กรรมกรคอมพิวเตอร์ ( นายหวาย )
 
 

Phase 04 “ แปลกใจ “

Phase 04 “ แปลกใจ “



พลอยนภา จิตใจไม่อยู่กับตัว พลางคิดไปต่างๆนานา ในระหว่างทางที่เดินตาม มิสเตอร์ ซอฟท์ ไปเรื่อยๆในใจคิดถึงแต่สามีอันเป็นที่รักไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นร้ายดีอย่างไร ยิ่งบอกว่าหาตัวไม่พบยิ่งทำให้ความคิดของเธอแตกกระเจิงไปไกลอีก ถึงแม้เท้าจะก้าวเดินไปแต่เธอไม่มีจิตใจคิดถึงสิ่งรอบตัวเลย เธอกำลังตกในความคิดต่างๆมากมาย ….


”ถึงแล้วครับ คุณพลอยนภา”

เธอสะดุ้ง โดนปลุกจากความคิดใดๆ เริ่มหันมองรอบตัว ตอนนี้เธอมายืนอยู่ที่หน้าห้องๆหนึ่ง มีประตูสลักไม้ลายสวยงาม มิสเตอร์ซอฟ์ ยืนอยู่หน้าประตูพลาง อื้มมือไปจับที่ลูกบิดประตูรูปร่างประหลาด เขากำลังจับมันโยกขึ้น แล้วประตูก้อเปิดออก มิสเตอร์ซอฟ์ บอกเธอให้เธอเข้าไปโดยที่ มิสเตอร์ซอฟ์ นำเขาไปก่อน พลอยนภาเดินเข้ามาถึงในห้อง เธอหยุดอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง มิสเตอร์ซอฟ์ เดินไปนั้งที่โต๊ะทำงานของเขา พลางบอกให้เธอนั้งลง




บรรยากาศ ตอนบ่ายในป่านี้มันช่างดีจริงๆ ผมเดินไปตามทางด่านของสัตว์ ตรงมุ่งหน้าไปตามที่แผนที่ใน PDA บอก ผมมักจะรอบคอบโดยเสมอ ผมจัดการวาดแผนที่อย่างคร่าวๆ ลงบนกระดาษที่ค้นเจอในตัวขอเจ้าหน้าที่คนนั้น เขียนมันและ ทำการสั้ง PDA ให้อยู่ในสภาวะ safe mode เพื่อประหยัดพลังงาน แต่ก็ไม่กล้าปิดเครื่องเพราะคิดว่าอาจจะมีการติดต่อกลับมาทาง PDA นี้บ้าง แดดในยามบ่าย โลมเลียลอดผ่านใบไม้มากระทบบนบ่า ผมเดินไปเรื่อยๆ ตามแผนที ตรงใหนที่ไม่แน่ใจก็จะเปิด PDA ขึ้นมาตรวจสอบ ดูจากกแผนที่แล้วคาดว่าเดินมาได้จนเลยครึ่งทางมาแล้ว ในใจคิดว่าอีกไม่นานจะถึงที่หมายแล้วแค่คิดเท้ามันก้อมีแรงขับดันทำให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง

ทันใดนั้นเอง วิทยุที่เงียบมานาน จู่ๆมันก็ดังขี้น


” ซีโร่ วัน จาก ซีโร่ เซเว่น ว 2 เปลี่ยน ซีโร่ วัน จาก ซีโร่ เซเว่น ว 2 เปลี่ยน”

“ตอบๆ ซีโร่เซเว่น ขณะนี้ ท่านอยู่ที่ใด “
”ตอนนี้ ว1 ป้อมปืนด้านขวาของฐาน ขณะนี้ขาดกระสุนปืน ไกล้จะยันไม่อยู่แล้ว “
” รับทราบทางเราจะรีบรุดจัดส่งกระสุนไปให้ท่านทาง เฮลิคอปเตอร์ทันที เลิกกันขอให้โชคดี”

เสียงขาดหายไปแค่ช่วงนี้ พร้อมกับความสงสัยที่เอ้อล้นในใจของผม

”มันเป็นอะไรกันอีกล่ะเนี้ยะ บ้าจริง”

สู้กับอะไรอยู่ เกิดอะไรขึ้น มีใครโจมตีฐานอยู่ สถานการณ์แบบนี้ถ้าผมทะเล่อทะล่าเข้าไปอาจตายได้โดยไม่รู้ตัวแต่กระนั้นความสงสัยในใจก้อมิอาจขวางกั้นผมได้ ผมยังเดินต่อไปแต่เพิ่มความระมัดระวังร่างกายที่ปวดไปหมดเมือตอนเข้านั้นหายไปเป็นปลิดทิ้ง มีแต่ความอยากรู้ผมจำเป็นต้องเปิด PDA ขึ้นมาใหม่เพื่อตรวจสอบรอบๆบริเวณฐาน หาทางนี้ทีไล่เกิดอะไรขึ้นจะได้หลบทัน

ปังๆๆๆ ปังๆๆๆๆ ปังๆๆๆ

สะ เสียงปืน ผมได้ยินเสียงมันอย่างชัดเจนแม้จะได้ยินไกลๆก้อตาม ผมเดินอย่างระวังตัวหันซ้ายแลขวา ถึงแม้ผมจะไม่ใช่ทหาร แต่ผมเองก้อเคยเรียน ร.ด. บ้างย่อมที่จะพอรู้ถึงการเอาตัวรอดแม้มันจะลืมๆไปบ้างก้อเหอะ

ผมเดินไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรที่ผิดปกตินอกจากเสียงปืนที่ดังอย่างต่อเนื่องเสียงมันแหวกอากาศ เสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ผมใช้วิทยุเรียกไปยังฐาน สองถึงสามครั้งกระนั้นก้อยังไม่มีใครตอบมา ผมเรียกไปเรื่อยทุกย่างก้าว ระวังตัวเองแล้วความพยายามของผมก้อสำเร็จมีเสียงตอบกลับมาในการเรียกครั้งที่เท่าไรก้อไม่รู้ได

“ทราบแล้ว ท่านเป็นใครโปรดแจ้งชื่อ รหัสและหน่วยงานของท่านมา “

ผมดีใจจนเนื้อเต้น รีบตอบไปทันควัน

“ผมเป็นนักวิจัยของสถาบัน ธรณีวิทยา ประสบอุบัติเหตุ จึงเดินทางมาทีนี้ไม่มีเวลาอธิบายขอเข้าไปข้างในหน่อยได้ไหม “

เงียบไปนานจึงมีเสียงลอดมาจากลำโพง

”เราคงให้คุณเข้ามาไม่ได้ตอนนี้ที่นี้อันตรายมาก ขอให้คุณหลบไปเสียถอนตัวออกจากที่นี้ ไปเดียวนี้

“ให้ผมเข้าไปเถอะผมาอาจช่วยอะไรพวกคุณได้ ให้ผมไปตอนนี้ผมก้อไม่รู้จะไปใหน ให้ผมเข้าไปเถอะ”

”บ้าเอ้ยพูดไม่รู้เรื่อง ก้อได้ เดินเลาะฐานมาทางด้านซ้ายจากหน้าประตู ท่านจะเห็นป้อมปืน ไต้ป้อมปืนจะมีประตูเหล็กอยู่มาทางนั้นและซุ่มรอเราจะออกไปรับ แล้วจะติดต่อทาง วิทยุอีกที โชคดีรีบไป หวังว่าท่านจะปลอดภัยและเราคงได้เจอกัน ไม่ต้องตอบมาแล้วเรียบมุ่งหน้าไปโดยเร็ว”

