บ้านฝ้ายสีชมพู
 
แล้ววันผ่าตัดก็มาถึง

วันอังคารที่ 25 มกราคม 54
วันนี้ตอน 6 โมงเช้า พยาบาลก็มาสวนลำไส้ และสวนล้างช่องคลอดอีกครั้ง แล้วแจ้งว่าประมาณ 10 โมงจะใส่สายน้ำเกลือ แล้วบอกว่าเข็มใหญ่หน่อย เอ่อ ดูสิ ไม่ต้องบอกคงจะดีกว่าเนอะ หลังจากนั้นก็เอาเสื้อมาให้เปลี่ยนเค้าบอกว่าชุดนี้เป็นชุดสำหรับคนไข้ผ่าตัดเสียดายเนอะไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ดู ตอนที่อยู่รพ.ก็ว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้ดู แต่จิตใจมันไม่ค่อยปกติสุขนักเลยไม่ได้ถ่ายมาเลยเสียดายจัง คือชุดที่ว่าเป็นชุดแซก คอกลมกว้างมีสายผูกที่ไหล่ ทั้งสองข้างไม่มีแขน เหมือนคอกระเช้าแซค อะค่ะ แต่ก็ยังมีชื่อโรงพยาบาลพิมพ์ไว้เป็นช่วงๆตลอดตัวนะ น้องที่ทำงานมาเยี่ยมตอน เก้าโมงกว่า ยังบอกชุดน่ารักจัง จริงๆแล้วเราก็ชอบนะ ใส่สบายดี พอ 10 โมง เค้าก็เข็นอุปกรณ์ให้น้ำเกลือมา เราเห็นแล้วลมจะจับ พยาบาลบอกว่าหาเส้นยาก เราก็รำพึงออกไปให้พยาบาลได้ยินว่าเข็มใหญ่แต่อาจจะเจ็บนิดเดียวใช่ไหมค่ะ เค้าขำใหญ่ แล้วเค้าก็เอาสายยางมารัดแขนแล้วก็ตีเส้นที่ข้อมือให้มันบวม เค้าบอกว่าไม่ต้องกลัวมาเดี่๋ยวเส้นมันหด เราก็พยายามทำใจดีสู้เสือ เอ้ยสู้เข็ม และภาวนาให้เค้าเจาะโดนเส้นไม่ต้องเจาะ 2 รอบ ตอนเจาะเจบบบบบ มากเจาะที่หลังมือด้านซ้าย แต่เราแบ่งความเจ็บปวดมาที่มือด้านขวา ด้วยการบี้มือลูกแทน ได้ผลแฮะ มันช่วยได้นะไม่เชื่อลองดู มันเหมือนการคลายความเครียดอะนะ

