Chill up's Blog คร้าบบบบ ^^
Group Blog
 
All Blogs
 
Dream Destination @ Positano - อ.สีคิ้ว, โคราช

เคยได้ยินชื่อที่พักแถวๆสีคิ้ว ชื่อว่า Positano เมื่อ5-6เดือนที่ผ่านมา

ตอนนั้นพยายามหาข้อมูลที่พักแห่งนี้ แต่ก็แทบหาไม่เจอ เห็นแต่รูป CG (Computer graphic) ในเวปของ Positano

แม้ไม่เห็นรูปถ่ายจริงๆ แต่ก็คิดว่าน่าจะสวย แล้วผมก็มีแพลนจะพาครอบครัวไปเที่ยวประจำปีเหมือนทุกๆปีอยู่แล้วด้วย เลยเล็งๆที่นี่มาหลายเดือนละ

ไปเห็น Positano มาเปิดบูทที่งานไทยเที่ยวไทยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เลยโทรถามคุณพ่อว่าอยากไปพักผ่อนแถบๆภูเขา รับอากาศเย็นๆไม๊
และก็ได้รับไฟเขียวจากคุณพ่อ ทริปพาเที่ยวแบบมีสปอนเซอร์จึงเกิดขึ้น(สปอนเซอร์โดยคุณพ่อผู้น่ารัก) ^^

เมื่อประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เริ่มเห็นมี2ท่านมา รีวิวที่พักที่นี่ จึงมั่นใจว่าสวยแน่ ชักอยากไปซะแล้วสิ ... ลองไปชมกันนะครับ ^^



การเดินทางมาที่ Positano

ผมใช้เส้นทาง มาทางถนนมิตรภาพ (วิ่งทางด่วนมาทางดอนเมือง ลงตรงสุดทางด่วน วิ่งตรงมาเรื่อยๆจนถึงแยกสระบุรี ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนมิตรภาพ - ระยะทางจากบ้านผม แถวสุขุมวิท มาถึงแยะสระบุรีนี้ก็ประมาณ 100กม พอดี)

พอเลี้ยวขวาจากแยกสระบุรี ให้ตรงลูกเดียว
- ตรงมาประมาณ50กม (กม.ที่50 จะถึงทางแยก เพื่อเลี้ยวไปถนนธนะรัชต์ หรือทางขึ้นเขาใหญ่) แต่เราไม่เลี้ยวนะครับ ขับตรงต่อไป
- ขับตรงต่อมาประมาณ 30กม จะถึงเขื่อนลำตะคอง ให้ขับไปจนถึง กมที่ 87
จะมีซอยให้เลี้ยวซ้าย (ซอยนี้จะอยู่ตรงข้ามกับซอยที่เข้าไปที่ร้านอาหารและที่พัก สวนเมืองพรอันโด่งดังเลยครับ)
เลี้ยวซ้ายไปตามทาง ประมาณ 20กม ก็จะถึง Positano, The Botanical Resort and Residence (มีป้ายบอกตลอดทาง ไม่ต้องกลัวหลงครับ)

ระยะทางรวมแล้วประมาณ 207 กม ใช้แวลาประมาณ 2ชม 15นาทีเท่านั้น เราก็จะได้มายื่นอยู่ในที่พักบนยอดเขาแล้ว

แต่ก่อนจะมาที่ Positano
ครอบครัวผมขอพักเติมพลังที่ Lex's Steak ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับห้าง Tesco Lotus ตรงทางแยกที่จะเข้าถนนธนะรัชต์ก่อนนะครับ

ร้านนี้ มาที่ไรต้องสั่งไส้กรอกและ steak เนื้อนุ่มๆทุกทีสิน่า

^^



จากถนนมิตรภาพ (กมที่ 87)
เราก็เลี้ยวซ้ายมาตามถนน 2เลน ไปอีก 20กม

เส้นทางนี้จะผ่าน สถานีรถไฟคลองไผ่ และ เรือนจำคลองไผ่(ใหญ่มากๆ)

