|
สารจากใจผ่านบทเพลง "ไมเคิล แจ็กสัน" เมื่อสิ่งแสนเปราะบาง...พยายามปกป้องโลก
จาก //www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072861 โดย Co-Op 28 มิถุนายน 2552 04:57 น. โดย อดิศร Hungry For More
"ทำไมไม่พิมพ์ไปเลยละว่าผมเป็นเอเลี่ยนจากดาวอังคาร บอกพวกเขาว่าผมกินไก่เป็นๆ และเต้นวูดูตอนเที่ยงคืน ยังไงคนก็เชื่อทุกอย่างที่คุณบอก เพราะพวกคุณคือนักข่าว แต่ถ้ากลับกันเป็นผมไมเคิล แจ็กสันพูดบ้างว่า 'ผมเป็นเอเลี่ยนจากดาวอังคารและผมกินไก่เป็นๆ และเต้นวูดูตอนเที่ยงคืน' ผู้คนจะบอกว่า 'โอ้ พวก ไมเคิล แจ็กสันอะไรนั่นมันเพี้ยนไปแล้ว เขาสติแตก คุณไม่มีวันเชื่ออะไรก็แล้วแต่ที่หลุดออกมาจากปากเขาได้เลย' " - ไมเคิล แจ็กสัน สำหรับศิลปินในยุคเก่า วิธีที่เราจะเรียนรู้เรื่องราวของพวกเขาได้ก็คือสิ่งที่บันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ซึ่งความเที่ยงตรงนั้นขึ้นอยู่กับความแม่นยำและจิตสำนึกของผู้จดบันทึกเป็นสำคัญ แต่สิ่งที่สามารถบอกเรื่องราวของศิลปินเหล่านั้นได้ชัดเจนยิ่งกว่าก็คือผลงานอันยิ่งใหญ่ของพวกเขาที่ทิ้งเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ทั้งความวิจิตรในภาพโมนาลิซาของดาวินชี หรือความยิ่งใหญ่ในซิมโฟนีหมายเลข 5 ของบีโธเฟน ที่ล้วนแต่บอกเรื่องราวของตัวเจ้าได้ดีกว่าชีวประวัติเล่มไหนๆ แต่น่าเสียดายที่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา เราเองคงต้องมาศึกษาผลงานเพลงของ ไมเคิล แจ็กสัน ศิลปินเพลงที่โด่งดังที่สุดของศตวรรษที่ 20 เพื่อทำความรู้จักตัวเขาให้ดีขึ้น เพราะเจ้าตัวไม่สามารถออกมาอธิบายถึงแรงบันดาลใจที่อยู่เบื้องหลังผลงานเหล่านั้นได้อีกต่อไปแล้ว
คนที่รู้จักไมเคิล แจ็กสันแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ประเภทหนึ่งคือคนที่รู้จัก ไมเคิล แจ็กสัน ในฐานะบุคคลที่โด่งดังที่สุดในโลก การขยับตัวไปไหนของเขาจึงได้รับความสนใจอยู่ตลอดเวลา และยิ่งน่าตื่นเต้นเข้าไปอีกเมื่อเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขานั้นไม่ธรรมดาอย่างมาก แม้จะวัดตามมาตรฐานของคนดังด้วยกันก็ตาม มุมชีวิตในส่วนนี้ของเขาจึงกลายเป็นประเด็นที่สื่อต่างๆ จ้องจะนำเสนออยู่ตลอดเวลา อีกประเภทหนึ่งก็คือคนที่รู้จักเขาในฐานะ ศิลปินนักร้องที่ดีที่สุดในรอบศตวรรษ และสิ่งที่คนเหล่านี้สนใจไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องการเปลี่ยนสีผิว, รสนิยมทางเพศ หรือกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ที่หนังสือพิมพ์ต้องการนำเสนอ สิ่งเดียวที่พวกเขาแคร์ก็คือบทเพลงและการแสดงอันตื่นตาที่ศิลปินคนนี้มอบเอาไว้แก่วงการกว่า 3 ทศวรรษ และคงจะเป็นสิ่งที่เขาอยากให้เราจดจำมากกว่าเรื่องไหนๆ 4 เพลงที่นำเสนอในบทความนี้ถือเป็น 4 เพลงที่ไมเคิล แจ็กสันแต่งขึ้นมาเองทั้งเนื้อร้องและดนตรีโดยไม่ได้ร่วมงานกับใคร เป็นเรื่องราวส่วนตัวที่ถ่ายทอดออกมาในช่วงที่เส้นกราฟของความสามารถและปัญหาในชีวิตส่วนตัวตัดผ่านกันพอดี คืออยู่ในช่วงจุดสุดยอดของความคิดสร้างสรรค์บนเส้นทางอาชีพ ก่อนที่เรื่องราวในชีวิตส่วนตัวที่ยุ่งเหยิงจะเข้ามาแทนที่ *************** Childhood เป็นผลงานซิงเกิลแรก (Scream/Childhood) จากอัลบั้มรองสุดท้ายเมื่อปี 1995 