ยินดีต้อนรับสู่ club.bloggang.com
...magazine online โดยหนุ่มสาวชาว =Neo=

บุพเพสันนิวาส

...ความรักเป็นแรงดึงดูดทางใจอย่างหนึ่ง เมื่อคุณรักใคร แปลว่าคุณคิดถึงเขาในทางที่ดีและคุณก็ไม่รังเกียจที่จะคิดถึงเขาก่อนคิดถึงตัวเอง แต่บางครั้งคุณก็อาจสับสนได้ว่าทำไมจึงรักเขาทั้งที่เขาร้ายกับคุณขนาดนั้น... (ดังตฤณ, 2549)


รักแท้น่ะมีจริง... แต่ที่จริงกว่าคือ กิเลส



คู่หญิงชายนั้นมีหลายแบบ ไม่ได้มีแต่คู่เวรกับคู่แท้ คำว่า “คู่แท้” จะทำให้คุณนึกถึงเพศตรงข้ามที่ติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ เป็นตัวเป็นตนจับจองกันอย่างถาวรไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งธรรมชาติไม่ได้มีอะไรอย่างนั้น ตามกฎเหล็ก ข้อแรกสุดคือ “ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป”

หากหันมาใส่ใจกับคำว่า “คู่บุญ” และ “คู่บาป” แทน อย่างนี้จะเห็นอะไรกระจ่างขึ้น เพราะคนเราทำบุญทำบาปสลับกันได้ ไม่มีใครทำบุญทำบาปร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตลอดไป และนั่นก็แปลว่า คู่บุญอาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบุญกันมามากกว่าร่วมทำบาป ส่วนคู่บาปก็อาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบาปกันมากกว่าร่วมทำบุญ

มองอย่างนี้อคติจะลดลงอย่างฮวบฮาบทันที ประเภทขัดเคืองใจนิดหน่อยก็เหมาว่านี่คู่เวรของเรา หรือประเภทต้องตาต้องใจเมื่อเริ่มพบก็เหมาว่านี่แหละคู่แท้ของฉัน เราจะเห็นตามจริงว่า ถ้าต้องตาเมื่อเห็น ถ้าเย็นใจเมื่อใกล้ อันนั้นก็เป็นคะแนนทางความรู้สึกด้านดีชั้นแรก ต่อเมื่อมีความผูกพันผ่านเหตุการณ์ดีร้าย หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน ตรงนั้นค่อยเป็นคะแนนสะสมในชั้นต่อ ๆ มา กระทั่งปักใจเชื่อได้ว่าเป็นคู่บุญกันจริง ๆ

(เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ฉบับวันที่ 1 ธ.ค. 2548)



ความรู้สึกดีชั้นแรกในระยะแรกพบสบตานั้น เป็นผลบุญจากการอยู่ร่วมกันมาก่อนในอดีตชาติ ส่วนการร่วมทุกข์ร่วมสุขผ่านเหตุการณ์ดีร้ายต่าง ๆ มาด้วยกัน เป็นบุญใหม่ที่เกิดจากการเกื้อกูลในปัจจุบันชาติ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากเหตุปัจจัยทั้งอดีตและปัจจุบันประกอบกัน

คู่บุญ - คู่ที่ร่วมทำบุญกันมามากกว่าทำบาป


ไม่ว่าจะเป็นของเก่าหรือของใหม่ บุญที่สร้าง “คู่บุญ” ขึ้นมาจะเหมือน ๆ กัน ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ ได้แก่



มีศรัทธาไปในแนวทางเดียวกัน เช่น ถือศาสดาองค์เดียวกัน เชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบากด้วยกัน เชื่อว่าโลกกลมหรือโลกแบนเหมือน ๆ กัน เชื่อแนวทางในการดำรงชีวิตรูปแบบเดียวกัน เป็นต้น เมื่อศรัทธาไม่ตรงกันก็คุยเรื่องไม่ตรงกัน เมื่อคุยเรื่องไม่ตรงกันก็คุยกันได้ไม่นาน เมื่อคุยกันได้ไม่นานก็เบื่อกันเร็ว อันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้นกับทุกรูปนาม ไม่จำเพาะเฉพาะคู่รักเท่านั้น ขนาดเพื่อนกันแต่เชื่อไม่เหมือนกันยังยากที่จะเป็นเพื่อนสนิทกันเลยครับ ศรัทธาที่ร่วมกันปลูกฝังให้มั่นคง ย่อมทำหน้าที่สร้างสายตาที่มองไปในทิศเดียวกัน ไม่ก่อความรู้สึกเป็นอื่นจากกัน
มีศีลอันเป็นเครื่องหอมทางใจเสมอกัน คือความคิดงดเว้นข้อประพฤติผิดแบบเดียวกัน เป็นเหตุให้ไม่รังเกียจหรือหมั่นไส้กัน พรานหนุ่มกับพรานสาวทนกลิ่นอาจฆ่าฟันของกันและกันได้ แต่ให้หมอศัลย์ที่มีรังสีช่วยชีวิตมาเป็นคู่ผัวตัวเมียกับมือปืนร้อยศพที่ทะมึนด้วยรังสีเอาชีวิต อย่างไรก็คงทนกลิ่นอายที่เป็นตรงข้ามของกันและกันไม่ไหว และนั่นก็เช่นเดียวกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งเจ้าชู้ ร้อยลิ้นกะลาวน สำส่อนไปเรื่อยโดยไม่สนใจความสกปรกหมกมุ่นย่อมน่ารังเกียจยิ่งสำหรับคนใจซื่อถือความสะอาดผัวเดียวเมียเดียว ศีลที่ร่วมรักษาให้บริสุทธิ์ดีแล้ว ย่อมทำหน้าที่สร้างความอบอุ่นเชื่อมั่นในกันและกัน สนิทใจ ไว้วางใจกันเป็นมั่นเหมาะ
มีจาคะอันเป็นวิธีคิดแบ่งปันเสมอกัน อย่างน้อยต้องเป็นผู้ให้ซึ่งกันและกันในทางใดทางหนึ่ง ไม่ใช่มีแต่ฝ่ายหนึ่งคิดให้อยู่ข้างเดียว อีกฝ่ายเอาเปรียบตลอด เช่น อีกฝ่ายสละเงินให้ใช้ อีกฝ่ายสละแรงปรนนิบัติ เป็นต้น การเอารัดเอาเปรียบเกิดจากจาคะที่ไม่เสมอกันเป็นมูล ยิ่งหากต่างฝ่ายต่างคิดเจือจานคนอื่น เห็นข้าวของอะไรไม่ใช้แล้วก็คิดตรงกันว่า น่าบริจาคแก่คนที่เขาไม่มี อย่างนี้ยิ่งไปกันได้ มีโอกาสร่วมบุญกันบ่อย ๆ ยิ่งให้คนอื่นมาก ก็ยิ่งได้ความสุขในการสละมาเสริมใยแก้วร้อยสัมพันธ์ให้กันแน่นแฟ้นขึ้น จาคะที่ร่วมกันยินดีโดยพร้อมเพรียงย่อมก่อความรู้สึกซึ้งใจอย่างใหญ่เหมือนอยู่ด้วยกันจะเป็นที่พึ่งให้กัน ปลอดภัยร่วมกัน ประคับประคองกัน ไม่มีวันล้มพร้อมกัน
มีปัญญาเสมอกัน กล่าวทางโลกคือ คุยกันรู้เรื่อง กล่าวทางธรรมคือมีระดับการเห็นตามจริงใกล้เคียงกัน หรืออย่างน้อยเป็นไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่พูดคนละภาษา ฝ่ายหนึ่งทำก่อนคิด อีกฝ่ายคิดก่อนทำ หรือฝ่ายหนึ่งเอาอารมณ์พูด อีกฝ่ายพูดด้วยสติปัญญา หรือฝ่ายหนึ่งเห็นชัดว่าอะไร ๆ ไม่เที่ยง ความยึดมั่นถือมั่นเหลือน้อย แต่อีกฝ่ายหนึ่งแค่เรื่องน้อยก็ยึดมั่นถือมั่นเป็นเรื่องราวใหญ่โต ก็คงนึกระอาหรือหมั่นไส้ในกันเป็นอย่างยิ่ง ปัญญาที่ร่วมเสริมส่งกันและกัน ย่อมทำหน้าที่สร้างความร่างเริงในการสนทนา และความไม่พรั่นที่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกัน

หากอดีตกาลคุณเคยครองเรือนกับผู้มีบุญเสมอกันทั้ง 4 ข้อ (อาจหย่อนนิดหย่อนหน่อยได้)ขอเพียงได้มาพบกันในชาตินี้ ก็จะเกิดแรงดึงดูดที่ก่อความรู้สึกแสนดีอย่างประหลาดเหมือนเข้ากันได้ทุกอย่าง เหมือนเห็นกันได้ทุกแง่มุมด้วยความเข้าใจกระจ่าง






หากเคยครองเรือนกับผู้มีบุญเสมอทั้ง 4 ข้อ เพียงเกื้อกูลกันนิด ๆ หน่อย ๆ ก็จะเกิดแรงปฏิพัทธ์ขึ้นรุนแรง



และขอเพียงเกื้อกูลกันนิด ๆ หน่อย ๆ เช่น ฝ่ายหนึ่งมาถามทาง อีกฝ่ายบอกทางให้ เท่านี้ก็จะเกิดแรงปฏิพัทธ์ขึ้นอย่างรุนแรง ชนิดที่ฝ่ายชาย (ซึ่งมีธรรมชาติเป็นฝ่ายรุก) อาจยื่นข้อเสนอเดินพาไปส่ง และฝ่ายหญิงก็ตกลงรับข้อเสนออย่างยินดีเต็มใจทันที แล้วการตกลงร่วมทางกันไปจนกว่าจะตายก็ติดตามมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่มีเหตุการณ์น่าปวดหัว ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคู่บุญประเภทนี้

แน่นอนว่าสายตาทั่วไปมองแล้วย่อมนึกอิจฉา โดยไม่มีใครเข้าใจต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงว่า เหตุใดจึงมีคู่ที่น่าอิจฉาได้ปานนั้น รู้แต่ว่ามีจริง แต่ไม่รู้ว่ามีขึ้นมาได้อย่างไร ต้องต่อว่าใครที่แกล้งลำเอียง ความจริงคือ คู่บุญได้รับความยุติธรรมจากธรรมชาติกรรมวิบากต่างหาก แต่อาจเป็นความยุติธรรมที่ลึกลับ เพราะนำอดีตชาติมาแสดงให้เห็นเป็นภาพยนตร์ตามโรงไม่ได้

(เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ฉบับวันที่ 1 ธ.ค. 2548)




“บุพเพสันนิวาส” ตามความหมายอันแท้จริง จะต้องเคยครองคู่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขฝ่าฟันแล้วสุขสมด้วยกันมาก่อน มีลูกให้ช่วยกันเลี้ยงดูด้วยกันมาก่อน มีความจากพรากอันน่าอาลัยมาก่อน


และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยสำคัญอย่างสูง คือเคยทำบุญในพุทธเขตร่วมกันมาก่อน
(จะทำบุญร่วมกันในศาสนาไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ลัทธิความเชื่ออันนำไปสู่อบาย แต่การทำบุญร่วมกันในพุทธเขต มีกำลัง มีความสว่างสูงส่งเหนือสิ่งอื่นใด)








ลานดาว บอกตนเองว่าเข้าใจความหมายที่แท้จริงของ “คู่บุญ” และ “คู่บารมี” ก็คราวนี้เอง ถ้าเป็นคู่แท้ที่เคยร่วมบุญร่วมบารมีกันมาก่อน ก็มิใช่ว่าจะต้องด่วนเจอทันใจเสมอไป แต่อาจรอจังหวะเหมาะสมที่เมื่อพบกันแล้วต่างอยู่ในภาวะพร้อมจะร่วมทางกุศลดังเดิมอีกด้วย

แรงเหวี่ยงของกรรมใหญ่ฝ่ายกุศล จะดึงดูดให้วิญญาณตามติดกันไปเรื่อย ๆ คล้ายดาวแม่กับดาวบริวารนั่นแหละ ตราบใดเรายังมีใจเห็นดีเห็นงามกับกุศลผลบุญของเขา แล้วก็ร่วมกันทำประโยชน์ให้สาธารณชนไม่เลิกรา เกิดใหม่ก็ได้อยู่ด้วยกันอีกเสมอไป เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพลาดไปอยู่ภพต่ำ ปล่อยให้อีกฝ่ายโดดขึ้นไปอยู่สูงตาลำพัง ก็อาจคลาดกันระยะหนึ่ง

(กรรมพยากรณ์: ชนะกรรม ตอนที่ 41 ชนะกรรม)






คนสองคนที่สร้างบุญมาด้วยกันหากชาติใกล้ชักชวนกันทำทานเป็นงานอดิเรก ต่างฝ่ายต่างก็ได้แดนเกิดร่ำรวยไม่ขัดสน พอมาเจอกัน คบกัน อยู่ด้วยกันไม่ทันไร อยากทำธุรกิจค้าขาย ก็อาจรวยไม่รู้เรื่อง

หากชาติใกล้เตือนกันและกันตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ต่างฝ่ายต่างมีรูปร่างหน้าตาต้องใจเพศตรงข้าม พอมาเจอกัน ก็เอ็นดูเสน่หาหลงใหลในกันและกันรุนแรง ชนิดที่ใครอื่นหมื่นแสนก็ทำให้หลงไม่ได้เท่า

หาชาติใกล้จูงมือกันเข้าวัดเข้าวา ฝึกภาวนาให้เกิดความตั้งมั่นทางจิตใจ เจริญปัญญาให้แก่กล้าหวังความหลุดพ้นในที่สุดด้วยกัน ตั้งความปรารถนาว่า จะพบเพื่อเกื้อกูลกันให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ไม่ขวางกันและกันในเส้นทางมรรคผล พอมาเจอกัน ก็เกิดความผ่องใสเย็นรื่น แต่อยู่ด้วยกันเฉย ๆ ก็อาจเป็นแรงสะกิดอีกฝ่ายให้สงบลงจากทุกข์ และโน้มน้าวกันให้ใฝ่แต่เรื่องแสนดี งดงาม ไม่เป็นที่ระคายต่อกัน เจอพระสงฆ์องค์เจ้าก็แต่ที่ดี ๆ ไม่ลุ่มหลงประเภทพาญาติโยมลงเหว

(//www.larndham.net)





มีคู่รักหลายคู่ ที่ทำบุญมาด้วยกันแค่ระดับทาน อาจรวยร่วมกัน เจอกันยิ่งรวย มหารวยเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ปัญญาที่จะประคองรักร่วมกันอาจขาดไป ได้กันแล้วก็เบื่อกัน ไม่ต่างกับเสพสมบัติชนิดอื่น ๆ ฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงอาจมักมากในกามจนต้องออกไปเลอะเทอะข้างนอก และคนมีเงินนั้น ผิดศีลได้มากข้อนัก คงไม่ต้องขยายความ

มีคู่รักอีกหลายคู่ ที่ชวนกันรักษาศีลมาก่อน จะโกหกนั้นไม่เอา บี้มดตบยุงก็ไม่ยอม แต่ขาดทานบารมีร่วมกันมา ชวนกันอดออม ชวนกันตระหนี่เสียมาก เพราะไม่รู้ค่าของทาน ไม่เชื่อผลของทาน เกิดมาเจอกันอาจจะรักกันดูดดื่ม ปานจะกลืน เพราะรูปสวยด้วยกันทั้งคู่ แต่ขอโทษ ต้องกัดก้อนเกลือกินจนตาย ถึงสัญญาเก่าที่เจือด้วยความบริสุทธิ์ของศีลจะดึงรั้งไม่ให้นอกใจกัน ก็อยู่ร่วมกันอย่างอัตคัดขัดสน ผอมแห้งแรงน้อย เจ็บออด ๆ แอด ๆ ก็เป็นเหตุให้เกิดความเบื่อหน่ายกันและกันเนื่องจากความเป็นอยู่ได้อีก

โดยความไม่สมบูรณ์ของทาน ศีล ภาวนาที่บำเพ็ญมาร่วมกัน คู่รักที่เป็นปุถุชนทั่วไปจึงมักขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือหลายสิ่ง ที่จะเป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงตามวิถีทางธรรมชาติ ให้มั่นคงในรักต่อกัน หรือให้มีความสุขสดชื่นบำรุงจิตใจกันและกัน ฉะนั้น ถ้าหากอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีปัจจัยปรุงแต่งชนิดที่เป็นกุศล หล่อเลี้ยงให้เกิดความชุ่มชื่นใหม่ ๆ ทวีขึ้นทุก ๆ วัน ก็เป็นธรรมดาที่ความรักจะโรยราลงตามธรรมชาติใจที่เบื่อหน่ายของเก่าซ้ำซากจำเจ

(//larndham.net)







คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนักว่า บุญกรรมที่มีกำลังส่งผลสูงสุด มีอิทธิพลดีร้าย และเป็นตัวจัดสรร เลือกคู่ครองให้เราอย่างแท้จริง ได้แก่ กรรมทางกาย วาจา ใจ ที่เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า “นิสัยใจคอ” นั่นเอง

นิสัย คือ พฤติกรรม หรือการกระทำที่สั่งสมจนเกิดความเคยชินและนั่นก็ตรงกับศัพท์บัญญัติทางพุทธ คือ “อาจิณณกรรม”
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยกรรมสัมพันธ์




เกี่ยวกับเรื่องของเนื้อคู่หรือคู่แท้ สังสารสัตว์ที่มาจับคู่กันนั้น

ไม่ใช่มีใครดลบันดาล ไม่ใช่มีฐานะคู่กันโดยเดิม

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยกรรมสัมพันธ์ทั้งสิ้น





วิธีที่จะเจอคนจริงใจกับเรา ไม่ว่าในด้านความรักหรือธุรกิจ ไม่ใช่ด้วยความบังเอิญ ทำนองเดียวกับที่ไม่มีใครงมเข็มในมหาสมุทรเจอโดยปราศจากเครื่องช่วย ซึ่งในที่นี้ก็คือกรรมนั่นแหละ คุณต้องเข้าใจหลักกรรมข้อหนึ่ง คือ เมื่อให้สิ่งใดย่อมไม่สูญเปล่า ต้องมีการสะท้อนตอบเป็นการได้รับสิ่งนั้นคืนมาเสมอ ฉะนั้น หากตอนนี้อยู่ในช่วงรับความไม่จริงใจ ซึ่งเราเคยทำไว้กับใครมาก่อนก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่า ขอให้สร้างเหตุ สร้างเครื่องช่วยให้เราไปพบกับคนจริงใจในกาลข้างหน้า คือพยายามจริงใจกับคนอื่นโดยไม่ย่อท้อ ก็แล้วกัน

(เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม 1)






สิ่งที่ควรดูคือ เมื่อเข้าคู่กันแล้ว

รู้สึกว่าใช่หรือเปล่า (เป็นเรื่องของสัญญาที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกล้วน ๆ )
เกิดแต่เรื่องดี ๆ เมื่ออยู่ด้วยกันหรือเปล่า (วัดผลของอดีตกรรมที่ให้เป็นวิบากฝ่ายดี)
ร่วมกันเปลี่ยนอุปสรรคหรือเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้หรือเปล่า (ดูปัจจุบันกรรมที่เอื้อให้เกื้อกูลร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้แค่ไหน)
เกิดแรงบันดาลใจให้คิด พูด ทำดี ๆ ต่อกันและต่อคนรอบข้างหรือเปล่า (ปัจจุบันกรรมที่จะให้ผล เป็นวิบากอนาคตที่สดใสหรือไม่ เท่าที่ผมพบมา คู่ที่จรรโลงใจกันด้วยบุญ เลี้ยงใจกันด้วยบุญไม่ขาดสายเท่านั้น ที่ไม่เบื่อ ไม่แห้งแล้งต่อกันเสียก่อนตาย)

สรุปคือ เข้าคู่กันแล้วรู้สึกดี ๆ เกิดเรื่องดี ๆ ก็ใช่เลยครับ และไม่ต้องไปหมายมั่นเอาว่านั่นคือ เครื่องแสดงความถาวร เป็นเนื้อคู่นิรันดร์เพราะสังสารวัฏไม่มีอะไรอย่างนั้นให้ มีแต่เปลี่ยนกับเปลี่ยนครับ จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวลงเท่านั้น





หญิงชายในสังสารวัฏต่างท่องเที่ยวไปไกลตามลำพัง ตามหลักอนิจจัง


ความเข้ากันได้ระหว่างสองบุคคลเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นที่ยอมรับว่า ลักษณะนิสัยใจคอของคนเราจะก่อลักษณะกระแสจิตประเภทหนึ่ง ๆ ขึ้นมา ซึ่งเมื่อใกล้กันก็รู้สึกได้ว่าพอจะ “รับ” กันได้ไหม ถัดจากนั้นยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ อีก ทั้งความคิด คำพูดและปฏิกิริยาที่กระทำต่อกัน เป็นตัวตัดสินว่าเข้ากันได้สนิทจริงหรือไม่

ตรงนี้น่าคิดว่า ถึงจะเคยร่วมบุญกันมา ทว่าเข้ากันยากด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละฝ่าย แม้มีเวลากระดี๊กระด๊าด้วยกันในช่วงแรกอยู่บ้าง ต่อไปก็น่าจะฝ่อลงจนแหนงหน่ายในที่สุด

เคยทำบุญร่วมกันมาก็เรื่องหนึ่ง ลักษณะกระแสจิตคล้ายกันก็เรื่องหนึ่ง เจอกันแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างก็เรื่องหนึ่ง มีโอกาสใช้เวลาในชีวิตด้วยกันนานช้าแค่ไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง

สรุปแล้ว หากว่าตามหลักอนิจจัง หญิงชายในสังสารวัฏต่างท่องเที่ยวไปไกลตามลำพัง ผลัดเปลี่ยนเวียนจับคู่ด้วยความผูกพันมากน้อยแล้วถอยฉากจากกันไปเรื่อย ๆ หาคู่แท้ถาวรมิได้...

