ถ้าอยากรวยแล้วต้องเลิกเล่นเกมส์ เลิกอ่านการ์ตูน เลยเหรอครับ???
วันก่อนอ่านกระทู้ๆ หนึ่งในพันทิปที่พูดถึงวิธีการทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ และหนึ่งในคำแนะนำมากมายในกระทู้นั้นก็คือให้เลิกเล่นเกมส์และอ่านการ์ตูนแล้วใช้เงินกับเวลาที่ได้มาในการทำงานหาเงินแทน ฟังแล้วก็ทำให้คิดตามว่า เอ๊ะ สรุปว่าการที่ผมอ่านการ์ตูนกับเล่นเกมส์นี่จะทำให้ผมล้มเหลวในชีวิตงั้นหรือ แต่สิ่งแรกที่ผมคิดขึ้นมาอย่างแรกโดยแทบไม่ต้องใช้เหตุผลเลยก็คือ ถึงการไม่เล่นเกมส์ไม่อ่านการ์ตูนนั้นจะทำให้ผมได้เงินเป็นแสนเป็นล้าน ผมก็คงขอบายแน่ๆ เพราะถึงจะได้เงินมาใช้จ่ายมากขึ้นแต่ความสุขในการใช้ชีวิตของผมก็ลดลงเกือบครึ่ง แล้วเงินพวกนั้นมันจะมีความหมายอะไรกัน ที่ผมพูดนี่ไม่ได้หมายถึงแค่การเล่นเกมส์หรือการอ่านการ์ตูนเพียงอย่างเดียวนะครับ แต่ผมหมายถึงสิ่งที่นำความสุขมาให้กับชีวิตของเรา บางคนชอบท่องเที่ยว บางคนชอบดูหนังฟังเพลง ฯลฯ เราไม่จำเป็นต้องตัดสิ่งเหล่านั้นออกแล้วหันมาทำงานแทน ขอเพียงแค่เราแบ่งเวลาให้เป็น รู้ว่าเวลาไหนเล่นได้และเวลาไหนจำเป็นต้องทำงาน มีความรับผิดชอบมากๆ ก็พอแล้ว (แต่ถ้าใครมีความสุขที่ได้ทำงาน ก็ตามสบายเลยเช่นกันครับ) แล้วผมขอค้านทัศนคติที่ว่าการเล่นเกมส์และการอ่านการ์ตูนนั้นไร้สาระหน่อยเถอะครับ ผมได้ความรู้รอบตัวมากมายจากการอ่านการ์ตูน รู้วิธีเรียบเรียงความคิดในการเล่าเรื่อง ได้ฝึกฝนทักษะภาษาไทยในช่วงเด็กๆ ได้ไอเดียกับจินตนาการมากมาย ได้ความรู้จากการ์ตูนไซไฟ ได้ข้อคิดจากการ์ตูนฮีโร่ต่างๆ ฯลฯ ยิ่งการเล่นเกมส์นั้นจัดว่าเป็นเครื่องมือหลักในช่วงแรกของการฝึกภาษาอังกฤษของผมเลยครับ ผมเล่นเกมส์ football manager มาตั้งแต่เรียนปริญญาตรี ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีกราฟฟิกอะไรเลย อ่านบทพากย์ในเกมส์จนกระทั่งรู้คำศัพท์และสำนวนเยอะแยะมากมาย แล้วพอมาเล่นเกมส์ Final Fantasy ก็ยิ่งทำให้ฐานคำศัพท์ของผมกว้างขึ้นอีกเยอะ ผมมีนิสิตปริญญาโทคนหนึ่งที่อ่านการ์ตูนในเน็ตจนกระทั่งตอนนี้หันมาอ่านบทความวิจัยภาษาอังกฤษได้เข้าใจไม่ยากเลย เกมส์บางอันยังช่วยฝึกการตัดสินใจ การวางกลยุทธ์ และความพยายาม (นั่นหมายถึงเฉพาะการเล่นโดยไม่มีคู่มือ ไม่มีการโกง ไม่มีการใช้เงินจริงซื้อไอเท่มพิเศษนะครับ เพราะผมก็เล่นแบบลุยหมดโดยไม่เคยใช้ทางลัดอย่างอื่นเลย) อย่างเมื่อกี้นี้เองผมก็พึ่งเล่น Poker ออนไลน์ของ Zynga เสร็จไป 1 ทัวร์นาเม้นท์ รู้ไหมครับว่าผมใช้ทักษะอะไรบ้าง เริ่มด้วยการใช้ความรู้ด้าน "ความน่าจะเป็น" อย่างคร่าวๆ ในการประเมินเปอร์เซ็นต์ชนะในแต่ละตา โดยดูจากจำนวนผู้เล่นที่ยังไม่หมอบ หน้าไพ่ของผมที่มีอยู่ หน้าไพ่ที่มีโอกาสเปิดขึ้นมา จำนวนเงินที่อยู่ในกอง ฯลฯ จากนั้นพอเริ่มเข้าสู่รอบลึกๆ ของทัวร์นาเม้นท์ ผมก็นำเอาพฤติกรรมการเล่นของคู่แข่งคนอื่นมาร่วมในการวิเคราะห์ เพราะตอนนั้นผมจะเห็นจำนวนเงินที่เหลือของเขา รูปแบบการวางเงินเล่นและการหมอบ และที่สำคัญก็คือดูว่าเขากล้าเล่นโดยใช้อารมณ์กับเหตุผลระดับไหน ซึ่งส่วนหลังนี้สำคัญมากเพราะว่าถึงผมใช้เหตุผลไปแต่ถ้าคู่แข่งใช้อารมณ์ บางทีผมอาจจะเดาหน้าไพ่ของเขาผิด แล้วการเล่นไพ่จะเป็นการเสี่ยงดวงดีๆ นี่เอง พอเหลือ 3 คนสุดท้ายนั้น ผมก็เห็นว่าพวกคู่แข่งเริ่มเล่นกันแบบระวังมากเกินไป จนทำให้ผมค่อยๆ ไต่ลำดับจากคนที่มีจำนวนเงินน้อยที่สุดใน 3 คนมาเป็นคนที่มีเงินเยอะสุดได้โดยใช้กลยุทธ์การลักไก่เกือบสิบครั้งได้กระมัง แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะมีปัจจัยด้านดวงมาเกี่ยวข้องกับการที่ผมชนะทัวร์นาเม้นท์ แต่มันก็เป็นไปได้เพราะทักษะหลายๆ อย่างที่ผมหาฝึกได้ยากในโลกแห่งความจริง ดังนั้นถ้าใครที่ยังเล่นเกมส์กับอ่านการ์ตูนอยู่ หรือจะเป็นสันทนาการด้านใดๆ ก็ตาม คำแนะนำของผมก็คงค้านกับกระทู้นั้นพอสมควร ถ้าทำแล้วมีความสุขและไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ก็ขอให้ทำต่อไป แต่ให้แยกแยะภาระหน้าที่ความรับผิดชอบให้ชัดเจน อย่าทำให้งานของตัวเองเสียก็น่าจะพอแล้ว จำไว้ว่าเราสามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้จากทุกสิ่งที่เราทำ แม้ว่าสิ่งนั้นมันจะถูกมองว่าไร้ค่าหรือไร้สาระโดยคนอื่นๆ ก็ตาม ------------------------------------------------------------------------ ช่วงนี้ผมจะเขียนบทความทั้งเรื่อง E-Commerce เรื่องภาษาอังกฤษ และเรื่องอื่นๆ อีกที่อยากคุย ใส่ไว้ใน fan page ก่อนแล้วก็อปมาวางไว้ที่บล็อกครับ ดังนั้นถ้าใครสนใจ ก็สามารถตามไปที่ //www.facebook.com/dr.ekkasit ได้เลย หรือแวะไปดูสัมมนาการตลาดออนไลน์ที่ผมทำกับสถาบันปัญญาธุรกิจของเครือเนชั่นได้ที่ //www.nation-education.com/enews/SocialBeauty-Jun8/Outline.pdf หรือจะดูสัมมนาเรื่องภัยออนไลน์กับเด็กและผู้ปกครอง ที่ผมทำกับสถาบันปัญญาธุรกิจของเครือเนชั่นได้ที่ //www.nation-education.com/enews/Kids&Disaster-Jul13/Outline.pdf
Create Date : 18 มิถุนายน 2555 |
Last Update : 18 มิถุนายน 2555 20:34:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1223 Pageviews. |
|
|