The world around us: My perspective
Group Blog
 
All Blogs
 
ได้ผลจริงหรือ... กับคำสอนที่ให้เรารักและจริงใจในสิ่งที่ทำ

เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า จงรักงานที่ทำอยู่แล้วจะประสบความสำเร็จไหมครับ ซึ่งก็คงเหมือนกับพนักงานขายสินค้าที่ดีก็ควรจะเชื่อมั่นในสินค้าของตัวเองนั่นแหละ สำหรับผมเองในฐานะที่เป็นทั้งอาจารย์ในคลาสและวิทยากรในงานสัมมนา ผมยึดมั่นว่าเราต้องจริงใจในสิ่งที่เรากำลังทำ และเราต้องเชื่อในสิ่งที่เราพูดออกไป

ในคลาสเรียนของผมเอง ผมจะบอกเด็กๆ ในคลาสแรกของเทอมทุกครั้งว่า

        - ตอนเรียนป.ตรี วิศวะ ที่บางมด ผมก็ไม่ได้แต่งชุดนักศึกษาตลอดเวลา ดังนั้นในคลาสของผม ผมก็จะไม่ว่าอะไรเลยถ้านิสิตนักศึกษาแต่งตัวไม่ถูกระเบียบนัก ขอแค่อย่าให้มันผิดกาละเทศะเกินไปก็พอ

         - ถ้าใครไม่อยากมาเข้าคลาส ก็ไม่ต้องเข้าเรียน ผมไม่มีคะแนนเช็คชื่อให้ ขอเพียงให้ทำการบ้าน รายงาน หรือแล็บส่งให้ตรงเวลาก็พอ เนื่องจากช่วงปี 3-4 ของ ป.ตรี ผมก็ไม่ได้เข้าเรียนสักเท่าไหร่ (แต่ก็ส่งงานทุกชิ้นตรงเวลาเสมอ)

          - ในการส่งการบ้าน หรือรายงาน ห้ามนิสิตนักศึกษาลอกกันอย่างเด็ดขาด ห้ามลอกแม้กระทั่งเนื้อหาจากในเว็บ (เพราะสุดท้ายมันก็จะเหมือนกับของเพื่อนที่ลอกมาจากเว็บเดียวกัน) ทั้งนี้ก็เนื้่องจากผมไม่เคยลอกรายงานหรือการบ้านมาส่งเหมือนกัน

ที่บอกมาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ว่าผมต้องการให้นิสิตนักศึกษาโดดเรียนหรือประพฤติไม่ดีตามผมหรอกนะครับ ผมเชื่อว่าแต่ละคนมีแนวทางในการศึกษาที่ต่างกัน และสำหรับตัวผมเองแล้ว การนั่งฟังในห้องเรียนนั้นมีประสิทธิภาพน้อยกว่าการที่ผมอ่านหนังสือด้วยตัวเอง และถึงแม้ผมจะไม่ได้เข้าเรียน แต่ผมอ่านหนังสือเตรียมสอบก่อนเป็นอาทิตย์ และทำการบ้าน รายงาน แล็บ ฯลฯ ด้วยตัวผมเองเสมอ ดังนั้นถ้านิสิตนักศึกษาบางคนมีแนวทางในการเรียนด้วยการนั่งฟังอาจารย์ในคลาส ก็จงทำต่อไปด้วยความเชื่อมั่น และตั้งใจนะครับ (แต่อย่าลอกงาน)

ผมคงบอกไม่ได้ว่าการทำแบบนี้ในคลาสทำให้เกิดผลลัพธ์อะไรกับผมเองและนิสิตนักศึกษาบ้าง เพราะว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนนัก (หรือไม่ก็ต้องไปถามลูกศิษย์ของผมเอง) แต่ผมจะพูดในสิ่งที่ผมเห็นจากแฟนเพจของผมอันนี้ละกัน

ช่วงแรกที่ผมเขียนโพสต์ลงแฟนเพจ ผมพยายามลองเขียนเนื้อหาที่หลากหลายด้วยสไตล์ที่แตกต่างหลายๆ แบบ ผมทดลองวิเคราะห์การโพสต์ในแต่ละแบบว่ามีผลตอบรับอย่างไรบ้าง ผมอ่านหนังสือกลยุทธ์ในการโพสต์ ผมลองใช้วิธีโพสต์ตามหลักจิตวิทยา ผมลองโน่นลองนี่แทบจะทุกแบบ ซึ่งก็ทำให้ผมได้รู้อะไรหลายอย่างพอสมควร ซึ่งผมคงไม่สามารถบอกให้รู้ในนี้ได้หมด

แต่กฏสำคัญของการโพสต์ที่หลายคนรู้คืออะไรทราบไหมครับ คือการโพสต์ข้อความที่สั้น กระชับ และสร้างความประทับใจให้กับผู้อ่าน (นี่คือสาเหตุที่ twitter ดังเหลือเกิน เหมือนกับว่าปัจจุบันคนทั่วไปไม่มีเวลาอ่านอะไรยาวๆ อีกต่อไปแล้ว) และถ้าสามารถโพสต์รูปได้ก็จะยิ่งดี เพราะรูปแทนคำพูดเป็นร้อยเป็นพันคำ

