วิธีเพิ่มแรงจูงใจให้รักการอ่าน (แบบคิดเองไง)


ตอนแรกๆยังสองจิตสองใจอยู่ว่าจะลงบล็อกนี้ในกลุ่มบล็อกไหนดี ระหว่าง My LiFe กับ Fiction&Non-fiction Smiley เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับหนังสือ แต่อยู่รูปแบบของภาพยนต์ พอมาคิดๆดูว่า ธีมที่จะพูดนั้นจะเน้นสิ่งที่ได้จากภาพยนต์ไม่ใช่หนังสือ ก็เลยตัดสินใจเลือกกลุ่มบล็อกตัวแรก


เอาหละมาว่ากันเลย วันหนึ่งมีหนังเรื่องหนึ่งมาเข้าตาชื่อว่า The Jane Austen Book Club นี้ไม่ใช่หนังใหม่อะไรคะ ก็ประมาณสามปีที่แล้ว เป็นเรื่องราวของกลุ่มคนที่รักในงานประพันธ์ของนักเขียนชื่อ Jane Austen ซึ่งตัวแสดงหลักจะเป็นผู้หญิงต่างวัยต่างปัญหา 5 คน มาสร้างเรื่องราวโดยใช้การชื่นชอบในวรรณกรรมของ Jane มาเป็นตัวผูกเรื่อง ภายในเวลาที่กำหนดกลุ่มของพวกเธอต้องอ่านนิยายของ Jane ให้จบแล้วระหว่างที่อ่านในแต่ละเล่มก็จะมีการพบปะแล้วแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ว่าตอนนั้น Jane คิดอะไรอยู่ แล้วตัวละครในเรื่องนั้นทำไมถึงต้องมีอารมณ์เช่นนั้น ในแต่ละครั้งตัวละครทุกๆคน ก็จะเถียงกัน เห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบาง เมามันมากคะ Smiley หลายครั้งที่แต่ละคนจะเอาปัญหาของตัวเองไปโยงกับตัวละครในหนังสือ และนำประสบการณ์ของผู้เขียน ตัวละครในหนังสือ และประสบการณ์ชีวิตของสมาชิกมาปรับ ก็ทำให้แต่ละคนได้แนวคิด นำมาแก้ไขปัญหาบ้าง เปิดมุมมองใหม่ๆของตัวเองบ้าง เรื่องราวของหนังเรื่องนี้ก็จบด้วยดี


ฉันดูก็มีความสุข Smiley แต่มันไม่เหมือนดูหนังอื่นทั่วๆไป ที่จบแล้วจบเลย มันมีอารมณ์บางอย่างที่ยังฝังอยู่ในความรู้สึก หรือต่อมอะไรซักอย่างในหัว พอดูแล้วก็มาย้อนคิดว่านี่เป็นวิธีการสร้างบรรยากาศในการรักการอ่านของฝรั่งเค้า คือทำการอ่านให้เป็นกิจกรรมของคนหมู่ ไม่ใช่นั่งอ่านเองอยู่กับบ้าน อ่านแล้วรับแล้ว ก็เอามาระบายแสดงความคิดเห็น โดยไม่มีถูกไม่มีผิด ทำให้การอ่านดูเป็นเรื่องสนุก คนดูอย่างฉันเองยังอยากจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านเลยพอดูหนังเรื่องนี้ ยังอยากจะเข้ากลุ่มกะเค้าบ้าง คือตอนดูไปก็จิตนาการว่าตัวเองเป็นหนึ่งในสมาชิก Smiley แล้วประกอบกับเคยผ่านๆหนังสือบางเล่มของ Jane มาบ้างก็ คิดแหมถ้าฉันอยู่ในกลุ่มนี้ฉันจะเถียงไปว่าอย่างนั้น Smiley อย่างนี้สงสัยเค้าเรียกว่า "อินไปกะหนัง"