(ทางนฤพาน บทที่ 10 ผู้วิเศษ)







เมื่อให้สิ่งใดย่อมไม่สูญเปล่า


ในเมื่อยังต้องติดอยู่กับความรักประจำโลก

ก็ควรเป็นความรักที่เกื้อกูลกันและกันด้วยธรรมะ อยู่ร่วมกันด้วยกระแสบุญกุศล

หากผูกพันกับใครด้วยกระแสบุญมากกว่ากระแสบาป

ก็มักได้เป็นตัวจริงของเขาหรือเธอในที่สุด

(//www.larndham.net)



--------------------------------------------------------------------------------

ที่มา: ดังตฤณ, 2549. วาทะดังตฤณ ฉบับความรักหลากสี. โรงพิมพ์โอเอส พริ้นติ้ง เฮ้าส์. หน้า 14 -51.




 

Create Date : 17 มีนาคม 2552    
Last Update : 17 มีนาคม 2552 3:14:00 น.
Counter : 762 Pageviews.  

แบบทดสอบเนื้อคู่

เนื้อคู่ ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
อธิบายไว้ว่า "ชายและหญิง ที่ถือกันว่าได้เคยครองคู่ กันมาแต่ปางก่อน ชายและหญิง ที่เหมาะสมเป็นคู่ครองกัน"

โดยส่วนใหญ่ชีวิตคู่มักเริ่มต้นด้วยดี มีทั้งความรัก ความสุข
ช่วยกันประคับประครองชีวิตคู่ ด้วยความพอใจของทั้งสองฝ่าย
หลายคนมีชีวิตคู่ที่ราบรื่นไปตลอดรอดฝั่ง
แต่มีไม่น้อยที่ล้มเหลว บางคู่ต้องอย่ากัน บางคู่ถึงแม้ว่าอยู่ด้วยกัน
แต่ความรัก ความสุขที่เคยให้แก่กันไม่เหลือแม้แต่น้อย
ก็ต้องทนอยู่ด้วยกันอย่างเป็นทุกข์

การใช้ชีวิตร่วมกันของสามีภรรยาหลายๆ คู่ หากพิจารณา
ถึงการปฏิบัติต่อกันทั้งแง่กายกรรม วจีกรรมและมโนกรรม
จะพบว่า ทางกายกรรม หมายถึง การกินด้วยกัน นอนด้วยกัน มีลูกด้วยกัน ทำงานร่วมกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน
ถ้ามองจากภายนอกดูเหมือนเป็นคู่ที่มีความสุข
รักใคร่ปรองดองกันดีจนหลายๆ คนอาจจะรู้สึกอิจฉา
แต่สำหรับเจ้าตัวจริงๆ แล้ว การปฏิบัติต่อกันในทาง
วจีกรรม มโนกรรม มีแต่ทะเลาะเบาะแว้งกัน โกรธกัน น้อยใจ เจ็บใจ มีแต่ความทุกข์ ไม่มีคำว่าสุข
แต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้ ก็ยังต้องอดทนอยู่ด้วยกัน
เพราะความจำเป็นทางสังคม หรือ เพราะเห็นแก่ลูก

ชีวิตคู่
ที่เป็นเนื้อคู่กันประเภทนี้ก็มีมาก คือชาตินี้แม้จะมีความผูกพันกันทางกายกรรม
แต่ทางวจีกรรม มโนกรรม กลับเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่ดีแก่กัน
จึงดูเหมือนว่า ทางกายกรรมนั้นรักกัน โดยที่ความเป็นจริงแล้วต่างฝ่ายไม่มีความรู้สึกรักกันเลย
แต่ในสถานภาพทางสังคมที่เป็นสามีภรรยากันต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน จะเดินทางไปไหนก็ยังต้องร่วมรถคันเดียวกันเป็นครอบครัว

สามีภรรยาที่มีปัญหาเช่นนี้ บางครั้งต่างคนต่างตั้งจิตอธิษฐานว่าชาติหน้าอย่าได้พบกันอีก
ขอเจอชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย แต่ด้วยอุปาทานยึดมั่นถือมั่น ไม่ว่าจะรักกันหรือเกลียดชังกันก็ตาม
ไม่ว่าจะด้วยความพอใจหรือไม่พอใจต่อกันอย่างไร
ในทางมโนกรรม คือ ความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อกัน จะเป็นการดึงเข้าหากันอยู่ตลอด ไม่ปล่อยจากกัน
ดังนั้นจึงเป็นไปได้อย่างมากที่ บุคคลทั้งสองเมื่อต่างคนต่างตายจากกันในชาตินี้
ถ้าชาติหน้าเกิดมา โตเป็นหนุ่มเป็นสาวได้พบกันเมื่อไรก็เกิดอารมณ์รักที่รุนแรง
มีความดีใจ พอใจที่ได้เจอกัน เพราะทางกายกรรมในอดีต ชาตินั้น เคยใกล้ชิด ใช้ชีวิตร่วมกันมา เกิดมาในชาติใหม่
จึงเป็นเนื้อคู่กันอีก ที่เคยทุกข์ โกรธเกลียดกันก็ลืมไป
แต่คงต้องเรียกว่าเป็นเนื้อคู่เทียม
เพราะเป็นเนื้อคู่ที่เป็นผลของกรรมเก่า คือ กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมที่สร้างร่วมกันมา
ทำดีต่อกันบ้างทะเลาะกัน โกรธเกลียดกันบ้าง เป็นความรักที่หาความสุขแท้จริงไม่ได้
เพราะไม่ใช่เนื้อคู่แท้ที่ครองคู่กันด้วยความรัก ความเมตตา

ดังนั้น เมื่อต้องใช้ชีวิตคู่ด้วยกันในชาตินี้แล้ว
สามีภรรยาจึงควรสร้างกรรมที่ดีต่อกัน
ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม
แม้ว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้น ก็ควรรู้จักอดทน ปล่อยวาง ให้อภัยต่อกัน
ถ้าทำได้ก็จะเป็นอานิสงส์ให้มีความสุข
ทั้งในชาตินี้ และชาติหน้า

บทความบางส่วน จากหนังสือ สาระแห่งชีวิต คือ รักและเมตตา
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก




แบบทดสอบ เนื้อคู่



คนสองคนกว่าจะได้มาเจอ-คบ- พบและผูกพันกันในที่สุด นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะคะ ทั้งนี้ มีความเชื่อ(ที่ไม่งมงาย) อยู่อย่างหนึ่ง บอกว่ามีอะไรสักอย่างข้างบนนั้น กำหนดให้เราพบกับเขาหรือเธอค่ะ จะพบเพียงเพื่อผ่าน หรือพบเพื่อจาก ก็ขึ้นอยู่กับบุญทำกรรมแต่งที่คุณกับคนผู้นั้นทำมาร่วมกัน
ผู้รู้เคยกล่าวว่า คนเราทุกคนมีเวทีพรหมลิขิตเป็นของตัวเอง ใครก็ตามที่ผ่านเข้ามาในเวทีของคุณเข้าให้แล้ว เขาจะวนเวียนอยู่อย่างนั้นไปตลอด อาจเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่จิตยังเป็นดวงเดิมเสมอไป คิดได้อย่างนี้ หัวใจคุณอาจเป็นสุขมากขึ้น เพราะจะทำให้คุณไม่ยึดถือครอบครองใครมาเป็นของคุณ ไม่ใช่ว่าไม่มีสิทธิ์ แต่มีบางสิ่งบางอย่างขีดเส้นชะตาคุณไว้เรียบร้อย แล้วอย่างไรเสีย ถ้าอยู่บนเวทีเดียวกัน อย่างไรก็ต้องหมุนมาพบกันอยู่ร่ำไป แต่อะไรจะทำให้คุณล่วงรู้ปริศนาที่เกิดขึ้นเมื่อชาติก่อน แล้วส่งผลมาถึงชาตินี้ได้ดีไปกว่าความรู้สึกหรือลางบางอย่างที่ คุณเท่านั้นจะบอกได้ด้วยตัวเอง

แบบทดสอบจากเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในชีวิตของคุณอาจดูมีเหตุ ผลบ้าง เหลือเชื่อบ้าง ปะ ๆ ปน ๆ กันไป นับสะระตะเอามาตรองดู บางอย่างก็ดูจะบังเอิญซะจนน่ามหัศจรรย์ใจใช่ไหม นั่นล่ะที่กำลังจะบอก.......