อย่าง HIStory: Past, Present and Future, Book I ที่เป็นการระบายออกถึงความอัดอั้นตันใจกับช่วงเวลาเลวร้ายในวัยเด็กของเขา ซึ่งส่วนใหญ่มาจากความเข้มงวดในการปลุกปั้นให้เขาเป็นนักร้องของผู้เป็นพ่อ ที่กลายเป็นการทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจต่อไมเคิลจนยากที่จะลืม เป็นบทเพลงที่งดงามไพเราะด้วยเปียโนและเสียงเครื่องสาย คล้ายๆ กับเพลง Gone To Soon จากผลงานชุด Dangerous เช่นเดียวกับความเหงาและเศร้าที่ผู้ฟังสามารถสัมผัสได้ทั้งจากดนตรีและเนื้อร้อง Have you seen my Childhood? I'm searching for the world that I come from 'Cause I've been looking around In the lost and found of my heart No one understands me They view it as such strange eccentricities 'Cause I keep kidding around Like a child, but pardon me คุณเคยเห็นช่วงวัยเยาว์ของผมหรือเปล่า? ผมเฝ้าค้นหาโลกที่ผมจากมา เพราะผมเคยเฝ้ารอสิ่งที่สูญหายไปจากใจของผม ไม่มีใครเข้าใจผมเลย พวกเขามองว่ามันเป็นสิ่งแปลกประหลาด เพราะผมชอบทำตัวสนุกสนานเหมือนกับเด็กๆ แต่ยกโทษผมเถอะน่ะ People say I'm not okay(strange that way) Cause I love such elementary things It's been my fate to compensate, for the Childhood I've never known ใครๆ ก็ว่าผมไม่ปกติ(ที่แปลกประหลาดอย่างนี้) เพราะว่าผมรักในสิ่งที่แสนจะเรียบง่าย มันจึงกลายเป็นชะตากรรมของผมที่ต้องค้นหาสิ่งที่จะชดเชย ให้กับวัยเยาว์ ที่ผมไม่รู้จัก Have you seen my Childhood? I'm searching for that wonder in my youth Like pirates in adventurous dreams,Of conquest and kings on the throne... Like fantastical stories to share But the dreams I would dare, watch me fly คุณเคยเห็นช่วงวัยเยาว์ของผมหรือเปล่า? ผมเฝ้าค้นหาความงดงามในช่วงวัยเด็กของผม ทั้งโจรสลัดผจญภัยในความฝัน การบุกพิชิต และราชาครองบัลลังก์ ทั้งนิทานเหนือจินตนาการที่มาแบ่งกันเล่าให้ฟัง ในความฝันผมจะเปี่ยมด้วยความกล้า มองผมบินซิ Before you judge me, try hard to love me, Look within your heart then ask The painful youth I've had Have you seen my Childhood ก่อนที่คุณจะตัดสินอะไรผม พยายามรักผมก่อนได้ไหม โปรดมองลึกๆ เข้าไปในใจคุณก่อนที่จะตั้งคำถามกับผม ความเจ็บปวดในวัยเด็กที่ผมได้รับ คุณเคยเห็นช่วงวัยเยาว์ของผมหรือเปล่า? *************** Will You Be There ที่เหมือนกันระหว่าง Childhood และ Will You Be There ก็คือเป็นซาวด์แทร็กประกอบหนังเด็กอย่าง Free Willy ด้วยกันทั้งคู่ (คนละภาค) เป็นเพลงบัลลาดสไตล์กอสเปลที่ไพเราะ มีพลัง และให้ความประทับใจทุกครั้งที่ได้ฟัง เนื้อเพลงสะท้อนถึงแรงกดดันที่เขาได้รับจากรอบด้านตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพลงนี้ทำให้นึกถึง I'll Be There ผลงานเพลงของไมเคิลสมัย Jackson 5 ที่เขาร้องเอาไว้จนโด่งดังเมื่อปี 1970 (ผลงานการแต่งโดยเจ้าพ่อโมทาวน์ แบร์รี กอร์ดี) ซึ่งเนื้อหาของเพลงนั้นเป็นเหมือนการให้สัญญาของไมเคิลต่อแฟนเพลงว่าเขาจะรอคอยแฟนเพลงทุกๆ คน จนอีก 20 ปีต่อมาเขาถึงถามกลับไปบ้างว่า เมื่อถึงเวลานั้น เวลาที่เขาอาจจะไม่ได้โด่งดังเหมือนแต่ก่อน และต้องเผชิญอุปสรรมากมายในชีวิตเหมือนกับปุถุชนทั่วไป