กรรมกรคอมพิวเตอร์ ( นายหวาย )
 
 

ทุกอย่าง

รักนั้นไม่สวยงาม หากเธอไม่เข้าใจในรัก
เธอคงเหงา เธอคงเศร้า เธอคงทุกข์ใจ
หากเธอไม่เปิดใจอีกครั้งความรักครั้งใหม่
จะไม่อาจข้ามเข้ามา เเล้วเธอจะทรมาณ
จากสิ่งที่เรียกว่า ความกลัว

ความกลัว คำนี้กัดกินจิตใจ
หากไร้จิตใจ ความรักมิอาจเกิด
เหมือนฝุ่นผง ที่ไม่รักใคร
แต่จะเกาะยิดติดกับสิ่งที่ไม่อาจอยู่ร่วมได้
สักวันบางเวลาต้องถูกชะล้างไป

จิตใจที่ไม่มีรัก มันไม่ต่างกับเม็ดฝุ่น
ที่ไม่มีใครต้องการ

สักนิดหากเธอมีรัก ความหวังย่อมเกิด
ขอเพียงเปิดใจ ความรักจะพรั่งพรูเข้ามา
จงรักให้เป็น ความรักไม่อาจทำร้ายเธอได้

ฝุ่นผงจะมีค่าถ้าก่อเกิดสะสมเป็นพื้นดิน
เหมือนใจที่ต้องใช้เวลาสะสมความรัก

ทุกอย่างอยู่ที่เธอ....





 

Create Date : 08 เมษายน 2551   
Last Update : 8 เมษายน 2551 1:24:45 น.   
Counter : 386 Pageviews.  


ความรัก

มองออกไป พบปะกับผู้คนมากมาย
มองออกไป พบปะกับความวุ่นวายมากมาย
มองออกไป พบปะกับความสุขมากมาย
มองออกไป พบปะกับความทุกข์มากมาย
มองออกไป ทำไมไม่พบเจอเธอ

หลับตาลง ได้กลิ่มหอมประปราย
หลับตาลง พบความสุขรอบกาย
หลับตาลง ได้ยินเสียงมากมาย
หลับตาลง พบเธอที่ฉันรอ

ฉันไม่อยากลืมตา



..................................




 

Create Date : 05 เมษายน 2551   
Last Update : 5 เมษายน 2551 0:10:24 น.   
Counter : 326 Pageviews.  


นิราศรถไฟ


เป็นเวลานานแล้วที่ผมไม่ได้ไป จังหวัดอยุธยา สองปีแล้วสินะ ครั้งนี้ผมต้องออกเดินทางอีกครั้งเพื่อทำหน้าที่บางอย่างให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี

การเดินทางครั้งนี้ผมเลือกรถไฟเป็นพาหนะในการเดินทาง เชื่อไหมผมเพิ่งจะได้เคยนั่งรถไฟเป็นครั้งแรกนี้แหละผมจับรถไฟเที่ยว 12.05 น จากสถานีบางซื่อ โดยการโทรสอบถามเส้นทางการเดินรถ จากหมายเลข 1690 พนักงานบริการดีมากถึงจะให้ผมรอสายนานเป็นชาติก็เถอะ

ผมซื้อตั๋วโดยสาร บ่งบอกจุดหมายปลายทางว่า อยุธยา ผมตีตั๋วโดยไม่กลัวว่ามันจะเจ็บมาในราคา 14 บาท ถูกมากๆ 14 บาทในกรุงเทพนั่ง รถได้ไม่กี่ป้าย

ผมเดินตรงไปที่รถไฟขบวนหนึ่ง ที่เขียนไว้ว่ากรุงเทพสุริทน์แน่ล่ะมันต้องผ่าน จังหวัดอยุธยาเป็นแน่เพราะคนขายตั๋ว ชี้มาที่รถไฟคันนี้ผมเดินก้าวขึ้นรถไฟอย่างมั่นคง นี้จะเป็นการขึ้นรถไฟครั้งแรกในชีวิต นั่งได้สักพักเริ่มหิวครับเลยลงไปเซเว่นแล้วซื้อซาลาเปามากิน

