เขียนแบบธรรมชาติ นึกอะไรได้ก็เขียน
Financial Engineering กับคำถามที่คนสงสัย ภาคสอง: จะเลือกมหาลัยอย่างไร? (2.3)



Financial Engineering กับคำถามที่คนสงสัย ภาคสอง: จะเลือกมหาลัยอย่างไร? (2.3)

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุณCherryboyd สมาชิกท่านหนึ่งในพันทิพย์ เคยโพสท์ภาคแรกไว้นานมากแล้ว ซึ่งเลือกอ่านได้ที่ group blog "Financial Engineering กับคำถามที่คนส่งสัย ภาคหนึ่ง" ซึ่งอยู่ที่มุมขวาของบล็อกนี้นะครับ ส่วนภาคใหม่นี่ คุณCherryboyd เพิ่งเขียนเสร็จ และฝากผมมาโพสท์ครับ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


คิดดีๆก่อนมาเรียน FE
1. ตอนนี้เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก กำลังสู่ภาวะถดถอย (จะฟื้นเมื่อไรก็ไม่รู้) FEเป็นสาขาที่ พูดจริงๆแล้ว หางานทำได้เฉพาะธนาคารเท่านั้น อาจจะมีไปทำ Consultได้บ้าง หรือ บริษัทประกันได้บ้าง แต่ไม่มาก แน่ใจหรือเปล่าว่าจะหางานได้ แน่ใจหรือว่า เศรษฐกิจไม่ปรกติอย่างนี้ ที่บ้านส่งไหว ถ้าเกิดวิกฤษเศรษฐกิจอีกรอบ เงินบาทอ่อนลงไปกว่านี้ ที่บ้านรับภาระได้หรือไม่? ค่าครองชีพระหว่างเรียนเท่าไร New York City อย่างต่ำเดือนละ $2000 นะครับ สำหรับกินอยู่แบบไม่ลำบาก ไหวไหม? หาโชคร้ายงานไม่ได้ต้องกลับไทยคุ้มไหม? อยากทำงานอเมริกาไหม? อัตราภาษีเงินได้เมกา ถ้าโดนไป35%น่ะครับ จะคืนทุนกี่ปี? ดูตามข่าวเรื่องVisa H1Bหรือยัง ง่ายลงหรือยากขึ้น? การแข่งขันใน Wall Street ขนาดไหน? เงินดีแต่ชอบงานแข่งขันสูงๆหรือเปล่า? จะเรียนFEลองประเมินตลาดดูก่อนนะ อย่าลืมว่า ตอนเราจบ ก็จะมีคนจบใหม่ๆมาเหมือนกัน
2. การแข่งขันในการสมัครเข้าเรียนตอนนี้ สูงมากๆๆ เพราะ นักเรียนสายวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ จากทั่วโลก ส่งใบสมัครมาหา มหาวิทยาลัยระดับ Top โดยเฉพาะ จีนและอินเดีย ที่พื้นฐานทางด้านคำนวณ/ภาษาค่อนข้างดี รับได้ 50 คน ใบสมัครห้าร้อย พันนึง อย่างต่ำ สำหรับมหาวิทยาลัยดังๆ ไหวหรือเปล่า อะไรพอสู้ได้ไหม? GPAดีไหม, Recommend ประสบการณ์ทำงาน Essay – ไม่ได้บอกว่า ต้องดีเลิศทุกอย่าง แต่อย่างน้อยต้องมีจุดขายบ้าง กิจกรรม ความเป็นผู้นำ ภาษา เส้นสายRecommendation ประสบการณ์การทำงาน แรงบันดาลใจ หาข้อมูลเยอะๆ
a. ขยายความเรื่อง Essayหน่อย เมืองไทยยังไม่ค่อยมี FE คุณรู้แล้วหรอว่า FEคืออะไร ทำไมถึงดลใจให้คุณอยากมาเรียน คุณสนใจด้านไหนเป็นพิเศษ ไม่ได้เขียนง่ายๆนะครับ ไมไช่เขียนว่า อยากเป็น Trader อยากทำงานในตลาดหุ้น หรือจะ Google/Wiki ข้อมูล financial engineering แล้วมาเขียน Essay ให้คนอ่านประทับใจ พวกเขียนว่า อยากเป็นความประทับใจพ่อแม่ อยากพัฒนาประเทศชาติ ก็หาเหตุผลดีๆ แล้วก็สมเหตุสมผลด้วยนะครับ ไม่ไช่สุดท้ายก็ทำงานเมืองนอก แล้วมันพัฒนาประเทศชาติตรงไหน
3. ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่อง GRE กะ Toefl เลย อยากจะบอกว่า สายวิทย์ไม่ค่อยสน GRE ครับ (แต่ GMATสน) เป็นปัจจัยอย่างท้ายๆเลยที่เค้าดู Toefl เนี่ย ผ่านเกณฑ์ก็พอ แล้ว ออ สำคัญมากไม่รู้มีใครบอกคุณหรือไม่..... Speaking สำคัญที่สุด ห้ามต่ำเด็ดขาด เมกา หากคุณพูดไม่รู้เรื่อง สื่อสารไม่ได้ มหาวิทยาลัยเขี่ยทิ้งอย่างแรกเลยครับ (30ห้ามต่ำกว่า 22 นะครับ Speaking สำหรับมหาวิทยาลัยดีๆ- ต่ำกว่า 17 ควรสอบใหม่ครับ)
4. มหาวิทยาลัย ตอนนี้ก็เปิด FEมากขึ้นเรื่อยๆ บางมหาวิทยาลัยได้ข่าวลือว่า เปิดป.ตรีแล้วด้วยซ้ำ (เมืองไทย จุฬาก็กำลังจะเปิดภาคinterแล้ว ธรรมศาสตร์ก็มีนานแล้ว) ก็มีทางเลือกกันมากยิ่งขึ้น ก็อาจจะดีว่า คุณสมัครได้ง่ายขึ้นเพราะมีตัวเลือกมากขึ้น ขอให้ดูเรื่องคุณภาพด้วยนะครับ มหาวิทยาลัยที่ดังๆก็ยังกระจุกตัวอยู่ที่เดิมชื่อเดิมๆเข้ายากๆเหมือนเดิม เรื่องความดังของมหาวิทยาลัยเรายังไม่พูดตอนนี้ อยากพูดเรื่องว่า มหาวิทยาลัยพร้อมที่จะสอนหรือยังมากกว่าดีกว่า? มหาวิทยาลัยที่เพิ่งเปิดใหม่ๆ บางทีอาจจะยังไม่พร้อม ทั้งเรื่องครูสอน เรื่องการหางาน ก็อยากเตือนให้พิจารณาดีๆด้วยนะครับ อาจจะดูว่า รุ่นพี่หางานกันได้ไหม? หลักสูตรเป็นยังไง? ชื่อเสียงดีพอจะหางานได้หรือปล่าว ครบพอทำงานหรือเปล่า? ถ้าเขาหวังจะจ้างคุณเงินเดือนแพงๆ คิดว่าตัวเองจบแล้วดีพอให้เค้าจ้างไหม? เช่น มีเขียนโปรแกรมไหม? มีเลขไหม? มีสอนStochastic calculus ไหม? วิชาอะไรบ้าง เรียนที่ไหน ไปเรียนกับเด็กBusiness เรียนกับเด็กMath เรียนกับวิศวะ หรือว่าเปิดวิชาต่างหาก (ดูรหัสก็ได้ครับ) ออ ที่ตั้งของมหาวิทยาลัยก็ขอให้ดูนิดนะครับ FE มันทำงานกับธนาคาร กับธุรกิจ ถ้ามหาวิทยาลัยมันอยู่กลางป่าเขา ห่างไกล มันเหมาะไหม? เขาสอนได้ เปิดหนังสือได้ แต่ว่า มันห่างไกลตลาด เหมือนคุณเรียนเกี่ยวกับมหาสมุทร แต่ไปเรียนที่ๆไกลทะเล ดีไหม? คุณจะ ตามข่าวสารยาก ความรู้ใหม่ๆอาจจะไม่update อาจจะต้องเดินทางมาเข้าเมือง มาสมัครงาน มาสัมภาษณ์บ่อยๆ บริษัทก็อาจจะ ไม่อยากมาโปรโมทหาเด็ก ไม่อยากมาสัมภาษณ์ที่มหาวิทยาลัย (ถ้าไม่ดังจริง) เดินทางทีบินทีสองต่อ แอบบินไปสัมภาษณ์งาน ขากลับติดพายุหิมะ ต้องนอนสนามบิน กลับมาสอบเก็บคะแนนไม่ทัน ก็มีนะครับ