1. แฟนคุณซื้อของขวัญให้คุณสักหนึ่งชิ้น ของชิ้นนั้นคือ....

a.อย่าพูดถึงได้ไหมเพราะเปิดมาแล้วผิดหวังมาก
b. ใช้ได้เลยนะเนี่ยแฟนเรา คิดได้ไง
c. ประทับใจที่สุด ไม่รู้ว่าเขารู้ได้ไงว่าคุณอยากได้ใจจะขาด



2.คุณฝัน (ที่เป็นนิมิตยามหลับ) ถึงแฟน(เน้นว่าแฟน)บ่อยแค่ไหน

a. แปลกไหม แทบจะไม่เคยเลย
b. มีบ้าง ทว่าไม่บ่อยนัก
c. เสมอเลย ไม่ฝันถึงเธอจะฝันถึงใครล่ะจ๊ะ



3.คุณกับแฟนมีอะไรเหมือนกันบ้างเท่าที่มองด้วยตาเปล่าเห็น

a. ไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยสักนิดเดียว เท่าที่มองด้วยตาเปล่าเห็น
b. เหมือนมากซะจนคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นพี่น้องกันไปแล้ว
c. ที่เหมือนคือไลฟ์สไตล์เดียวกัน แนวคิดและมุมมองในการใช้ชีวิตคล้ายกัน



4. คุณกับเขาทะเลาะกันใหญ่โต ความหวาดกลัวที่เข้าครอบงำคือ...

a.กลัวอะไร ๆ ไม่เหมือนเดิม....อีกต่อไป
b. ซวยชะมัด วันนี้คงเป็นวันแย่ๆ ของคุณทั้งคู่แน่ ๆ เอาน่า พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว
c.ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรได้อีกแล้ว



5.คุณเคยรู้บ้างไหมเขาคิดอะไรอยู่ในหัว

a.ไม่เคยรู้เลย
b. แน่นอน คุณอ่านใจแฟนคุณออกเสมอ
c.น่าแปลกใจที่คุณมักจะพูดอะไรที่เหมือนหรือตรงกันเสมอ



6. คุณเชื่อเรื่องชาติภพไหม คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าคุณกับแฟนของคุณอาจจะเคยคู่กันมาตั้งแต่ป างก่อน

a.ไร้สาระ
b. ฟังดูโรแมนติกดี แต่ไม่มีอะไรมาพิสูจน์ได้นี่นา
c. เชื่อ คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตมาตลอด แน่นอนคุณกับเขาที่มาเจอกันได้เพราะคนนี้คือคู่ที่มีคนกำหนดมาใ ห้แล้ว



7. คุณแอบคิดบ้างหรือเปล่าว่าคุณกับคนรักจะเป็นส่วนหนึ่งของกันและ กันไปตลอดชีวิต

a.ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ไม่มีคู่แท้สำหรับใครหรอก
b.แอบคิดเหมือนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่ชีวิตก็ได้ อาจจะเป็นรูปแบบความสัมพันธ์อื่นที่จะมีกันและกันไปตลอด
c. ไม่มีอะไรมากั้นขวางหนทางของเราได้แล้ว โอ้ววว



ตรวจคะแนนได้ตรงนี้





ตอบ a มากที่สุด

คุณกับเขาไม่ได้คู่กันในชาติปางก่อน หมายความว่าคลาดแคล้วกันมา (แต่ใครจะไปรู้ถึงอนาคตที่ยังไม่เกิด) เลยไม่ค่อยมีอะไรผูกกันไว้ เพียงแต่อยู่บนเวทีพรหมลิขิตเดียวกันมาก่อน ทำให้ได้กลับมาพบเจอกันอีก ชาตินี้คุณจึงต้องขยันสร้างสักหน่อยให้มีอะไรมาโยงกันไว้บ้าง เป็นความรักที่ไม่ใช่ความบังเอิญสักเท่าไหร่ นอกเหนือจากความรู้สึก มักจะมีเหตุผลเข้ามาตัดสินเสมอ สิ่งที่ดีที่สุดคือควรประคับประคอง ไตร่ตรอง และทะนุถนอมความรักครั้งนี้ให้ดีที่สุด สุดท้ายแล้วโชคชะตาอาจไม่ใช่คำตอบเดียว มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งในล้านส่วนที่จะประกอบการตัดสินหัวใจ ที่เหลืออีก999,999ส่วนคือ'ตัวคุณ' ล้วน ๆ มากกว่าความรักคือเหตุผลและสมองที่คุณใช้ตัดสิน

ตอบ b มากที่สุด

คุณเกิดมาเจอกันทุกชาติ แต่อาจเป็นรูปแบบความสัมพันธ์อื่น ๆ ที่มิใช่คนรักกัน ที่ผ่านมาในชาติก่อน ๆ อาจเป็นเพียงพบเพื่อผ่านกันเฉย ๆ ก็ได้ และเมื่อโชคชะตาขีดให้แชร์หัวใจกันในชาตินี้แล้วล่ะก็ อาจทำให้คุณกับคนรัก ได้มีกรรมร่วมกัน ส่งผลถึงอนาคตข้างหน้า เป็นลูกโซ่แห่งชีวิตต่อไปเรื่อย ๆ และได้มาเรียนรู้ซึ่งกันและกันในชาตินี้ สิ่งแวดล้อมรายรอบที่คุณกับคนรักอยู่ใกล้ ๆ กัน หล่อหลอมให้คุณทั้งคู่มีรสนิยมคล้ายกัน มุมมองต่อชีวิตเหมือนกัน นั่นจะไม่เพียงทำให้คุณทั้งคู่อยู่ด้วยกันได้เท่านั้น แต่ที่สำคัญต่างคนต่างจะขาดกันไม่ได้ด้วยซ้ำ แม้จะไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบคนรักก็ตาม ! คุณทั้งคู่ก็จะเป็นคู่คิดกันไปได้ตลอดชีวิต อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ไม่ใช่เหรอ

ตอบ c มากที่สุด

คู่แท้ของคุณคือคน ๆ นี้ (แม้จะไม่อยากให้ใช่!ก็ตาม) กรรมทั้งหลายที่กระทำร่วมกันมาในชาติที่แล้ว ต่อให้ชาตินี้เกลียดกันก็หนีไม่พ้น มีคนกำหนดคน ๆ นี้มาเป็นคู่ของคุณ แต่ชีวิตคุณต้องกำหนดเอาและเรียนรู้เอาเอง ชีวิตมีอะไรรออยู่เบื้องหน้าให้คุณออกเดินค้นหาตั้งมากมาย ก่อนที่จะใช้ชีวิตคู่ คุณควรใช้อิสระกับชีวิตเดี่ยวของคุณให้คุ้มค่าเสียก่อน แล้วใช้ประสบการณ์ของแต่ละคนที่ได้รับมา นำมาใช้คู่กัน ในยามที่ถึงเวลา ทุกอย่างมีจังหวะ และท่วงทำนองของมัน คุณแค่เดินไปตามเส้นที่เขาขีดไว้อย่างอิสระ ก่อนที่จะไปบรรจบกับจุดตัดจุดนั้นแล้วพักหัวใจไว้ตรงนั้นไปตลอด







ของแถม



คาถาขอความรักและเนื้อคู่
คาถาขอความรักและเนื้อคู่

คาถานี้ ท่านอาจารย์เมืองคำ ปภากโร ผู้แก่กล้าในญาณแห่งวัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ ได้บอกว่า ใครอยากจะรู้ว่า คู่วาสนาของตนจะมีหรือไม่ ให้ท่องคาถาดังนี้

ปุพเพวะ สันนิวา เสนะ
ปัจจะบันนะ หิเตนะ วา
เอวันตัง ชะยะเต เปมัง
อุปะลัง วะ ยะโส ธะเก ฯ

จุดธูปเทียน(เทียน 2 เล่ม ธูป 3 ดอก) ให้ทำในวันพระขึ้น 15 ค่ำยิ่งดี ให้ตั้งน้ำสะอาด 1 ขัน แล้วสวดคาถานี้เท่าอายุ เช่น อายุ 30 ปี ก็สวด 30 จบ แล้วนำน้ำนั้นมาล้างหน้า แล้วเข้านอน ท่านว่ากลางคืนจะฝันถึงคู่ครองของตน

ถ้ามีวาสนาบารมีจะได้พบความรัก เป็นคาถาที่ใช้สำหรับผู้ที่มีอายุมากแล้วทั้งหญิงชาย แต่ไม่เคยพบกับความรักมาก่อน เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังเป็นหม้าย หรือกำลังขาดความรัก หรือภาวนาให้รู้ว่าคู่วาสนาของตนจะมีหรือไม่





 

Create Date : 17 มีนาคม 2552    
Last Update : 17 มีนาคม 2552 3:10:42 น.
Counter : 2513 Pageviews.  

soulmate

เราคงจะคุ้นกับคำตอบของคนที่อยู่เป็นโสดนานๆให้เหตุผลกับ
การที่ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนว่า "เนื้อคู่ยังไม่เกิด"
หรือ "ยังไม่เจอเนื้อคู่" อะไรทำนองนี้

และสำหรับคนที่แห้วเพราะความรัก ก็จะตอบเสมอๆว่า
"เราไม่ใช่เนื้อคู่กัน"

หลังๆนี้จะเจอคำภาษาอังกฤษว่า soulmate ขึ้นมาควบคู่กันด้วย
แต่ป้าเสลาเปิด dictionary หาความหมายของคำว่า
soulmate เขาให้คำแปลสั้นๆว่า คู่รัก, คนที่รักกันมากๆ

ก็เลยยังงงๆอยูว่า ฝรั่งเขามีความเชื่อหรือรู้จักเรื่อง "เนื้อคู่"
แบบคนไทยเราบ้างไหม?? ??

soul [โซล]
Match words -- soul (1) soul (2)

Noun วิญญาณ, จิตวิญญาณ, พลังจิต, มนุษย์, บุคคล, ส่วนที่สำคัญ, แก่นสาร, แบบฉบับ
Adjective เกี่ยวกับนิโกร, เป็นลักษณะของนิโกร, คุ้นเคยกับนิโกร, เห็นอกเห็นใจนิโกร

Examples ... for the good of your soul
a simple soul - คนตรง, คนซื่อ, คนที่มีใจซื่อสัตย์
call one's soul one's own - ตนควบคุมตน, ครอบงำตน
for the soul of me - ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม, ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
in one's soul of souls - ในส่วนลึกของวิญญาณหรือจิตใจ
poor soul - ผู้ที่น่าสงสารทั้งหลาย, ผู้ที่น่าเห็นในทั้งหลาย
Syn -- spirit, basis, essence, person
Ant -- materiality, matter, body, substance, corporeity


-----------------------------------------


mate [เมท]
Match words -- mate (1) mate (2) mate (3)

Noun เพื่อน, สามีหรือภรรยา, เพื่อนร่วมโรงเรียน, ผู้ช่วยจ่านายสิบทหารเรือ
vt. ร่วม, ร่วมคู่, แต่งงาน, สมรส
vi.ผสมพันธุ์ เป็นเพื่อน

vi.ผสมพันธุ์ เป็นเพื่อน

Examples ... the mate to a shoe
Verb - mated, mating
Syn -- spouse, companion, pal, inmimate, chum, comrade, associate, wife

