ทำไมเราต้องศึกษาธรรมะ ทำไมเราต้องมาปฏิบัติธรรม




ทำไมเราต้องศึกษาธรรมะ ทำไมเราต้องมาปฏิบัติธรรม



            ทำไมเราต้องเข้ามาปฏิบัติธรรมด้วย ทั้งๆ ที่เราก็เป็นคนดีอยู่แล้ว เราก็ไม่ได้ไปคดโกงใคร ไม่ได้ไปทำบาปทำชั่วใคร เราก็ดูแลพ่อแม่อย่างดี จะมาปฏิบัติธรรมทำไม แล้วเราก็ไม่ได้มีความทุกข์ขนาดนั้น ขนาดที่อกหักล้มละลายอะไรที่จะต้องมาปฏิบัติธรรม


            นี่เป็นคำถามที่เบสิค ผมได้ยินเรื่องอย่างนี้มาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เข้าใจ ผมเข้าใจทุกคนนะ วันนี้ที่เราบอกว่าเราไม่ได้ทุกข์ไม่ได้ร้อนอะไร เราลองนึกดูดีๆ นะครับว่าที่เราบอกว่าเรามีความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา แต่พระพุทธเจ้ากลับตรัสว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นทุกข์ รู้สึกว่าเริ่มขัดกันนะสองคำนี้ คนเจ็ดพันล้านคนบอกว่าเป็นธรรมดา แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นทุกข์


            เกิดนี้ยังไม่ทันรู้ข้ามไปก่อน เอาแก่ก่อน แก่ทุกข์ไหม ผมว่าทุกข์นะ จากคนที่เคยอย่างพวกเราสมมุติว่า มีอายุยังไม่มาก ยิ่งถ้ายังเป็นวัยรุ่นเป็นเด็กยังไม่รู้สึกเลย แต่พอต้องเดินช้าๆ เดี๋ยวหกล้มหลังโก่ง เอ๊ะ!? นี่สภาพพทุกข์เริ่มเกิดแล้วนะ เจ็บ เจ็บนี่ไม่ใช่แค่หกล้มนะครับ ผมเนี่ยไปเยี่ยมคนป่วยที่โรงพยาบาลที่เป็นมะเร็งบ่อย บ่อยมาก หรือแม้แต่คนที่กำลังจะตายแล้ว อีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะตาย ผมรู้เลยว่าเขาทุกข์มาก ทุกคนเข้าไปยึดติดเสพติดกายนี้ทั้งนั้น


            ดังนั้นที่บอกว่ามันเป็นธรรมดา ผมไม่เคยเห็นใครเป็นธรรมดาเลย แล้วขอโทษสภาพนี้เกิดกับทุกคนนะ ไม่ใช่เกิดขึ้นกับบางคน วันนี้ไม่เกิดไม่ได้แปลว่าวันหน้าไม่เกิด หรือวันนี้เกิดแล้ว ไม่รู้นะวันหน้าไอ้ที่เกิดอยู่เนี่ยอาจจะพาตายเลย


            เพราะฉะนั้นวันนี้สภาพที่เราบอกว่า "เจ็บ" เป็นธรรมดา ผมว่าไม่ธรรมดา แล้วผมเชื่อว่าพระพุทธเจ้าตรัสถูก "ตาย" แทบจะไม่ต้องพูดเลย บางคนบอกว่าอย่ามาพูดเรื่องนี้กับฉัน เรื่องอัปมงคง ไปโน่นเลย


            ผมว่าไม่ธรรมดา ผมเห็นคนที่กำลังจะตายไม่ธรรมดาสักคน สมมุติว่าท่านเป็น ผู้ที่มีชีวิตกินดีมีสุข มีเงินมีทองใช้สะดวกสบาย ผมก็เชื่อว่าคนในยุคปัจจุบันก็อยู่ในขั้นนั้นเป็นจำนวนมากเลยที่ผมเห็น แต่เมื่อถึงจุดนี้จริงๆ ที่ความตายมายืนอยู่ตรงหน้า รู้ไหมว่ายิ่งมีกินมีสุข ยิ่งเข้าไปเสพสิ่งต่างๆ มากขึ้นเท่าไหร่ ความยึดติดจะเหนียวแน่นขึ้นเรื่อยๆ วันที่ท่านจะต้องพรากจากสิ่งที่ท่านติดเอาไว้ วันนั้นจะทุกข์ไม่มีอะไรเหมือนเลย


            ผมให้เด็กวาดภาพ สิ่งที่เขาอยากจะวาดให้สวยที่สุด มีสีน้ำ สีทุกอย่าง เด็กวาดภาพอย่างวิจิตรในครึ่งชั่วโมง หลังจากที่เราเอาภาพมาโชว์กันแล้ว เด็กก็โชว์ด้วยความชื่นชม ชื่นใจในภาพของตัวเอง ผมเชิญเด็กที่ได้ที่หนึ่งออกมา ถามว่าสวยไหม


