กรรมกรคอมพิวเตอร์ ( นายหวาย )
 
 

CosplayMag.com x เว็บคอส x แนะนำ

อะ จ้า วันนี้มาแนะนำเว็บ คอสเพลย์ซะหน่อย แอบซุ่มทำอยู๋เป็นนิจชื่อ
ก้อคือ //www.cosplaymag.com ก้อเปิดมาได้สักอาทิตย์กว่าๆแล้ว

อืมยังไงก็ขอเชิญชวนเพื่อนๆ นักคอส นักวาดโดจิน ร่วมไปถึงเพื่อนๆทุกคนเข้าไปแวะเวียนกันได้นะคร้าบ

อ้อช่วงนี้เปิดรับบทความ อะนะครับ สนใจยังไง ติอต่อกันได้นะ

อืม ขอบคุณ คุณน้อง //livalrate.exteen.com/ ด้วยนะครับมี่ให้ข้อมูลที่
น่าสนใจ ( เลยถือโอกาศ นำน้องเขาขึ้น หน้าแรกซะเลย อิอิ )

เอาล่ะ ฝากเว็บเล็กๆนี้ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคร้าบบบ

ติดตามกันต่อไปรับรองว่ามีกิจกรรมดีๆอีกเพียบ




 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2549   
Last Update : 9 มีนาคม 2549 15:11:20 น.   
Counter : 345 Pageviews.  


ค้นหาคำสาปแห่งราชวงศ์โรมานอฟ

เพิ่งดูโคนัน ตอน ปริศนาพ่อมดคนสุดท้ายแห่งศตวรรษ
มีการกล่าวถึง รัสปูติน ด้วยความสนใจจึงค้นจากกูเกิ้ล
ไปเจอเข้าเลย Copy มาให้เพื่อนๆอ่านกันครับ ประดับความรู้ คร้าบบ


โศกนาฏกรรมที่คร่าชีวิตเด็กและ ราษฎรรัสเซีย หลายร้อยคนไป เมื่อเร็วๆนี้ ได้เคยเกิดขึ้นมา ครั้งหนึ่งแล้วครับ เมื่อร้อยกว่าปีมานี่เอง และเกิดขึ้นในวันมหามงคลด้วยคือ ระหว่างเฉลิมฉลอง พิธีราชาภิเษก ของกษัตริย์แห่ง ราชวงศ์ โรมานอฟ มีคนตายนับพัน ซันเดย์ สเปเชียล หนนี้จึงขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับผม
ราชวงศ์โรมานอฟ (Romanov dynasty) ได้ปกครองรัสเซียเป็นเวลานานถึง 300 ปี มีจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรหลายองค์ เช่น ปีเตอร์มหาราช คันทรีมหาราชินี แต่แล้วพอถึง ค.ศ. 1918 ราชวงศ์โรมานอฟ ก็ต้องประสบกับโศกนาฏกรรมร้ายแรง ปิดฉากราชวงศ์ที่เคยยิ่งใหญ่ลง
ความหายนะที่เกิดขึ้นนี้ ว่ากันว่า ส่วนหนึ่งมาจากคำสาปแช่งของ บุรุษที่มีพลังอำนาจจิตสูงส่ง นาม รัสปูติน (Rasputin)!
ปี ค.ศ. 1896 นิโคลาส และอเล็กซานดรา ทรงราชาภิเษกขึ้นเป็นซาร์และซาริน่าปกครองอาณาจักร อันไพศาลของรัสเซีย พิธีราชาภิเษกนั้นยิ่งใหญ่ กึกก้องกัมปนาทด้วยเสียงปืนใหญ่ ขบวนแห่สู่ พระราชวังเครมลิน ประกอบด้วยเหล่าทหารองครักษ์ นับพัน มีการดื่มเฉลิมฉลองกันทั่วทั้งเมือง ผู้คนแก่งแย่งเบียร์และขนมปังที่นำมาแจกกันอย่างชุลมุน กลายเป็นจลาจล ราษฎรทั้งชายหญิงและเด็กโดนเหยียบตายไปกว่าพันคน!


นับเป็นการเริ่มต้นรัชกาลใหม่ ที่น่าสยดสยองยิ่ง และหลอกหลอนความรู้สึก ของสมาชิกราชวงศ์ ทุกพระองค์ตลอดเวลา
สิ่งปรารถนาอันใหญ่หลวง ของพระเจ้าซาร์นั้นก็คือ เจ้าชายรัชทายาท ผู้จะเป็นประมุของค์ต่อไปของรัสเซีย แต่แล้วก็ทรงกลับไปได้แต่พระราชธิดาถึง 4 พระองค์ นับตั้งแต่ โอลก้า ทาเทียน่า มาเรีย และ อนาสตาเซีย
ซาร์และซาริน่าทรงไม่ละความพยายาม ทั้งสองพระองค์สวดอ้อนวอน ขอพรต่อเทพเจ้าให้ประทานพระโอรส และท้ายที่สุดก็สมพระทัย ในวันที่ 5 สิงหาคม 1904 พระองค์ก็ได้เจ้าชายรัชทายาท
อเล็กไซ นิโคลาวิช โรมานอฟ
หากทว่า นิโคลาสกับอเล็กซานดราก็ต้องทรงระทมทุกข์อีกครั้ง เมื่อพบว่าเจ้าชายน้อยอเล็กไซ มีพลานามัยไม่สมบูรณ์ ทรงประชวรด้วยโรคร้าย ฮีโมฟีเลีย ถ้าเป็นแผล โลหิตจะไหลไม่หยุด จนถึงอาจสิ้นพระชนม์ได้ และโรคนี้ไม่มีวิธีรักษา!
เรื่องนี้ ซาร์ทรงปิดเป็นความลับแก่โลกภายนอก ห้ามผู้หนึ่งผู้ใดเข้ามาเยือนในพระราชวัง ยกเว้นผู้สนิทสนมใกล้ชิด เพียงไม่กี่คน