เออเอาซิว่ะให้มันได้อย่างนี้ เอาเป็นไงเป็นกัน ไปตามที่มันบอกก่อนแล้วเดียวเจอหน้าแล้วค่อยว่ากันอีกที แต่คำพูดแปลกๆช่วงท้ายนี้ฟังยังไงมันก้อแปลกๆอยู่ดี

ผมเดินมาตามทางด่านในขณะที่เสียงปืนยังดังอยู่ ผมเดินหางจากตัวกำแพงพลางแหงนหน้ามองหาป้อมปืน และสังเกตรอบๆตัวเองที่ตรงนี้ช่างรกทึบต้นไม้ขึ้นกันหนาแน่นเหมือนกำแพง ในมี่สุดผมก้อเจอป้อมปืนแล้ว และกำลังเดินไปทางนั้น ยังไม่ทันจะถึงดี วิทยุก้อดังขึ้น

” มาถึงหรือยังครับ ตอบด้วย “

ผมรีบขว้าวิทธยุออกมาพร้อมพูดกรอกลงไปอย่างเร็วปรือ

”ถึงแล้วครับ ตอนนี้อยู้หน้าป้อม “

” ok เราเห็นคุณแล้ว เดียวเราจะเปิดประตูวิ่งเข้ามาให้เร็วย้ำ วิ่งเข้ามาให้เร็วที่สุด “

ผมเก็บวิทยุและวิ่งตรงไปยังประตู มันกะลังค่อยๆเคลื่อนออก ผมวิ่งเข้าไปหามันจะถึงแล้ว อีกไม่กี่สิบก้าว
ทันใดนั้นเอง มีสิ่งหนึ่งไม่รู้มาจากไหนมันเร็วมาวิ่งเข้ามาขวางหน้าผมไว้ สิ่งนั้นมันคล้ายๆ ลิง แต่ตัวใหญ่มาก อย่างน้อยก้อตัวหนาและใหญ่กว่าผมสักสองเท่า มันยืนตระง่าน กางแขนขึ้นสูงเล็บยาวโง้งออกมา นัยน์ตาสีแดงก่ำ มันจ้องมองผมอย่างไม่ลดล่ะ ตัวผมแข็งทื่อ ขาสั่น ความกล้าหายไปหมด ปืนที่ถืออยู่เย็นเฉียบคิดในใจฉิบหายแล้วกู มันวิ่งเข้ามาพร้อมกับฟาดมือลงมาที่ผม !!!







Phase 05 “ ยามสิ้นแสงอาทิตย์ “

ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สายตายังคงปรับสภาพรอบๆตัวไม่ได้ มองภาพไปเป็นภาพเบลอๆ รู้แต่ว่า มันเห็นแต่ความมืด ผมค่อยๆ ปรับสายตาจนสังเกตไปรอบๆตัว ผมกำลังนอนอยู่บนเตียงเหล็ก ภายในห้องที่แสงไฟน้อยๆ ผมจำได้ครั้งล่าสุดที่มีเจ้าลิงยักษ์ วิ่งเข้ามาจะทำร้ายผม คิดถึงตรงนี้สมองก็จี๊ดขึ้นมา แล้วนึกอะไรต่อจากนั้นไม่ออก แต่ยังดีที่ผมยังจำเรื่องราวก่อนหน้านี้แม้กระทั่งชื่อของตัวเองได้ แต่ก็ยังจำเรื่องราวก่อนตกหน้าผาไม่ได้สักที

เสียงปืนเงียบไปแล้ว นี้มันเป็นเวลาเท่าไรกัน นาฬิกาข้อมือไม่รู้หลุดไปใหน แม้แต่ปืนและกระเป๋าที่ผมเอามาก็หายไปรวมทั้ง PDA ด้วย ผมสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์นัก แบบนี้ก้อเหมือนผมเป็นผู้ต้องหาที่ถูกขังในคุกมืดสิเนี้ยะ บ้าฉิบหาย



พลอยนภาร้องให้ออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ สรุปใจความแล้ว สามีของเธอนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีผู้ใดพบเห็นและแจ้งข่าวเข้ามาอีก แม้กระทั้งเจ้าหน้าที่ของที่นั้นยังไม่สามารถติดต่อได้ เครื่องมือไฮเทคทั้งหลาแหล่ดูเหมือนจะเป็นอัมพาต สร้างความหนักใจ ให้แก่เธอเป็นอย่างมาก การที่รู้ข่าวแบบนั้นในช่วงเวลานี้ช่างเลวร้ายยิ่งหนัก แต่กระนั้น มิสเตอร์ซอฟท์ ยังนิ่งเงียบ และคอยปลอบโยนว่า สามีของเธอคงไม่เป็นไร เพียงแต่ตอนนี้เราไม่สามารถติดต่อไปยังฐานได้ อาจจะเนื่องจากเหตุผลต่างๆนานาๆ แต่ในเมื่อเราติดต่อไม่ได้ เราจะส่งกำลังหน่วยกู้ภัยเข้าไปช่วยเหลือ สามีของเธอให้ได้ ไม่ต้องเป็นกังวลไป
ดูเหมือนเธอจะเข้าใจ ถึงแม้เธอจะหยุดร้องให้ แต่นัยน์ตาที่บวมช้ำเป็นการบอกได้อย่างดีว่าเธอนั้นเสียใจขนาดไหน

” ขอให้ดิชั้นรอฟังข่าวที่นี้ได้ไหมค่ะ “จู่ๆเธอก็พูดขึ้นมา
สีหน้าของมิสเตอร์ซอฟท์ ดูเหมือนจะลังเล แต่แล้ว เขาก้อปรับเป็นสีหน้าที่ยิ้มแย้ม และบอกว่า
”ได้ครับ เดียวผมจะสั่งให้คนจัดห้องไว้ให้คุณที่นี้นะครับ “
” เฮ้มีใครอยู่ข้างนอกมั่งเข้ามาหน่อย “ มิสเตอร์ซอฟท์กรอกเสียงพูดลงไปในอินเตอร์คอมสักพักก้อมีชาย
ผิวดำเดินเข้ามา
” ช่วยจัดห้องให้คุณผู้หญิงนี้หน่อยเธอจะมาเป็นแขกเราในสองสามวันนี้ “
”ได้ครับ”
”เอาล่ะคุณพลอยนภา เชิญตามเขาไปเขาจะจัดห้องให้คุณเอง ยินดีที่คุณอยู่กับเรา เรามีข่าวอะไรจะแจ้งให้คุณทราบทันทีเชิญครับ “
”ขอบคุณ ค่ะ “
พลอยนภาเดินตามคนใช้คนนั้นออกไป มิสเตอร์ซอฟท์ ยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์


มีเสียงคนกำลังเดินมาทางนี้ ผมเงี่ยหูฟังด้วยใจจดจ่อ เสียงนั้นใกล้เข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง เสียงลูกบิดประตูถูกบิดออกพร้อมกับแสงภายนอกสาดเข้ามา มีชายสามคน รูปร่างสูงใหญ่ มีสองคนข้างหลังที่ถือปืน ส่วนคนหน้านั้นถือกระเป๋าที่ผมนำมาไว้ในมือ

ชายคนทางด้านขวาเอื้อมมือไปเปิดไฟ ในห้อง แสงไฟนีออนแบบยาวสาดไปทั่วห้องทำให้ผมต้องหรี่ตาลง ชายคนกลาง โยนกระเป๋า โครมลงมาที่พื้น แล้วตะคอกถามว่า