จะมีใครซักคนไหมที่จะรอคอยเพื่อที่จะอยู่เคียงข้างเขาจริงๆ และดูเหมือนจะเป็นคำถามที่เขาไม่ได้รับคำตอบจนวันสุดท้ายของชีวิต Hold me Like the river Jordan And I will then say to thee You are my friend Carry me Like you are my brother Love me like a mother Will you be there? โอบกอดผม เหมือนกับมหานทีแห่งจอร์แดน และผมจะกล่าวแก่ท่านทั้งหลายว่า พวกคุณคือสหายของผม โอบอุ้มผม เหมือนกับเราเป็นพี่น้องกัน รักผมดุจดั่งมารดา บอกซิว่าคุณจะยังคงเคียงข้างผมไหม? Weary Tell me will you hold me? When wrong, will you scold me? When lost, will you find me? แสนอ่อนล้า บอกอีกทีซิว่าคุณจะโอบกอดผมไหม? เมื่อผมพลาดคุณจะดุด่าผมไหม? เมื่อผมหลงทาง คุณจะตามหาผมไหม? But they told me A man should be faithful And walk when not able And fight 'til the end But I'm only human แต่พวกเขาบอกผมว่า มนุษย์ควรมีศรัทธา จงก้าวเดินต่อไปแม้ไม่สามารถ และจงสู้จนวันสุดท้าย แต่ผมเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น Everyone's taking control of me Seems that the world's Got a role for me I'm so confused Will you show it to me? You'll be there for me And care enough to bear me ใครๆ ต่างพยายามเข้ามาควบคุมผม ดูเหมือนว่าโลกได้มอบบทบาทให้กับผมไปแล้ว ผมสับสนเหลือเกิน คุณช่วยแสดงให้เห็นได้ไหม? ว่าจะอยู่เคียงข้างผม และห่วงใยพอที่จะยืนหยัดเพื่อผม In our darkest hour In my deepest despair Will you still care? Will you be there? In my trials And my tribulations Through our doubts And frustrations In my violence In my turbulence Through my fear And my confessions ในโมงยามที่มืดมิดที่สุดของเรา ในความทุกข์ระทมที่สุดของผม คุณจะยังห่วงใยไหม? คุณจะเคียงข้างผมไหม? ในอุปสรรคและความยากลำบากของผม จนถึงความลังเลและความขัดแย้งของเรา ในความรุนแรงและความสับสนของผม จนถึงความกลัวและการสำนึกผิดของผม In my anguish and my pain Through my joy and my sorrow In the promise of another tomorrow I'll never let you part For you're always in my heart ในความรวดร้าวและความเจ็บปวดของผม จนถึงความปิติและความโศกเศร้าของผม ในคำสัญญาแห่งวันพรุ่งนี้ ผมจะไม่มีวันปล่อยให้คุณเดียวดาย เพราะคุณอยู่ในใจของผมเสมอ *************** Earth Song ในความอ่อนไหวกับเรื่องราวในใจทั้งหมด แต่กระนั้นไมเคิลก็ยังได้ชื่อว่าเป็นศิลปินที่แต่งเพลงเพื่อส่งเสริมความศิวิไลซ์ของมนุษยชาติมากที่สุดคนหนึ่ง ตั้งแต่ We Are the World, Man in the Mirror, Heal the World แต่ที่แตกต่างในเพลงนี้ก็คือเพลงก่อนๆ เขาจะนำเสนอในเชิงร้องขอความเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้ แต่เนื้อหาเพลงนี้ถูกนำเสนออย่างตรงไปตรงมา ทั้งเนื้อเพลงที่กล่าวในเชิงตัดพ้อต่อความเมินเฉยของมนุษย์ต่อสันติภาพและสิ่งแวดล้อมที่นับวันจะเลวร้ายทุกที ซาวด์ดนตรีที่ไม่ได้เน้นที่ความไพเราะหรือให้ความหวัง แต่แสดงความโหยหวน วังเวง และโกรธแค้น ถ้าโลกมนุษย์ต้องถึงจุดจบในวันพรุ่งนี้ เพลงนี้คงถูกพูดถึงเป็นเพลงแรก What about sunrise What about rain What about all the things