ระหว่างนั้น ทั้งพระองค์และ พระราชินี ก็ทรงเสาะแสวงหา หมอเก่งๆ มารักษาพระราชบุตร ด้วยเหตุ ทั้งสององค์ทรงฝักใฝ่ ในศาสนา ตลอดจนมนตร์วิชา ลี้ลับต่างๆ การเสาะหานี้จึงได้นำมาสู่ ความหายนะ แห่งราชวงศ์โรมานอฟ
หนึ่งในผู้ที่ทรงเชื้อเชิญ ให้มารักษา เป็น บุรุษลึกลับกลับจากป่าในไซบีเรีย นาม เกรกอรี่ รัสปูติน ตอนที่อเล็กซานดรานำ เขาผู้นี้มาในวัง อเล็กไซ เจ้าชายน้อยกำลังบรรทม เจ็บปวดรวดร้าว จากอาการเลือดตกในใกล้สิ้นพระชนม์
รัสปูตินสามารถช่วยชีวิตอเล็กไซไว้ได้!
ปริศนาที่ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้คือ เขารักษาอาการขององค์รัชทายาทได้อย่างไร?
บางคนมั่นใจว่า เขาใช้วิธีสะกดจิต
บางคนแย้งว่า เป็นเพราะเหตุบังเอิญ


แต่จะอธิบายเหตุบังเอิญได้อย่างใด ในเมื่อการรักษาเยียวยานั้นเป็นไป อย่างได้ผลตลอดระยะเวลายาวนานถึง 12 ปี เรียกว่า ถ้าเจ้าชายน้อยมีแผลครั้งใด รัสปูตินก็สามารถช่วยไว้ได้ทุกครั้ง
ซาริน่าทรงเชื่อมั่นว่ารัสปูตินได้รับ พลังอำนาจพิเศษจากเทพเจ้า พระนางจึงทรงเชิญให้เขาเข้ามา พำนักอยู่ในพระราชฐานชั้นใน เพื่อดูแลถวายการรักษาอเล็กไซอย่างใกล้ชิด
และนี่เองที่ทำให้รัสปูตินได้มีโอกาส คลุกคลีกับสาวสรรพ์กำนัลในแห่งพระราชวัง จนกลายเป็นข่าวลืออื้อฉาวถึงสัมพันธ์สวาทที่เขามีต่อเหล่านางข้าหลวง ตลอดจนเจ้าหญิง และแม้กระทั่งซารีน่าอเล็กซานดราก็มิได้เว้น!
ยิ่งไปกว่านั้น รัสเซียได้เข้าร่วม ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ใน ค.ศ. 1914 พระเจ้าซาร์ทรงเห็นความสำคัญ ของศึกครั้งนี้ จึงทรงออก ร่วมในการบัญชาการ เป็นเหตุให้ต้องเหินห่างพระ ราชวัง เปิดโอกาสให้รัสปูตินได้กระทำการบัดสีต่างๆ ได้ตามอำเภอใจ
หนักขึ้น ด้วยในขณะนั้น เขาเป็นที่โปรดปรานของ ซาริน่าอย่างยิ่ง อีกทั้งพลังสายตาอันแข็งกล้าของเขา ก็ยังสยบผู้คนให้ตกอยู่ใต้ อำนาจได้อีกด้วย