ผมหาที่นั่งเหมาะๆ นั่งลงพลางสังเกตุรอบๆรถ เบาะที่นั่งเป็นไม้ แข็งแรงนั่งแล้วรู้สึกเจ็บก้นเป็นบ้า เหลือบมองไปเห็น กระจะรถไฟปิดอยู่ แน่ล่ะผมอยากได้บรรยากาศแบบชาวรถไฟจริงๆ เลยพยายามเปิดหน้าต่าง ดันขึ้นเท่าไรก็ไม่เปิดซะที จนป้าที่นั่งฝั่งตรงข้ามบอกว่า เฮ้ยไอ้หนุ่มมันต้องดันลงๆ เท่านั้นแหละผมถึงรู้ว่ามันต้องดันลงนะถึงจะเปิดได้

สลัดความโง่ออกไปได้ ผมทรุดตัวลงนั่งในท่าเดิม พลางหยิบซาลาเปาที่ซื้อมาจากเซเว่น ขึ้นมานั่งกิน ก็คนมันหิวนิ รถไฟเคลื่อนตัวมาเรื่อยๆเสียงของล้อที่ทำจากเหล็กบดกับรางรถไฟเกิดเสียงดังเอี้ยอาดขลุกขลักดูน่ากลัวแต่ฟังไปเรื่อยๆก็เพลินไปอีกแบบ รถไฟค่อยๆเร่งความเร็วขึ้นจนคงที่ สักพักเสียงหวูดก็ดังขึ้น

รถไฟเคลื่อนตัวช้าลงเข้าสู่สถานีบางเขน ที่นี้คนขึ้นเยอะมากๆ จนผมต้องเอาเท้าที่พาดลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามลง ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินขวักไข่วอยู่ทั้งข้างล่างและข้างบนแต่ล่ะคนจัดแจงของๆตัวเอง รถไฟจอดที่สถานีนี้ได้ไม่นานนักก็เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้งเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตรงนี้เองผมสังเกตุเห็น “โสตนเอดเมืองไทย” ไอ้เสาที่ชี้โดเด่ตรงถนนโลคอลโร้ดนั้นแหละครับยืนเรียงรายให้เป็นที่กราบไหว้ของคนทั่วไป สร้างมาได้ต้นล่ะเป็นล้าน ฝั่งตรงข้ามที่ผมนั่งคุณยายท่านนั้นลุกไปแล้ว มีหญิงสาวและชายหนุ่มคู่หนึ่งนั้งอยู่ตรงข้ามกันทั้งคู่เอาเท้าไปก่ายขาของกันและกันและพูดคุยดูน่ารักดี

และตอนนี้แหละครับที่ผมรู้สึกถึงความแข็งโป็กของเก้าอี้ไม้แข็งจนตูดระบมไปหมด หลังนี้ปวดสุดๆ จนผมต้องเปลี่ยนท่าการนั้งบางแล้ว รถไฟวิ่งผ่านสถานที่หลายๆแห่ง ผมนั่งมองดูให้ความรู้สึกอีกแบบต่างจากการนั่งรถผ่านสถานที่เหล่านี้