----------------------------------------------


เพลงบุพเพสันนิวาส

เมื่อคิดให้ดีโลกนี้ประหลาด บุพเพสันนิวาส ที่ประสาทความรักภิรมย์
คู่ใครคู่เขา รักจะคอยเฝ้าชม คอยภิรมย์ เรื่อยไป
ขอบน้ำขวางหน้าขอบฟ้าขวางกัน บุพเพยังสรรค์ประสบ ให้ได้พบสบรักกันได้
ห่างกันแค่ไหน เขาสูงบังกันไว้ รักยังได้บูชา
ความรักศักดิ์ศรี รักไม่มีพรมแดน รักไม่มีศาสนา
แม้นใครบุญญา ได้ครองกันมา พรหมลิขิตพาชื่นใจ
รักเหมือนโคถึกที่คึกพิโรธ ความรักเช่นนั้นให้โทษ จะไปโกรธโทษรักไม่ได้
ไม่ใช่บุพเพ สันนิวาสแน่ไซร้ รักจึงได้แรมรา

เพลงนี้มีชื่อว่า " บุพเพสันนิวาส " แปลตามอักษรว่าการ ( เคย ) อยู่ร่วมกันมาในชาติก่อน
หมายความว่าคนที่รักกันแต่งงานเป็นสามีภรรยากันในปัจจุบันนี้นั้น
ในชาติก่อนคนทั้งสองเคยรักกันแต่งงานเป็นสามีภรรยา มาก่อนแล้ว

คำร้องเพลงนี้กล่าวถึงความรักสองลักษณะคือ ความรักที่สมหวังและผิดหวัง
ความรักที่สมหวังคือ ความรักที่ได้แต่งงานกัน
ส่วนความรักที่ผิดหวังคือความรักที่ไม่ได้แต่งงานกัน

ความรักที่สมหวัง มีกล่าวไว้ในคำร้องท่อนที่ 1,2,3
คำร้องสามท่อนนี้ พรรณนาถึงความรักในชาติก่อน
ความรักกันมาในชาติปางก่อนนั้น ยังคอยติดตามผลิตผลรักในชาตินี้และในชาติต่อไป

ความรักแบบบุพเพสันนิวาสนี้ เป็นความรักที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีพลานุภาพ
เป็นความรักที่เป็นมิ่งมงคลอันดีงาม
เป็นความรักที่ไม่มีเชื้อชาติศาสนาไม่มีพรมแดน
แม้ในปัจจุบันความรักของคนทั้งสอง จะมีอุปสรรคมากมาย
ไม่ว่าคนรักจะเป็นคนต่างเชื้อชาติต่างศาสนากัน มีทะเลขอบน้ำขอบฟ้าขวางกั้น
อยู่ห่างไกลกัน และมีขุนเขาสูงบังไว้ก็ตาม

ถ้าคนทั้งสองเคยมีความรักและแต่งงานกันมาในชาติปางก่อน
อุปสรรคใดๆ ไม่สามารถขวางกั้นความรักของคนสองคนนั้นได้
ในที่สุดคนสองคนนั้นจะได้พบกันรักกันและแต่งงานกันในที่สุด

คำร้องท่อนที่ 4 กล่าวถึงความรักที่ผิดหวัง ไม่ได้แต่งงานกัน
ความรักเช่นนี้เปรียบเสมือนโคถึกที่คึกพิโรธ
กล่าวคือวัวผู้หนุ่มที่คึกคะนอง ดุร้ายเมื่อโกรธ
ความรักของคนในลักษณะนี้เป็นความรักของคนวัยรุ่นหนุ่มสาว
เป็นความรักที่ร้อนแรงโลดแล่นไปตามอารมณ์โดยเฉพาะ

กามารมณ์ทั้ง 5 คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ ธรรมารมณ์
เป็นความรักที่ใช้อารมณ์ร้อนแรงรุนแรงปราศจากเหตุผล
และเป็นความรักที่ไม่เคยรักและแต่งงานกันมาในชาติปางก่อน
ความรักชนิดนี้ต้องแรมราเลิกลากันไปไม่ได้แต่งงานกัน

ความรักที่สมหวังแต่งงานกันเป็นสามีภรรยากันนั้น
ในพุทธศาสนามีกล่าวถึงความรักไว้ดังนี้
ความรักเกิดขึ้นจากเหตุ 2 ประการคือ การเคยอยู่ร่วมกันมาในชาติก่อน 1
การเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบัน 1 ดังพุทธภาบิตว่า

ปุพฺเพว สนฺนิวาเสน ปจฺจุปนฺนหิเตน วา
เอวนฺตํ ชายเต เปมํ อุปฺปลํ ว ยโถทเก

แปลว่า ความรัก ย่อมเกิด เพราะอาศัยเหตุ 2 ประการคือ
เพราะอยู่ร่วมกันในปางก่อน 1 เพราะเกื้อกูลกันในปัจจุบัน 1

ดุจดอกบัวเกิดในน้ำ ( เพราะอาศัยเปือกตมและน้ำ ) ฉะนั้น ตามพุทธภาษิตนี้
ความรักเกิดจากสาเหตุ 2 ประการคือ
การเคยอยู่ร่วมกันในปางก่อน หรือการเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบัน
ความรักเกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งในสองสาเหตุนั้น


บางกรณีความรักเกิดจากสาเหตุ 2 ประการ
คือการเคยอยู่ร่วมกันในปางก่อน และการเกื้อกูลกันในชาติปัจจุบัน

ถ้านำสาเหตุความรัก 2 ประการมารวมกัน ความรักที่สมหวังและแต่งงาน
เป็นสามีภรรยากันในปัจจุบัน ก็มีตัวอย่างให้เห็นมากทีเดียว

หรือความรักที่สมหวังจนได้แต่งงานเป็นสามีภรรยากันเพราะสาเหตุอย่างใดอย่างหนึ่ง
ในสองสาเหตุนั้น ก็มีให้พบเห็นไม่น้อยทีเดียว

ในปัจจุบันคู่รักบางคู่ เคยรักกันมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน นักศึกษา
แม้สำเร็จการศึกษาแล้ว ทำงานในสถานที่แห่งเดียวกันหรือแตกต่างกัน
ทั้งคู่ยังรักกัน จนคนทุกคนที่รู้จักพวกเขาคิดว่าคู่รักคู่นี้ต้องแต่งงานกัน
แต่แล้วคู่รักคู่นี้กลับไม่ได้แต่งงานกันอย่างที่คนทุกคนคาดคิด
ฝ่ายชายกลับเลือกสตรีสาวอื่นเป็นภรรยา ส่วนฝ่ายหญิงก็เลือกชายหนุ่มอื่นเป็นสามี
คนทั้งสองที่รักกันมานานและตั้งใจว่าจะแต่งงานกันกลับไม่ได้แต่งงานกัน
ความรักลักษณะนี้จัดเป็นความรักที่ผิดหวัง
ตรงกันข้ามถ้าคู่รักคู่นี้ได้แต่งงานกันก็จัดเป็นความรักที่สมหวัง
ความรักที่สมหวังหรือผิดหวัง จัดเป็นความรักแบบบุพเพสันนิวาสโดยแท้

สามีภรรยาบางคู่อาจแต่งงานกันเพราะสาเหตุเกิดจากการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน
เช่น คนสองคนทำงานในสถานที่แห่งเดียวกันมีความสนิทสนมกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ให้คำแนะนำปรึกษา หาวิธีแก้ปัญหาต่างๆ ร่วมกัน ในขณะเดียวกันก็ได้ศึกษาอัธยาศัย
ความประพฤติของกันและกัน ในที่สุดความรักก็เกิดขึ้น คนทั้งสองก็แต่งงานกัน

สามีภรรยาบางคู่อาจจะประกอบอาชีพแตกต่างกัน อยู่ห่างไกลกัน คนทั้งสองเมื่อรู้จักกัน
ก็ติดต่อมีความสัมพันธิ์กันตลอด ที่สำคัญที่สุดคือได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เห็นอกเห็นใจกันและกัน ความรักย่อมเกิดขึ้นในคนทั้งสอง
และจัดการแต่งงานในที่สุด

สามีภรรยาบางคู่ อาจรักและแต่งงานเพราะการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน
และเพราะความรักในชาติก่อนติดตามให้ผลในปัจจุบัน
เช่น คนสองคนมีอาชีพเหมือนกัน ทำงานในที่แห่งเดียวกัน สนิทสนมกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
และความรักในชาติปางก่อนยังคอยผลิตผลรักอยู่
คนทั้งสองมีความรักกันและแต่งงานกัน บางคู่อาจมีอาชีพแตกต่างกัน อยู่ห่างไกลกัน
คนทั้งสองเมื่อรู้จักกันติดต่อมีความสัมพันธ์กันตลอด
ถึงจะต่างเชื้อชาติต่างศาสนากันก็ตาม คนสองคนติดต่อกัน ช่วยเหลือกัน
ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวัตถุสิ่งของเงินทองหรือด้านจิตใจ
และมีรักในชาติก่อนหนุนอยู่ คนทั้งสองก็รักกันและแต่งงานกันในที่สุด

โลกของเรามีหลายเชื้อชาติศาสนา มีขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแตกต่างกัน
สามีภรรยาบางคู่อาจมีความรักและแต่งงานกันจากสาเหตุอื่นๆ
นอกจากที่กล่าวมาก็ได้ ตามหลักพุทธศาสนาเหตุแห่งความรักมีสองประการ ตามที่กล่าวมาแล้ว

ในวรรณคดีพุทธศาสนามีสามีภรรยาจำนวนมากที่แต่งงานกันเพราะมีความรักแบบบุพเพสันนิวาส
หรือความรักเกื้อกูลกันในปัจจุบัน บางคู่เมื่อแต่งงานกันแล้วก็มีความสุข บางคู่ก็ประสบความทุกข์ทรมาน

ในด้านหลักธรรมทางพุทธศาสนามีว่า คนปุถุชนที่มีกิเลศมีตัณหาราคะสิเนหะ
ย่อมมีความรัก ความรักของปุถุชนเป็นความรัก

ที่มีความทุกข์มากมีความสุขน้อย ท่านเปรียบเหมือนสุนัขแทะกินเนื้อติดกระดูก
ฉะนั้นโลกิยะสุขคือความสุขของชาวโลกรวมถึงเทวโลกและพรหมโลก เป็นความสุขที่ไม่จิรังยั่งยืน
เป็นอนิจจัง ทุกขังและอนัตตา

คนที่มีความรัก เมื่อพลัดพรากจากความรักย่อมเศร้าโศกเป็นทุกข์
ส่วนคนที่ปราศจากความรัก ย่อมไม่มีความเศร้าโศก ดังพุทธภาษิตว่า

เปมโต ชายเต โสโก เปมโตชายเต ภยํ
เปมโต วิปฺปมุตฺตสฺส นตฺถิ โสโก กุโต ภยํ

แปลว่า ความเศร้าโศก ย่อมเกิดแต่ความรัก
ความเศร้าโศก ย่อมไม่มีแก่ผู้พ้นวิเศษแล้ว ปราศจากความรัก ภัยจักมีแต่ที่ไหน