นับเป็นก้าวย่างที่ราชวงศ์โรมานอฟ ถึงจุดเสื่อมสลายอย่างรวดเร็ว
ประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า
“พระราชินีทรงคิดว่า พระเจ้าได้สื่อสารกับ พระราชวงศ์โดยผ่านทางรัสปูติน เมื่อเขาพูดถึงสิ่งใด พระนางก็จะทรง ปฏิบัติตามโดยไม่รอช้า ดังนั้น เมื่อรัสปูตินแนะนำให้ตั้ง ใครดำรงตำแหน่งสูงๆ หรือขับไล่ผู้หนึ่งผู้ใดให้พ้นไปเสียจากวัง พระนางก็จะทรงทำตา มคำแนะนำของเขาทันทีเขา จึงเป็นผู้ที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งในพระราชวัง”
ความเหิมเกริมของรัสปูตินทำให้เชื้อพระ วงศ์และข้าราชบริพารกลุ่มหนึ่งไม่อาจทนต่อไปได้ โดยเฉพาะเจ้าชาย ยูสโซปอฟ ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ผู้มั่งคั่งที่สุดองค์หนึ่ง เจ้าชายจึงทรงวางแผนกับผู้ใกล้ชิด ลวงรัสปูตินให้มาเยือนวังของพระองค์ใน นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แล้วล่อให้เขาลงไปยังห้องใต้ดิน จากนั้น ก็ให้รัสปูตินดื่มไวน์ชั้นเยี่ยมที่ทรงเก็บไว้ และกินแป้งราดครีมอันโอชะ หากทว่าทั้งอาหารและไวน์นี้ได้เจือปนไซยาไนด์ เพียบ ขนาดฆ่าคนธรรมดาได้ถึงสิบคนสบายๆ
แต่รัสปูตินไม่ธรรมดา ทั้งดื่มทั้งกินสารพิษ ร้ายเข้าไปแล้วก็ยังมีทีท่าปกติ ยูสโซปอฟ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่ต้องเป็นอำนาจของปิศาจร้ายแน่ๆ ด้วยความโกรธและตกใจ เจ้าชายจึงชักปืนรีวอลเวอร์ ออกมากระหน่ำยิงรัสปูตินจนล้มคว่ำ แน่ใจว่าหนนี้นักบวชชั่วคงตายแน่นอน ยูสโซปอฟเข้าไปก้มดูร่างที่นอนนิ่งอยู่ หากทว่าร่างนั้นกลับลืมตา จ้องถมึงทึงพลางคำราม “แกไอ้บัดซบ” ยูสโซปอฟตระหนกสุดขีด แล้ววิ่งขึ้นบันไดร้องลั่น “มันไม่ตาย! มันยังมีชีวิต!”
ไม่เพียงแต่จะพยุงร่างตัวเองขึ้นได้ แต่รัสปูตินยังสามารถเดินโซซัดโซเซ ออกไปยังสนามหน้าวัง โดยมีกลุ่ม ผู้วางแผนฯ วิ่งไล่ระดมยิงตามหลัง อย่างบ้าคลั่ง แต่กระสุนปืนไม่อาจปลิดชีพ ของนักบวชผู้มีพลังจิตนี้ได้ สุดท้ายเมื่อไม่รู้จะ ทำฉันใด เหล่าเพชฌฆาต จำเป็นจึงจับร่างของรัสปูตินโยนลง ในแม่น้ำเนวาที่ไหล ผ่านนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อากาศที่หนาวจัดทำให้น้ำ บางส่วนกลายเป็นน้ำแข็ง
ยาพิษและกระสุนปืนไม่ระคายเคืองแก่รัสปูติน แต่เขาตายเพราะจมน้ำ!
ข่าวความตายอย่างหฤโหดของรัสปูตินแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักร สร้างความโศกศัลย์แก่อเล็กซานดรายั่งนัก นอกจากนี้ยังทรงหวั่นไหวอย่างยิ่ง เนื่อง จากก่อนหน้าการตายไม่ นานนัก นักบวชผู้หยาบช้าได้เขียนบันทึกสั้นๆ ถึงพระองค์ไว้ว่า “ขอให้ทรงรับรู้ว่า ถ้าหากเชื้อพระวงศ์องค์ใดทำให้หม่อมฉันตาย พระ องค์และครอบครัวจะต้องสิ้นพระชนม์ภายในสองปี จากฝีมือของประชาชนรัสเซีย” เกรกอรี รัสปูติน มีนาคม 1917 ไม่ถึง 3 เดือนหลังการตายของรัสปูติน กระแสแห่งการปฏิวัติหลั่งไหลเข้ามาสู่นครหลวงของรัสเซีย ขบวนชาวนาและคนงานอุตสาหกรรมแห่กันเข้ามาถวายฎีกาปรับปรุงระบบการบริหารประเทศ แต่องครักษ์วังหลวงกลับต่อต้านด้วยอาวุธปืน ความจลาจลวุ่นวายบังเกิดขึ้น และผลสุดท้ายซาร์ก็จำต้องสละราชบัลลังก์ พระองค์และเชื้อพระวงศ์ถูกควบคุมตัวอย่างแข็งแรง และถูกนำไปกักขังไว้ ณ ไซบีเรียอันห่างไกลและกันดาร
โดยซารีน่าและเจ้าหญิงทั้ง สี่องค์ได้แอบซ่อนทองและ อัญมณีเอาไว้ในพระภูษาเป็นอันมาก หากทว่าไม่รอดพ้นมือ ของทหารปฏิวัติซึ่งขี้เมาและกักขฬะ
นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่าเจ้าหญิงผู้งดงาม ไร้เดียงสาบริสุทธิ์ทั้ง 4 องค์ ก็ไม่รอดพ้นการย่ำยีทางเพศ จากทหารเหล่านี้เช่นกัน!


นับเป็นชะตากรรมที่พลิกผันชีวิตอันสูงส่ง ลงมาต่ำสุดอย่างน่าสมเพชยิ่งนัก
เมษายน 1918 ครอบครัวราชวงศ์ โรมานอฟ ถูกนำไปไว้ในบ้านหลังหนึ่ง แถบภูเขาอูรัล ถึงตอนนี้พระเจ้าซาร์ก็ทรง ได้แต่ฝากความหวังไว้กับพระเจ้า และไม่ได้ตระหนัก รู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับ พระองค์ อีก บันทึกสุดท้ายของพระองค์คือ
“อากาศอบอุ่นและสบาย ไม่มีข่าวใดจากภายนอก”
ยามดึกของคืนวันที่ 16 กรกฎาคม 1918 ครอบครัวโรมานอฟกับบริพาร และแพทย์ผู้ดูแล รักษา ทั้งหมดถูกปลุกขึ้นและนำตัวลงไปยังห้องใต้ดิน ต่อหน้ากลุ่มนักโทษสูงศักดิ์ นายทหารผู้ควบคุมได้อ่านประกาศ
“ด้วยเหตุที่วงศาคณาญาติของท่านดำเนินการโจมตีโซเวียตรัสเซีย คณะกรรมการบริหารแห่งอูรัล จึงตัดสินประหารท่าน”
แถวทหารเพชฌฆาต 12 นาย ประทับปืนขึ้นยิงกราดยังกลุ่มนักโทษ พวกเขาร่วงผล็อยราวใบไม้
ยูรอฟสกี้ ผู้ควบคุมการประหารก้าวเดินสำรวจ เจ้าชายน้อยอเล็กไซยังไม่สิ้นพระชนม์ ยูรอฟสกี้ ยกปืนพกขึ้นยิงองค์รัชทายาท 2-3 นัด ก็เป็นอันปิดฉากราชวงศ์โรมานอฟ
คำสาปของนักบวชอลัชชีผู้ทรงอำนาจจิตแรงกล้านั้น ได้สร้างความวิบัติแก่ราชวงศ์โรมานอฟอย่างน่าเศร้า และสยดสยองยิ่ง


ที่มา

ต่วย'ตูน
และ ไอแสค อาศิระ

//www.thairath.co.th/thairath1/2547/column/special/sep/19_9_47.php





 

Create Date : 20 พฤษภาคม 2548   
Last Update : 9 มีนาคม 2549 18:33:07 น.   
Counter : 262 Pageviews.  