ที่บอกตรงๆ ไม่ไช่ไม่อยากให้มาสมัคร ไม่อยากให้มาเรียน แต่บอกเพราะอยากให้เห็นความเป็นจริง สมัครแล้วไม่ได้ สมัครใหม่อีกปีหน้า เสียเวลาไปเปล่า หรือ เสียเวลาไปเตรียมตัวอะไรที่มันไม่จำเป็น ไม่ไช่มาเรียนแล้วไม่เป็นอย่างที่หวัง หรือ มาเรียนแล้ว ทุกข์ แย่สุด คือ มาเรียนแล้วจบไปทำงานอย่างอื่น ไม่ได้ทำงานอย่างที่เรียน ตอนตัวเองสมัครก็คิดเหมือนกัน ว่า น่าจะมีคนบอกอย่างนี้ ก็ไม่เห็นมีใครบอกมา

สุดท้ายก็ขอให้ทุกคนโชคดีครับ





Create Date : 07 กรกฎาคม 2551
Last Update : 7 กรกฎาคม 2551 6:00:57 น. 0 comments
Counter : 1145 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

B Oprysk
Location :
Turin Italy

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Favorite Quote: Trust the Lord with all you heart.

Religion: Christian, Seventh-day Adventist (a serious believer)

Academic Degrees:

PhD candidate, Statistics and Applied Mathematics, Universita` di Torino
Master in Financial Economics, Universitaet Freiburg,
Bachelor in Asia Pacific Management, Ritsumeikan Asia Pacific University

Academic interests: Complex Social Network, Decision Theory, Random Networks, Graph Theory, Game Theory, Mathematical Economics

Other interests: Christianity (Seventh-day Adventist), Music (classical, RnB, Trance), Fitness, Arts (romanticism, futurism)

For more info, see

http://sites.google.com/site/banchongsan/Home
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add B Oprysk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.