หลังจากนั้น เค้าก็แจ้งว่าเปลจะมารับประมาณเที่ยง ตอนนี้ มีพ่อแม่ น้องวิน น้องออม(เพื่อนน้องวิน) มาอยู่คอยให้กำลังใจ เพื่อรอเวลา ตอนนี้จะบอกว่ากลัวก็ไม่ใช่นะความรู้สึกมันเปลี่ยนไป กลายเป็นความว่างๆ ลอยๆ งัยไม่รู้ บางทีก็รู้สึกว่าเหมือนคนที่เค้าจะโดนขึ้นแท่นประหารมันจะเป็นอย่างนี้ละม๊าง คาดเดาไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พอเที่ยงตรงพยาบาลก็เข้ามาแจ้งว่าเปลมารับแล้ว เราเดินไปขึ้นเปลเหมือนตั้งโปรแกรมไว้ ไม่มีความคิดอะไรอยู่ในสมองเลย มองหน้าพ่อ แม่ ลูก ดูทุกคนมีความกังวลใจ ทำตัวไม่ถูก ว่าจะให้ใครอยู่ในห้อง สรุปแล้วก็ให้น้องออมเฝ้าห้อง แล้วน้องวิน พ่อ แม่ก็เดินตามเปลไป ตอนเข้ามาในลิฟ น้องวินยืนอยู่ข้างเปลเราก็เอื้อมมือไปบีบ ไว้มองหน้าเห็นพ่อแม่ เราก็เอื้อมไปจับไว้ทีละคน แล้วน้ำตาเราก็คลอ จนลิฟ มาที่ชั้น 9 มั๊งจำไม่ได้แล้ว หน้าห้องผ่าตัด คนเข็นเปล ก็หยุดแล้วก็บอกว่าให้แม่ลูกสั่งเสียกัน จริงๆ แล้วเค้าไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอก แต่เรารู้ว่าเค้าเป็นคนพูดไม่เป็น เป็นเด็กหนุ่มๆ เปิดเสียงเพลงดังมาตลอดทาง ท่าทางเฮ้วๆ พอเค้าพูดแค่นั้นเราก็ร้องไห้เลย น้องวินบอกว่าไม่เป็นอะไรหรอก แล้วเค้าก็เข็นเราเข้ามาในห้อง ระหว่างทางก็ปลอบใจเราว่าไม่เป็นอะไรหรอก แม่เค้าซิยังแย่กว่า ตอนนี้อยู่ในห้อง ไอซียู น้ำท่วมปอด เราก็เลยปาดน้ำตา พอถึงด้านใน เค้าให้เราเปลี่ยนเป็นอีกเปลนึง เราก็เลยขอบคุณเค้าแล้วบอกว่าขอให้แม่เค้าหายเร็วๆ นะ เค้าบอกพยาบาลว่าขอสารภาพผิดกับพยาบาลว่ามะกี้ให้แม่ลูกเค้าอำลากันเลยเป็นอย่างนี้ แล้วเค้าก็เข็นเตียงมาหยุดรอหน้าห้องอีกห้อง ห้องนี้มีเตียงอยู่ตรงข้ามเป็นผู้ชายอีกคนคงรอผ่าเหมือนกัน แล้วเค้าก็เอาหมวกสีเขียวอ่อน เหมือนหมวกอาบน้ำที่เป็นผ้ามาใส่หัวไว้ซัก 3 นาที เค้าก็มาเข็นเข้าห้องผ่าตัด แล้วให้เราเปลี่ยนมาขึ้นเตียงผ่า ซึ่งมีไฟดวงเบ้อเริ่มเหมือนที่เคยเห็นในโทรทัศน์น่ะ อยู่ด้านบนตั้งหลายดวงแนะ มีเจ้าหน้าทีอยู่ ทั้งหมด 4 คนแบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยให้เราอ้าแขนออกว่าบนแท่นเหมือนยืนกางแขนน่ะ แต่เป็นท่านอน แล้วเค้าก็เอาผ้าแผ่นโตๆ มาใส่ใต้แขนแล้วรวบมัดเอาไว้ทั้งสองข้าง อีกคนก็เอาผ้ามาพันผมเอาไว้หมดเหลือแต่หน้า แล้วเค้าก็คุยกันว่าหมอนิสาไปทานข้าว ให้วางยาได้เลย เดี๋ยวมาจะได้ผ่าเลย แล้วเค้าก็เอาหน้ากากมาครอบจมูกไว้ บอกว่าเป็นอ๊อกซิเจน มันเป็นควันๆขาวๆ ไม่มีกลิ่นอะไร เลยแต่เราก็เต็มใจสูดเข้าไปนะ เพราะนึกว่าเป็นอ๊อกซิเจนจริงๆ จำได้ว่าสูดไป 3 เฮือก ก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว เหมือนนอนหลับไปจริงๆ นะแหละ

