Group Blog
 
All Blogs
 
ปี 213 AD

ปีเจี้ยนอันที่ 18 213 AD
(8 กุมภาพันธ์ 213 – 28 มกราคม 214)

ในฤดูใบไม้ผลิ เดือนแรก โจโฉนำทัพเข้าสู่ปากแม่น้ำยี่สู ด้วยทหารกว่าสี่แสนนาย โจโฉโจมตีค่ายซุนกวนทางตะวันตกของแยงซี จับตัวกองซุนเอี๋ยง แม่ทัพฝ่ายง่อที่ป้องกันที่นั่น ซุนกวนนำทัพเจ็ดหมื่นเข้าต่อสู้กับโจโฉ พวกเขาสู้รบกันนานกว่าหนึ่งเดือน

เมื่อโจโฉมองขบวนเรือรบที่เป็นระเบียบของซุนกวน อาวุธยุทโธปกรณ์ และกองทัพฝ่ายง่อ โจโฉถอนใจพูดว่า ถ้ามีลูกควรจะมีให้ได้อย่างซุนกวน คนที่มีลูกเหมือนเล่าจ๋องหรือเล่ากี๋นั้นไม่แตกต่างอะไรจากลูกหมูลูกสุนัข

ซุนกวนส่งจดหมายไปหาโจโฉบอกว่า น้ำท่วมฤดูใบไม้ผลิกำลังมาถึง ท่านควรจะยกทัพกลับไปดีกว่า ในจดหมายมีอีกหนึ่งแผ่นเขียนไว้ว่า ข้าจะไม่มีอยู่อย่างสงบ เพื่อนเอ๋ย จนกว่าท่านจะตายก่อน โจโฉพูดกับขุนนางของเขาว่า ซุนกวนจะไม่ได้อะไรเลยจากการถอยทัพของเรา แล้วโจโฉก็ถอยทัพกลับ

ในเดือนที่สามวันที่ 11 เมษายน มีราชโองการรวมมณฑลทั้งสิบสี่เพื่อแบ่งเป็นเก้ามณฑล

ในฤดูร้อนเดือนที่สี่ โจโฉมาที่เมืองเงียบกุ๋น

ก่อนหน้านั้น เมื่อโจโฉอยู่ที่ Qiao เขากลัวว่าชาวบ้านตามหัวเมืองที่ติดกับแม่น้ำแยงซีจะเดินร้อนจากการรุกรานของซุนกวน เขาจึงวางแผนจะนำชาวบ้านมาอยู่ใกล้เมืองหลวงขึ้น เขาปรึกษาเรื่องนี้กับ เจียวเจ้ นายทหารคนสนิทของมณฑลยังจิ๋ว

ครั้งหนึ่งเมื่ออ้วนเสี้ยวกับข้าได้นำทัพมาพบกันที่กัวต๋อ ข้าได้ย้ายชาวเมืองกุนจิ๋วและแป๊ะเบ๊ วิธีนี้พวกเขาจะได้ไม่เดือดร้อนจากภัยสงคราม และข้าศึกก็ไม่กล้ามาโจมตีพวกเขา ข้าตั้งใจว่าจะทำเช่นเดียวกัน โดยจะย้ายผู้คนจากตอนใต้ของฮวย ท่านคิดว่าอย่างไร

เจียวเจ้ ตอบว่า ในเวลานั้น ทหารของท่านอ่อนแอกว่าศัตรู ท่านจึงต้องย้ายผู้คนจากดินแดนที่ท่านมีสิทธิ์ที่จะแพ้สงคราม เมื่อท่านได้ชัยชนะเหนืออ้วนเสี้ยว อำนาจของท่านจึงแผ่ไปทั่วแผ่นดิน และไม่มีผู้ใดกล้าเป็นศัตรูกับท่าน ธรรมชาติของคนเรานั้นรักถิ่นฐาน พวกเขาย่อมไม่ยินดีที่ท่านจะย้ายพวกเขาจากบ้านเกิด ถ้าท่านย้ายพวกเขาจริง พวกเขาต้องเดือนร้อนแน่ โจโฉไม่เชื่อคำแนะนำของเขา