เสียงหวุดดังรถไฟดังขึ้นอีกครังบ่งบอกว่าถึงสถานีหน้าแล้วแน่ๆ เป็นจริงดังคาดผมมาถึงสถานี หลักสี่ในเวลา 12.23น. ในตั๋วระบุบเวลาการเดินทางที่ผมจะถึงอยุธยาในเวลา 13.06 น. รถไฟจอดที่สถานี้หลักสี่ไม่น่าจะเกินสองสามนาทีก็เคลื่อนตัวออกจากสถานีมุ่งหน้าต่อไป คนขายของบนรถไฟนี่มีหลายคนครับอาหารที่ขายจะเป็นจำพวกของทานง่าย เช่น ผลไม้ดอง ถั่วต้ม น้ำเครื่องดื่มต่างๆ ไก่ย่างข้าวเหนียว อะไรต่างๆอีกมากมาย เดินขายกันเป็นระยะๆ คนขายก็จะตะโกนแข่งกับเสียง ล้อเหล็กบดกับรางเหล็ก และที่สำคัญหูผมก็ดีในระดับหนึ่งแต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าเขาขายอะไรกันถ้าไม่มองสินค้า เพราะคำพูดที่ออกมาจากปากนั้นยอมรับว่าสมองกลวงๆอย่างผม ฟังไม่รู้เรื่องครับ หรือว่ากระดูกสามชิ้นในหูผมมันทำงานผิดพลาดแปลภาษากันไม่ออก งงมากขายอะไรกันฟังไม่รู้เรื่อง และที่น่าแปลกใจคือพวกเขาเหล่านี้ต้องขายของกันบนรถที่วิ่งในระยะไกลขนาดนี้เลยเหรอ แบบว่าต้องเกาะไปกับรถจดสุดสายแล้วเกาะกลับมาหรือป่าว อันนี้ไม่รู้จริงๆครับหรือว่าจะมีเปลี่ยนเวณกัน อืมไว้คร่าวหน้ามีโอกาศจะลองถามดู
ไม่นานนักรถไฟก็พาผมตัวมันเองและคนอื่นมาถึงสถานีดอนเมือง ใช้เวลามาจาก หลักสี่ประมาณ 6นาทีพอมาถึงก็มีเสียงประกาศออกจากลำโพงให้คนที่มีตั๋วขึ้นรถได้ ที่สถานีนี้มีชวนต่างชาติขึ้นมาด้วยครับ หกคนเสียงดังมากนั่งอยู่หลังผมต่างคนก็ พรั่งพรูสำเนียงออกมาอย่างเร็วปรื้อและแน่นอนว่าผมก็ฟังไม่รู้เรื่องแต่ดูท่าทางพวกเขามีความสุขมากๆ ผั่งตรงข้ามที่ผมนั่งชายหนุ่มและหญิงสาวคู่นั้นยังคงนั่งคุยกันเหมือนเดิม
ผมละสายตาจากภายในรถไฟ เหม่อมองออกไปภายนอกตัวรถ บรรยากาศเปลี่ยนไปแล้ว สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือทุ่งหญ้ากว้าง สลับกันต้นไม้ บ้านคน เสาไฟฟ้าที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง แสงแดดที่ผ่านก้อนเฆขสาดแสงสีทอง สายลมพัดพาเข้ามาในตัวรถเย็นสบายสีเขียวของทุ่งนาทำให้อารมณ์ผ่อนคลาย ผมสูดหายใจลึกๆ ดีจังที่ผมเลือกเดินทางด้วยรถไฟบรรยากาศแบบนี้หาไม่ได้ในกรุงเทพที่มีแต่ป่าคอนกรีต และในเวลา 12.40 รถไฟ ก็มาถึงสถานีรังสิต ที่สถานีนี้แม่ลูกคู่หนึ่งหอบหิ้วสัมภาระขึ้นมาแถมยังต้องกระเตงลูกน้อยอีกคน เธอเลือกมานั่งตรงข้ามผม เธอจัดแจงเก็บข้าวของต่างๆในขณะที่ลูกเธอนั้นเริ่มโยเย้และร้องไห้ เธอนั่งลงและเริ่มปลอบลูกน้อย รถไฟเคลื่อนตัวออก อย่างช้าๆ ทิ้งสถานีรังสิตเอาไว้เบื้องหลัง เหมือนจะบอกว่าอะไรที่เราผ่านมาแล้วนั่นคืออตีดที่เราควรจะจดจำไว้ มันผ่านมาแล้วสิ่งที่ผ่านมาคืออตีดและรถไฟขบวนนี้กำลังมุ่งหน้าสู่อนาคต