สังคมไทยเราต้องยอมรับว่าไม่ใช่สังคมรักการอ่าน แล้วยิ่งมีสิ่งล่อใจมากมาย ไอ้ครั้นจะดึงตัวเองมาขลุกกับหนังสือถ้าไม่รักจริงหวังแต่งกะหนังสือ ก็คงไม่ทนมานั่งอ่านหร๊อกกก ไปทำอย่างอื่นดีก่า พูดถึงตัวเองแล้วมันเศร้าคะ Smiley ด้วยเป็นบุคคลที่ต้องสร้างอารมณ์และบังคับตัวเองให้มีนิสัยรักการอ่าน ก็เข้าใจจุดนี้ดี ต้องคอยสะบัดตัวขี้เกียจออกไป


Smileyวิธีสร้างนิสัยรักการอ่านเบื้องต้น (My so-called theory)Smiley


ตอนแรกๆที่เริ่มเห็นความสำคัญของการอ่านก็ตอนเรียนป.โทแล้วละคะ น่าอายจัง Smiley ช่วงนั้นก็มานั่งคิดว่าเอ๋!! จะทำให้เรารักการอ่านยังไงนะ


1. ก็เริ่มจากสร้างแรงจูงใจก่อน โดยบอกว่าฉันอยากเก่งภาษาอังกฤษ แล้วจะมีวิธีไหนที่ทำให้เราพัฒนาภาษาก็ต้องอ่าน จะได้คำใหม่ๆไว้ตุนในคลังศัพท์


2. แล้วทีนี้จะอ่านอะไรหละ ต้องเป็นอะไรที่พออ่านแล้วไม่อยากวาง ก็ต้องเป็นนวนิยายแนวโปรด นั่นคือ แนวสืบสวนสอบสวน


3. เพิ่มดีกรีความอยาก คือ build อารมณ์มันเข้าไปอีก ก็ต้องเข้าร้านหนังสือ ที่ติดแอร์ จะได้ไม่มีข้ออ้างว่าร้อน ไม่อยากเดิน แล้วพาลไม่อยากอ่าน (โห!! เราช่างเป็นบุคคลที่เข้าใจตัวเองอะไรดีป่านนี้เน้อ Smiley เลือกว้นที่ว่างๆ ไม่รีบไม่ร้อน เดินมันให้ทั่ว หยิบมาเลยหลายๆ เล่มทำเป็นว่าฉันจะซื้อหมด แต่ แฮะ เอาไว้เลือกทีหลัง


4. เล่มเดียวพอคะ อย่าฝืนหรือกดดันตัวเอง เอาที่ชอบจริงๆ และสบายกระเป๋าสตางค์  


5. สร้างสถานการณ์เพื่อจะได้อ่านมัน  คุณคิดว่าดิฉันซื้อมาแล้วจะอ่านหรือคะ เป็นไปตามคาด ซื้อมาวางไว้เป็นอาทิตย์ (แบบบรรยากาศมันหมดไป รมณ์หมด) ไม่เป็นปัญหา สร้างใหม่สิคะ ที่สำคัญต้องรู้สันดา...ตัวเองอะคะ ฉันก็ประมาณ build ให้ตัวเองดูเป็นคนรักการอ่าน คือถือเล่มนั้นมันไปทุกๆที่ ที่ไป เอามันใส่ไว้ในกระเป๋าเวลาจะออกไปลัลล้าข้างนอก ตอนนั่งรอรถเมล์ หรือตุ๊กๆ อะไรก็แล้วแต่ ก็หยิบมันขึ้นมา แรกๆ อ่านหน้าแรกวนๆอยู่หลายอาทิตย์ (ไอ้ด้วยที่เป็นภาษาฝรั่งก็เลยติดๆ หน่อย) ไม่เป็นไร คิดบวกเข้าไว้คะ ว่าอย่างน้อยก็พัฒนาจากที่ไม่เปิดเลยแม้แต่หน้าเดียวหละว้าาา


6. อย่ารีบคะ ทำมันซ้ำๆ หมดรมณ์ก็บิวด์ใหม่ เงินตัวเอง ไม่มีใครว่า ถือมันไปคะ วางมันไว้บนโต๊ะเวลาทานข้าว มันต้องมีสักนาทีหละหน่าาาที่ได้มีโอกาสเปิดมัน พอเริ่มหน้าที่สอง หน้าที่สาม หน้าอื่นก็จะตามมา อาจจะต้องมีอ่านซ้ำหน้าละสี่ห้าครั้ง ไม่เป็นไรคะ เป็นเรื่องปกติของคนไม่ชอบอ่าน