แล้วชาวบ้านก็พากันหวาดกลัว มากกว่าหนึ่งแสนครัวเรือนจากโลกั๋ง กิวกั๋ง Qichun กองเหลง ล้วนข้ามแยงซีไปทางตะวันออก ดังนั้นดินแดนตะวันตกของแม่น้ำก็ถูกทิ้งให้รกร้าง มีเพียงเมืองฮวน ที่อยู่ตอนใต้ของหับป๋าเมืองเดียวที่เหลืออยู่

ต่อมา เจียวเจถูกย้ายไปเมืองเงียบกุ๋น เมื่อโจโฉต้อนรับเขา โจโฉหัวเราะร่าเสียงดังพูดว่า ข้าต้องการเพียงให้ชาวบ้านอยู่อย่างสงบสุข แต่กลับเป็นตัวข้าเองที่ไล่พวกเขาไป แล้วโจโฉก็แต่งตั้ง เจียวเจ้ ให้เป็นเจ้าเมืองตันเอี๋ยง

ในเดือนที่ห้า วันที่ 16 มิถุนายน โจโฉถูกแต่งตั้งเป็นวุยก๋ง โดยที่ยังดำรงตำแหน่งเฉิงเซี่ยงและผุ้ปกครองมณฑลกิจิ๋ว โจโฉได้รับเครื่องยศเก้าอย่างประกอบด้วย
1. รถม้าและรถม้าศึกตกแต่งอย่างดี รถม้านั้นเทียมด้วยม้าสีดำชั้นดีสองตัว
2. เสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราและหมวกเกียรติยศ พร้อมด้วยรองเท้าสีแดงเข้าขุดกัน
3. มีวงมโหรีบรรเลงพร้อมด้วยขบวนนักเต้นรำหกแถว
4. จวนที่พักให้ทาประตูสีแดง ที่นั่งว่าการในจวนให้มีบันไดยกระดับขึ้นไปหา
5. มีทหารเสือสามร้อยนายคอยคุ้มกัน
6. มีขวานประจำตัวใช้ในพิธีการหรือขวานศึก อย่างใดอย่างหนึ่ง
7. มีคันธนูสีแดงสดพร้อมด้วยลูกธนูสีแดงหนึ่งร้อยดอก
8. มีคันธนูสีดำสิบคัน พร้อมด้วยลูกธนูสีดำหนึ่งพันดอก
9. มีจอกสุราสำหรับสุราที่กลั่นจากลูกเดือยสีดำและจอกหยกสำหรับการบวงสรวงเทพเจ้า

เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมใหญ่
เมื่อขุนนางของมณฑลเอ๊กจิ๋ว เจิ้งตู้ ได้ข่าวว่าเล่าปี่กำลังยกทัพมา เขาพูดกับเล่าเจี้ยงว่า แม่ทัพซ้าย(เล่าปี่)กำลังจะโจมตีเราด้วยกองทัพที่ถูกตัดขาดจากที่มั่นตัวเอง เขามีทหารไม่มากไปกว่าหนึ่งหมื่นคน ทหารของเขานั้นไม่มีเกวียนสัมภาระสำหรับขนส่งเสบียง กองทัพของเขาจึงต้องพึ่งพาเสบียงจากหมู่บ้านต่าง ๆ

แผนที่ดีที่สุด คือการบังคับชาวบ้านในปาเส และ Zitong ให้มาที่ Fu ตะวันตกและแม่น้ำสายใน โดยให้เผาเสบียงอาหารและทำลายพืชผลในไร่ เราสามารถตั้งรับอยู่หลังกำแพงเมืองที่สูงและคูเมืองที่ลึก ถ้าใครจะมาขอออกไปสู้รบ ให้ท่านปฏิเสธเสีย

ถ้าเล่าปี่ต้องเฝ้ารอโดยปราศจากเสบียง เขาจะถูกบีบบังคับให้ถอยทัพภายในสามเดือน เมื่อเขาถอยทัพ เราจะโจมตีเขา วิธีนี้เราต้องจัดการเล่าปี่ได้แน่

เมื่อเล่าปี่รู้แผนการนี้ เขากังวลมากถามความเห็นหวดเจ้งในเรื่องนี้ แต่หวดเจ้งตอบว่า ไม่มีอะไรต้องกังวล เล่าเจี้ยงไม่เคยใช้แผนการแบบนี้อยู่แล้ว