เมื่อรถไฟเร่งความเร็วจนได้ที่ ผมเริ่มมองออกไปอีกครั้ง บรรยากาศดีจริงๆมองออกไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ยังจำแม่ลูกคู่นั้นได้ไหมครับตอนนี้ลูกเธอเริ่มโยเยอีกครั้ง เธอเอาขนมในถุงออกมาลูกเธอก็ไม่ยอมกินยังคงร้องอยู่ ด้านหลังมีฝรั่ง พูดจากเสียงดังแปดหลอด อยากจะเดินไปบิดโวลุ่มลดเสียงลงหน่อยก็ไม่ได้ คนนะไม่ใช่เครื่องเสียง ใหนจะคุณหนูที่ร้องโยเยอีก เธอผู้นั้น ยืนขึ้นอุ้มลูกโยกตัวไปมา ดูลูกเธอจะชอบ หยุดร้องทันทีและเธอคนนั้นก็พาลูกเดินไปตามทางเดินในรถไฟ ผมมองดูด้วยใจที่ชื่นชมนี้สินะความรักของแม่ แต่กระนั้นก็ยังไม่วายมีรถไฟอีกขบวนสวนมาทำให้เกิดเสียงดังมาก จนเด็กน้อยร้องจ้าขึ้นมาอีกครั้ง เอาๆปลอบๆกันไปนะแม่คุณ
รถไฟผ่านสถานีเชียงรากน้อยในเวลา 12.57 นาทีฝรั่งตัวใหญ่ๆสองสามคนเดินมาเอาสัมภาระที่วางไว้บนชั้นวางของลงมากระเป๋าใหญ่มากๆพอๆที่จะใส่คนตัวใหญ่ๆลงไปได้หนึ่งคน เท่าทีดูจากอาการเหมือนเขาจะลงที่สถานีอยุธยาเป็นแน่ ก็แน่ล่ะนั้นมันเมืองท่องเที่ยวนิ บ่งบอกให้รู้ว่า ฝรั่งกรุ๊ปนี้ศึกษามาดีในเรื่องของการเดินทางหรือไม่เขาอาจจะมาบ่อยๆก็เป็นได้ สักพักแม่ลูกคู่นั้นก็เดินกลับมานั่งที่เดิม รถแล่นต่อไปนานพอสมควรผ่านสถานีอีกสองสามแห่งไม่แน่ใจนักที่สำคัญผมอ่านไม่ทันว่าสถานีชื่ออะไรเริ่มหวั่นๆว่าลงผิดทีจะทำไงว่ะนี้ ผมเริ่มใจไม่ดีรวบรวมความกล้าถามผู้หญิงที่มีลูกน้อยคนนั้น ว่า “ ขอโทษนะครับสถานีอยุธยาไกล้ถึงหรือยังครับ” เธอมองหน้าผมแล้วตอบออกมา ผมอ๋อทันที เธอเป็นคนต่างชาติแน่ๆครับ อย่างน้อยไม่พม่าก็เขมร เพราะสำเนียงบ่งบอกเหลือเกิน ฟังตอนแรกยังงงๆว่าเธอพูดว่าอะไร แต่จับใจความได้ว่า “สะ ทา นี้ น่า “ อืมขอบคุณคร้าบบบ จริงๆผมแค่เกาะไอ้ฝรั่งกลุ่มนี้ไปก็น่าจะลงถูกแล้วล่ะ บอกแล้วว่านี้คือการขึ้นรถไฟครั้งแรกในชีวิต
ไม่นานผมก็มาถึงสถานีอยุธยาแล้ว ฝรั่งกลุ่มนั้นเดินนำลิ่วๆลงไปก่อนตามด้วยผม ในที่สุดผมก็พาตัวรอดมาถึงที่นี่จนได้แหม เอานะครับครั้งแรกๆ แต่ขอโทษเถอะครับปวดหลังชนิดที่ว่าสุดๆไปเลย ผมมาถึงในเวลาประมาณ 13.30 น เดินมาก็จะมีรถตุ๊กๆเข้ามาถามว่าเหมามั้ยๆ. ผมเดินออกมาจับมอเตอร์ไซค์วิน พลางบอกว่า “ไปสถานีตำรวจท่องเที่ยวอยุธยาครับ” เอาล่ะเริ่มภาระกิจได้……