คุยกับชัยคุปต์ l มนุษย์ต่างดาวและ UFO มีจริงหรือไม่?

นักวิทยาศาสตร์ทราบอย่างแน่ชัดหรือยังว่าจักรวาลมีกำเนิดมาอย่างไร? เพราะเหตุใด?
ถึงวันนี้ นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า จักรวาลมีกำเนิดมาจากการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่หรือ Big Bang เมื่อประมาณหนึ่งหมื่นสี่พันล้านปีมาแล้ว แต่ยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่า การระเบิดหรือ Big Bang นั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร กลไกหรือกระบวนการเป็นอย่างไร วัตถุหรือองค์ประกอบของสิ่งที่ประกอบเป็นจักรวาลขณะกำลังเกิด Big Bang นั้น คืออะไร เป็นสสารแบบไหน ชนิดไหน หรือพลังงานแบบไหน
สาเหตุใหญ่ที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายกระบวนการหรือกลไกของการเกิด Big Bang ก็เพราะยังไม่มีทฤษฎีที่อธิบายกำเนิดจักรวาลแบบ Big Bang ได้อย่างที่ยอมรับกันโดยวงการวิทยาศาสตร์ทั่วโลก




ถ้านักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่า จักรวาลมีกำเนิดมาอย่างไร จะต้องทำหรือรออะไรกันอยู่?
คำตอบตรงๆ คือ นักวิทยาศาสตร์กำลังพยายาม (และรอ) ทฤษฎีดีที่สุดที่อธิบายกำเนิดของจักรวาลได้อย่างเป็นที่ยอมรับกันมากที่สุด และชัดเจนที่สุด ซึ่งแนวทางหนึ่งที่วงการวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการกันอยู่คือ พยายามรวมทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคทั่วไปกับทฤษฎีควอนตัมเข้าด้วยกันให้ได้ เพราะลำพังทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคทั่วไปให้แนวทางความเป็นไปได้มากที่สุดว่า จักรวาลน่าจะมีกำเนิดจาก Big Bang แต่ตัวทฤษฎีสัมพัทธภาพภาคทั่วไป ก็อธิบายกระบวนการหรือกลไก ขณะเวลาของการเกิด Big Bang ไม่ได้

ถ้าจักรวาลมีกำเนิดเกิดขึ้นมาได้ แล้วจักรวาลจะดับสิ้นได้หรือไม่?
จักรวาลก็เหมือนกับทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในจักรวาลเอง ที่ล้วนแต่มีเกิดและมีตาย ไม่มีอะไรจะอยู่ยืนยงได้ตลอดไป จักรวาลเองในที่สุดแล้วก็เหมือนกับสรรพสิ่ง ที่จะต้องตายเช่นกัน นี่คือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์บอกได้อย่างมั่นใจ...
แต่สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถจะบอกได้อย่างแน่ชัดในขณะนี้ คือ แล้วจักรวาลจะตายอย่างไร
อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์ในขณะนี้ บอกได้ว่า ความตายของจักรวาล จะเป็นได้อย่างใดอย่างหนึ่ง ในสองอย่าง คือ หนึ่ง จักรวาลจะขยายตัวต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่มีสิ้นสุด จนกระทั่งในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลก็จะเสื่อมสลายไปตามธรรมชาติ และไม่มีอะไรในจักรวาลเหลืออยู่ที่เป็นสสารธาตุเลย...
หรือ สอง จักรวาลที่กำลังขยายตัวอยู่ในขณะนี้ วันหนึ่งในอนาคต จักรวาลจะหยุดขยายตัวแล้วก็เริ่มหดตัวใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลจะเคลื่อนที่เข้าหาจุดศูนย์กลางร่วมกันของจักรวาล จนกระทั่งเข้าไปรวมกันเป็นจุดเดียวกัน เป็นวาระสุดท้ายของจักรวาลที่ร้อนแรงและมีความหนาแน่นสูงอย่างที่สุด และเป็นไปได้ว่า จะเกิดการระเบิดแบบ Big Bang อีกครั้งหนึ่ง เป็นการเริ่มต้นวัฏจักรชีวิตของจักรวาลใหม่อีกครั้งหนึ่ง
สภาพการตายของจักรวาลอย่างแรกเป็นการตายอย่างสงบ และเป็นการตายอย่างถาวร นั่นคือ ถ้าจักรวาลมีวาระสุดท้ายเป็นอย่างแรกนี้ ก็จะเป็นการตายแบบตายแล้วตายเลย ไม่มีโอกาสเกิดใหม่ และเป็นวาระสุดท้ายของจักรวาลแบบมีชื่อเรียกว่า จักรวาลแบบเปิด (Open Universe)
แต่สภาพการตายของจักรวาลอย่างที่สองเป็นการตายอย่างรุนแรง ทว่า ก็เป็นการตายแบบมีโอกาสเกิดใหม่ และเป็นวาระสุดท้ายของจักรวาลแบบมีชื่อเรียกว่า จักรวาลแบบปิด (Closed Universe)




