัว อันเกิดจากลวดลายไทยของดอกบัว หมายถึง พระพุทธศาสนาเป็นศูนย์ กลางยึดเหนี่ยวจิตใจของพระพุทธศาสนิกชนชาวไทยทั่วประเทศ

พระสงฆ์ 2 รูปนั่งพนมมือหันหน้าเข้าหากัน สื่อถึงพระภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

ตัวเลข ๘๔ หมายถึง การเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา ซึ่งตัวเลข “๘” และ “๔” เกี่ยวประสานกันเพื่อสื่อถึงพลังแห่งการประสานใจรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อการเทิดพระเกียรติที่ยิ่งใหญ่ โดยตัวเลขดังกล่าวนี้ ใช้สีเหลือง 2 เฉด แทนสีจีวรพระสงฆ์ 2 นิกาย คือ ธรรมยุตินิกาย และมหานิกาย และรวมความหมายถึงเปลวพลังแห่งพระพุทธศาสนาของพระสงฆ์ทุกนิกาย เป็นพลังศรัทธาที่โชติช่วง เป็นพลังที่ทำให้จิตใจเป็นสุข สงบนิ่ง




แผนที่วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ (วัดเขาโคกเผ่น)
เลขที่ 99 หมู่ 2 บ้านเขาโคกเผ่น
ต.ทำนบ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์ 60160
โทรศัพท์ 08-1834-7881







ขอบคุณข้อมูลรวบรวมมาจาก...ผู้จัดการออนไลน์

จากลิงก์

ประวัติวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ (วัดเขาโคกเผ่น) จ.นครสวรรค์
https://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19743

ประมวลภาพวัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ (วัดเขาโคกเผ่น)
https://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19742

แผนที่วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์
https://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=24&t=19741

 


Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2567 10:19:28 น. 0 comments
Counter : 13 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

chabori
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




(*♥*´¨) :-: SimpliFy Your Life : Just Be Yourself :-: (*♥´¨)




Everyday is means to me:-)
..................o°o
.................O....°
............o°°O.....o
...........O..........O
............° o o o O
......................★
...................★
...............★
...........★
........★
....★
.★
*♥´¨)
¸.-´¸.-♥´¨) ¸.-♥¨)
(¸.-´ (¸.-` ♥♥´¨) ♥.-´¯`-.- ♥
«-(¯`v´¯)-» KorPai «-(¯`v´¯)-»


***************************

สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Share |
Total คน
(online)
"ทรายทุกเม็ดมีค่า ทุกครั้งที่มันร่วงลงมา เปรียบเสมือน กาลเวลา ที่ล่วงเลย
(¯`v´¯)-» Welcome To KorP@I Blog«-(¯`v´¯)-
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add chabori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.