เส้นทางดีครับ มีหลุ่มบ่อนิดๆหน่อยๆเท่านั้น

เจอหมู่วัวออกมาทักทาย



จากถนนใหญ่ (ถนนมิตรภาพ) เข้าซอยมาประมาณ 20กม ก็จะเจอทางเข้า Positano แล้วครับ

ชื่อเต็มๆของเค้าคือ Positano, The Botanical Resort & Residence

ซึ่งจริงๆแล้ว โครงการนี้ สร้างขึ้นมาเพื่อขายบ้านและที่ดิน ซึ่งทุกหลังจะตั้งอยู่บนไหล่เขา (ตามแบบของเมือง Positano ที่ประเทศอิตาลี)

ที่นี่จึงจะมีที่พักแค่ 3หลัง
1. Positano Villa ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขา มีห้องอยู่ 3 ห้องคือ
1.1 Pool Front room อยู่ชั้น1 สระว่ายน้ำจะอยู่หน้าห้องเลย ห้องนี้จุดเด่นคือ มีระเบียงหน้าห้องที่กว้างกว่าห้องชั้น 2 และ 3 แต่วิวก็จะไม่สวยเท่าห้องบนๆ
1.2 Valley View room อยู่ที่ชั้น2
1.3 Hilltop room อยู่บนชั้น 3 (ราคาก็แพงสุดตามวิวที่ได้)

ซึ่ง Positano Villa นี้ ก็จะมีแค่หลังเดียว ซึ่งครอบครัวผมไปกัน 7คน ก็เลยยึดทั้ง3ห้องเลย (เหมือนเป็นบ้านส่วนตัวบนยอดเขาเลย)

2. Tuscana House เป็นบ้าน 3ห้องนอน ซึ่งตั้งอยู่ทางตีนเขาด้านล่าง

3. English Cottage ซึ่งเป็นบ้าน 2ชั้น ชั้นล่างจะเป็นส่วนของร้านอาหารและ Coffee shop ส่วนด้านบนจะเห็นห้องพักมี2ห้อง
แต่เห็นพนักงานบอกว่าห้องพักทั้ง2ห้องนี้ จะทำเป็นห้องพักพนักงานแทน เพราะลูกค้าอาจไม่ได้รับความสะดวกเวลามีคนมาทานอาหารหรือมาถ่ายรูปร้านด้านล่าง

แต่เห็นมีบ้านเล็กๆอีกหนึ่งหลัง กำลังสร้างอยู่ (ใกล้ๆ ทางเข้า resort เหมือนกัน)

นอกจากนี้ ตอนที่ผมไปเห็นว่ากำลังมีการสร้าง คอกเลี้ยงแกะ และสนามยิงธนู ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณวันที่ 18 ธันวานี้




เข้าไปชมกันเลยครับ

ลองเพ่งดูที่มุมบนซ้ายนะครับ
จะเห็นตัวบ้านพัก Positano Villa อยู่บนเขานู้นเลย

เราต้องขับรถใช้เกียร์3หรือ2 (บางจังหวะถึงกะต้องใช้ เกียร์1 เพราะผมไปกัน7คน หนักหน่อย) ค่อยๆไต่ขึ้นไป



จอดรถเสร็จก็จะเห็นภาพนี้



อีกมุมครับ



ก่อนที่จะพาไปชมภายใน ขออนุญาตอธิบาย ลักษณะของบ้าน Positano Villaก่อนนะครับ จะได้เห็นภาพกันออก
(ขออนุญาตใช้ภาพที่ถ่ายตอนกลางคืน กลางวันผมลืมถ่ายมุมนี้)