แล้วรู้ไหมครับว่าโพสต์ของผมที่ได้รับ like และ comment เยอะที่สุดตั้งแต่เปิดแฟนเพจมาคือโพสต์แบบไหน มันคือโพสต์ที่ "ยาวที่สุดตั้งแต่ผมเขียนแฟนเพจมาเลย" ต่างหาก :-) ... น่าแปลกดีไหมครับ ทั้งๆ ที่ในโพสต์ก่อนหน้าหลายๆ อันผมก็เคยลองโพสต์สั้นๆ มาหลายแบบมาก แต่กลับไม่มีโพสต์ไหนเลยที่สู้โพสต์ยาวๆ อันนั้นได้

ผมเชื่อว่านี่เป็นเพราะการโพสต์ยาวๆ บ่งบอกถึงตัวตนของผมได้ดีที่สุด ทั้งแนวทางความคิด การวิเคราะห์ วิสัยทัศน์ หรือมุมมองต่างๆ ที่ผมมีต่อสิ่งรอบตัว และแม้จะมีหลายคนที่ไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ แต่ถ้าเขาชอบในสิ่งที่ผมคิด สุดท้ายแล้วเขาก็จะชอบสิ่งที่ผมเขียนแม้ว่ามันจะยาวไปบ้าง (และก็คงต้องบอกว่า ถ้าเขาไม่ชอบผมหรือไม่ชอบสิ่งที่ผมคิดอยู่แล้ว ถึงผมจะเขียนให้สั้นอย่างไร เขาก็ไม่ชอบอยู่ดี)

ตั้งแต่ที่ผมเริ่มเขียนโพสต์ยาวๆ ก็มีคนในแฟนเพจเคยมาบ่นกับผมเหมือนกันว่าผมเขียนยาวจัง แต่รู้ไหมครับว่าเขานี่แหละก็เป็นคนแรกๆ ที่กด like โพสต์ยาวๆ ของผมเสียหลายอัน ฮะๆๆ

ดังนั้นถ้าเราเชื่อมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้าเราคิดอะไรสักอย่างอยู่แล้วมั่นใจว่าสิ่งนั้นดี ขอให้จงยึดมั่นกับความคิดของเรา ทุ่มเทให้กับมัน และปลดปล่อยมันออกมากับสิ่งที่เราพูดและทำ แม้จะมีบางคนที่ไม่ชอบกับสิ่งนั้น แต่ให้ถามตัวเองซะว่าเราจะยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนๆ นั้นหรือเปล่า และถ้าคำตอบคือไม่ ก็ขอให้เชื่อมั่นในสิ่งที่เราทำต่อไป

ขอให้จงเชื่อมั่นในตัวเอง และสิ่งดีๆ ที่ตนเชื่อมั่นว่ากำลังทำอยู่ อย่างน้อยสิ่งตอบแทนสิ่งแรกที่เราจะได้มาก็คือความสบายใจที่เราได้เป็นตัวของตัวเอง แล้วความสำเร็จจะตามมาเองครับ :-)

------------------------------------------------------------------------
ช่วงนี้ผมจะเขียนบทความทั้งเรื่อง E-Commerce เรื่องภาษาอังกฤษ และเรื่องอื่นๆ อีกที่อยากคุย ใส่ไว้ใน fan page ก่อนแล้วก็อปมาวางไว้ที่บล็อกครับ ดังนั้นถ้าใครสนใจ ก็สามารถตามไปที่ //www.facebook.com/dr.ekkasit ได้เลย

หรือแวะไปดูสัมมนาการตลาดออนไลน์ที่ผมทำกับสถาบันปัญญาธุรกิจของเครือเนชั่นได้ที่ //www.nation-education.com/enews/SocialBeauty-Jun8/Outline.pdf

หรือถ้าสนใจสัมมนาการตลาดสถานพยาบาล ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ที่ผมทำร่วมกับรุ่นพี่ที่เป็นที่ปรึกษาการตลาดให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ //www.exitcorner.com ได้เลยครับ




Create Date : 28 เมษายน 2555
Last Update : 28 เมษายน 2555 15:06:56 น. 0 comments
Counter : 1968 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MrET_TK
Location :
พิษณุโลก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




วิศวกรคอมพิวเตอร์โดยปริญญา แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นอาจารย์ในที่สุด (แถมเป็นคณะวิทยาศาสตร์ด้วย ฮะๆๆ) ปัจจุบันเป็นวิทยากรด้านการตลาดออนไลน์ให้กับสถาบันในเครือกรุงเทพธุรกิจและเว็บ exitcorner รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ให้บริษัทเอกชน

ปัจจุบันผมเขียนบทความใน fan page เป็นประจำ (http://www.facebook.com/dr.ekkasit กับ http://www.facebook.com/InspireRanger)
Friends' blogs
[Add MrET_TK's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.