That you said we were to gain What about killing fields Is there a time What about all the things That you said was yours and mine เกิดอะไรขึ้นกับรุ่งอรุณ ลมฝนหายไปไหน เกิดอะไรขึ้นต่อสิ่งที่คุณเคยบอกว่าเราได้เก็บเกี่ยวด้วยกัน เกิดอะไรขึ้นกับทุ่งสังหาร ยังพอมีเวลาเหลือไหม เกิดอะไรขึ้นต่อสิ่งที่คุณเคยบอกว่าเป็นทั้งของคุณและของผม What have we done to the world Look what we've done What about all the peace That you pledge your only son What about flowering fields Is there a time What about all the dreams That you said was yours and mine เราทำอะไรลงไปกับโลกใบนี้ ดูสิ่งที่เราทำเถิด เกิดอะไรขึ้นกับสันติภาพที่คุณเคยสัญญาไว้ต่อบุตรของพระเจ้า เกิดอะไรขึ้นกับสวนดอกไม้ที่งอกงาม ยังพอมีเวลาเหลือไหม เกิดอะไรขึ้นต่อความฝันทั้งหลายที่คุณบอกว่าเป็นทั้งของคุณและของผม I used to dream I used to glance beyond the stars Now I don't know where we are Although I know we've drifted far ผมเคยมีความฝัน ผมเคยเฝ้ามองออกไปไกลเกินดวงดาวในอวกาศ ตอนนี้ผมไม่รู้แล้วว่าเราอยู่กันที่ไหน แต่ผมรู้ว่าเราหลงทางกันมาไกลเหลือเกิน Did you ever stop to notice All the blood we've shared before All the children dead from war Did you ever stop to notice This crying Earth this weeping shores คุณเคยหยุดสังเกตดูสักครั้งไหม มีเลือดกี่หยดที่เราต้องหลั่งไปในอดีต มีเด็กกี่คนที่ต้องตายจากสงคราม คุณเคยหยุดสังเกตดูสักครั้งไหม พิภพกำลังกรีดร้อง ทุกชายฝั่งกำลังร่ำไห้ *************** Heal The World แม้ Earth Song จะได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ แต่น่าเสียดายที่ไม่เป็นที่รู้จักของแฟนเพลงในวงกว้างมากนัก ต่างกับเพลง Heal The World ที่ถูกแต่งออกมาเหมือนกับเป็นน้องสาวของ We Are the World ทั้งเนื้อหาของเพลงและโครงสร้างดนตรีที่เพราะติดหู โดยเฉพาะท่อนประสานเสียงที่ทรงพลังจนเรียกน้ำตาของผู้ฟังได้ทุกเมื่อ เพลงนี้ถูกเขียนขึ้นมาด้วยภาษาที่เรียบง่าย เพราะกลุ่มผู้ฟังหลักของเพลงนี้ก็คือเด็ก อันเป็นความหวังในอนาคตที่จะทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นหลังจากที่ผู้แต่งจากโลกนี้ไปแล้ว เป็นผลงานที่ไมเคิลภูมิใจที่สุด จากบรรดาเพลงเยี่ยมๆ อีกมากมายที่เขาสร้างสรรค์ในฐานะนักแต่งเพลงเพื่อชาวโลก There's A Place In Your Heart And I Know That It Is Love and this place could Much Brighter Than Tomorrow And If You Really Try You'll Find There's No Need To Cry In This Place You'll Feel That There's No Hurt Or Sorrow มันมีสถานที่หนึ่งในหัวใจของคุณ ที่ผมรู้ว่ามันคือความรัก และมันเป็นสถานที่ที่สว่างไสวยิ่งกว่าวันพรุ่งนี้ และถ้าคุณพยายามมากพอ คุณจะรู้ว่าไม่จำเป็นต้องร้องไห้ ในสถานที่นี้คุณจะรู้ว่ามันไม่มีทั้งความเจ็บปวดและความเศร้า If You Want To Know Why There's A Love That Cannot Lie Love Is Strong It Only Cares For Joyful Giving If We Try We Shall See In This Bliss We Cannot Feel Fear Or Dread We Stop Existing And Start Living ถ้าคุณอยากรู้เหตุผล มันยังมีความรักที่ไม่หลอกลวง ความรักช่างเข้มแข็ง