แล้วเล่าเจี้ยงก็พูดกับขุนนางของเขาว่า ข้าเคยได้ยินแต่คนที่ต่อสู้กับศัตรูเพื่อนำความสงบมาสู่ประชาชน แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องการย้ายชาวบ้านเพื่อเลี่ยงศัตรูเลย เขาจึงไม่ทำตามคำแนะนำของ เจิ้งตู้

เล่าเจี้ยงส่งลูกน้องของเขา เล่ากุ๋ย เหลงเปา เตียวหยิม เตงเหียน งออี้ และคนอื่น ๆ นำทัพไปสู้กับเล่าปี่ พวกเขาทั้งหมดพ่ายแพ้หนีมารักษาการณ์ที่ด่านกิมก๊ก ในขณะที่งออี้ไปที่ค่ายเล่าปี่เพื่อขอยอมจำนน

แล้วเล่าเจี้ยงก็ส่งลิเงียมและ อุยหวน มาเป็นผู้ควบคุมกองทัพทั้งหมดที่ด่านกิมก๊ก แต่พวกเขาต่างนำกองทัพเข้ายอมจำนนต่อเล่าปี่เช่นเดียวกัน กองทัพเล่าปี่จึงเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเล่าปี่ก็ส่งลูกน้องของเขาไปยึดหัวเมืองต่าง ๆ

เล่ากุ๋ย เตียวหยิม และ เล่าชุน ลูกของเล่าเจี้ยง หนีไปยึดเมืองลั่วะ แต่เล่าปี่นำทัพไปล้อมพวกเขา เตียวหยิมยืนหยัดต่อสู้ที่สะพานเอี๋ยน แต่กองทัพเขาพ่ายแพ้และตัวเขาเองก็ถูกฆ่าตาย

ในฤดูใบไม้ร่วง เดือนที่เจ็ด โจโฉตั้งแท่นบวงสรวงเทพเจ้าแห่งไร่นาและพืชผลและเหล่าอ๋องในอดีต

โจโฉส่งบุตรสาวสามคน (Cao Xian, Cao Jie และ Cao Hua)เข้าไปเป็นนางสนมของฮ่องเต้ (บุตรสาวทั้งสามถูกแต่งตั้งเป็นมเหสีในปีถัดมา Cao Hua มีอายุน้อยเกินกว่าที่จะแต่งงาน จึงยังอยู่ที่บ้านก่อน สองปีหลังจากนี้ ฮกฮองเฮาถูกประหาร บุตรสาวคนกลาง Cao Jie จึงได้ขึ้นเป็นฮองเฮาแทน)

ก่อนหน้านั้นโจโฉไล่โจมตีม้าเฉียวไปที่อันติ้ง แต่เมื่อโจโฉได้ยินว่า เทียนหยินและซูโบก่อกบฏ เขาถึงถอยทัพกลับ

เอียวฮูที่ปรึกษากองทัพมณฑลเลียงจิ๋วพูดกับโจโฉว่า ม้าเฉียวนั้นกล้าหาญเหมือน หันซิ่นและ Ying Bu แถมเขายังเป็นที่นิยมชมชอบของเผ่าเกี๋ยงและชนเผ่าอื่น ๆ ถ้ากองทัพทางการถอยทัพไปก่อนจัดการเขาได้สำเร็จ แล้วหัวเมืองตะวันตกต่าง ๆ ก็จะไม่อยู่ในการควบคุมของเรา

เมื่อโจโฉถอยทัพไป ม้าเฉียวนำชนเผ่าเกี๋ยงและชนเผ่าอื่น ๆ เข้าโจมตีหัวเมืองทางตะวันตกต่าง ๆ หัวเมืองทั้งหมดล้วนเข้าร่วมกับเขายกเว้นเมืองกิจิ๋วที่ยังมั่นคงต่อทางการ

ม้าเฉียวควบคุมกองทัพทั้งหมดของภูเขาลองสัน ทางตะวันตก แล้วเตียวฬ่อส่งขุนนางผู้ใหญ่ของเขา เอียวหง มาเข้าร่วมกับม้าเฉียว พวกเขารวมทัพร่วมหนึ่งหมื่นคนเข้าโจมตีเมือง Ji ตั้งแต่เดือนแรกถึงเดือนที่แปดโดยไม่มีการหยุดพักรบ

