วันไหนที่พ้นจากความเป็นทาส ค่อยประกาศตัวว่าเป็นอิสระ
วันนี้อย่ามาประกาศตัวว่าเป็นความสุขซะให้ยาก เพราะว่าตราบใดที่เรายังเป็นทาสอะไรอยู่ เราจะมาบอกตัวว่าเป็นความสุขได้ยังไงโดนมันจิกหัวบงการใช้
สมัยก่อน ก่อนที่ผมจะบวชผมก็คิดว่าฆราวาสนี่อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากกินอะไรก็ได้กิน อยากไปไหนก็ได้ไป ฆราวาสมีชีวิตที่อิสระ พระไม่อิสระเลย อยากไปไหนก็ไม่ได้ไป อยากทำอะไรก็ไม่ได้ทำ อยากจะฉัน(กิน)อะไรก็ไม่ได้ฉันเเล้ว เเต่เขาจะจัดมาให้ เเล้วเเต่เขาจะใส่บาตรมาให้ ผมมีความรู้สึกว่าพระไม่อิสระเลย จนกระทั่งผมเข้าไปบวชผมถึงรู้เลยว่าเราคิดผิดล่ะ
พระเป็นอิสระ ฆราวาสไม่อิสระเลย ที่เราบอกว่าอยากกินอะไรก็ได้กิน เราต้องเติมไปอีกคำหนึ่ง เราลืมเติมไปว่า "ลองไม่ได้กินสิ เเล้วมันจะดิ้นให้ดู" อยากไปไหนก็ได้ไปเราบอกว่าเราเป็นอิสระ "ลองไม่ได้ไปสิ ดูซิจะหน้าหงิกหน้างอไหม" อยากเป็นอะไรก็ได้เป็น "ลองไม่ได้เป็นสิ" ไม่ว่าจะตำเเหน่งไหนๆไล่ตั้งแต่ผู้ช่วยจนถึงรัฐมนตรี ลองไม่ได้เป็นดั่งใจสิ เห็นยิงกันมาเยอะแล้ว
นี่นะอิสระ?
ตราบใดที่ยังเป็นทาสให้ธรรมชาติ ธรรมชาติหนึ่งจิกหัวบงการสั่งได้ตลอดเวลา อย่ามาประกาศตัวว่าตัวเองเป็นอิสระ ทาสไม่มีสิทธิประการตัว วันไหนที่พ้นจากความเป็นทาสของอวิชชาค่อยประกาศตัวว่าข้าเป็นอิสระ วันที่ข้างในโพล่!ขึ้นมาประกาศตัวว่า "ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ต้องทำได้ทำสำเร็จแล้ว กิจอื่นที่ต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก" วันนั้นค่อยประกาศตัวว่าเราเป็นอิสระ
เพราะฉะนั้นเส้นทางที่จะเดินไปสู่การประกาศอิสรภาพจริงๆ
อาศัยมรรคมีองค์แปด
อาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิมส่วนหนึ่งจากธรรมบรรยายในคอร์สปฏิบัติธรรม มัคคานุคาเบื้องต้น
สามารถศึกษาธรรมะ ข้อคิด ข้อธรรม เพิ่มเติมได้ที่
https://makkanuka.wordpress.com/