ที่หวังเพียงการให้ที่แสนปิติ ถ้าเราลองพยายาม เราจะได้เห็น ในความเปี่ยมสุขที่เราจะไม่รู้สึก- -ทั้งความหวาดกลัวและความหวาดหวั่น เราหยุดสิ่งที่เป็นอยู่ และเริ่มต้นใช้ชีวิตร่วมกัน And The Dream We Were Conceived In Will Reveal A Joyful Face And The World We Once Believed In Will Shine Again In Grace Then Why Do We Keep Strangling Life Wound This Earth Crucify Its Soul Though It's Plain To See This World Is Heavenly Be God's Glow และความฝันที่เราสร้างขึ้นจากใจจะฉายผ่านใบหน้าที่สดใส และโลกที่เราเคยศรัทธาจะเปล่งประกายอีกครั้งอย่างสง่างาม แล้วใยเรายังใช้ชีวิตอย่างป่าเถือน ทั้งเชือดเฉือนโลก ทรมานดวงวิญญานของโลก ทั้งๆ ที่ประจักษ์อย่างแจ่มชัดว่าโลกเรานี้น่าอยู่ดั่งสรวงสวรรค์ จงเป็นประทีปแห่งพระเจ้าเถิด We Could Fly So High Let Our Spirits Never Die In My Heart I Feel You Are All My Brothers Create A World With No Fear Together We'll Cry Happy Tears See The Nations Turn Their Swords Into Plowshares เราสามารถล่องลอยได้ไกลโพ้น ขอให้จิตวิญญาณเราไม่เหือดหาย ในหัวใจ ผมรู้สึกว่าเราทั้งหมดคือพี่น้องกัน จงสร้างโลกใหม่ที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว เราจะมาหลั่งน้ำตาแห่งความสุขด้วยกัน จะได้เห็นมนุษยชาติเปลี่ยนมีดดาบที่ไว้เข่นฆ่า กลายเป็นใบมีดเพื่อการปลูกไถร่วมกัน We Could Really Get There If You Cared Enough For The Living Make A Little Space To Make A Better Place เราจะไปถึงสิ่งนั้นได้จริงๆ ถ้าคุณใส่ใจต่อการใช้ชีวิตร่วมกัน เพิ่มที่ว่างซักนิด ทำให้มันน่าอยู่ยิ่งขึ้น Heal The World Make It A Better Place For You And For Me And The Entire Human Race There Are People Dying If You Care Enough For The Living Make A Better Place For You And For Me เยี่ยวยาโลกของเรา ทำให้มันน่าอยู่ยิ่งขึ้น เพื่อคุณและเพื่อผม และเพื่อเพื่อนมนุษย์ทั้งมวล มีผู้คนมากมายที่กำลังจะตายจากไป แต่ถ้าคุณใส่ใจต่อการอยู่ร่วมกันมากพอ ทำให้มันน่าอยู่ยิ่งขึ้น เพื่อคุณและเพื่อผม Heal the world we live in Save it for our children เยี่ยวยาโลกที่เราอาศัย รักษาไว้เพื่อลูกหลานของเรา
Create Date : 17 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2552 15:27:03 น. |
|
1 comments
|
Counter : 717 Pageviews. |
|
|
|
โดย: วราภรณ์ มะโนทัย IP: 203.144.144.164 วันที่: 11 มีนาคม 2553 เวลา:16:14:41 น. |
|
|
|
| |
|
แดุ่ไมเคิล ที่รัก....
ตั้งใจทำบล็อกนี้ เพื่อเป็นการเก็บรวบรวมบทความดี ๆ ที่เขียนเรื่องราวของคุณ..
ผลงานที่งดงาม..
ภาพแห่งความประทับใจที่ทิ้งร่องรอยของคุณไว้ ณ โลกใบนี้...
โลกที่คุณใช้เวลาทั้งชีวิตที่จะปกป้อง...หวงแหน...
ด้วยความรักและปรารถนาทีุ่ลึกซึ้งต่อผู้คนทั้งหลาย...
สิ่งที่ฉันทำได้เพื่อคุณช่างเล็กน้อยราวหยดน้ำในมหาสมุทร
เมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณทำเพื่อคนอื่นอยู่เสมอ...
พักให้สบายนะ...
สักวันเราคงได้พบกันอีกครั้งในบ้านของพระเจ้า.....
|
|
|
|
|
|
|
|
คุณจะอยู่ในใจฉันตลอดไป
ติดตามความรักที่ วราภรณ์ มีต่อ ไมเคิล แจ็กสัน ได้ที่
//lovemjvara.h5.com นะค่ะ