            หนูก็ทำได้สุดยอดสวยมาก เพื่อนๆ ปรบมือให้


            ผมฉีกภาพนั้นกลางหน้าเวทีเลย


            เด็กเนี่ยหัวใจสลายเลย แทบจะร้องไห้ตรงนั้นเลย ผมถามว่าทุกข์ไหม เขาบอกว่าทุกข์ หนูเสียดายมากเลย ทำไมอาจารย์ทำแบบนี้


            ผมบอกว่า "เธอรู้ไหมว่าถ้าเธอเป็นอะไรไป แม่ของเธอใจจะขาด" ผมถามว่าเขาสร้างภาพนี้มานานแค่ไหน เขาบอกว่าครึ่งชั่วโมง ครึ่งชัวโมงเธอรู้สึกขนาดนี้เลยหรอ แล้ว 16 ปีที่พ่อแม่ค่อยๆ สร้างเธอขึ้นมา ถ้าเธอทำอะไรหรือเป็นอะไรไป รู้รึยังว่าแม่จะรู้สึกยังไง เด็กเงียบเลย


            แต่ผู้ใหญ่ ท่านสร้างสิ่งนี้(ร่างกาย)ขึ้นมาด้วยตัวเอง 40 50 60 ปี คิดหรือว่าวันที่จะฉีกมันให้สลายออกท่านจะทิ้งมันได้ ไม่มีทาง ทุกข์มหันต์จะเกิดขึ้นในวันนั้นเลย แล้วขอโทษนั่นท่านไปยึดมันเอง มันไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย เมื่อถึงเวลามันจะแตกสลาย มันจะแตกสลายไปตามเหตุปัจจัยของมัน ไม่สนว่าท่านรู้สึกยังไง


            มันจะตายไม่ขึ้นกับอยากหรือไม่อยากของใคร ต่อให้ท่านไปทำอะไรก็ตาม


            เหมือนกับท่านนั่งอยู่กลางแสงแดดที่มีเงาเมฆมา ถ้าเมฆมาบังท่านก็ดีใจ "..โอ้ ฉันอยากให้เมฆอยู่นานๆ.." แล้วเมฆก็ผ่านไป ไม่เกี่ยวอะไรกับอยากของท่าน


            กายนี้ก็เช่นกัน ท่านหลงคิดเอาเอง ท่านกำลังหลงเข้าไปในคิด ท่านพยายามไปทำโน่นทำนี่เพื่อจะต่ออายุมัน แต่อายุของมันมีจำกัด ต่อได้ก็กินยาบำรุงเท่าไหร่ก็ตาม สุดท้ายตายเหมือนเดิม ยิ่งบำรุงเท่าไหร่ ยิ่งทำอะไรจนเกิน ยิ่งเข้าไปรักผูกพันมันมากขึ้นเท่านั้น


            แล้วทีนี้ตกลง เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาจริงหรือ ชักไม่ธรรมดาแล้ว


            สิ่งที่ท่านได้ยินทั้งหมด ในโลกนี้มันไม่มีใครบอก ผมก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน จนกระทั่งผมเข้าสู่การปฏิบัติธรรม ฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผมถึงรู้ว่า โลกนี้มีเรื่องเข้าใจผิดอีกเยอะมาก


            ถ้าเราจะเริ่มต้นเข้ามาปฏิบัติภาวนา เราควรจะรู้อะไรเป็นอย่างแรกๆ? วันนี้สังเกตไหมครับว่าถ้ามีใครสักคนมาชวนเราไปปฏิบัติธรรม คำตอบแรกที่เราจะบอกคือ "อืม ฉันไม่ทุกข์อะไรนะ" หรือว่านี่คือสิ่งแรกที่ควรจะรู้?


            เราทุกข์จริงหรือ?


            หรือว่าเราไม่รู้ทุกข์?


            เอาล่ะ ถ้าประเด็นนี้ถูก ผมว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว เพราะในอริยสัจ ๔ พระะพุทธเจ้าตรัสไว้เลยว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค และท่านก็ตรัสเอาไว้ว่ากิจในอริยสัจคือ "ทุกข์ควรรู้" ถ้าท่านพูดอย่างนี้ก็แปลว่ามีมนุษย์จำนวนมากเลยที่ไม่รู้ทุกข์ เรามาเริ่มต้นตรงนี้ เพราะเราเป็นคนพูดเองว่า ฉันไม่ได้ทุกข์อะไร


            ไม่ทุกข์จริงหรือ?


            เอาล่ะเริ่มต้นง่ายๆ รถติดไฟแดง ถ้ามีคนที่นอนอยู่เบาะหลัง เป็นลูก เป็นพ่อแม่ เป็นคนที่เรารักแล้วกำลังป่วย ขณะนั้นรถติดไฟแดง ซึ่งท่านต้องรีบพาเขาไปส่งโรงพยาบาล ตอนนั้นทุกข์หรือยัง?