กล่าวโดยสรุป เพลงบุพเพสันนิวาสนี้ พรรณนาถึงความรักสองอย่าง คือ
ความรักแบบบุพเพสันนิวาส
และความรักไม่ใช่บุพเพสันนิวาส

ความรักแบบบุพเพสันนิวาส เป็นความรักที่ดีงามมีศักดิ์ศรี อุปสรรคใดๆ
ไม่สามารถขวางกั้นได้ ความรักอย่างนี้ทำให้คนแต่งงานกันได้
ส่วนความรักที่ไม่ใช่บุพเพสันนิวาส เป็นความรักเหมือนโคถึกคือวัวตัวผู้หนุ่มที่คึกคะนองเวลาโกรธ
ความรักชนิดนี้เป็นความรักที่รุนแรงร้อนแรงโลดแล่นร่าเริงไปตามอารมณ์รัก
อารมณ์เกลียด อารมณ์โกรธ สุดท้ายก็เลิกรา แรมราไม่ได้แต่งงานกัน

อย่างไรก็ดีความรักนี้พลานุภาพสามารถทำโลกกลมๆ ใบนี้เป็นสวรรค์หรือนรกได้
เพราะฉะนั้น พวกเราควรสร้างโลกนี้ให้เป็นสวรรค์บนพื้นดินอันน่าภิรมย์ร่มเย็นต่อไป


คำจำกัดความตามพจนานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542


บุพเพสันนิวาส: การเคยเป็นเนื้อคู่กัน, การเคยอยู่ร่วมกันในชาติก่อน

เนื้อคู่: ชายหญิงที่ถือกันว่าเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน, ชายหญิงที่สมเป็นคู่ครองกัน, คู่สร้างหรือคู่สร้างคู่สม

คู่สร้าง หรือคู่สร้างคู่สม: ชายหญิงที่ถือกันว่าเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติก่อน, ชายหญิงที่สมเป็นคู่ครองกัน, เนื้อคู่

รัก: มีความผูกพันด้วยความห่วงใย เช่นพ่อแม่รักลูก รักชาติ รักชื่อเสียง มีความผูกพันด้วยความเสน่หา มีใจผูกพันฉันชู้สาว เช่นชายรักหญิง, ชอบ เช่น รักสนุก, รักสงบ


คำจำกัดความตามพจนานุกรมฉบับอื่นๆ

(1) พจนานุกรมพระพุทธศาสนา เว็บไซด์ Palungjit.com

บุพเพสันนิวาส: การเคยอยู่ร่วมกันในกาลก่อน เช่น เคยเป็นพ่อแม่, ลูก, พี่น้อง, เพื่อน,
ผัวเมียกันในภพอดีต (ดู ชาดกที่ ๖๘ และ ๒๓๗ เป็นต้น)

(2) พจนานุกรม สอ เสถบุตร

บุพเพสันนิวาส n.the mating of souls in a former existence
แปลว่า การเคยอยู่ร่วมเป็นสามีภรรยากันมาแต่ชาติปางก่อนของดวงวิญญาณทั้งสอง



ความเข้าใจโดยทั่วๆไปของคนไทยเราในเรื่องความหมายของคำว่า “บุพเพสันนิวาส”


จากคำจำกัดความที่อ้างถึงจากเอกสารอ้างอิงต่างๆ แม้ในรายละเอียดอาจแตกต่างกันไปบ้าง
แต่สรุปประเด็นหลักได้เหมือนกันคือ


1. การเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน

2. เมื่อมาพบกันในชาตินี้ก็บังเกิดความรักต่อกันขึ้นมาทันที

3. ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองย่อมต้องเต็มไปด้วยความรักและเปี่ยมสุข

4. พบได้ยาก ถ้าได้พบนับว่าเป็นวาสนา


ผู้เขียนคิดว่าข้อสรุปทั้ง 4 ข้างต้นน่าจะสอดคล้องกับความเชื่อของคนไทยเราโดยทั่วไป
ที่มองว่า ความรักที่เกิดด้วยบุพเพสันนิวาสนั้นเป็นสิ่งสูงค่าและดีงามอย่างที่สุด
“บุพเพสันนิวาส” จึงความฝันของหนุ่มสาวที่กำลังมีความรักและ/หรือกำลังไขว่คว้าหาความรักกันทุกคน



และตามที่ผู้เขียนได้เคยกล่าวไว้ในตอนที่ 1 ว่า ดูเหมือนคนทั้งโลก
ต่างก็ดิ้นรนไขว่คว้าหา “บุพเพสันนิวาส” ด้วยกันทั้งนั้น
(เคยมีคนประมาณว่าสถิติคนเข้าไปเว็บไซท์ที่ว่าด้วยเรื่อง คู่แท้ – Soulmate ของฝรั่งนั้น
ถ้านำมารวมกันน่าจะอยู่ในลำดับที่หนึ่งของบรรดาหัวเรื่องทั้งหมด
และถ้าดูจากเว็บไซด์ของคุณโรจน์เองก็จะเห็นได้ว่าคำถามเรื่องความรักและเนื้อคู่
มีมากที่สุดในบรรดาคำถามต่างๆเช่นกัน) และต่อไปในบทความนี้ถ้ามีการใช้คำว่า “บุพเพสันนิวาส”
โดยไม่ได้ให้ความหมายอย่างอื่นเป็นพิเศษไว้ด้วย ก็จะมีความหมายตามที่ได้สรุปไว้ดังกล่าว


“บุพเพสันนิวาส”, “เนื้อคู่”, และ ความเป็นจริงในชีวิต


ในชีวิตจริงนั้นจำนวนคนที่แต่งงานมีครอบครัวมีมากกว่าคนที่ครองตัวเป็นโสดตลอดชีวิตอย่างเทียบกันไม่ได้ และดังที่ได้กล่าวแล้วว่าเรื่องของบุพเพสันนิวาสนั้นน้อยคนนักจะมีวาสนาได้พานพบ การแต่งงานของคนส่วนใหญ่ในชีวิตจริงจึงมักให้น้ำหนักเรื่องของความเหมาะสมในสังคมเป็นสำคัญ และก็จะต้องแต่งงานมีครอบครัวในเวลาที่เหมาะสมอีกด้วย ไม่สามารถจะรอรักในฝันที่เป็นบุพเพสันนิวาสไปจนแก่เฒ่าได้ จึงสรุปได้ว่าน้อยคู่นักที่การแต่งงานอยู่กินกันจะเป็นเรื่องของ “บุพเพสันนิวาส” ยิ่งไปกว่านั้นยังมีจำนวนอีกไม่น้อยด้วยซ้ำไปที่เป็น “คู่เวรคู่กรรม” กัน ซึ่งพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานให้คำจัดความว่าหมายถึง “สามีภรรยาที่ต้องทนอยู่ร่วมกันด้วยความทุกข์ความเดือดร้อน โดยเชื่อกันว่าเป็นเพราะเวรกรรมที่เขาได้เคยกระทำร่วมกันมาแต่ชาติก่อน”


“บุพเพสันนิวาส” กับ.. คู่แท้

ในโหราศาสตร์สากลของฝรั่งนั้นไม่มีคำว่า “บุพเพสันนิวาส” มีแต่คำว่า “Fated Relationship”
ซึ่งไม่ตรงกันกับบุพเพสันนิวาสของเรา เพราะความหมายของ “Fated Relationship”
น่าจะตรงกับคำว่า “คู่แล้วไม่แคล้วกัน” ของไทยเรามากกว่า
โดยเขาเชื่อว่าคนเราถ้ามีกรรมเก่าผูกพันกันมาแต่ในอดีตชาติ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือไม่ดีก็ตาม
ซึ่งจะต้องมาชดใช้ทดแทนกันในชาตินี้ในรูปแบบของการเป็นคู่ครองกัน ก็จะต้องได้เป็นคู่ครองกัน
ดังนั้นทุกคู่ที่ได้แต่งงานอยู่กินด้วยกันนั้นเป็น “Fated Relationship” ทุกคู่
แต่ไม่จำเป็นจะต้องเป็น “บุพเพสันนิวาส” ตามความหมายของไทยเรา
หรือเป็น “คู่แท้ (Soulmate)” ตามความหมายของฝรั่งด้วยเลย


ที่ฝรั่งเขาไขว่คว้าหากันที่สุดก็คือ “คู่แท้ (Soulmate)”
ซึ่งความหมายไม่ตรงกับ “บุพเพสันนิวาส” ของไทยเราอีกเช่นกัน
คู่แท้ของเขามีที่มาจากข้อเขียนของนักปราชญ์กรีกโบราณ “เพลโต้” ในคัมภีร์ Symposium
ซึ่งเขียนไว้ว่า มนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นในเบื้องต้นนั้นมีความสมบูรณ์อยู่ในตนเอง
โดยมีส่วนประกอบของทั้งเพศหญิงและชายในตัวเองครบถ้วน
แต่ต่อมาได้ถูกฉีกแยกร่างออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นหญิงและอีกส่วนหนึ่งเป็นชาย
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทั้งสองส่วนจึงได้ดิ้นรนไขว่คว้าในทุกภพทุกชาติของการเกิด
ที่จะได้มารวมกันเพื่อกลับสู่ความสมบูรณ์ดั้งเดิมอีกครั้ง และนี่ก็คือที่มาของคำว่า “คู่แท้”
ที่ฝรั่งถือว่าเป็นอุดมคติสุดยอดในเรื่องของความรักระหว่างหญิงกับชาย
โดยเชื่อว่าแต่ละคนต่างก็มีคู่แท้ของตนเองอยู่ ถ้าได้พบคู่แท้และได้ครองชีวิตคู่ด้วยกันแล้ว
ก็เท่ากับสอง “ครึ่ง” ของทั้งหมดได้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งอีกครั้ง
ชีวิตของเขาทั้งสองจะสมบูรณ์และเปี่ยมสุขอย่างที่สุด
ตำราหลายเล่มของฝรั่งกล่าวถึงขนาดว่าผลที่เกิดขึ้นเทียบได้กับการเข้าถึงพระเจ้า
หรือการบรรลุโมกษะนิพพานไปโน่นเลยทีเดียว




 

Create Date : 17 มีนาคม 2552    
Last Update : 17 มีนาคม 2552 2:55:10 น.
Counter : 4892 Pageviews.  