มนุษย์ต่างดาวและ UFO มีจริงหรือไม่?
ในอดีต สำหรับวงการวิทยาศาสตร์แล้ว เรื่องมนุษย์ต่างดาว ถือเป็นเรื่องที่มีจริงเฉพาะในจินตนาการคือ ในนิยายวิทยาศาสตร์ แต่มาปัจจุบันนี้ คำตอบสั้นๆ ตรงๆ คือ เรา...มนุษย์โลก...น่าจะมิได้อยู่เพียงลำพังในจักรวาล นั่นคือ ในอวกาศและจักรวาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บนดาวเคราะห์ของระบบสุริยะอื่นๆ ที่มีอยู่มากมาย เป็นไปได้อย่างยิ่งว่า มีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดเกิดขึ้นได้ แต่จะพัฒนาถึงระดับเป็นชีวิตทรงปัญญาเรียกว่า มนุษย์หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบกับสภาพของสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์โลกของเรา ก็เป็นไปได้มากว่า น่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่ได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นมาก่อนมนุษย์บนดาวเคราะห์โลก และจึงน่าจะพัฒนา คือมีระดับปัญญาสูงกว่ามนุษย์โลกเสียอีก ซึ่งหมายความว่า ในจักรวาล น่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญาถึงขั้นเรียกเป็นมนุษย์โลกได้อยู่มากทีเดียว ทั้งนี้เพราะว่า ดาวเคราะห์โลก มีกำเนิดมาเพียงประมาณสี่พันหกร้อยล้านปี ในขณะที่จักรวาลมีกำเนิดมาเมื่อหนึ่งหมื่นสี่พันล้านปีมาแล้ว จึงต้องมีดาวเคราะห์ของระบบสุริยะอื่นๆ เป็นจำนวนมากทีเดียว ที่เกิดก่อนดาวเคราะห์โลกมาก สิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์เหล่านั้น ก็จะต้องเกิดก่อนมนุษย์โลกเป็นเวลานาน อาจเป็นหลายพันล้านปี และชีวิตทางปัญญาบนดาวเคราะห์เหล่านั้นก็น่าจะพัฒนาทางปัญญามากกว่ามนุษย์โลกเป็นอย่างมาก
สรุปแล้ว มนุษย์ต่างดาวมีแนวโน้มว่า จะมีอยู่จริง แต่โอกาสที่มนุษย์ต่างดาวจะมีรูปร่างหน้าตาและองค์ประกอบของร่างกายหรือชีวิตมนุษย์ต่างดาวที่เหมือนกับมนุษย์โลกนั้น มีอยู่น้อยมาก หรือจะกล่าวว่า ไม่มีโอกาสเหมือนมนุษย์โลกเลย ก็ได้
สำหรับเรื่อง UFO ซึ่งมักจะถูกผูกโยงเป็นเรื่องเดียวกันกับเรื่องของมนุษย์ต่างดาวนั้น จริงๆ แล้ว ก็แยกศึกษาจากเรื่องของมนุษย์ต่างดาวได้
โดยภาพรวม ปรากฏการณ์เรื่อง UFO หรือสิ่งบินลึกลับ เป็นปรากฏการณ์ที่มีอยู่จริง มีรายงานการพบเห็น UFO เป็นจำนวนมากมายทั่วโลกจริง รวมทั้งในประเทศไทยด้วย แต่ในบรรดารายงานเรื่อง UFO เป็นจำนวนหลายหมื่นรายงานทั่วโลก เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียด อย่างเป็นหลักเป็นฐานแล้ว ส่วนใหญ่ คือประมาณ 85% มิใช่สิ่งบินลึกลับแต่อย่างใด หากอธิบายได้ว่า เป็นปรากฏ-การณ์ธรรมชาติ หรือเป็นปรากฏการณ์เกี่ยวกับเรื่องภาพลวงตา เป็นแสงจากเครื่องบิน หรือเฮลิคอปเตอร์ หรือบัลลูน หรือยานทดลองของบางประเทศ หรือเป็นดาวศุกร์ รวมทั้งเป็นเรื่องของการสร้างฉากสร้างเรื่องขึ้นมาหลอกลวงอย่างตั้งใจ เช่น ใช้หมวกร่อนไปในอากาศ แล้วถ่ายภาพ หรือสร้างยานบินรูปร่างแปลกๆ หลอกๆ แล้วถ่ายภาพ
อย่างไรก็ตาม ก็มีรายงานเกี่ยวกับ UFO อีกประมาณ 15% ที่น่าสนใจ ที่ยังอธิบายไม่ได้ และ UFO เหล่านี้ เป็น UFO จริงๆ คือ ภาพหรือสิ่งบินลึกลับจริงๆ จนกว่าจะได้รับการพิสูจน์ว่าเป็น UFO ต่อไปอยู่อีก หรือเปลี่ยนเป็น IFO (Identified Flying Object = สิ่งบินไม่ลึกลับ) ไปแล้ว


เครดิต //update.se-ed.com/190/chaiyakupt.htm




 

Create Date : 17 พฤษภาคม 2548   
Last Update : 9 มีนาคม 2549 18:33:40 น.   
Counter : 480 Pageviews.  