การเดินทางครั้งนี้เยี่ยมมากครับ แต่ขากลับไม่ได้กลับรถไฟเพราะลืมถามไปว่าเที่ยวกลับกี่โมงเลยจับรถทัวร์กลับมาแทน คร่าวหน้ามีประสบการณ์อะไรสนุกจะมาเล่าให้ฟังอีกครับ บายๆ




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2549   
Last Update : 31 กรกฎาคม 2549 11:23:01 น.   
Counter : 418 Pageviews.  


#### พลังแห่งความรัก แต่ เอวิธีนั้นคืออะไรนะ ####


เกิดนึกอยากเขียนอะไรขึ้นมา เอาลองมาอ่านกัน



ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ชายแก่คนหนึ่งนั่งจับมือภรรยาของเขาอยู่ แม่เต่าอายุ 80กว่านอนนิ่งไม่ไหวติ่ง
สายน้ำเกลือระโยงระยางไปทั่ว ที่ปากมีที่ครอบออกซิเจนอยู่

มือของชายแก่กำมือของแม่เฒ่าไว้อย่างเนียวแน่น เขาร้องไห้ออกมาไม่อายใครไม่อายหมอพยาบาลและลูกหลาน
ทุกคนอยู่ใหนความเศร้า ชายแก่มองใบหน้าของภรรยาผู้ซึ่งหลับไหลอยู่ เสียงรอบข้างมีอาจทำให้ช่ายแก่เบนความสนใจ
ไปจากใบหน้าของภรรยาได้

ชายแก่ยังรักแม่เฒ่าเสมอ เหมือนๆกับว่าถ้าวันนั้นเธอไม่ได้รับรักเขา เขาก้อยังรักเธอเสมอเหมือนกัน
ชายแก่กำลังหวนไปคิดถึงวันเก่าๆ ภาพเก่าๆหลายใบ ลอยผ่านไป ช่ายแก่กำลังตกอยู่ในภวัคง์


เขาเจอเธอ ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง ความรักก่อตัวขึ้นทันใด คำว่ารักข้างเดียววิ่งตรงมาแทงที่ใจอย่างเเรง เขาผงะไป

นั่นเธอเดินเข้ามาไกล้ เขาแทบจะหยุดหายใจ และเธอก็เดินผ่านเขาไป แต่แค่นั้นก็ทำให้เขาดีใจเป็นที่สุด

เขารวบรวมความกล้าทั่วร่างเค้นมันออกมากให้มากที่สุด เขารวมมันไว้ที่มือ แล้วค่อยๆเอามาแนบตรงหัวใจเพื่อให้หัวใจมัน
รับความกล้าและหวังให้หัวใจ เต้นช้าลงกว่านี้อีกหน่อย

ได้ผล!! หัวใจเขาสงบขึ้น เขากล้าที่จะเดินไปหาเธอ กระนั้นเขาก็ยังซุมซ่าม ชนโน้นนี้ดูน่าขัน

" คุณครับ ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไร "

ฉิบหายแล้วใจของชายหนุ่ม เต้นระรั่วอีกครั้ง เขาพูดคำพวกนั้นออกไปได้อย่างไร เธอคงตกใจเเละไม่ยอมคุยกับเขาเป็นแน่
"ค่ะ เราชื่อ.... คุณล่ะค่ะ"

นั่นคือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่เขาจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต

เธอน่ารัก นิสัยดี เป็นกันเอง เขาคิด การพูดคุยกันทำให้ทั้งสองเริ่มความสัมพันธ์ที่ดี เขารูเสึกดีกับเธอมากๆ ในวันหนึ่งทั้งสอง
ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน และวันต่อๆมา ทั้งคู่เริ่มสนิทกัน