ผู้ตรวจการ อุยของ ส่งนายทหารคนสนิทของเขา Yan Wen มาบอกแฮหัวเอี๋ยนถึงอันตรายของพวกเขา วงล้อมเมืองนั้นแน่นหนาหลายชั้น และ Yan Wen เดินทางล่องแม่น้ำในยามค่ำอาศัยความมืดป้องกันตัว เช้าวันต่อมา ทหารของม้าเฉียวเห็นร่องรอยของเขา จึงไล่ตามไปจับเขา

ม้าเฉียวนำตัว Yan Wen มาที่หน้ากำแพงเมืองบังคับให้เขาบอกชาวเมืองข้างในว่าจะไม่มีการช่วยเหลือมาจากตะวันออก แต่ Yan Wen ตะโกนบอกชาวเมืองว่า กองทัพใหญ่จะมาช่วยเหลือพวกท่านไม่เกินสามวัน ขอให้พวกท่านต่อสู้อย่างสุดความสามารถจนกว่ากองทัพช่วยเหลือจะมาถึง คนในเมืองต่างพากันร่ำไห้ร้องตระโกนว่า ทรงพระเจริญหมื่น ๆ ปี

ม้าเฉียวโกรธมาก แต่เขาได้แต่ล้อมเมืองต่อโดยไม่สามารถยึดเมืองได้ ดังนั้นเขาจึงควบคุมตัว Yan Wen และพยายามชักจูงให้ Yan Wen มารับใช้เขา แต่ Yan Wen ตอบว่า เมื่อคนเรารับใช้เจ้านาย เขาสามารถตายเพื่อนายได้เพียงครั้งเดียว เวลานี้ข้าแก่ชราแล้ว ท่านยังต้องการให้ข้าพูดสิ่งที่ไม่ซื่อสัตย์อีกหรือ ม้าเฉียวจึงฆ่าเขา

เมื่อไม่มีความช่วยเหลือจากภายนอก อุยของและเจ้าเมือง จึงคิดที่จะยอมแพ้ เอียวฮู ร้องไห้คัดค้านว่า เรานำบิดาพวกเขาพี่ชาย น้องชายและลูกหลานพวกเรามา สนับสนุนให้พวกเขาต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีเกียรติยศ พวกเรายอมตายเพื่อเหตุนั้น พวกเรามีหน้าที่ปกป้องเมืองนี้ แล้วเราจะละทิ้งหน้าที่ เวลานี้ก็ใกล้จะสำเร็จแล้ว ท่านจะให้พวกเรายอมทิ้งเกียรติของพวกเขาไปอย่างนั้นหรือ

ผู้ตรวจการและเจ้าเมืองไม่สนใจ พวกเขาเปิดประตูเมืองต้อนรับม้าเฉียว ทันทีที่ม้าเฉียวเข้าเมือง เขาฆ่าผู้ตรวจการและเจ้าเมืองทันที ม้าเฉียวแต่งตั้งตัวเองเป็นแม่ทัพปราบปรามตะวันตก ผู้ปกครองมณฑลเป๊งจิ๋วและผู้ควบคุมกองทัพมณฑลเลียงจิ๋ว

โจโฉส่งแฮหัวเอี๋ยนมาช่วยเหลือเมืองกิจิ๋ว แต่เมืองโดนม้าเฉียวยึดไปแล้วเมื่อพวกเขามาถึง ม้าเฉียวนำทัพมาสู้กับแฮหัวเอี๋ยนตั้งแต่ทัพของเขายังอยู่ห่างเมืองถึงสองร้อยลี้ ทัพทั้งสองต่อสู้กันโดยไม่รู้แพ้ชนะ

Qianwan อ๋องแห่ง Di ก่อกบฏเข้าร่วมกับม้าเฉียวมาตั้งค่ายอยู่ที่ Xingguo แฮหัวเอี๋ยนจึงนำทัพกลับ