” คุณเป็นใคร แล้วเจ้าของกระเป๋าไปใหนคุณทำอะไรกับเขา บอกมาเดียวนี้ “ชายคนนั้นพูดพลางกระชากปืนจากคนข้างๆ ขึ้นมา แล้วส่งปากกระบอกปืน ทิ่มมาทางผม

การโดนปืนจ่อในระยะขนาดนี้ไม่สนุกเลยให้ตายสิหรือผมจะต้องตายที่นี้ซะแล้ว แม่งบ้ากันไปหมด
ใหนๆก็ใหนๆแล้ว ผมบอกความจริงที่ผมเจอมาทั้งหมดตั้งแต่ผมรู้สึกตัวที่หน้าผาและเจอหมีและมีคนมาช่วยผมไว้จนกระทั้งผมมาที่นี้ได้อย่างไร ผมเล่าความจริงทั้งหมดออกไป มันก้ออยู่ที่เขาแล้วล่ะว่าเขาจะเชื่อหรือไม่

ทั้งสามคนมองหน้าผมอย่างพินิจ พลางมองหน้ากันไปมาแต่ไอ้ที่ไม่ชอบก็คือ ทำไมแม่งไม่เอาปืนออกไปจากหน้าผมว่ะ
ในที่สุดชายคนนั้นก็เอาไอ้กระบอกปืนบ้าๆออกไปจากหน้าผม พลางโยน ของสิ่งหนึ่งมาที่ตักของผม มันคือ กระเป๋าเงินนั้นเอง สักพัก เขาก้อพูดขึ้นว่า คุณคือนักวิจัยของ สถาบันธรณีวิทยา ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นข้างบนกันแน่ แล้วไอ้พวกบ้า ที่เข้าโจมตีเรามันคืออะไร

สถานการเปลี่ยนไป ผมเริ่มมีอำนาจต่อรองมากขึ้นผม ค่อยๆลุกขึ้น เป็นครั้งแรกที่ได้บิดร่างกายไปมา และนั้งลงเหมือนเดิม พลางถามว่า

ที่นี้เกิดอะไรกันขึ้น พวกคุณสู้กับอะไรกันอยู่ แล้วใครที่มาโจมตีคุณเล่าทุกอย่างที่คุณรู้มาแล้วผมจะบอกทุกอย่างที่คุณต้องการ

ผมยิ้มมุมปากอย่างสะใจ ( ถึงมันจะเล็กน้อยก็เถอะ)


มิสเตอร์ซอฟท์ นั้งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก เขากำลังติดต่อกับดาวเทียม ที่ลอยโคจรอยู่ เขาโกหกทั้งหมด ทั้งเรื่องที่ไม่รู้ที่อยู่ ทั้งเรื่องของการที่ไม่สามารถติดต่อใครได้ แท้ที่จริงเขาสามารถดูทุกสิ่งทุกอย่างผ่านดาวเทียมได้หมดทุกอย่าง แน่นอนการ แอคเซคข้อมมูล เข้ามาของ นักธรณีวิทยาหนุ่ม มิอาจรอดสายตายของเขาไปได้ ทำให้เขารู้ว่า “มัน” ยังไม่ตายและกำลังมุ่งหน้าไปที่ ฐานย่อยและตอนนี้คงอยู่ในนั้นเรียบร้อย มิสเตอร์ซอฟท์ ใช้ให้ดาวเทียม ติดต่อกับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูงที่ฐานนั้นและสามารถเรียกกล้องทุกตัว ในฐานให้โชว์ภาพได้
แน่นอนกล้องทุกตัวเปรียบเสมือนตาของเขานั้นเอง เขาสามารถสอดส่องได้ยินเสียงทุกอย่าง ในฐานและคนที่เขากำลังต้องการ ค้นหา ด้วยพาวเวอร์ ยูเซอร์ที่ได้รับมาไม่มีใครจะตามรอยเขาได้เลย เวทีนี้เขาเป็นคนคุม

แต่การที่กล้องไม่ได้มีไปซะทุกจุด จึงยังคงมีที่เป็นจุดอับอยู่บ้าง คงต้องอาศัยการรอคอยสักนิด มิสเตอร์ซอฟท์
คิดในใจ


ปล ตอนก่อนหน้านี้อยู่ด้านล่างลองหาอ่านเอานะ




 

Create Date : 11 ตุลาคม 2548   
Last Update : 9 มีนาคม 2549 18:36:45 น.   
Counter : 381 Pageviews.  


การเดินทางไม่มีที่สิ้นสุด ( 6 ) คุณหนึ่ง เผากันให้ตาย

ต่อจากตอนที่แล้ว

วันเวลาผ่านไปจนสิ้นเดือน ผมทำงานดีขึ้น ส่วนฟง นั้นก้อเริ่มงานแต่งานที่ฟงทำดูเหมือน
จะเยอะจนเกินเวลาไปหน่อย พี่เอกจึงอยากหาคนมาทำอีกคน การรับสมัครงานจึงเริ่มขึ้น
มีคนมาสมัครงานแต่ก้อยังไม่เข้าตาของพี่เอกสักกะคน ไอ้ฟงจึงบอกว่ามาเพื่อนคนหนึ่งที่ทำ
ได้จะพามาให้คุยจะได้ใหมพี่เอกจึงบอกว่าก้อลองพามาสิ ฟงรับปากและวันรุ่งขึ้น ฟงก้อพา
เพื่อนมา เพื่อนคนนั้นชื่อหนึ่งแค่พวกเราเห็เขาแว้บแรกก้อรู้สึว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา คนใน
ออฟฟิตทุกคนคิดว่า ผู้ชายคนนนี้ต้องติดยาแน่ๆ ท่าทางอันหดหู่เหมือโลกแตกมาสามรอบ
ของเขาและร่างกายที่ผอมแห้งจนเหมือนจะหลุดออกเป็นชิ้นๆบ่งบอกได้เป็นอย่างดี คุณหนึ่ง
เป็นคนแบบใหน เขาจะมาทำให้ออฟฟิตเป็นอย่างไร การที่เรารับผู้ชายคน
นี้เข้ามาทำงาน จะส่งผลแบบใหนให้กับ บริษัท


หดหู่ เป็นอารมณ์แรกที่พบได้พบคุณ หนึ่ง อารมรณ์ของความรู้สึกว่าโลกนี้ไม่มีอะไรดี
ค่อยๆคืบคลานเข้ามาเกาะกินจิตใจผม นี้แค่เพียงแว้บแรกที่เจอกันเท่านั้นนะครับ ทำให้ผมรู้
สึกได้ถึงขนาดนั้นเลย

คุณหนึ่งพาร่างกายที่ ภายผอม เดินเข้ามมาในออฟฟิตในเวลาเช้า พี่เอกได้เดินเข้าไปทัก
ทายเเละพูดคุยด้วยความเป็นกันเอง แต่คนในออฟฟิตทั้งหมดที่เจอคุณหนึ่งนะเหรอครับ
มองพี่แกด้วยสายตาที่แปลกๆ พลางซุบซิบกันสนุกสนานไม่เว้นแม้แต่ผม ก้อดูสิครับคุณหนึ่ง
เป็นผ้ชายที่มีบุคลิกที่ หดหู่สุดๆ ร่างกายภายผอม แกร่นๆ เห็นโหนกแก้มได้
อย่างชัดเจน หัวฟู่ๆ นัยต์ตาลึก ดูแล้วไม่ค่อยจะมีแรงแบบว่าเอาอะไรไปโดนแกสักหน่อย
ชิ้นส่วนจะหลุดออกมาได้ง่ายๆยิ่งพี่แกพูดจาเนิบๆด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่เช้าวันนั้นเราจับกลุ่ม
คุยกันว่าคณหนึ่งเหมือนคน ค้ายา หรือไม่ก้อคนปล่อยยาหรือไม่ก้อคนเสพยาซะเอง ไอ้ฟง
แทนที่จะแก้ตัวให้เพื่อนดันสมทบเข้าไปอีก เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ

การสัมถาษณ์งานของพี่เอกกับคุณหนึ่ง ผ่านไปด้วยความรวดเร็ว ลงท้ายด้วยว่าให้คุณหนึ่ง
ลองทำงานให้ดู นั้งทำที่เครื่องที่ผมเคยมา สัมภาษณ์งานครั้งแรกนั้นแหละ โดยเริ่มแรกให้
พี่แกทำนามบัตรให้ดู คุณหนึ่งเห็นแกแบบนั้นแต่แกออกแบบสวยมากๆ เป็นที่พอใจของ
พี่เอก พี่เอกจึงบอกให้คุณหนึ่งไปรอฟังข่าวที่บ้านก่อนเเล้วจะให้คำตอบ คุณหนึ่งได้ยิน
แบบนั้นบรรยากาศของความ หดหู่และสิ้นหวังพรั้งพรูออกมา อย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศ
มาคุๆ เริ่มแผ่ขยาย ออกมาจากตัวคุณหนึ่ง แต่กระนั้นอาจจะด้วยความกร้านโลก ทำ
ให้คุณหนึ่งสงบสติได้และ ยอมกลับบ้านไปเฝ้าโทรศัทพย์ แต่โดยดี บังเกิดความโล่งใจ
ให้แก่พวกเราเป็นอย่างมากกกก

หลังจาคุณหนึ่งเดินออกจากประตูออฟฟิตไปไม่ถึงนาที่ พวกเราก้อมาจับกลุ่มกันนินทา
อย่างสนุกปาก ไอ้ฟงก้อเอากับเขาด้วยตอกไข่ใส่สีกันสุดๆ เรียกว่าเผากันจนไม่เหลือ
กระดูก เฮ้อช่างน่าสงสารยิ่งนัก

วันเวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน ผมใช้มุข เดิมๆเล่นกับไอ้ฟงจนผมได้ความรู้มาพอสมควร
ถึงกระนั้นก้อยังไม่มีวี่แววว่าพี่เอกจะหาคนใหม่ ได้ เเละก็ยังไม่เรียกคุณหนึ่งเข้ามาทำงาน
งานของฟงก้อเริ่มจะเยอะขึ้นเรื่อยๆแบบว่าเสร็จไม่ทัน และเวบกำลังจะขยาย เซคชั่นใหม่ๆ
เพื่อตอบสนองให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมและใช้บริการ บริการใหม่ที่เราจะทำนั้นคิดกัน
หัวแทบแตกก้อสรุปได้ว่าจะทำ อีการด์ ( ตอนนั้นเขาก้อทำกันเยอะเเล้วไม่เห็นต้องนั้งคิด
นั้งประชุมกันตั้งสามวัน )แน่นอนว่าเราต้องการความสามารถของกราฟฟิคแน่ๆ ครั้นจะให้
ผมไปทำก้อเดียวไม่ได้ดี ให้ฟงทำเดียวงานมันก้อไม่เสร็จทางออกคือ หาคนเพิ่ม วันหนึ่ง
พี่เอกเดินมาปรึกษาว่าพวกผมว่าทนความหดหู่ได้ใหม โอ้พระเจ้า พี่เอาจริงเรอะ พี่เอก
บอกว่ามันคือทางออกสุดท้ายที่เราควรเลือก ก่อนที่พี่เอกจะเดินไปโทรหาคุณหนึ่งก้อสั้ง
งานให้ผมออกแบบนามบัตรออฟฟิตด้วย

ผม ปิ้งไอเดียโฉดๆ ได้เลยเข้าไปเอาไฟลนามบัตรที่คุณหนึ่งทำไว้แล้วมาเลือกแล้วจัดการ
เพิ่มเติมบางอย่างไปนิดหน่อย แล้วเอาไปให้พี่เอกดู ก้อเรียบร้อย อิอิ ไม่ต้องทำเอง
โฉดจริงๆเลยผมเนี้ยะ

หลังจากวันนั้นหนึงอาทิตย์ ผมเดินเข้ามาในนออฟฟิต แค่ก้าวเเรกบรรยากาศ
ความหดหูก้อแล่นเข้ามาชนผมอย่างจัง ชนิดที่เรียกว่าไม่ทันตั้งตัว ก้อคุณหนึ่งนะสิ
ยืนอยู่หน้าเคาเตอร์ ออฟฟิต ผมพงะ ออกพ้นจากขอบประตู พลางสูดลมหายใจบริสุทธิ
ของเมืองหลวงเข้าไปจนเต๊มปอดแล้วเดิน เข้าไปทักทายคุณหนึ่ง คณหนึ่งอัทยาศัยดีมากๆ
แค่เห็นแกยิ้มก้อรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

การทำงานแรกของวันนั้นแกนั้งอยู่ตรงคอมที่แกเข้ามาสัมถาษณ์วันแรก คอมเครื่องนั้น
อยู่นอกห้องผมเรียกได้ว่าอยู่ตรงห้องโถง ประตูห้องของทุกแผนกปิดอยู่ คุณหนึ่งนั่ง
ทำงานอยู่ตรงห้องโถงคนเดียว ยิ่งเพิ่มบรรยากาศหดหู่เข้าไปอีก โอ้เพราะเจ้าอะไรจะขนาดนั้น

ผมได้พูดคุยกับคุณหนึงในอาหารเที่ยงวันนั้น ได้รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา เรียนจบราม
ได้ถายใน สามปี โดยที่ไม่ออกไปฝึกงานเลยด้วยความมั้นใจว่ายังไงต้องหางานทำได้แน่ๆ
แต่ ไม่มีหนทางใหนโรยด้วยกลีบกุหลาบ คุณหนึ่งตกงานอยู่ สองปี ไม่มีงานเป็นหลัก
เป็นแหล่งทำมาหลายอย่างทั้งเด็กเสริฟ เสริฟจนร้านเจ๊ง ขายล็อตเตอรรี่ กระเป๋ารถเมล
โอ้ยเยอะครับกว่าจะมาเจอออฟฟิตของเรา มิน่าล่ะที่ดูๆแล้วเขาช่างกร้านโลกยิ่งนัก
แต่คุณหนึ่งเป็นคนเก่งครับ ระหว่างที่ไม่มีอะไรทำแกจะคอยส่งผลงานไปประกวดได้รางวัลมา
มากมาย นี้แหละที่ทำให้ผมปลื้มซะอย่างนี้ต้องดูดความรู้ซะให้หมด ฮี่ๆ

การทำงานของคุณหนึ่งราบรื่นไปด้วยดี ทำให้งานที่คั้งค้างอยู่สำเร็จลุล่วงอย่างสวยงาม
หนึ่งเดือนให้หลังคุณหนึ่งได้เพิ่มเงินเดือน อีก 500ช่วยให้ชีวิตที่หดหู่ดูดีขึ้นมาอีก
และพร้อมๆกับได้ย้ายเข้ามาทำงานให้ห้องเดียวกับผม

คุณหนึ่งเป็นนคน แบบว่าประหยัดกับเรื่องเล้กๆน้อยๆ แต่กับหนังนี้ แกชอบดูมากๆ
แกเล่าว่าหนังที่บ้านมีเป็นพันๆเรื่องถ้าเอาราคามาพูดคงซื้อบ้านหรือรถได้สักคัน ผมเคย
ยืมหนังแกมาดูแล้วลืมคืนเป็นปีๆ แต่ก้อบอกแกว่าคืนไปแล้วๆ จนแกเชื่อแล้วอีกหนึ่ง
ปีให้หลังจึงเอามาคืนแก

ผมลืมครับ แฮะๆ ขอโทษๆ หนังเรื่องนั้นคือเรื่อง ชอว์แชง

แกชอบให้ยืมหนังแล้วก้อลืมทวง ซะงั้น

การทำงานรบรื่นขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั้งมีบุคคลอีกคนหนึ่งเข้ามาทำงานกับเรา คนๆนี้
จะเป็นคนแบบใหน

ติดตามตอนต่อไปครับ




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2548   
Last Update : 9 มีนาคม 2549 18:35:59 น.   
Counter : 331 Pageviews.  