มาตื่นอีกที ก็ตอนที่ได้ยินเค้าเรียกคุณนวพร เสร็จแล้วนะคะ ขยับขาซิคะ เราก็ทำแต่โดยดี แต่พยายามลืมตาก็ลืมไม่ขึ้น ลืมมาได้หน่อยมองไปข้างๆ เตียง เห็นผู้ชายอีกคนนอนอยู่ เห็นว่าเค้าพยายามมองหน้าเรา เหมือนสงสัยว่าเราจะฟื้นไม่ฟื้น จริงแล้วตอนนั้น น้องวิน ก็อยู่ข้างเตียงนะเพราะลูกบอกว่าเราขยับขาตามที่เค้าบอกให้ทำแต่เราไม่เห็นเค้า เห็นแค่นั้นเราก็เปิดลูกกะตาไม่ขึ้นอีกแล้วมันสะลืมสะลือ ได้ยินว่าเค้าบอกให้เข็นกลับห้องได้ พอขึ้นมาที่เตียงเค้าก็รวบผ้าที่เรานอนทับแล้วย้ายมานอนบนเตียงเดิม พยายามลืมตา ก็เห็นน้องวินคนแรก แล้วก็แม่กะพ่อ ยังไม่รู้สึกปวดแผลหรอกนะ แต่ก็หลับๆ ตื่นๆ เบลอๆ อ่ะ หลังจากนี้พยาบาล ก็เข้ามาวัดความดัน บ่อยมาก ทุกสองชั่วโมงมั๊ง จำไม่ค่อยได้แล้ว วันนี้พี่ต๋อยก็มาเยี่ยมด้วย เรารู้สึกว่าเจ็บคอ แล้วเสียงก็แหบๆ คงเพราะเค้าใส่ท่อหายใจเข้าไปในคอตอนผ่าตัดนะแหละ แล้วก็โชคดีด้วยที่การผ่าตัดครั้งนี้ไม่ต้องให้เลือด เพราะน้องวินไม่ทันบริจาคเลือดให้มันกะทันหักน่ะ พอ ประมาณ 6 โมงเย็นพยาบาลก็เข้ามาเช็ดตัว ตอนนี้ใครจะทำอะไรก็ทำไปเหอะ ขอนอนนิ่งๆ อย่างเดียวไม่อายไม่เอยแล้ว อ้อ ตอนออกจากห้องผ่าตัดเรารู้สึกว่าปวดฉี่มากแต่นอนอยู่ไม่กล้าฉี่ บอกพยาบาลเค้าก็บอกฉี่ได้เลยค่ะใส่สายฉี่แล้ว แต่เราก็ยังไม่กล้าฉี่อยู่ดี เราก็กลั่นๆ แล้วมันก็ค่อยๆ หายปวดไปเอง พอหลังๆ มันก็ไม่รู้สึกปวดฉี่แล้วมันออกไปทางสายเองโดยอัตโนมัติอ่ะ พอพยาบาลเช็ดตัวเสร็จ เค้าก็บอกว่าพรุ่งนี้อาบน้ำได้แล้วนะ หมอปิดพลาสเตอร์กันน้ำไว้ เราก็นึกในใจไม่กล้าอาบอ่ะกลัวน้ำเข้าแผล แล้วเค้าก็ห้ามทานอาหารและน้ำทั้งคืน และให้น้ำเกลือขวดที่ 2 ต่อ ช่วงคืนนี้พยาบาลเข้ามาวัดไข้และความดันถี่มากทั้งคืนเลยอ่ะ เดี๋ยวตื่น เดี๋ยวตื่น แต่ก็ไม่ต้องทำอะไรนะแค่นอนเฉยๆ วัดไข้สมัยนี้ก็ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ต้องอมปรอทแล้ว เค้าใช้เครื่องที่มีแสงสีแดงๆ ยิงไปที่ข้างคอเท่านั้นแหละสะดวกดี แล้ววันที่กลัวสุด สุดในชีวิตก็ผ่านไปค่ะ


Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2554 15:12:28 น. 1 comments
Counter : 500 Pageviews.

 
เย้ ผ่าโดยปลอดภัย ดีใจด้วยค่ะ


โดย: ดวงลดา วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:48:01 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 
 

cottonpink
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add cottonpink's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com