ในเวลานั้นภรรยาของ เอียวฮู เสียชีวิต เขาจึงขออนุญาตม้าเฉียวเพื่อไปทำพิธีฝังศพ เกียงขิมน้องภรรยา เอียวฮู เป็นแม่ทัพผู้ปราบชนเผ่าต่าง ๆ ได้ควบคุมทัพตั้งค่ายอยู่ที่เมืองลกเส

เมื่อเอียวฮูพบกับเกียงขิมและมารดา เขาร้องไห้เสียใจอย่างมาก เกียงขิมจึงถามว่าทำไม

เอียวฮูตอบว่า ข้าได้รับมอบหมายให้ป้องกันเมืองแต่ข้ากลับไม่อาจรักษามันไว้ได้ นายของข้าได้ตายไปแล้วแต่ข้ายังมีชีวิตอยู่ แล้วข้าจะเอาหน้าที่ไหนไปพบกับคนอื่น ม้าเฉียวได้ละทิ้งพ่อของตัวเองและก่อกบฏต่อนายท่าน เขาฆ่าบรรดาผู้นำต่าง ๆ ของมณฑล ข้าเป็นเพียงผู้เดียวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือ บรรดาผู้นำต่าง ๆ ของทั้งมณฑลล้วนแต่ละอายใจ

ตัวท่านได้รับอาญาสิทธิ์ควบคุมกองทัพตามใจ แต่ท่านกลับไม่สนใจที่จะโจมตีโจรชั่วเหล่านี้ ในสถานการณ์เช่นนี้ จ้าวตุ้นถูกบันทึกว่าเป็นผู้ฆ่านายของตัวเอง (จ้าวตุ้นเสนาบดีรัฐจิ้น จิ้นหลิงกงพยายามฆ่าเขาถึงสามครั้ง แต่เขาหนีรอดไปได้ ต่อมาผู้ครองแคว้นถูกลูกพี่ลูกน้องของเขาฆ่าตาย เขาจึงสามารถกลับมารัฐได้ในที่สุด แต่ทางการได้กล่าวหาเขาว่าเป็นผู้ฆ่านายของตัวเอง เขาคัดค้านยืนยันความบริสุทธิ์ตัวเอง แต่เสมียนศาลเบิกความว่า ตัวท่านเป็นเสนาบดีสูงสุด ท่านหลบหนีแต่ก็ยังอยู่ในแคว้นเรา ตอนนี้ท่านกลับมา แต่ก็ไม่ลงโทษผู้กระทำผิด ถ้าท่านไม่เป็นฆาตกรแล้วใครจะเป็นคนทำ)

ม้าเฉียวนั้นแข็งแกร่ง แต่เป็นคนที่ชื่อเสียงเสื่อมเสีย มีคนมากมายที่ไม่พอใจเขามันเป็นเรื่องง่ายที่จะวางแผนต่อต้านเขา

มารดาของเกียงขิม ประทับใจมากบอกว่า พูดได้ถูกต้องแล้ว นางอธิบายต่อว่า เมื่อท่านผู้ตรวจการอุยของอยู่ในอันตราย มันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าด้วย หาใช่ความรับผิดชอบของ เอียวฮูคนเดียวไม่

มีใครบ้างที่อยู่ค้ำฟ้า การตายเพื่อเกียรติยศและศักดิ์ศรีถือเป็นการตายที่คุ้มค่า เจ้าจงแกล้งยอมจำนน ไม่ต้องห่วงใยข้า ข้าสามารถตัดสินใจแทนเจ้าตอนนี้ได้ ชีวิตข้าที่เหลืออยู่นี้ก็จะไม่ขอเป็นภาระแก่เจ้า

ดังนั้นเกียงขิมจึงวางแผนกับเตียวกั๋งและอีฟ่ง และLi Jun เพื่อร่วมกันโจมตีม้าเฉียว เขายังส่งคนไปเมืองกิจิ๋ว เพื่อตกลงกับ เลงควันและเตียวเหงให้เป็นไส้ศึกอยู่ภายใน

ม้าเฉียวจับตัวเตียวเอี๊ยบุตรเตียวกั๋งไว้เป็นตัวประกัน เตียวกั๋งพูดกับภรรยาของเขา Zhao Yi ว่า ข้ามีแผนการของข้า และแผนนั้นต้องได้ผลแน่นอน แต่เราจะทำอะไรดีกับลูกของเรา