การเดินทางไม่มีที่สิ้นสุด ( 5 ) ไม้ตาย

การทำงานงานของผมเป็นไปอย่างทุลักเล เพราะเนื่องจากไม่ค่อยได้รู้เรื่องเกี่ยวกับการออกแบบเท่าไรนัก อาจจะเรียกได้ว่าช่วงแรกๆมีความดันทุรังสูงที่อยากจะทำ เวลาผมถูกสั่งงานอะไรที่มันอยากๆแบบว่ามันง่ายแค่นิดเดียว แต่คนที่ไม่รู้ก้อย่อมไม่รู้ ผมจะมีคำพูดไม้ตายที่ทำให้ใครๆก้อต้องช่วยผมเมื่อผมถาม ผมเคยถูกให้คุณปุ้มสั่งให้ตัดถาพแล้วเซฟเป็นพื้นหลังโปร่งใส แน่นอนว่ารอยหยักในสมองผมไม่เคยบัญญัติวิธีการทำ ไว้อย่างแน่นอน ไอ้ครั้นจะไปถามคุณ ปุ้มว่า เออทำยังไงครับใอ้พื้นหลัโปร่งใสเนี้ยะ ก้อไม่รู้จะพูดยังไง เรื่องของเรื่องคือผมกลัวคุณปุ้มนั้นเองและกลัวว่าจะโดนดูถูกอีกด้วย ผมก้อนั้งคิดๆหาวิธีอยู่นานมากๆ มากจนคิดว่ารอยหยักในสมองต้องการพักผ่อนแล้ว ทันใดนั้นเองผมก้อนึกได้ว่ามีคุณจุ๊บอีกคนที่รูเรื่องนี้แน่ๆ ผมนึกคำพูดที่ฟังดูแล้วพอจะดูดีหน่อย พอนึกได้ผมเลยเดินไปหาคุณจุ๊บที่โตะแล้ว บอกว่า " เออ เนี้ยะโฟโต้ชอบเนี้ยะมันดีจริงเลยนะครับ อ้อเออใช่ๆมันทำพื้นหบังโปร่งใสใด้ด้วยนี้ แต่พอดีผมลืมไปแล้วคุ้ณๆว่ามันอยูแถวนี้คุณจุ๊บพอจะจำได้ใหมครับ " เท่านั้นแหละครับคุณจุ๊บก้อบอกวิธีมา วันนั้นผมก้อยิ้มกริ่มกลับไปนั้งโต๊ะและทำรูปแบบพื้นหลังโปร่งใส ให้คุณปุ้มได้ แต่ตอนเอาไปให้ก้อโดนแขวะว่า ทำแค่นี้นานจัง
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเวลาผมทำอะไรไม่ได้ผมจะเดินเข้าไปหา คนที่เข้าทำได้เเล้วบอกว่า "เออ ผมลืมไปแล้วอะ คุ้นๆว่ามันอยู่ตรงนี้ " แล้วผมก้อรอดตายทุกครั้งไป หลังๆพี่ๆเริ่มจับได้ แต่ก้อสายไปเสียแล้วฮ่าๆ

ในการทำงานของผมจะต้องพบป่ะกับคนในออฟฟิตพอสมควรห้องที่ผมทำงานอยู่มักจะเงียบๆไม่ค่อยคุยกัน ผิดกับห้องโปรแกรมเมอร์ที่จะคุยกันเฮฮา ดีดกีตาร์กันสนุกสนาน เพราะมีแต่ผู้ชาย ส่วนห้องฟุตบอลไม่ต้องพูดถึงเงียบมากกก ไม่สุงสิงกับโลกภายนอกแต่อย่างได ผมมักจะชอบไปอยู่ที่ห้องโปรแกรมเมอร์เพราที่นั้นมีแต่คนคุยสนุกสนาน การทำงานของผมเริ่ใเข้าที่เข้าทาง ครึ่งเดือนแรกผ่านไปอย่างลำบากแต่ครึ่งเดินหลังพอปรัตัวได้แล้วก้อรู้สึกดี วันหนึ่งพี่เอกเรียกผมเข้าไปคุยและถามว่ามีเพื่อนที่วาดรูปเก่งๆ บ้างใหม วาดใน โปรแกรม อีลาส ผมก้อน้งนึกๆอยู่ก้อนึกถึงเพื่อนคนหนึ่งขึ้นมาได้ อันที่จริงผทรู้จักเพียงแค่ชื่อไท่เคยเห็นหน้า เราคุยกันใน icq เพื่อนผมคนนี้ มันชื่อ " ฟง " มันบอกว่ามันชอบฟงอวิ๋น มันเลยตั้งชื่ตามตัวละคร ที่ชื่อว่าเนี้ยฟง เอากะมันดิ ผมเห็นว่ามันเป็นคนที่มีความสามารถ แน่นอนว่าเก่งกว่าผมแน่ๆ ผมจะ icq ไปชวนมันมาทำงาน แน่นนอว่ามันตอยรับในทันที ผมเลยจัดการเป็นธุระและเรียกมันเข้ามาคุย แน่นอนว่านี้จะเป็นการเจอกันครั้งแรกด้วย มีเรื่องประหลาดๆคือก่อนนั้นที่คุยกันทาง icq มันนึกว่าผมเป็นผู้หญิง เพราะตอนคุยผมตั้งชื่อว่า หวาย แนวๆว่าจะมาจีบพอโทรคุยกันมันเลยถึงบางอ้อทันที

ฟง เดินก้าวเข้ามาในออฟฟิต ในเวลาบ่ายแก่ๆอ้างด้วยเหตุผลที่ว่า "ผมหลงทางครับ" ฟงเป็นหมุ่นหน้าตาจีน ผิวขาวผมยาว หล่อแบบอาแป็ะๆ ฟงพกสมุดวาดเขียนเล่มเขื่อง ในนั้นมีรูปการตูนที่มันวาดไว้ พี่เอกพา ฟงเดินเข้าไปคุยในห้องประชุม แน่นอนว่าผมตามไปด้วย ฟงเริ่มเปิดสุดภาพผลิกสมุดไปมา เปิดให้พี่เอกดูการวาดรูป พี่เอกพึงพอใจมาก เลยคุยกันเรื่องงานต่างๆ จนในที่สุดก้อรับ ฟง เข้ามาทำงานในตำแหน่งเดียวกับผม ผมมีเพื่อนใหม่อีกหนึ่งคนแล้ว และแน่นอนว่าผมจะใช้ มุข "เออ ผมลืมไปแล้วอะ คุ้นๆว่ามันอยู่ตรงนี้ " ได้กับอีกคนหนึ่ง