ความลี้ลับของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา

สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาเป็นอาณาบริเวณส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอ็ตแลนติคภาคตะวันตก พื้นที่ทั้งหมดเริ่มจาก ตอนหนือของเบอร์มิวดาไปถึงตอนใต้ของรัฐฟลอริดาและจากฟลอริดามุ่งตรงไปทางตะวันออกทำมุมสี่สิบองศากับเส้นรุ้ง ผ่านบาฮามัสและเปอร์โตริโก จากนั้นก็ย้อนเฉียงกลับไปสู่ทางใต้ตอนเหนือของเบอร์มิวดาอีกซึ่งทำให้อาณาบริเวณแห่งนี้ กลายเป็นรูปสามเหลี่ยมและอาณาบริเวณรูปสามเหลี่ยมแห่งนี้เองที่เป็นแหล่งกำเนิด ปรากฏการณ์ อันลี้ลับ มหัศจรรย์ขึ้น ในยุคอวกาศของชาวเราในปัจจุบัน เป็นสิ่งลึกลับและเหลือเชื่อหากจะบอก ท่านว่า เริ่มตั้งแต่หลังสงครามโลก ครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1945 มาจนถึงปัจจุบัน เครื่องบินจำนวนกว่า 100 เครื่องและเรือ เดินสมุทร จำนวนอีกมากหลายได้ หายไปในบรรยากาศ และพื้นทะเลของ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้ โดยไม่มีร่องรอย ชีวิตมนุษย์จำนวนพัน ในระยะเวลา กว่า 20 ปีที่ผ่านมา ได้หายไปพร้อมกับ พาหนะโดยไม่มีซากศพ แม้แต่รายเดียว หรือเศษชิ้นส่วนใด ๆ ของเรือ หรือ เครื่องบินที่หายไปเหลือให้เห็น การหายสาบสูญของเรือ เครื่องบิน และชีวิตมนุษย์ ในบริเวณดินแดนสามเหลี่ยม- เบอร์มิวดา ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป และมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่ชาติต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการสูญเสียเหล่านี้ ต่างก็พยายามดำเนินการค้นคว้า หาสาเหตุ แห่งปรากฏการณ์อันประหลาดและลึกลับนี้อย่างเร่งด่วน แต่ก็ไม่มีใคร สามารถบอกสาเหตุ และหาทางป้องกัน จากภัยที่เกิดขึ้นในบริเวณท้องทะเลแห่งนี้ได้ไม่



เครื่องบินที่หายไปเหนือพื้นทะเลแห่งนี้ส่วนมากก่อนที่จะหายการติดต่อกับฐานปฏิบัติการณ์ หรือสถานีปลายทาง เป็นไปอย่างปกติ และสภาพของบรรยากาศ และทัศนะวิสัย ก็สงบและ แจ่มใสดี ไม่มีวี่แววของพายุร้ายใด ๆ แต่แล้ว เมื่อถึงบทจะหายเครื่องบินเหล่านั้นก็จะหายไป อย่างฉับพลันโดยไม่มีร่องรอย ซึ่งนักบินก็ไม่มีโอกาสที่จะแจ้งข่าวทาง วิทยุให้หน่วยควบคุม การบินทราบได้ แต่ ก็มีเป็นจำนวนมากเหมือนกัน ก่อนที่เครื่องบินจะหายสาบสูญ นักบิน มีเวลา พอที่จะแจ้งข่าวผิดปกติ มายังฐานปฏิบัติการได้ ซึ่งทุกรายต่างก็แจ้งตรงกันทั้งหมดว่า ไม่สามารถควบคุมกลไกต่าง ๆ ให้ดำเนินไปตามปกติได้ เข็มทิศประจำเครื่องจะหมุน ปั่น จะไม่สามารถบอกทิศทางได้ ท้องฟ้าจะกลายเป็นสีเหลือง และมองดูคล้ายหมอกหนาทีบ ทั้ง ๆ ที่เป็นวันที่บรรยากาศแจ่มใส และแดดส่องจ้ามาก่อน และท้องทะเลซึ่งเงียบสงบ กลับปั่นป่วน ขึ้นมาโดยไม่อาจจะทราบสาเหตุได้

อุบัติการณ์ ลึกลับที่ไม่อาจให้คำอธิบายได้ เกี่ยวกับการสาบสูญของเรือเดินสมุทร และ เครื่องบินเป็นจำนวนมาก ในดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดายังคงเกิดขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ได้ขาด จนกระทั่งในปัจจุบัน ทุกครั้งที่ได้รับรายงานการ สูญหาย หน่วยยามฝั่งที่ เจ็ด ของกองทัพเรือสหรัฐ จะทำการค้นหาร่องรอยอย่างละเอียดละออ แต่ก็ประสบความ ล้มเหลว ที่จะพบพยานหลักฐาน ซึ่งจะนำไปสู่การไขปัญหาลึกลับนี้ได้ทุกครั้ง และในที่สุด กองทัพเรือสหรัฐ ก็ได้เก็บเรื่องเหล่านี ้ไว้เป็นความลับ ไม่ยอมเปิดเผยหรือให้คำวิจารณ์ใด ๆ แก่ประชาชน ที่อยากรู้อยากเห็นว่า อุบัติการณ์ ลึกลับเหล่านั้น เกี่ยวข้องกับความอาถรรพ์ของดินแดนแห่งสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาหรือไม่ แต่ทั้ง ๆ ที่กองทัพเรือสหรัฐพยายามจะปกปิด เรื่อราวเหล่านี้ไว้ ประชาชนทั่วไปก็เริ่มรู้ระแคะระคาย ต่าง ๆ และเชื่อว่า จะต้องมี แรงอาถรรพ์ หรือพลังอำนาจอันลึกลับ อย่างหนึ่งอย่างใด ภายในบริเวณ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาอย่างแน่นอน และยิ่งปรากฏว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีข่าวรายงานว่า มี นักบิน และนักเดินเรือบางคนได้รอดชีวิตมาจากปรากฏการณ์สยองขวัญ ในดินแดนของ สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา จึงทำให้ เกิดการฮือ ฮากันใหญ่ในขณะนี้ แต่อย่างไรก็ดี จวบจน กระทั่งบัดนี้หาได้มีผู้ใด ที่สามารถให้คำอธิบายแจ่มชัด เกี่ยวแก่ความลึกลับและ ความอาถรรพ์ของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาได้ไม่ และการสาบสูญ ก็ยังคงปรากฏอยู่ต่อไป โดยไม่มีทางป้องกันหรือขัดขวางได้