นางตอบว่า ถ้าแผนการนั้นจะช่วยลบล้างความละอายใจของนายและพ่อของเขาได้ การเสียชีวิตคนหนึ่งคนเป็นเรื่องเล็กยิ่งนัก การทำเช่นนี้คือการที่บุตรกตัญญูพึงกระทำ

ในเดือนที่เก้า เอียวฮูและเกียงขิมนำทัพของเขาโจมตี Lucheng ในขณะที่ เตียวกั๋งและอีฟ่งยึดภูเขากิสาน และโจมตีม้าเฉียว

เมื่อม้าเฉียวรู้ข่าวเขาโกรธมาก เตียวเหงหลอกเขาให้นำทัพเขาต่อสู้ด้วย ทันทีที่ม้าเฉียวยกทัพออกไป เตียวเหงและเลงควัน ก็ปิดประตูเมืองแล้วฆ่าครอบครัวม้าเฉียวทั้งหมด

ม้าเฉียวสูญเสียฐานที่มั่นและไม่มีที่ไป แต่เขาฉวยโอกาสโจมตีเมืองลกเสและจับตัวมารดาเกียงขิม นางด่าม้าเฉียวว่า เจ้าเป็นโจรกบฏที่ทอดทิ้งแม้กระทั่งบิดาตัวเอง เป็นคนชั่วที่โหดร้ายที่ฆ่าได้กระทั่งเจ้านายตัวเอง สวรรค์และแผ่นดินจะไม่เกื้อหนุนเจ้าตลอดไปแน่ ถ้าเจ้าไม่ตายในเร็ววันนี้ แล้วเจ้าจะพบหน้าผู้คนได้อย่างไร ม้าเฉียวสังหารนางรวมทั้งเตียวเอี๊ยบุตรของเตียวกั๋ง

เอียวฮูต่อสู้กับม้าเฉียว เขาได้รับบาดแผลถึงห้าที่ แต่ม้าเฉียวก็พ่ายแพ้หนีไปหาเตียวฬ่อ

เตียวฬ่อแต่งตั้งให้ม้าเฉียวเป็นขุนนางพิธีการมีหน้าที่ประกาศและเป็นล่าม เตียวฬ่อยังตั้งใจมอบบุตรสาวของตนให้แต่งงานกับม้าเฉียว แต่บางคนคัดค้านว่า คนเช่นนี้ แม้กระทั่งพ่อแม่ตัวเองยังไม่สนใจ แล้วเขาจะสนใจผู้อื่นได้อย่างไร เตียวฬ่อจึงล้มเลิกความคิดนี้

โจโฉมอบรางวัลให้กับคนที่ต่อสู้กับม้าเฉียว มีการแต่งตั้งตำแหน่งพระยาให้กับคนสิบเอ็ดคน เอียวฮูได้รับตำแหน่งพระยาภายในราชอาณาจักร

ในฤดูหนาว เดือนที่สิบเอ็ด วุยก๊กแต่งตั้งขุนนางอาลักษณ์และขุนนางท้องพระโรงรวมทั้งเสนาบดีหกคน

ซุนฮิวได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้ากรมอาลักษณ์ เหลียงเมาเป็นขุนนางใหญ่ มอกาย ซุนต่ำ Chang Lin เขาหงี และ He Kui เป็นขุนนางอาลักษณ์ อองซัน โตสิบ Wei Ji และ He Xia เป็นขุนนางท้องพระโรง จงฮิวเป็นตุลาการสูงสุด อองสิ้วเป็นเสนาบดีการเกษตร Yuan Huan เป้นหัวหน้าขุนนางท้องพระโรงมีหน้าที่เป็นเหมือน Imperial Counsellor ตันกุ๋นเป็นขุนนางช่วยเหลือกิจการวังหลวง

แม้ว่า Yuan Huan จะได้รับเบี้ยหวัดและรางวัลมากมาย เขาจับจ่ายใช้สอยทุกอย่างที่ได้รับมาและไม่มีสิ่งใดเหลือเก็บในบ้านของเขา เมื่อใดที่เขาขาดแคลนเงินทอง เขาก็จะขอจากผู้อื่น แต่เขาไม่แสดงความฉลาดของเขาให้ผู้ใดรู้ และผู้คนในตอนนั้นก็เคารพในความซื่อสัตย์ของเขา