วันเวลาผ่านไปจนสิ้นเดือน ผมทำงานดีขึ้น ส่วนฟง นั้นก้อเริ่มงานแต่งานที่ฟงทำดูเหมือนจะเยอะจนเกินเวลาไปหน่อย พี่เอกจึงอยากหาคนมาทำอีกคน การรับสมัครงานจึงเริ่มขึ้น มีคนมาสมัครงานแต่ก้อยังไม่เข้าตาของพี่เอกสักกะคน ไอ้ฟงจึงบอกว่ามาเพื่อนคนหนึ่งที่ทำได้จะพามาให้คุยจะได้ใหมพี่เอกจึงบอกว่าก้อลองพามาสิ ฟงรับปากและวันรุ่งขึ้น ฟงก้อพาเพื่อนมา เพื่อนคนนั้นชื่อหนึ่ง
แค่พวกเราเห็เขาแว้บแรกก้อรู้สึว่าผู้ชายคนนี้ไมาธรรมดา คนในออฟฟิตทุกคนคิดว่า ผู้ชายคนนนี้ต้องติดยาแน่ๆ ท่าทางอัยหดหู่เหมือโกลแตกมาสามรอบของเขาและร่างกายที่ผอมแห้งจนเหมือนจะหลุดออกเป็นชิ้นๆบ่งบอกได้เป็นอย่างดี คุณหนึ่งจเป็นคนแบบใหน เขาจะมาทำให้ออฟฟิตเป็นอย่างไร การที่เรารับผู้ชายคนนนี้เข้ามาทำงาน จะส่งผลแบบใหนให้กับ บริษัท

ติดตามตอนต่อไปครับ





 

Create Date : 22 มิถุนายน 2548   
Last Update : 9 มีนาคม 2549 18:35:43 น.   
Counter : 265 Pageviews.  


การเดินทางไม่มีที่สิ้นสุด ( 4 ) แนะนำตัวหน้าชั้นเรียน

ต่อจากตอนที่แล้ว

ด้วยความที่เห่อ ผมมาถึงที่ทำงานใหนเวลา แปดโมงเช้า แน่นอนว่าออฟฟิตยังไม่เปิด แต่ผมก้อได้พบกับพนักงานสองคนที่ยืนรอที่หน้าออฟฟิต พวกเขาหันมาทางผม ยิ้มให้ เเละทักทาย
ทราบชื่อว่ามี่ พี่คนหนึ่งชื่อจุ๊บ อีกคนชื่อพี่แขก เป็นเพศเดียวกับผมทั้งคู่ และผมก้อได้ทราบว่า ทั้งสองคนจะมาเริ่มงานวันนี้เหมือนกัน เอาล่ะครับนั้นคือเพื่อนใหม่ของผม และเป็นพี่ๆของผมซะด้วย ชีวิตของพวกเราสามคนในออฟฟิตนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในตอนต่อไปครับ







ผม คุณจุ๊บและพี่แขกยืนสนทนากันหน้าออฟฟิต การพูดคุยทำให้ผมได้รู้ว่า คุณจุ๊บนั้น มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่จังหวัดเขียงราย บุคลิกโดยรวม แล้วเป็นคนหนุ่มอายุไม่น่าจะเกิน 27 ผิวขาว หน้าตาดี ( มั้ง ) ก้อพอไป RCA ได้แบบว่ามีหญิงขอเบอร์ ท่าทางฉลาด คุยเก่ง ประมาณนั้น คุณจุ๊บมาทำงานในตำแหน่ง Graphic Design เพื่อนๆเรียกว่า Juppy

ส่วนพี่แขกพื้นเพเป็นคนจังหวัดเพชรบุรี ตัวใหญ่ สมส่วน ออกไปทางล่ำๆ รูปหล่อ พูดจาโผงผาง ดูเป็นกันเอง ท่าทางเป้นคนเปิดเผยดูซื่อๆ และพี่แขกมาทำงานในตำแหน่ง admin ค่อยดูเเลระบบ server และคอยตอบปัญหา เกมแก่ลูกค้า ที่เป็นเด็กเล็กเด็กน้อย ตาดำๆทั้งหลายแหล ที่มักจะมีปัญหาอันหนักสมองมาค่อยให้ช่วยบ่อยๆ แน่แหละงานนี้เหมาะกับที่แขกที่ซึ้งเป็นคนรักเด๊กเอามากกๆ รักมาก มากกกกกกก

ผมยืยคุยกันอยู่พักใหญ่ ได้ยินเสียงลิฟท์ที่หน้าทางเดินดังขึ้น คนที่ก้าวออกมาจากในลิทฟ์คือพี่เอก พี่เอกเดินเข้ามาทักทาย เราสามคน หยิบกุญแจเพื่อเปิดประตูเข้าออฟฟิต พลางบ่นออกมาประมาณว่าทำไม่สายขนาดนี้แล้วยังไม่มีใครมา พี่เอกพาพวกเราเดินเข้าไปในออฟฟิต แนะนำห้องต่างๆซึ่งแบ่งแผนกเอาไว้เป็นห้องๆ ซึ่งจะมีห้องของโปรแกรมเมอร์ ห้องของกราฟฟิค ห้องของการตลาด บัญชี และห้องของ เวบลูกอีกเวบหนึ่ง ซึ่งใช้ชื่อว่า //www.lenfootball.com ที่เป็นเวบเกี่ยวกับฟุตบอลล้วนๆ

พี่เอกพาพี่แขก เดินไปที่ห้องของ โปรแกรมเมอร์ พร้อมบอกให้พี่แกสิงอยู่ที่ห้องนั้น ส่วนผมและคุณจุ๊บ ไปสิงสู่อยู่ที่ห้องกราฟฟิค ด้วยเนื่องว่าผู้ที่ใช้แรงงานในออฟฟิตมันน้อยเกินไปหรือป่าว ผมกับคุณจุ๊บจึงไม่มีคอมให้ใช้ แถมไม่มีโต๊ะทำงานซะด้วย พี่เอกจึงบอกให้เราไปขนโต๊ะและคอมข้างนอกเข้ามาเผื่อทำงาน ผมและคุณจุ๊บจึงต้องทำตัวเป็นผู้ใช้แรงงาน ชั่วคราว แต่นับว่าเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกที่ไปได้สวย พวกเราเริ่ม ขนโต๊ะ กันตอนนั้นพนักงานอฟฟิตก้อเริ่มทยอยกันเข้ามา แน่ล่ะผมเจอ โจทย์เก่าที่ทำคอมผมดับซะด้วย เธอมองหน้าผมงงๆ แต่ก้อไม่ได้พูดอะไรกัน วางคอม เสร็จ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที พี่เอกจึงเริ่มคุยเรื่องงาน ที่จะต้องทำและขอบเขตความรับผิดชอบ ต่างๆ ของแผนก จำได้ว่าตอนนั้น เวบ //www.leninternet.com ยังไม่มี มาสคอส พวกเราจึงได้รับมอบหมายงานแรกให้จัดทำตัวมาสคอส ขึ้นมา ผมนั้งร่างแบบกับคุณจุ๊บ และด้วยความที่เป็นมือใหม่งานของผมจึงออกมาห่วยๆ หน่อย ผลสุดท้าย มาคอสตัวแรกก้อออกมาชมโลก ในระยะเวลาไม่เกินสามวัน มาสคอสตัวนั้น ชื่อว่า