ให้ยึดเสากลางบ้านเป็นหลักนะครับ
Villa หลังนี้ถูกแบ่งเป็น 3ชั้น + ชั้นดาดฟ้าอีก1ชั้น
และถูกแบ่งฝั่งส่วนรวมซึ่งอยู่ด้านซ้าย และฝั่งห้องพักอยู่ด้านขวาของภาพ

กลางภาพที่ดูเหมือนเสาทึบๆผ่ากลางบ้าน จะเป็นลิฟท์ครับ
ทุกชั้นจะมีสะพาน ที่เชื่อมจากส่วนกลางไปยังห้องตามชั้นต่างๆ

ฝั่งด้านขวา จะเห็นว่าเป็นห้องพักทั้ง 3ห้อง (Pool front ชั้น1, Valley view ชั้น 2, และ Hilltop ชั้น3) โดยทั้ง3ห้องมี ขนาดและ layout ที่เหมือนกันแป๊ะเลย คือห้องกว้างประมาณ 53 ตรม. แต่ห้อง Pool front ชั้น 1 จะมีส่วนนั่งเล่นหน้าห้องใหญ่กว่าห้องชั้นบน และจะมีPool อยู่หน้าห้องเลย (ที่เห็นในรูปสีเขียวๆ เป็นสระน้ำหน้าห้องครับ)

ฝั่งซ้ายบ้าง
ชั้น1 จะส่วน Lobby
ชั้น 2 ที่มีเหมือนห้องยื่นออกมา จะเป็นส่วนของห้องอาหาร มีระเบียงชมวิวด้วย
ชั้น 3 จะมีระเบียงด้านนอก ออกมาจัดดินเนอร์ที่นี่ได้ (แต่ตอนผมไป อากาศค่อนข้างหนาวและลมแรง เลยขอทานที่ชั้น2ครับ)
ชั้นดาดฟ้า จะมีอ่าง Jacuzzi โดยใช้น้ำอุ่น สามารถนอนแช่ดูดาวตอนกลางคืนได้ครับ
พอนึกภาพกันออกไม๊เอ่ย :)



ขอกลับไปโหมดกลางวันบ้าง
เดี๋ยวเราเข้าไปเช็คอินที่ Lobby กันก่อนครับ



บริเวณ Lobby (ชั้น 1)





ด้านนอก Lobby จะมีที่นั่งเล่น
วิวเมื่อมองออกไปจะเป็นแบบนี้ครับ

(รูปนี้ถ่ายตอนสายๆ มองเห็นหมอกบางๆด้านล่าง)



วิวเต็มๆ มองจาก Lobby
ไม่น่าเชื่อว่าขึ้นมาสูงขนาดนี้



ที่ Lobby จะมีแปลงดอกไฮเดนเยียร์ ซึ่งคุณแม่ชอบมาก
แต่เห็นพนักงานบอกว่าเป็นไฮเดนเยียร์พันธุ์ไทย เวลาเจออากาศหนาวๆหรือลมแรงๆ ดอกจะร่วง

ที่เห็นก็เลยเหลือโหลงเหลงละ



กลางวันถ้าอยู่ในร่ม มีลมพัดเย็นๆตลอดเลย อุณหภูมิตอนกลางวันประมาณ 24-26องศา
ตอนกลางคืนและรุ่งเช้าลดลงเหลือประมาณ 13-15องศาเองครับ



จาก Lobby มองไปทางห้อง Pool front



มองเต็มๆ กับด้านฝั่งขวาของตัวตึก จะเห็นห้องพักทั้ง 3ชั้น
จะเห็นว่าพักชั้นล่าง (Pool front) จะมีขนาดของระเบียงกว้างกว่าห้องพักชั้น 2และ3



ขึ้นลิฟต์ไปดูวิวที่ห้อง Hilltop ชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องแพงสุดกันก่อนครับ



ออกจากลิฟต์ เลี้ยวขวา เดินผ่านทางเชื่อมก่อนเข้าห้อง Hilltop
มองออกไปจะเห็นวิวแบบนี้ครับ



