The world around us: My perspective
Group Blog
 
All Blogs
 
ไมโครซอฟต์ได้กำไรมือถือแอนดรอยด์? โมโตโรลาได้ส่วนแบ่งในการขายโน้ตบุ๊ค? เฟสบุ๊คและอินสตาแรม?

โลกธุรกิจช่างซับซ้อน... ในขณะที่หลายคนรู้ว่าแอนดรอยด์เป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ใช้ฟรี แต่รู้กันไหมว่าสมาร์ทโฟนและแท็บเบ็ตที่ใช้แอนดรอยด์ส่วนใหญ่ต่างติดสัญญาสิทธิบัตรกับ Microsoft ซึ่งทำให้ Microsoft ได้รับเงินส่วนแบ่งค่าสิทธิบัตรในทุกครั้งที่ Samsung, HTC, LG ขายอุปกรณ์แอนดรอยด์ ... บางเว็บถึงกับกล่าวว่า Microsoft ได้เงินจากโทรศัพท์แอนดรอยด์มากกว่าโทรศัพท์วินโดว์เสียอีก ฮะๆๆ

ส่วนทาง Motorola นั้น ก็มีสิทธิบัตรทางปัญญาในเรื่องการจัดการด้านวิดีโอ (H.264) และก็ได้รับค่าสิทธิบัตรในการขาย notebook แต่ละเครื่อง ซึ่งยิ่งทำให้การซื้อ Motorola ของ Google เมื่อปีที่แล้วเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก (คงรู้กันว่า Google ซื้อ YouTube ไปตั้งแต่ปี 2006 แล้ว) ... น่าสนใจขนาดที่ว่า Microsoft ถึงกับยื่นฟ้องร้องขัดขวางการซื้อครั้งนี้ด้วยซ้ำ :-)

ส่วนการซื้อที่ดังมากๆ ช่วงนี้ก็คงหนีไม่พ้นการที่ Facebook ซื้อ Instagram ไปในราคาแพงระยับเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมานี่เอง มีข่าวลือออกมากว่าการตกลงซื้อขายกันระหว่าง CEO ของทั้งสองบริษัทนั้นมีเรื่องราวดราม่าหักมุมถึงขนาดสามารถนำไปสร้างหนังเรื่อง Social Network ภาค 2 ได้เลยทีเดียว (ว่ากันว่าทาง Instragram อยากขายให้ Facebook อยู่แล้วแต่เล่นตัวจนทำให้ราคาพุ่งไปถึง 1 ล้านเหรียญเลยทีเดียว ... เป็นแค่ข่าวลือออกมากเฉยๆ นะครับ ไม่ขอยืนยัน)

เห็นได้ชัดว่าทาง Facebook กำลังมองอนาคตในตลาดสมาร์ทโฟนอย่างมาก การซื้อ app ของบริษัทที่มีพนักงานเพียง 13 คนด้วยราคา 1 พันล้านเหรียญทั้งๆ ที่แทบไม่มีข่าวของคู่แข่งในการซื้อเลยนั้น เป็นการบอกกลายๆ ว่าทาง Facebook ตื่นเต้นกับเรื่องนี้ขนาดไหน (ผมมองว่า ถ้าปล่อยให้ Google เข้ามาซื้อแทนก็คงน่ากลัว ... อ้อ แต่ว่าถ้าหลังจากนี้ Google หันมาซื้อ Pinterest แทน ทาง Google+ ก็คงน่ากลัวขึ้นอีกเยอะเหมือนกัน)

อ่านมาหมดแล้วพอมองเห็นไหมครับว่าสิ่งสำคัญจริงๆ ที่แต่ละธุรกิจให้ความสนใจซื้อกันนั้นเป็นทรัพย์สินทางปัญญา และการซื้อ Instagram ของ Facebook ยังเป็นการยืนยันหลักการการทำธุรกิจไอทีในสมัยใหม่ที่ว่า หา user มาให้ได้ก่อน แล้วค่อยคิดเรื่องเงินกันทีหลัง (และนี่คือโมเดลของ Facebook มาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว)

ดังนั้นไม่ว่าจะทำงานอะไรอยู่ จะเป็นการสร้างเว็บ เขียนโปรแกรม ขายสินค้า หรือว่าขายบริการ ขอให้ใส่ใจกับความต้องการของ user เป็นอันดับหนึ่ง ไม่ใช่ทำๆ ไปแล้วเน้นความสบายของตัวเอง (ผมเจอบ่อยครับ พวกที่ใช้โปรแกรมแล้วบ่นเป็นหมีกินผึ้งว่าใช้ยากอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เวลาตัวเองเขียนโปรแกรมเองกลับสักแต่เขียนลวกๆ เอาง่ายเข้าว่า) จากนั้นทุกอย่างจะตามมาเอง

ฮะๆๆ เริ่มพูดเรื่องธุรกิจแต่กลับมาจบที่เรื่องการตั้งใจทำงาน สงสัยผมจะอินเกินไปหน่อย ว่าแล้วก็ขอตัวไปตั้งใจทำงานอื่นๆ ก่อนนะครับ :-)

------------------------------------------------------------------------
ช่วงนี้ผมจะเขียนบทความทั้งเรื่อง E-Commerce เรื่องภาษาอังกฤษ และเรื่องอื่นๆ อีกที่อยากคุย ใส่ไว้ใน fan page ก่อนแล้วก็อปมาวางไว้ที่บล็อกครับ ดังนั้นถ้าใครสนใจ ก็สามารถตามไปที่ //www.facebook.com/dr.ekkasit ได้เลย

หรือแวะไปดูสัมมนาการตลาดออนไลน์ที่ผมทำกับสถาบันปัญญาธุรกิจของเครือเนชั่นได้ที่ //www.nation-education.com/enews/SocialBeauty-Jun8/Outline.pdf

หรือถ้าสนใจสัมมนาการตลาดสถานพยาบาล ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ ที่ผมทำร่วมกับรุ่นพี่ที่เป็นที่ปรึกษาการตลาดให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ //www.exitcorner.com ได้เลยครับ




Create Date : 01 พฤษภาคม 2555
Last Update : 1 พฤษภาคม 2555 21:19:33 น. 0 comments
Counter : 746 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

MrET_TK
Location :
พิษณุโลก Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




วิศวกรคอมพิวเตอร์โดยปริญญา แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นอาจารย์ในที่สุด (แถมเป็นคณะวิทยาศาสตร์ด้วย ฮะๆๆ) ปัจจุบันเป็นวิทยากรด้านการตลาดออนไลน์ให้กับสถาบันในเครือกรุงเทพธุรกิจและเว็บ exitcorner รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาด้านการตลาดออนไลน์ให้บริษัทเอกชน

ปัจจุบันผมเขียนบทความใน fan page เป็นประจำ (http://www.facebook.com/dr.ekkasit กับ http://www.facebook.com/InspireRanger)
Friends' blogs
[Add MrET_TK's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.