" มอนิ" ที่มาจากมอนิเตอร์ แหมช่างคิดจริงๆเล้ยย

พี่เอกพาพวกเราไปแนะนำตัวให้คนในออฟฟิตได้รู้จัก และคนที่ผมอยากรู้จักมากก้อคือ โจทย์ผมเอง ผมเลยรู้ว่า เธอชื่อ อร และผมก้อเรียกแกว่าพี่อร พี่อร เป็นผู้หญิงที่ไม่สูงไม่เตี้ยะ รูปร่างมาตรฐานหญิงไทย เป็นคนจังหวัดอะไรไม่ทราบได้ เรื่องผ่านมาสามปีแล้ว ผมเองก้อจำไม่ได้หมด

คนที่สองที่รู้จักคน คุณจ๋อม คุณจ๋อมเป็นผู้หญิง ดูห้าวๆ ท่าทางคุยเก่ง ช่างเจรจา หน้าตาก้อ ok ไปวัดไปวาได้สบายๆ ดูแล้วเป็สาวมั่น ท่าทางมีความมั้นใจในตัวเองสูง เป็นคนมีเสน่ห์คนหนึ่ง ( มั้ง)

คนต่อมมาคือ ป้านุช ความจริงแกก้อไม่แก่มาก แต่เห็นคนอื่นเขาเรียกป้าๆ ผมก้อเลยเรียกผสมโรงเรียกด้วย ป้านุชจะออกเป็สาวมั้นเช่นเดียวกัน ป้านุขแต่งงานและมีลูกแล้ว ท่าทางออกเป็นคนเอาจริงเอาจัง และคุยเก่ง ( ทั้งแผนกนั้นคุยเก่งกันทุกคนอยู่แล้ว )

คนต่อมา อยู่ห้องโปรแกรมเมอร์ คนเเรกชื่อ เป็ด เราเรียกเขาว่า พี่เกรส พี่เป็ด คุณเป็ด สาดเป็ด คุณเกรชเป็นชายร่างแกร่นๆ หน้าตาดี พอได้ไปวัดไปวาตอนกลางวันได้ คุณเกรซ เป็นโปรแกรมเมอร์ที่ เก่ง ชอบดีดกีตารในที่ทำงานและชอบเล่าเรื่องสาวๆให้ฟังจำได้ว่าเคยพาแฟนมา น่ารักมาก .......

คนต่อมา ชื่อ ตานัท เป็นโปรแกรมเอมอร์อีกคนหนึ่ง ท่าทางๆดูๆแว้บเเรก แล้วอืม มันคงเจ้าชู้น่าดูเลยล่ะ ตัวสูงชอบกินกระทิงแดง กินแล้วก้อหลับเอากะมันดิ

คนต่อมา ชื่อคุณบูรณ์ เป็นโปรแกรมเมอร์ ค่อยดูแลระบบ ของเกมส์ เป็นคนเขียนเกมส์server คนนี้เก่งมากๆครับขอบอก ไม่ว่าปัญหาอะไรแกก้อแก้ได้หมด คุณบูรณ์จะใช้ pct ในการสื่อสารกับคนอื่นๆ แต่ว่าตัวแกกับ pct ไม่ค่อยจะได้อยู่ด้วยกันเพราะวางบนโต๊ะแล้วมันไม่มีสัญญาณนั้นเอง ต้องเอาไปวางไว้ริม หน้าต่าง เวลาเสียงดังจะคล้ายๆกับเสียงเปิดประตู เซเว่น มากๆๆ

คราวนี้เราจะพาไปห้อง เล่นฟุตบอลครับที่ห้องนี้ มีสามคน
คนแรกคนคุณ พงษ์ เป็นหัวหน้าของทีมนี้เป็นคนเงียบๆ แต่เป็นคนที่มีความเป็นผู้ใหญ่สูงมากๆ เอาการเอางานสุดๆ

คนที่สองคือ คุณอะไรน้าจำไม่ได้ เดียวนึกออกเเล้วจะมาเขียนใหม่
อีกคนหนึ่งเขาลาออกไปแล้วจะไม่ขอพูดถึงล่ะกัน

ส่วนที่ห้องผมนั้น ก้อมีอีกคนชื่อคุณ ปุ้ม คุณปุ้มเป็นหญิงไต้ เป็นคนเอาการเอางานคุยน้อยแต่พอพูดแล้วพูดมาก เข้ามาทำเวบให้กับออฟฟิต แกเก่งมาครับ นั้งทำงานตลอดไม่มีหยุด ขยันสุดๆเลยล่ะขอบอกๆ ไม่รู้ว่าแกเอาเวลาใหนไปพักผ่อน

นอกจากนั้นยังมีคนที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับออฟฟิตนั้นคือเจ้าของ เจ้าของผู้ที่ลงทุ่นทำออฟฟิตนั้นเป้นคนเกาหลี หอบเงินมาลงทุนที่ประเทศไทยด้วยเม็ดเงินมหาศาล บุคคลในตำนานคนนี้ชื่อเต็มๆว่า "อา เจลี" เราเรียกเขาสั้นๆว่า "อาเจ"
"อาเจ" พูดไทยได้นิดหน่อย เป็หนุ่มเกาหลีหน้าตาคล้าย วอนบิน มีแฟนเป็นคนไทย เด็กๆ น่ารักๆ แล้ว อาเจนี้แหละเป็นตัวการ ที่จะทำให้อนาคตของบริษัทพลิกไป อย่างหน้ามือกับหลังเท้าได้ทีเดียว

แลวยังมี พี่ นัทซึ่งเป็นผู้หญิงอีกคน เป็นเมเนเจอร์ของที่นี้ เป็นหญิงอารมณ์ดี และเอาใจใส่ลูกน้องทุกคนเฮฮาและเป็นกันเอง สุดๆ

มือขาวคนสนิทของอาเจ ชื่อพี่หนุ่ย แกเป็นคนทำรายรับรายจ่ายของออฟฟิตทั้งหมด แน่นอนว่ารวมไปถึงเงินเดือนของพนักงานทุกคนด้วยใครจะกล้าหือแกล่ะ

นี้คือรายชื่อของคนในออฟฟิต ที่มีอยู่ตอนนี้ที่ผมเข้ามาแรกๆ การทำงานของผมเริ่มขึ้นกับบุคคลพวกนี้ แต่ล่ะคนมีความฝันของตัวเอง ซึ่งถ้าจะให้บรรยายคงยาวเอาเป็นว่าจะพยายามแทรกลงไปที่ล่ะหน่อยแล้วกัน

การทำงานของผมจะเป็นเช่นไร ออฟฟิตจะไปทางใหน อะไรคืออุปสรรค และมิตรถาพในหมู่คนทำงานเกิดขึ้นได้อย่างไร ติดตามตอนต่อไปนะครับ





 

Create Date : 13 มิถุนายน 2548   
Last Update : 9 มีนาคม 2549 18:35:24 น.   
Counter : 404 Pageviews.  