เข้ามาดูภายในห้องครับ
(ในส่วนของรูปภายในห้อง เดี๋ยวขอรวมไปรีวิว ตอนที่เราลงไปดูห้อง Pool front ชั้น 1นะครับ เพราะผมให้ครอบครัวพี่สาวซึ่งมีเด็กเล็กๆ2คน นอนห้องนี้ เพราะเป็นห้องเดียวที่มีเตียงแบบ King Size เตียงใหญ่ หลานๆจะได้นอนได้สะดวกโดยไม่มีร่องเตียงขั้น ส่วนห้องชั้น 1 และ2 จะเป็นเตียง Queen Size 2 เตียงติดกัน)

ลักษนะห้อง layout ต่างๆ เหมือนกันหมดทั้ง3ห้องครับ
ขนาดของห้องก็เท่ากันหมดคือ 53 ตรม





จากเตียงนอนห้อง Hilltop มองออกไปจะเห็นวิวแบบนี้ครับ
ระเบียงห้องนี้ ด้านนอกจะทำเป็นกระจกนิรภัย2ชั้น จะได้ไม่มีเส้นขอบของรั้วกั้น
(ชั้น2 จะเป็นแผงเหล็กกั้น ไม่ได้เป็นกระจกแบบห้องนี้)



จากระเบียง มองไปด้านขวาจะเห็นส่วนของห้องอาหารชั้น2 และส่วน Open air เป็นระเบียงจัดดินเนอร์ได้ที่ ชั้น 3



มองไปด้านซ้ายจะเห็นต้นสน สนามหญ้า และน้ำพุ



ห้องทุกห้อง จะมีกระจกบานใหญ่ มองดูวิวด้านนอกได้แบบนี้



วิวจากห้องนี้ สุดยอดจริงๆ



มองลงไปด้านล่าง จะเห้นสระว่ายน้ำหน้าห้อง
Pool front



จากระเบียง มองไปด้านขวาสุดๆจะเห็น ทางเดิน จากส่วนกลางเข้ามาที่ตัวห้องพักในแต่ละชั้น



ย้ายมาดูวิวจากห้อง Valley View ชั้น 2 บ้าง



แม้จะไม่ได้วิวสูงเหมือนห้อง Hilltop
แต่ก็สวยสุดๆอยู่ดี

ผมว่าวิวจากห้องพักที่นี่ ดีกว่าที่ Sala Khaoyai ซะอีก
(แต่ผมว่าห้องที่ Sala สวยกว่านะ)



จะเห็นส่วนของห้องอาหารยื่นออกมา



เข้ามาดูภายในห้อง Pool front ชั้น1บ้าง
(ผมนอนห้องนี้ครับ)



มีโซฟานั่งสบาย มี welcome fruit หลากหลาย

เดี๋ยวเข้าไปดูส่วนของที่แต่งตัว และห้องน้ำ
(ทางเข้าอยู่ด้านซ้ายครับ)



ก่อนเข้าห้องน้ำ
จะเห็นเครื่องทำกาแฟอยู่ด้านซ้าย (ตู้เย็นอยู่ข้างล่าง)

ตรงกลางเป็นตู้เสื้อผ้า ด้านขวาเป็นประตูเข้าห้องน้ำ



ภายในตู้เสื้อผ้า จะมีผ้าคลุม รองเท้าใส่ในห้อง และ safety box



มองไปทางขวา
จะเห็นประตู้เข้าห้องน้ำ หน้าห้องจะมีโต๊ะเครื่องแป้ง



โต๊ะเครื่องแป้งนี้ เปิดมาเป้นกระจก
ตู้ โต๊ะทุกอย่างจะบุเป็นหนังจรเข้เทียม ให้ดูหรูหรา