มีผู้ให้ความคิดเห็นและคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป บ้างก ็ว่าเนื่องมา จากความปั่นป่วน ของท้องน้ำ ที่เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใด จากแผ่นดินไหว ใต้มหาสมุทร หรือเกิดจากอุกาบาตเป็นจำนวนมากในบริเวณนั้น ได้พุงเข้าชนเครื่องบิน และทำให้เกิดระเบิดขึ้นมา รังควานเป็นครั้งเป็นคราว สำหรับนักวิทยาศาสตร์ ให้คำอธิบาย ที่อาจ เป็นไปได้ว่า เครื่องบินและเรือเหล่านั้น ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปยังอีกมิติหนึ่ง ด้วย การกระทำของสิ่งมีชีวิตที่มีปัญญาสูง เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง อีก ทฤษฏีหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์ได้ให้เหตุผลว่า เครื่องบินอาจพุ่งดิ่งลงสู่ทะเล เพราะแรงดึงดูด ของ สนามแม่เหล็ก ไฟฟ้าหรือแรงโน้มถ่วงของโลก ที่เกิดจากฝีมือการกระทำของสิ่งมีชีวิต ที่มีปัญญาสูง เมื่อเครืองบิน นั้นร่อนลงสู่พื้นน้ำนักบินและลูกเรือก็จะถูกจับตัวโดย มนุษย์จากจานบิน (UFO) ที่ถูกควบคุมโดยมนุษย์อีกพวกหนึ่ง ที่ไม่คุ้นเคยกับชาวโลก ซึ่งอาจจะเป็นมนุษย์ที่เหลือรอดมีชีวิต สืบต่อกันมาจากสงครามนิวเคลียร์มหาประลัย ที่เกิดขึ้น ในกาลก่อน หรือเป็นมนุษย์จากอวกาศนอกโลก หรือมนุษย์ในอนาคต ที่ต้องการ รวบรวมตัวอย่างการดำรงชีวิตของ ชาวโลก เพื่อการศึกษาค้นคว้า หรือป้องกันภัย ที่จะเกิด จากอาวุธนิวเคลียร์ ในอนาคตอย่างใดอย่างหนึ่ง

มีอยู่หลายกรณีเกี่ยวกับการสืบสวนความลึกลับของเรื่องนี้ ที่เจ้าหน้าที่มุ่งตรงใน ประเด็นซึ่งเกี่ยวกับท้องทะเล โดยเฉพาะเพราะแม้ว่า เราจะอยู่ในสมัยที่กำลังก้าวเข้าสู่ อวกาศก็ตาม แต่ความลึกลับของท้องทะเล ยังคงเป็นสิ่งมืดมน สำหรับพวกชาวโลกอยู่ ก่อน อื่นเราจะต้องรับความจริงที่ว่า 3 ใน 5 ส่วนของพื้นใต้มหาสมุทร เรายังรู้จักกันน้อยกว่า ปล่องภูเขาไฟในดวงจันทร์ หรือพื้นราบบนดาวอังคารเสียอีก เรามีแต่แผนที่ทางทะเล ที่เขียนขึ้นอย่างหยาบ ๆ จากการ สำรวจโดยใช้เสียงสะท้อนของโซน่า ใช้เครื่องดำน้ำลึก หรือเรือดำน้ำที่มีเขตจำกัดสำรวจได้เฉพาะพื้นน้ำที่ไม่ลึกนัก เท่านั้น และความประสงค์ ส่วนใหญ่ จะมุ่งเฉพาะการค้นหาแหล่งน้ำมัน และทรัพยากรธรรมชาติเท่านั้นเอง เรายัง ไม่อาจจะทราบได้ว่า ในส่วนก้นบึ้งที่ลึกที่สุด มีอะไรที่จะสร้างความประหลาดใจ อย่างใหญ่หลวงให้แก่พวกเราบ้าง พื้นทะเลลึกและหุบเหวใต้ท้องทะเล อาจจะเป็นที่อาศัย ของสิ่งมีชีวิตที่มีมันสมองและฉลาดเกินกว่าเราจะคาดคิด ก็เป็นได้