การเดินทางที่ไม่มีที่สิ้นสุด ( 3 ) เพื่อนใหม่

ต่อจากตอนที่แล้ว

ทันใดนั้นเอง ช่วงเวลาไม่ถึงนาที่ พี่แก ก้มลงไปกดสวิทไฟที่รางปลั้ก อาจจะด้วยความเข้าใจว่า สวิทไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง ใช้งาน ทั้งที่จริงมัน อยู่ที่ตำแหน่งใช้งาน แกกด ปิดทันที ส่งผลให้คอมพิวเตอร์ที่ผมทำงานอยู่ ดับวูบไปในทันที

"ฉิบหายแล้ว" ผมสถบออกมาเป็นภาษาชาวบ้านๆมากๆ พี่คนนั้นมองผม มองคอม และด้วยสติปัญญาของแกก้อคงรู้ว่า คอมผมมันดับไปเราด้วยฝีมือแกแท้ๆ ที่สำคัญกว่านั้น พี่เอก แกเดินออกมาจะดูงานของผมแล้ว แล้วผมจะเอางานที่ใหนให้ แกดูล่ะเนี้ยะ

พี่เอกเดินตรงมาหาผมแล้ว อีกไม่เกิน สี่เมตรแกก้อจะเดินมาถึงผม ผมเริ่มกังลว พลางคิดหาวิธีที่จะบอก พี่แก สวนพี่ผู้หญิงคนนั้นนะเหรอ เผ่นแน้บไปแล้วล่ะครับเร็วจริ

งๆ แต่ดีนะที่แกยังขอโทษผม ไม่งั้นต้องมีวันนั้นสนามลุมพีนีจะต้องมีมวย คู่พิศดารแน่ๆ


พี่เอกเดินมาทำหน้า งงๆที่เห็นคอมปิดอยู่ ถามว่าอ้าวรีสตารเครื่องเหรอ ผมบอกอ้อมแอ้มๆไปว่า เมื้อกี้พี่ผู้หญิงคนนั้นเขา ทำคอมดับอะครับ แบบว่า แบบว่า ยังมะได้เซฟเลยซักกะแอะ พอดีกดเมาส์ไม่ทันครับ

อ้าว พี่เอกขมวดขิ้ว แล้วสักพักก้อ ทำหน้าขำๆ พลางบอกให้ผมเปิดเครื่องคอมอีกที ผมเปิดคอม ขึ้นมาด้วยอาการเซ็งๆ พี่เอกนั้งลงข้างๆแล้วเริ่มพูดเรื่องงาน เรื่องผลตอบที่เป็นเงินเดือน และให้ผมกรอกใบสมัคร โดย ระบุเงินเดือนไปที่ 10000 - 12000 บาท มันเป็นราคาที่ผมคิดว่าเขาคงไม่รับแน่ๆ อีกอย่างผมงานที่ผมนั้งคร่ำเคร๊งมาสองชั่วโมงก้อ อันธานหายไป รวดเร็วปานสายฟ้าแล้บ แว้บๆ เพราะฉนั้นยิ่งเป็นการการันตีว่า งานนี้ปิ๋วแน่ๆครับท่าน ผมคุยกับพี่เอกอีกสักระยะ แล้สก้อได้ยินคำพูดเดิมๆเหมือน ก็อปปี้มาก้อไม่ปาน " เอาล่ะแล้วทางเราจะติอต่อกลับไปนะครับ ไม่เกิน เจ๊ดวัน " อืม แป๋วเลยเรา มามุขนี้อีกแหละ อดแง่มๆ วันนั้นเดินกลับบ้านคอตก แล้วตกอีกเก็บกันหลายรอบเลยกว่าจะถึงบ้าน

กลับมาถึงบ้านก้อล้มตัวลงนอน ยังไม่ทันหลับเสียงโทรศัพท์ก้อดังขึ้น คิดว่าอาจจะเป็นพี่เอกโทร มา ตะลีตะลานรีบรับสายก้อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย " อัลโหล ทำไรอยู่" อืมเพื่อนผมเองแหละ ผมก้อคุยๆ เล่าเรื่องไปสมัครงานวันนี้ ให้ฟังไป เพื่อนฟังเขาก้อหัวเราะ ขำๆไปตามเรื่อง ไอ้เราก้อเลยพลอยสบายใจขึ้นบ้าง

คุยสักพัก ก้อมีเสียงสายซ้อนขึ้นมา ตู้ดๆๆ ใครกันนะ ซ้อนมา จะไม่รับก้อไม่ได้ เลยบอกเพื่อนให้รอก่อน เดียวมาเมาท์ต่อ ผมกดปุ่มเพื่อรับสายซ้อนทันที

" สวัดดีครับ " เสียงทุ้มนุ่นลึก บาดเข้าหูผม ดีที่ไม่ต้องเย็บ พร้อมด้วยประโยคที่ว่า สะดวกคุยใหมครับ ผมจำเสียงนั้นได้ก้อเพิ่งไปสมัครงานวันนี้นี่น่า
เสียงปลายสายทักทายอย่างคุ้นเคย นี้พี่เอกนะ พี่จะบอกว่า เรายินดีที่จะรับน้องเข้ามาทำงานที่ออฟฟิต ยินดีที่ได้ร่วมงานกัน "

" อะไรนะครับ " ผมรีบถามกลับไปอย่างชนิดที่ว่า จะทันทีทันใด แบบว่าไม่เชื่อหูตัวเอง คิดในใจว่า จริงหรือเนี้ยะ ฝันอยู่ป่าวว่ะ "จริงสิครับ เริ่มงานวันที่ 1 มีนาคมนี้เลยเป็นไง อีก ห้าวัน เตรียมตัวไว้นะ "

ผม รีบตอบตกลงไปโดยไม่ต้องใช้รอยหยักในสมองคิดเลย "ได้ครับพี่ "
" ดีมากแล้วเจอกันวันที่ 1 ครับเข้างาน 8.30 นะ

"ได้ครับขอบคุณมากๆครับ "

นั้นคือชีวิตการทำงานที่ กำลังจะเริ่มต้น และมันจะลงท้ายยังไงต้องคอยติดตามนะครับ


หลังจากทราบข่าวดี แล้วผมได้ใช้เวลาห้าวันที่เหลือ เตรียมตัวตัวเองให้ร้อมรบ ระหว่างที่รอก้อจะมีโทรศัพท์จากหลายๆที่ๆเคยส่งเมลไป โทรมาชวนไปทำงาน ผมตอบพวกเขาอย่างภาคภูมิใจ ว่า
" ไม่เป็นไรครับผมได้งานทำแล้วครับ "

และวันที่ผมจะเริ่มงานก้อเดินทางมาถึง ห้าวันผ่านไปรวดเร็ว ยิ่ง สำหรับการรอที่มีเส้นชัยอยู่ตรงหน้า

ด้วยความที่เห่อ ผมมาถึงที่ทำงานใหนเวลา แปดโมงเช้า แน่นอนว่าออฟฟิตยังไม่เปิด แต่ผมก้อได้พบกับพนักงานสองคนที่ยืนรอที่หน้าออฟฟิต พวกเขาหันมาทางผม ยิ้มให้ เเละทักทาย
ทราบชื่อว่ามี่ พี่คนหนึ่งชื่อจุ๊บ อีกคนชื่อพี่แขก เป็นเพศเดียวกับผมทั้งคู่ และผมก้อได้ทราบว่า ทั้งสองคนจะมาเริ่มงานวันนี้เหมือนกัน เอาล่ะครับนั้นคือเพื่อนใหม่ของผม และเป็นพี่ๆของผมซะด้วย ชีวิตของพวกเราสามคนในออฟฟิตนี้จะเป็นอย่างไร ติดตามได้ในตอนต่อไปครับ








 

Create Date : 09 มิถุนายน 2548   
Last Update : 9 มีนาคม 2549 18:35:06 น.   
Counter : 316 Pageviews.  


1  2  

Jabavox
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นายหวาย ไอ้หวาย พี่หวาย แล้วแต่จะเรียก เรียกหวายเฉยๆก้อได้ครับ ผมชอบ


ทักทายกันหน่อย



[Add Jabavox's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com