            ทุกข์แล้ว


            แล้วถ้ามันติดไฟแดง แล้วก็มีตัวเลขบอกว่า 60 59 58 ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าถึง 0 ปั้ง มันจะเปลี่ยนเป็นไฟเขียว แล้วก็ไป ในขณะที่คนรักของท่านนอนป่วยพะงาบๆ จะเป็นจะตายไม่รู้ รถก็ยังติดไฟแดงอยู่ยังพึ่ง 58 57 56 ตอนนั้นใจร้อนเป็นไฟถูกไหมครับ?


            ถูก


            นี่ทุกข์หรือยัง? ทุกข์แล้ว แล้วเปลี่ยนอะไรได้ไหม? ไม่ได้ ยังไงก็ต้องรอจนเขียว เพราะถ้าท่านเป็นคันแรกท่านอาจจะพุ่งพรวดออกไปเลย แต่ถ้าท่านไม่ใช่ยังไงกก็ต้องติดคันหน้าๆ หน้าๆ ไปเรื่อยๆ แสดงว่าเราทำอะไรไม่ได้เลย แต่เราก็ยังทุกข์ แล้วแน่ใจหรอที่บอกว่า ฉันไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร หรือว่าทุกข์แล้วไม่รู้ นี่แค่เรื่องเดียวนะครับ


            ใครทำธุรกิจมีคนยกเลิกออเดอร์ ทุกข์ไหม ทุกข์


            ลูกน้องทำไม่ถูกใจ ทุกข์ไหม ทุกข์


            ลูกไปโรงเรียนไม่ทำการบ้าน ทุกข์ไหม ทุกข์


            ลูกตื่นสายไม่ยอมขึ้นรถโรงเรียน ทุกข์ไหม ทุกข์


            ทุกข์ตลอดเวลานะครับ นี่หรือที่เราบอกไม่ทุกข์ เรายังไม่รู้จักเลยว่าเราทุกข์ตลอด


            บะหมี่สำเร็จรูป ไปถึงปั๊ปก็เอาน้ำใส่ไมโครเวฟกดเลย 3 นาที ดูนาฬิกา


            "..โอ้ย..รีบอยู่ เดี๋ยวก็ไปทำงานไม่ทันพอดี.."


            ถ้าผมยืนอยู่ข้างหลังผมจะสะกิด โทษนะ กดไว้กี่นาทีล่ะ


            "..กดไว้ 3 นาทีสิ.."


            แล้วจะร้อนใจไปทำไม มันยังไม่ถึง 3


            "..ก็จะรีบไป.."


            ไม่ได้เกี่ยวกับรีบไป แล้วทำไมไม่กด 2 นาทีล่ะจะได้รีบไป


            "..2 นาทีก็ยังไม่เดือด.."


            ก็นั่นน่ะสิ คำตอบก็อยู่นั่น


            แล้วทุกข์ทำไม?


            ทีหลังก็กดนาทีเดียวจะได้ไปเลย


            เห็นไหมว่าเราทุกข์ไปเปล่าๆ ปลี้ๆ เราทุกข์แล้วเราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ แล้วเราทำไมเราถึงไม่รู้ตัวเพราะเราว่ามันเป็นธรรมดาไง แล้วเราชินไปกับมัน แล้วเราจะออกจากมันยังไงล่ะทีนี้ในเมื่อเราไม่รู้ว่าใครคือโจร


            ดังนั้นนี่ล่ะ คือจุดเริ่มต้นที่ทำไมเราถึงต้องน่าจะเข้ามาศึกษาอะไรบางอย่างที่เราไม่รู้เลย




ส่วนหนึ่งจากบทสัมภาษณ์ อาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิม
ธรรมบรรยายในรายการ “สุขทุกวัน ๗ วัน ๗ กูรู”
AMARIN TV HD (๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘)

สามารถดูคลิปวีดีโอธรรมบรรยายนี้ได้ที่
https://youtu.be/atSoMOn-Zlg?list=PLDzf9cyBwgxCjMpbMNN8JxdbYZLkyBxBc





และสามารศึกษาธรรมะ ข้อธรรมต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่
https://makkanuka.wordpress.com/




Create Date : 30 พฤษภาคม 2558
Last Update : 30 พฤษภาคม 2558 11:10:43 น.
Counter : 696 Pageviews.

0 comments

อาณาจักรสีเขียว
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



ขอบพระคุณที่เข้ามาเยี่ยมชมคะ

แล้วแวะเข้ามาเยี่ยมชมที่บล็อก ลิงค์นี้กันนะ
http://dhammaway.wordpress.com
แนะนำมากๆ
All Blog
  •  Bloggang.com