ครั้งหนึ่งเมื่อมีข่าวว่าเล่าปี่เสียชีวิต เสนาบดีคนอื่นเสนอให้จัดงานเฉลิมฉลองยิ่งใหญ่ แต่ Yuan Huan เป็นคนเดียวที่คัดค้า

โจโฉคิดนำบทลงโทษให้พิการมาบังคับใช้ตามกฎหมาย จึงมีคำสั่งออกมาว่า หลายปีก่อน Grand Herald ตันกี๋ได้ให้ความเห็นว่า การประหารชีวิตนั้นกรุณาเกินไป ท่านขุนนางช่วยเหลือกิจการวังหลวงจะให้เหตุผลของบิดาท่านได้หรือไม่

ตันกุ๋นตอบว่า บิดาข้าตันกี๋ได้ชี้ถึงจุดที่ราชสำนักฮั่น ได้ละเลยการลงโทษให้พิการ และเพิ่มโทษการโบยตีแทน ความคิดนี้เกิดจากความรักและสงสารประชาชน แต่แท้จริงแล้วบทลงโทษนี้กลับฆ่าประชาชนมากขึ้น เหตุการณ์นี้คล้ายกับกรณีที่ว่า ชื่อบทลงโทษนั้นเบาแต่ความจริงหนักหนายิ่งนัก บทลงโทษฟังดูเหมือนเบาเลยทำให้ผู้ทำต่างกระทำผิดมากขึ้น แต่การลงโทษที่หนักทำร้ายประชาชนยิ่งนัก

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าผู้ใดฆ่าคนอื่นตายควรถูกทำโทษให้ตายตกไปตามกัน นี่คือสิ่งที่สมควรและสอดคล้องกับหลักการในอดีต เขาควรได้รับการลงโทษที่รุนแรง การทำร้ายร่างกายผู้อื่น คนที่ทำร้ายเสนอให้ตัดผมและโกนเคราของเขาทิ้ง สิ่งนี้ไม่ใช่การลงโทษที่ถูกต้องเลย

ถ้าเรานำการลงโทษสมัยก่อนมาใช้ ส่งคนที่นอกใจภรรยาไปรับโทษในโรงไหมหลวงเพื่อตอน ตัดขาของโจร แล้วก็จะไม่มีการประพฤติผิดศีลธรรมหรือการขโมยเป็นเวลานาน แม้ว่าเราจะไม่สามารถนำบทลงโทษทั้งสามพันข้อกลับมาใช้ได้อีก แต่บทลงโทษสองสามข้อนี้เหมาะสมกับปัญหาในปัจจุบันยิ่งนัก และควรนำมาปฏิบัติก่อน

สอดคล้องกับกฎหมายราชสำนักฮั่น เมื่อการลงโทษประหารชีวิตสถานเดียวถูกนำมาใช้ ก็จะไม่มีทางเลือกให้ผู้คน ดังนั้นการกระทำความผิดอย่างอื่นที่มีโทษถึงตาย อาจจะเปลี่ยนเป็นการลงโทษให้พิการ วิธีนี้ก็จะทำให้สามารถตัดสินได้ว่าใครสมควรตาย ใครสมควรรับโทษอื่น เวลานี้การตายจากการเฆี่ยนตีจากการลงโทษสถานเบานั้น เป็นการเคารพต่อร่างกายของมนุษย์แต่ไม่ได้เคารพต่อชีวิตของเขา

ในบรรดาขุนนางที่ถกเถียงเรื่องนี้ มีเพียงจงฮิวที่เห็นด้วยกับตันกุ๋น คนอื่นต่างไม่พิจารณาคำเสนอให้นำกฎหมายนี้มาใช้ เพราะว่าเหตุการณ์บ้านเมืองยังไม่สงบนี้ โจโฉยังรับฟังเสียงส่วนใหญ่และไม่เปลี่ยนแปลงกฎหมาย


Create Date : 09 มีนาคม 2549
Last Update : 2 กรกฎาคม 2549 20:41:16 น. 0 comments
Counter : 572 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kazama
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add kazama's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.