หากันจนเจอ

หากันจนเจอ



สิ่งที่ฉันหวัง สิ่งที่ฉันคอย อาจดูเหมือนเลื่อนลอย เกือบจะฝันไป

มองหาคนคนหนึ่ง ที่ไม่รู้เป็นใคร และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ จะพบคนผู้นั้น


ส่วนชีวิตฉัน บอกเลยว่ามี เจอะคนที่แสนดี อยู่ทุกๆวัน

เพียงแค่ไม่มีใคร ที่จะฝันตรงกัน แต่ว่าฉันมั่นใจ จะพบในไม่ช้า


อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่ หมอกและควันช่วยกันพรางตา

มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่

แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา

รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า เมื่อมีใครสักคนข้างกาย


เกิดมาเพื่อหาใครคนหนึ่ง เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ

เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่ แต่มันคงไม่ยากเกินไปที่ฉันจะพบเธอ

อาจมีสักครั้งที่เราสองคน ผ่านทางที่วกวน อยู่ใกล้ๆกัน

ใบไม้เพียงใบหนึ่งหล่นตอนที่เดินผ่าน ฉันคงจะมองมันเมื่อเธอเดินผ่านมา

อาจบางทีในเมืองกว้างใหญ่ หมอกและควันช่วยกันพรางตา

มีขอบรั้วขอบกำแพงสร้างมา ตึกระฟ้าคอยบังเราอยู่

แต่เราก็หากันจนเจอ มันนานแค่ไหนที่คอยเธอมา

รู้สึกไหมว่าชีวิตคุ้มค่า เมื่อมีใครสักคนข้างกาย

เกิดมาเพื่อหาใครคนหนึ่ง เป็นคนที่ฟ้าสร้างมาตรงใจ

เราต่างรู้โลกมันแสนกว้างใหญ่ แต่มันคงไม่ยากเกินไปที่ฉันจะพบเธอ



เหตุแห่งความรัก



ปุถุชนผู้ยังละกิเลสไม่ได้ เกิดมาก็ย่อมต้องมีความรักทั้งหญิงและชาย พระพุทธเจ้าทรงแสดงเหตุที่ทำให้หญิงชายรู้สึกรักกันไว้ใน สาเกตชาดก พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙ ดังนี้
“ ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหตุไรหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้พอเห็นกันเข้าก็เฉย ๆ หัวใจก็เฉย บางคนพอเห็นกันเข้า จิตก็เลื่อมใส ”
“ ความรักนั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ด้วยการอยู่ร่วมกัน ในกาลก่อน ๑ ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑ ”
เหมือนดอกอุบลและชลชาติ เมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ประการ คือน้ำและเปือกตม ฉะนั้น ”
จึงจะเห็นว่าการที่หญิงชายมารักกัน ชอบกัน และอาจได้อยู่ร่วมกันนั้นไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่มีปัจจัยมาจาก ๒ ประการดังที่พระพุทธองค์ทรงแสดงเหตุให้รู้ แต่ก็ยังมีข้อสงสัยที่เกี่ยวเนื่องกับความรัก คู่ครอง เนื้อคู่ ฯลฯ อีกมากมาย

คู่


บุพเพสันนิวาส คือ การได้เคยอยู่ร่วมกันในอดีตชาติ จนส่งผลให้ได้มาเป็นคู่ครองกันในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะคิดว่าเคยอยู่ร่วมกันเป็นสามีภรรยาเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วบุพเพสันนิวาสหมายถึงการที่อาจจะได้อยู่ร่วมกันในฐานะอื่นก็ได้ เช่น พี่กับน้อง พ่อกับลูก แม่กับลูก เพื่อครูกับศิษย์ นายกับบ่าว เป็นต้น การที่มีบุพเพสันนิวาสร่วมกันนี้เมื่อเกิดมาร่วมกัน ก็มักจะสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันมา ทำอะไรตามกัน มีความเห็นสอดคล้องกัน ทำให้อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุข
เนื้อคู่ คือ หญิงและชายที่เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นสามีภรรยากันมาก่อนในอดีตชาติ
คู่ครอง คือ หญิงและชายที่ใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นสามีภรรยากันในชาติปัจจุบัน
คู่กรรม คือ หญิงและชายที่ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสามีภรรยา แต่มักไม่มีความสุข
เนื่องจากการมาอยู่ร่วมกันนั้นเกิดจากวิบากของกรรมที่ทำร่วมกันหรือวิบากกรรมที่มีต่อกันมาส่งผล เช่น อาจเคยทำบาปร่วมกัน หรือเคยเป็นศัตรูกันมาก่อนเป็นต้น
คู่บารมี คือ เนื้อคู่ที่ได้ติดตามกันมา ส่งเสริมกันและกันในทางที่ดี ได้ใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยาร่วมกันนับชาติไม่ถ้วน และจะติดตามกันต่อไปจนกว่าจะสามารถหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้ มักใช้คำนี้กับพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีกับเนื้อคู่ลำดับ ๑ ที่จะได้เป็นคู่ครองกับในชาติสุดท้าย

เหตุแห่งการได้อยู่ร่วมกัน


ดังที่พระพุทธองค์ได้แสดงเหตุที่หญิงชายได้รักและได้เป็นสามีภรรยากันนั้นมี ๒ ปัจจัย คือ
• การได้อยู่ร่วมกันในกาลก่อน
• การได้เกื้อหนุนกันในชาติปัจจุบัน
เนื่องจากวัฎสงสารยาวไกลจนหาจุดเริ่มต้นและที่สุดไม่ได้ หญิงชายแต่ละคนจึงมีเนื้อคู่มากมายเป็นแสนคน แต่ละชาติที่เกิดมาก็อาจได้พบเจอเนื้อคู่ได้หลาย ๆ คนพร้อมกัน หรืออาจไม่ได้เจอเนื้อคู่เลยสักคนก็เป็นได้ กรณีที่ไม่เจอเนื้อคู่เลยนั้น หญิงชายนั้นก็อาจมีคู่ได้กับบุคคลใกล้ชิดที่ได้เกื้อหนุนกันในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อได้เป็นคู่กันในปัจจุบันแล้วหญิงชายนั้นก็จะได้เป็นเนื้อคู่กันต่อไป

ลำดับของเนื้อคู่


เพราะเหตุที่แต่ละคนมีเนื้อคู่จำนวนมากมาย จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าแล้วใครกันเล่าที่สมควรจะได้อยู่เป็นคู่ครองกันมากที่สุด และจะมีวิธีการเลือกอย่างไร แม้จะมีเนื้อคู่จำนวนมากมาย แต่จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เมื่ออยู่ร่วมกันแล้วมีความสุขที่สุด เมื่อพบหน้ากันแล้วไม่อาจตัดใจรักให้ขาดจากกันได้ บุคคลนี้คือเนื้อคู่ที่ได้อยู่ร่วมกันมามากที่สุดเป็นแสนเป็นล้านชาติ เป็นเนื้อคู่ลำดับที่ ๑ กฎแห่งกรรมจะจัดสรรการมีคู่ไว้ให้เราเรียบร้อย คือ หากเรามีเนื้อคู่เกิดมาพร้อมกัน ใจเราจะเป็นผู้เลือกเนื้อคู่ลำดับต้นเสมอ เมื่อเลือกแล้วคู่ลำดับอื่นเขาจะหลีกทางและไปหาคู่ของเขาต่อไป แต่กฎแห่งกรรมอีกเช่นกัน ที่บางชาติ กลับทำให้คู่ลำดับต้น ๆ ได้มาพบกันทีหลังหลังจากที่อีกฝ่ายได้เลือกคู่ครองไปแล้วซึ่งแม้จะได้พบกันทีหลัง แต่เพราะเป็นคู่ลำดับต้น จิตใจของทั้งคู่ก็จะร้อนรนทนไม่ไหว จึงต้องรักกันอีกครั้งซึ่งความรักครั้งนี้ต้องหัก ต้องบังคับฝืนใจกันอย่างเต็มกำลัง กล่าวกันว่าแม้พระภิกษุผู้มั่นคงในศีล เมื่อได้เจอเนื้อคู่ลำดับต้น ๆ ยังทนไม่ได้ ต้องสึกหาลาเพศมาอยู่กับเนื้อคู่ของตนจนได้ เหตุที่เนื้อคู่ลำดับต้นมาเกิดในชาติภพเดียวกัน แต่กลับไม่สมกันนั้น มีเหตุเดียว คือ กรรมพลัดพรากได้มาส่งผลเป็นวิบากแก่ทั้งคู่อย่างร้ายแรง หากกรรมนั้นใกล้จะหมดผลเขาทั้งสองก็อาจได้เป็นคู่ครองกันในชาตินั้น แต่หากกรรมนั้นยังรุนแรงอยู่ทั้งสองก็ต้องทนทุกข์ทรมานชดใช้กรรมนั้นให้หมด แล้วจึงจะได้มีวาสนาอยู่ร่วมกันในชาติต่อ ๆ ไป

เหตุที่อกหักผิดหวังในความรัก


นอกจากการผิดหวังจากเนื้อคู่ลำดับต้น ๆ ซึ่งเกิดจากกรรมพลัดพรากแล้ว บางครั้งคนเราก็อาจต้องผิดหวังในความรัก โดยมีเหตุมาจากกรรมทั้งสิ้น คืออยู่กับคู่ครองไม่มีความสุข ทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นประจำหรือมีปัญหาให้ทุกข์ใจตลอด เหตุที่เป็นดังนี้ แสดงว่าคู่ครองนั้นไม่ใช่เนื้อคู่ลำดับที่ ๑-๕ เนื่องจากกรรมจากการเป็นคนไม่ดี ไม่มีศีลธรรมส่งผลให้ไม่ได้พบเนื้อคู่ลำดับต้น ๆ หรืออาจเป็นเพราะทั้งสองไม่ใช่เนื้อคู่กัน แต่ทั้งคู่เป็นศัตรูคู่อาฆาต ได้เคยผูกใจเจ็บกันมา ชาตินี้จึงต้องมาแก้แค้นกันเอง และแรงอาฆาตได้ผลักดันให้ทั้งสองมาอยู่ร่วมกัน และแก้แค้นกันเองตามแรงอาฆาตนั้น หรือบางคนรักเขาข้างเดียว อกหักบ่อยครั้ง โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจด้วยเลย เหตุนี้เกิดขึ้นเนื่องจากอดีตชาติเคยอาฆาตเขาไว้ แต่เขาไม่ได้อาฆาตตอบและไม่ได้ถือโกรธด้วย ชาตินี้จึงต้องทนทุกข์ทรมานเพราะเขาอยู่เพียงฝ่ายเดียว อย่างนี้ไม่ได้เป็นเนื้อคู่ เป็นเพียงคู่กรรมเท่านั้น