7. และแล้วคุณจะไม่รู้ตัวเลยว่าคุณขาดมันไม่ได้ เวลาลืมหยิบหนังสือไป เช่นเวลานั่งรอรถเมล์ก็จะรู้สึกว่า ขาดอะไรไป คิดว่าแหมถ้ามีหนังสือนะ ก็คงดี (เห็นมั้ยสัญญาณดีๆ มาแล้ว)


8. เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากอ่านจบเล่มหนึ่งแล้ว รมณ์มันจะหมด ก็ทำกระบวนการซ้ำๆ จาก 1-6 แล้วคุณเห็นว่าแต่ละครั้งเวลาสร้างอารมณ์มันจะเร็วขึ้นไม่ต้องใช้พลังวัตต์มาก


 จะเป็นกำลังใจให้นะคะ อย่าเพิ่งท้อ ดูฉันเป็นตัวอย่าง มาเริ่มชอบอ่านเอาตอนเกือบสามสิบยังปลูกนิยสัยรักการอ่านได้ ถึงแม้จะยังเป็นต้นกล้า (เพราะกว่าจะได้ต้นกล้าต้องเสียเมล็ดไปเยอะ) แต่มีการเปลี่ยนแปลงคะ แล้วต่อยอดบรรยากาศไปเรื่อยๆ เช่นการเข้าชมบล็อกคนอื่นที่เค้ารักการอ่าน หรือสร้างบล็อกตัวเองเกี่ยวกับหนังสือที่อ่าน อย่างที่ฉันทำอยู่ ขนาดดูหนังยังโยงมาเรื่องนิสัยรักการอ่านได้เลย ลองทำกันดูนะคะ สู้สู้ๆ Emotion 1



ภาพประกอบจาก jennifermorrill



Create Date : 29 มีนาคม 2553
Last Update : 19 เมษายน 2553 11:11:44 น.
Counter : 2206 Pageviews.

5 comments
  
ชอบอ่านเหมือนกันค่ะ
โดย: Aisha วันที่: 1 เมษายน 2553 เวลา:17:16:23 น.
  
กะลังมีปัญหากะการอ่านอยู่พอดีเลยค่ะ...ชอบอ่านนะคะ
แต่อ่านมะจบซักเล่ม ตอนนี้เลยมีหนังสือที่อ่านค้างไว้เต็มไปหมด อย่างนี้ต้องขอเอาวิธีที่จขบ.แนะนำไปลองใช้แล้วล่ะค่ะ...
โดย: makeup party วันที่: 7 เมษายน 2553 เวลา:21:46:01 น.
  
หวัดดีค่ะคุณ ibafay
เรายังหาหนังสือแนวนั้นไม่ได้เหมือนกันค่ะ อยากคลายเครียดจริงๆเลย

อ่านบล็อกแล้วเห็นว่าคุณ ibafay หาแรงบันดาลใจในการอ่านอยู่ ลองแวะไปที่กระทู้นี้ไหมคะ

//www.pantip.com/cafe/library/topic/K9110686/K9110686.html

เป็นชมรมนักอ่านย่อมๆ น่ะค่ะ โดยเราจะหาหนังสือมาอ่านตามโจทย์ที่กำหนดไว้ แล้วก็มารีวิวให้เพื่อนๆ อ่าน ถ้าสนใจก็แวะไปเล่นกันได้นะคะ ^^
โดย: ทินา IP: 183.89.72.195 วันที่: 14 เมษายน 2553 เวลา:17:01:13 น.
  
ชอบอ่านหนังสือค่ะ แต่ไม่มีเวลาว่างเลยทำงานตลอดๆ นานน้านได้อ่านแค่3หนเอง แงๆๆ
โดย: ฟ้าง IP: 125.27.197.134 วันที่: 9 กรกฎาคม 2553 เวลา:20:30:11 น.
  
อ่านเรื่องสมองตื่นเต็นไม่เบือ

โดย: อนุชา IP: 101.51.81.44 วันที่: 28 กันยายน 2559 เวลา:18:23:50 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ibafay
Location :
ยะลา  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Creative Commons License
ผลงานวิจารณ์ต่างๆบน http://ibafay.bloggang.com ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย.


*RighHere*RightNow*