เธอจะคิดยังไงกับเขานะ เขานั่งนึกอยู่ในใจ เธอชอบเราหรือป่าว หรือเธอแค่หาเพื่อนคุย แค่เหงา อย่าสิขออย่าให้เป็นแบบนั้น
เพราะเราชอบเธอมาก อยากให้เธอชอบเราต้องทำอย่างไรนะ แบบนี้ดีมัย แบบนั้นล่ะดีรือป่าว เอ แบบนี้ก็น่าจะเวิคก์นะ เขาคิดวุ่นวายอยู่ในใจ
ความคิดตีกันยุ่งเยิงไปหมดความคิดต่างผ่ายต่างโรมรันเพื่อให้ได้วิธีที่จะทำให้เธอพอใจ

ไม่มีใครชนะ เขาต้องเลือกเอง เขาบรรจงหยิบความคิดมากมายเหล่านั้นขึ้นมา เลือกและเลือก ในที่สุดเขาก็เลือกได้

วันนี้อากาสดีจังนะ คุณว่าไหม เขาพูดหันไปมองหญิงสาว
วันนี้ผมมีอะไรจะบอกคุณล่ะ

" ผมรักคุณรับรักผมนะ "
ชายหนุมพูดพลางแบมือ คลายบางสิ่งบางอย่างในมือให้ หญิงสาวดู

"เขาใช้วิธีนั้นแล้ว"

อีกสองปีต่อมาเขาและหญิงสาวแต่งงานกันมีครอบครัวที่อบอุ่น และรักไคร่กัน
และตลอดเวลา ห้าสิบปีที่ผ่านมา เขารักเธอทุกขณะจิต เหมือนกับที่เขาคิด " ถ้าวันนั้นเธอไม่ได้รับรักเขา เขาก้อยังรักเธอเสมอเหมือนกัน "

เขารักเธอ สัญญาว่าจะรักตลอดไป แม้ในช่วงเวลาเป็นตาย เขาจะไม่ทิ้งเธอ

ชายแก่น้ำตานองใบหน้า มองใบหน้าแม่เต่าที่อยู่ด้วยกันมา ชายแก่คิดถ้าเขาใช้วิธีนั้นอีกครั้ง เธอจะฟื้นไหม เข้าค่อยๆกำมือของแม่เฒ่าเข้ามา
ฝีปากของชายแก่ จรดเข้าไปที่ใบหูที่แสนจะนุ่มนิ่มของแม่เฒ่า แล้ว พูดว่า.......

ชายแก่ค่อยๆกลับคืนมานั่งในสถาพเดิมอีกครั้ง ไม่มีปฎิกริยาจากร่างกายนั้น เขาคิดวิธีนี้คงไม่ได้ผล ชายแก่ร้องไห้ดังขึ้น ดังขึ้น ทุกคนในห้องพยามยามปลอบโยน

และแล้ว มือของแม่เฒ่าก็ขยับ กำมือตอบ ชายแก่รู้สึกได้เขายิ้มให้กับตัวเอง พลางบอกว่า

"อยู่กับผมนะ ผมจะรักคุณจะปกป้องและดูแลคุณตลอดไป "

แม่เฒ่าค่อยๆลืมตา สายตาฝ้าฟางหลันค่อยๆเเจ่มใส มือของแม่เฒ่าค่อยๆบีบมือของชายแก่ ประโคยหนึ่งหลุดออกมาจากปากของเธอ

"จ๊ะ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป"

ชายแก่ยิ้มอย่างมีความสุข




ความรักนี้ดีจังนะ เพื่อนๆว่าไหม

แต่เอ ชายแก่เขาใช้วิธีไหนอะ ถึงทำให้แม่เฒ่ารัก เขาได้ คำตอบนะ มีใครเดาได้บ้าง....

และใครที่มีวิธีเด็ดๆจะบอกรักสาวเจ้าบ้าง อย่าลืมแนะนำกันะครับ





 

Create Date : 22 กรกฎาคม 2549   
Last Update : 22 กรกฎาคม 2549 16:25:02 น.   
Counter : 440 Pageviews.  


ในวันที่ฉันโชคดี


เรื่องมันเกิดเมื่อวานนี้
เลือกตั้ง เราไปเลือกตั้ง เป็นกฎบ้านกฎเมืองที่พึงปฎิบัติ

พลเมืองดีอย่างผมไม่มีพลาด!!!