ความลึกลับมหัศจรรย์ ใต้ท้องทะเล หาได้หยุดยั้งเพียงเท่าที่กล่าวมาแล้วไม่ นิยายปรัมปรา เล่าลือสืบต่อเนื่องกันมา เกี่ยวกับพิภพ และสัตว์ประหลาดใต้ท้องทะเล โดย ไม่มีวันจบสิ้น และยิ่งการค้นพบหลักฐานซากเมืองโบราณ ใต้พื้นน้ำ ลึกเป็นพัน ๆ ฟุต ในหลายส่วนของพื้นมหาสมุทรทั่วโลก ยิ่งทำให้เรื่องพิลึกกึกกือได้รับความสนใจจาก ความอยากรู้ อยากเห็นของชาวโลกยิ่งขึ้น เราเคยทราบวัฒนธรรม และความรุ่งโรจน์ ของ ชาวเมืองแอตแลนติส โบราณจากบันทึกของ มหาปราชญ์เพลโตเมื่อสองพันกว่าปีมาแล้ว ปัจจุบันนักโบราณคดีและนักภูมิศาสตร์ ต่างเชื่อมั่นว่าอาณาจักรแอตแลนติก อันเคยรุ่งเรือง ด้วยอารยธรรมมาก่อนนั้นมีจริง ขณะนี้เมืองทั้งเมืองได้จมหายอยู่ใต้พื้นมหาสมุทร แอตแลนติคที่ใดที่หนึ่ง

อีกสิ่งหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจให้แก่โคลัมบัสเมื่อห้าร้อยปีก่อน คือส่วนหนึ่งของ กระแสน้ำอุ่น กัลฟ์ตรีม ที่เรียกกันว่าสายน้ำขาว พื้นน้ำบริเวณนี้จะมองเห็นสุกใส ด้วย แสงเรืองเป็นทางยาว ระยะทางเป็นไมล์ ๆ ใกล้ ๆ กับ บาฮามัส ซึ่งในปัจจุบันแสงเรือง บนพื้นน้ำเหล่านี้ก็ยังคงปรากฏอยู่การตรวจสอบของนักวิทยาศาสตร์ ก็ยังไม่ทราบแน่ชัด ว่าเกิดการเรืองแสงของจุลินทรีย์ในน้ำที่ถูกฝูงปลารบกวนหรือเป็นแสงเรืองที่เกิดจาก กัมมันตภาพรังสี หรืออาจเป็น การเคลื่อนไหวของสัตว์ประหลาดขนาดมหึมาใต้ท้องทะเลกันแน่ และยิ่งกว่านั้น มีเหตุผลพอจะทำให้เชื่อได้ว่า พื้นที่ใต้มหาสมุทรแถวนั้นอาจเป็นที่ตั้งฐาน ใต้น้ำ ของชาวนอกโลก ที่มาศึกษาชีวิตความเป็นไปในโลกของเราก็ได้ และแสงเรือง ที่เกิดขึ้น อาจเป็นสัญญาณให้ยานอวกาศของพวกเขาทราบตำแหน่งที่ตั้งและมองเห็นได้ ชัดเจน ก่อนที่ยานอวกาศจะเข้าสู่บรรยากาศโลก เหตุผลต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ท่านอย่าเพิ่ง เชื่อปักใจ ไปกับอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะตราบใดที่เรายังไม่อาจพิสูจน์ได้แน่ชัด ปรากฏการณ์ประหลากชองสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาก็ยังเป็นเรื่องลึกลับ ที่มืดมนสำหรับเราอยู่

ที่มา ที่ไป //www.geocities.com/p_knun/bermuda2.htm




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2548   
Last Update : 9 มีนาคม 2549 18:33:24 น.   
Counter : 278 Pageviews.  


ALL GUNDAM, 80GB, และน้ำประปา

ALL GUNDAM



ตอนนี้กำลังจัดทำ Web Site All Gundam อยู่ครับ ตอนนี้เตรียมการไปได้นิดหน่อยแล้ว คงจะเปิด
ตัวปลายเดือน มีนาคม ตอนนี้ออกแบบมาคร่าวๆแล้วแต่ยังไม่ลงตัวเท่าไร ต้องปรับปรุงอีกเยอะ เพื่อนๆ
คนใหนมีข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับ Gundam ก้อบอกได้นะคร้าบ เด๋วมีเครดิตให้เน้อ หลังจากจัดทำเวบแล้ว
จะมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกัน คอยติดตามกันต่อไปนะค้าบบบเพื่อนๆๆ







80 GB

เอาโน้ตบุคไปเปลี่ยน Hdd มาแล้วครับ เฮ้อสบายใจมีเครื่องใช้แล้วเรา
80 GB ของเวสเทิรนดิจิตอล ราคา ณพันทิป อยู่ที่ 6,900 บาทครับ รัปประกัน 3 ปี
โดย Synnex

น้ำประปา

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ผมไปยื่นเรื่องขอน้ำประปาที่บ้านที่อยู่อยุธยา ด้วยความไม่เคยไปทำ
เลยเกิดอาการสะเหร่อเล็กน้อย พองามตา
สรุปเสียค่าใช้จ่ายไปอีก 3,270 บาท ขากลับนั้งรถ
ต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพมาลงแถว ลาดพร้าว
แล้วขากลับบ้าน มองไปที่มือ อะ นี้มันถุงกันดั้มนี้ โอ้นี้เราไปซื้อ

SD Strike Gundam Striker Weapon System

มาตอนใหนเนี้ยะ งงเลย

ปล ผมเอา กันดั้มตัวที่ไม่มีแขนกับขาไปเปลี่ยนแล้วเขารับของไว้
แล้วบอกว่า ให้มาเอาวันพุทธ เด๋วรอของเข้าก่อน
โอ้ ใจชื้นไป อุอุ ไม่แห้วแล้วเรา


อุอุ ลัลล้า......


คิดถึงทุกคนนะครับ




 

Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2548   
Last Update : 9 มีนาคม 2549 18:38:21 น.   
Counter : 231 Pageviews.  



Jabavox
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นายหวาย ไอ้หวาย พี่หวาย แล้วแต่จะเรียก เรียกหวายเฉยๆก้อได้ครับ ผมชอบ


ทักทายกันหน่อย



[Add Jabavox's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com