ทำอย่างไรจึงจะได้อยู่ร่วมกัน


เมื่อความรักหวานชื่น คู่ครองทั้งหลายย่อมต้องอยากเกิดมาเป็นเนื้อคู่กันอีก ซึ่งผลกรรมก็ได้จัดสรรการเกิดมาเป็นคู่ครองกันอีกตามที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่นอกจากการรอให้กรรมเป็นตัวจัดสรรแล้ว เรายังสามารถเลือกที่จะได้พบและอยู่เป็นคู่ครองกับเนื้อคู่ของเราได้ในอนาคต โดยการอธิษฐาน แต่แม้จะมีอธิษฐานร่วมกัน สุดท้ายการได้อยู่ร่วมกันก็ยังต้องขึ้นอยู่กับกฎแห่งกรรมอยู่ดี การอธิษฐานนั้นมีทั้งประโยชน์และโทษคือ ในด้านประโยชน์ ทำให้เนื้อคู่ทั้งสองมีโอกาสกลับมาเป็นคู่ครองกันในชาติต่อ ๆไป ได้ง่าย แต่ในแง่ของโทษ บางครั้งก็ทำให้การใช้ชีวิตไม่เป็นปกติสุข เช่น หากเนื้อคู่ที่อธิษฐานกันไว้ไม่ได้มาเกิด หรือมาเ กิดแล้วแต่ยังไม่ได้พบกัน ฝ่ายที่รออยู่จะไม่สามารถมีคู่ได้ จิตใจไม่รักใคร หรือแม้จะได้พบเนื้อคู่ลำดับต้น ๆ แต่ก็มีเหตุให้ไม่สมหวังทุกครั้งไป เนื่องจากแรงอธิษฐานนั้นฉุดรั้งไว้ หรือบางครั้งจิตใจมีสังหรณ์อยู่เสมอว่ารอคอยใครอยู่ ทั้งที่ไม่รู้ว่ารอคอยใคร

การแก้ปัญหาเรื่องอธิษฐาน


หากแน่ใจว่าเนื้อคู่ที่อธิษฐานกันไว้คงไม่ได้พบเจอกันแน่แล้ว หรืออยากจะปล่อยวางเพื่อมีโอกาสได้ตัดสินใจกับเนื้อคู่ลำดับอื่น สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงอธิษฐานขออนุญาตเนื้อคู่ว่า ขอละคำอธิษฐานนั้น ขอให้ชีวิตได้พบเนื้อคู่ที่สมกัน และได้ใช้ชีวิตคู่อย่างปกติและมีความสุข

คู่บารมี


สุดท้ายคือเรื่องของคู่บารมี เป็นคู่สำคัญ เป็นคู่ที่ยาวนาน เพราะต้องร่วมกันสร้างบารมีขณะที่ฝ่ายหนึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเนื้อคู่ที่จะเคียงข้างกันไป การเป็นพระโพธิสัตว์นั้นต้องการกำลังใจที่เข้มแข็ง มั่นคง และเสียสละความสุขทั้งปวงเพื่อประโยชน์ของสัตว์โลก พระโพธิสัตว์นั้นต้องใช้เวลายาวนานมากในการสร้างบุญบารมีกว่าที่จะสามารถตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ อย่างเร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาถึง ๒๐ อสงไขยกับเศษแสนมหากัป และอย่างช้าก็เนิ่นนานจนถึง ๘๐ อสงไขยกับเศษแสนมหากัปเลยทีเดียว
คนที่ตั้งใจเป็นคู่บารมีจึงต้องมีความเสียสละและเด็ดเดี่ยวไม่แพ้กันบุคคลผู้ปรารถนาเป็นคู่บารมีนั้น จะเป็นผู้ที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมากที่สุดได้เป็นคู่ครองกันมากที่สุด และเป็นเนื้อคู่ลำดับ ๑ อย่างเที่ยงแท้ การเป็นคู่บารมีนั้นลำบากมากยิ่งนัก เพราะคนเป็นคู่บารมีนั้นจะต้องพบกับสิ่งต่อไปนี้ คือ ต้องเกิดเป็นผู้หญิง ไม่ได้เกิดเป็นผู้ชาย ต้องช่วยพระโพธิสัตว์ทำงานอย่างเต็มกำลัง ในบางชาติอาจต้องร่วมสร้างบารมีกับพระโพธิสัตว์ เช่น ต้องสละชีวิตร่วมกัน ต้องถูกบริจาคลูก หรือตัวเองเพื่อเสริมบารมีให้พระโพธิสัตว์ เป็นต้น ตราบใดที่พระโพธิสัตว์ยังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า คู่บารมีนั้นก็ยังไม่มีโอกาสบรรลุโลกุตรธรรมได้




คุณเจอเนื่อคู่ในชาติปางก่อนแล้วรึยัง บางทีคุณอาจเจอจะแล้วก็ได้


คุณเชื่อไหม..เรื่องคู่กันมาแต่ชาติปางก่อน
เค้าพูดถึง soul mate เอาไว้ว่า....
"soul mate" จะเป็นเพื่อน เป็นคนรัก หรือเป็นคนรู้จักก็ได้ มีคุณสมบัติ คือเป็น
1. ต้องเคยใช้ชีวิตชาติปางก่อนมาด้วยกัน
2. ครั้งแรกที่พบกันในชาตินี้ ต้องรู้สึกทันทีว่าคุ้นมากๆๆๆๆ

มีอะไรบางอย่างสื่อถึงกัน รู้สึกสบายใจและไว้วางใจในทันที
3. เมื่อมีปัญหาแตกร้าว ก็เข้าใจกัน แก้ไขได้ด้วยกันโดยง่าย

"soul mate" มิใช่ "เนื้อคู่" แต่เพียงอย่างเดียว มีถึง 3 แบบด้วยกัน

แบบที่ 1 เรียกว่า Companion Soul Mates


คือคนที่เป็นเพื่อนก็ได้ เป็นครูก็ได้ เป็นเจ้านายก็ได้ เป็นใครสักคน

เป็นคนแปลกหน้าผ่านมาเวลารถเสียแล้วช่วยซ่อมให้ก็ได้
ไม่คิดตังค์ ไม่ล่อลวงไปข่มขืน
หรือเป็นคนที่ได้พบปะพูดคุยด้วยไม่กี่ครั้ง หรือเพียงครั้งเดียว
แต่เป็นแรงบันดาลใจส่งให้วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
เป็นคนที่เราจะได้พบในช่วงสั้นๆ ในชีวิต
เพราะชาติที่แล้วเราเคยช่วยเหลือกันมาก่อนในระยะเวลาจำกัด

…แรงบันดาลใจ ฉันจะเป็นเหมือนเธอ จะทำให้ได้อย่างเธอ

อย่างงี้หละ!

แบบที่ 2 เรียกว่า Twin Soul Mates


คือคนที่เราเป็นเพื่อนกันมาหลายชาติแล้ว
พอชาตินี้มาเจอกัน! อีกก็ได้เป็นเพื่อนกันอีก
คล้ายๆ พวกที่1 แต่จะรู้สึกถึงมิตรภาพที่ผูกพันแนบแน่นกว่า
แบบว่าสื่อถึงกันได้ทางโทรจิต คล้ายว่าเป็นฝาแฝดกันน่ะ
พอได้รู้จักกันแล้วก็จะรับรู้ทุกข์สุขกันไปตลอดชีวิต

ร่วมทุกข์ร่วมสุขประมาณว่า ไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งหนไหนในโลก
ก็รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าอีกคนกำลังรู้สึกอย่างไร จะเป็นคนที่ปลอบคุณเวลาที่คุณทำผิดพลาด

คอยเช็ดน้ำตาให้คุณเมื่อทุกใจ

เพื่อนตายก็ว่าได้เลย

แบบที่ 3 เรียกว่า A Twin Flame Soul Mates


แบบนี้มีคนเดียว หายาก และพบยาก จะพบกันก็เพราะความผูกพันธ์ที่ผูกคุณและเค้าไว้

ส่วนมากจะเป็นเพศตรงข้าม ทั้งชีวิตนี้จะมีได้แค่คนเดียว
เป็นคนที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกันมาหลายชาติภพแล้ว เป็นจิตวิญญาณของกันและกัน
พอพบกันครั้งแรก จะเหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นเข้าหากัน ดั่งเหมือนมีมนต์

จะรู้สึกถูกชะตา รู้สึกดีเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ จะรู้อยู่ลึกๆ ทันทีว่านี่คือคู่ของเรา

ต้องเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน จะรู้สึกแบบนี้กับคนๆนี้คนเดียวเท่านั้น

เป็นคนที่ได้ยินชื่อ พบกัน หรืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวกันเค้าแล้วคุณรู้สึกอย่างนี้ จะเป็นความรู้สึกที่แปลก

คุณจะรู้สึกได้( สำหรับคนที่เจอแล้วนะ)ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ไม่เหมือนใคร

แตกต่างจากคนที่เรารู้จัก หรือคนธรรมดาทั่วๆไปที่ได้พบ

ป.ล.



แต่ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่ใช่ soul mateที่เกิดแต่ชาติปางก่อน นะจะ ห้ามมั่วนิ่ม!

พวกที่เอะอะปิ๊ง เห็นเค้าน่ารักดี ก็บอกว่าใช่
รู้สึกดีๆ กับเค้าเพราะเหมือนคนที่เรารู้จัก คนที่เรารัก หรือเป็นตัวแทนของใคร
เพราะได้ใกล้ชิดกัน กลายเป็นความผูกพันธ์ที่เกิดในชาตินี้
สงสาร(เธอจัง…มาจีบอยู่หลายปี)

** soul mate ที่จะพบกัน ไม่จำเป็นหรอกนะว่าจะเป็นคู่กันมาแต่ชาติปางก่อน ขอแค่คุณให้ความรักกับคนรอบตัวคุณ คุณก็จะพบกับ soul mate ที่อยู่ในชาตินี้แล้วหละ ความผูกพันธ์อยู่ที่ตัวของคุณเองว่าจะสร้างมันขึ้นมายังไง**

คุณเจอเค้าหรือยัง? หาให้เจอนะ.. soul mate




 

Create Date : 17 มีนาคม 2552    
Last Update : 17 มีนาคม 2552 2:53:43 น.
Counter : 1063 Pageviews.  

ภรรยา อดีต-ปัจจุบัน-อนาคต








 

Create Date : 06 พฤศจิกายน 2551    
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2551 15:27:04 น.
Counter : 646 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  

=Neo=
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add =Neo='s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.