ผมกลับบ้านเพื่อนไปเลือกตั้งไม่ไกลไม่ไกล้ไปแค่ ปทุมธานีเมืองดอกบัวสวยนั่นเอง

จ้างพี่วิน
พี่ครับไปส่งผมที่หน่วยเลือกตั้งหน่อย

มันพาวนซะ แถมไปถึง
ผิดหน่วยซะงั้น

พี่ครับผมขับให้ใหม ผมว่าผมไปถูกนะ

สรุปผมเป็นคนขับ พี่วินนั่ง ใครมันน่าจะเสียตังค์

ผมเลือกเสร็จ พี่วินพาขับไปส่งบ้าน

ระหว่างทาง

โค้งหักศอกนั่น!!!!!!!!!!!!!!!


ไม่ต้องคิดมากพี่วินขับขี่มากลางเลน แถมกำลังเข้าโค้ง

รถกระบคันเบ่อเริ่ม ขับสวนมาที่สำคัญมันกินเลนมาเหมือนกัน
อยากจะถามมันนักว่าอร่อยไหม

จังหวะนั้นชนแน่ๆ หลบไม่ทันแล้ว
ภาพคนที่ผมรู้จักทั้งสนิทและไม่สนิทพุดขึ้นมาจำไม่ได้ว่าใครมั่งเพราะมันเร็ว
ในวินาทีแห่งความเป็นตายนั้น
ภาพเธอผุดขึ้นมาเป็นภาพสุดท้าย ผมอยากบอกเธอเหลือเกินว่า ผมคิดถึงเธอ
มากแค่ไหนอยากพบและคุยกับเธอ ต่อจากนี้ผมจะมีโอกาศได้พูดคุยกับเธออีกใหม
ไม่มีใครให้คำตอบได้นอกจาก

พี่มอเตอร์ไซค์วิน

กลับมาที่พี่วิน


พี่วินเชี่ยวมาก แกหักหลบ พี่วินรอดจากรัศมีการชน พี่วินรอด ผมคงรอดด้วย

ผิดคาดครับท่าน



ผม โดนชนซะงั้น อืมถือว่าเฉี่ยวๆล่ะกัน

ไม่เจ็บอะไรมาก เพราะมันเฉี่ยวชนโดนโน๊ตบุค

เดียวเมื่อกี้ว่าชนอะไรนะ โน๊ตบุค เฮ้ย ยังงี้มีเรื่องๆ

ผมปรี่เข้าไปกะจะด่า ชายแก่ลงมาขอโทษๆ ผมใจอ่อน
โน๊ตบุ๊คก้อไม่เป็นอะไร เอาว่ะซวยไป ผมบอกช่างมันแยกย้ายผมก็ไม่เจ็บ
ต่างคนต่างไป

ซวยซะ
กลับเข้าบ้าน
แล้วออกมาออฟฟิต

กลับมาออฟฟิต ไฟซ็อตไฟฟ้าดับทั้งออฟฟิต

ถ้าแค่ฟิวส์ขาดคงดีไม่น้อย แต่อาการมันน่าห่วงกว่านั้น
แถม แอร์น้ำรั่วอีกซ่อมไฟเสร็จต้องมาซ่อมแอร์
ผมกับเพื่อนๆช่วยซ่อมกัน จนทุกอย่างเรียบร้อย

รู้แล้วว่าสามัคคีคือพลัง

พรุ้งนี้เราจะต้องโชคดีแน่ๆ



ปล จะว่าไปมันก็เป็นวันที่โชคผมดีที่สุดเลยล่ะ คุณรู้ใหมเพราะอะไร....




 

Create Date : 03 เมษายน 2549   
Last Update : 3 เมษายน 2549 19:52:46 น.   
Counter : 392 Pageviews.  


1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

Jabavox
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นายหวาย ไอ้หวาย พี่หวาย แล้วแต่จะเรียก เรียกหวายเฉยๆก้อได้ครับ ผมชอบ


ทักทายกันหน่อย



[Add Jabavox's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com