กระจกแต่งหน้า เปิดไฟรอบๆได้ด้วย



เข้าไปดูภายในห้องน้ำกันบ้าง

อ่างล้างหน้าดูด้านซ้าย
ห้องอายน้ำแบ rain shower อยู่ด้านขวา
ตรงไปจะเป็นส่วน ขับถ่าย มีของผู้ชายด้วย

พื้นห้องน้ำจะเป็นพื้นไม้ครับ ดูสวยงาม แห้งเร็ว และที่สำคัญ ไม่เย็นเท้าด้วย



Rain shower



shower cream, shampoo พร้อม
กลิ่นจะคล้ายๆ ดอกมะลิ หอมมากๆครับ

ส่วน Hand soap จะเป็นเม็ดบีทสีแดงๆ ห้อมเหมือนกัน
มี Body Lotion ให้ขวดใหญ่ด้วย กลิ่นหอมมากมาย



มีเกลือขัดตัวให้ด้วย (แต่ไม่ได้ใช้เลย)



รองเท้าใส่ในห้อง



มีเครื่องทำกาแฟในห้อง ใส่ผงกาแฟแบบนี้



ตู้ต่างๆ บุหนังจรเข้(เทียม)



มีตัวควบคุมแอร์และไฟต่างๆภายในห้อง สะดวกสบายมากๆ
เป็นทั้งนาฬิกาและนาฬิกาปลุก



มี LCD และเครื่องเล่น DVD





วิวจากห้องนอน ห้อง Pool front





อะไรเอ่ย





มาดูวิวหน้าห้อง Pool front บ้าง

แม้ว่าจะไม่มีวิวสูงแบบ Hilltop
แต่วิวก็ยังดีอยู่ดี และยังได้พื้นที่ระเบียงหน้าห้องกว้างขึ้นด้วย
แถมยังมีวิวสระว่ายน้ำให้ดูสบายตาอีก



แต่อยู่3วัน2คืน
ไม่ได้ลงสระเลยครับ
อากาศเย็นๆทั้งวัน แถมมีลมพัดตลอดอีก



ระเบียงกว้างขวางหน้าห้อง Pool front



สระว่ายน้ำมีมุมของเด็กด้วยครับ แต่น้ำเย็นมากกก
ถ้าเป็นสระน้ำอุ่นก็คงดี



ฝั่งขวาของตัวตึก ซึ่งเป็นห้องพักก็จะมีเท่าที่รีวิวไปนะครับ
ทีนี้เรามาดูชั้น2 ฝั่งซ้ายซึ่งเป็นส่วนของห้องอาหารบ้าง

ครอบครัวผมทานอาหารทุกมื้อที่ห้องนี้ครับ

ถ้าห้องพักทั้ง3ห้อง ไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน
ก็ต้องมาทานที่ห้องนี้อยู่ดีครับ แต่พนักงานจะจัดโต๊ะแยกให้





อาหารเช้าก็ทั่วไปครับ
เบคอน แฮม ไข่ต่างๆ
มีให้เลือก และเลือกเท่าไหร่ก็ได้



นอกจากลิฟท์ จะใช้บันไดก็ได้ครับ



ห้องอาหารนี้ จะมีเพดานโล่งๆ เห็นชั้น3ได้
และยังมีหลังคากระจกให้แสงลอดเข้ามาได้อีก

ทำให้รู้สึกไม่อึดอัดเลยครับ



จากห้องอาหาร มีระเบียงด้านนอกดูวิวได้



วิวยามเช้า จากระเบียงห้องอาหารชึ้น 2



หันไปดูส่วนที่เป็นห้องพัก





จากห้องอาหารที่ชั้น 2
เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้น 3ครับ



ชั้นนี้ จะเป็นแค่ทางเชื่อมออกไปสู้ ตัวระเบียงด้านนอก
ซึ่งเป็นที่ๆสำหรับ dinner ของห้อง Hilltop ได้ด้วย



จากชั้น3 จะมีทางขึ้นไปยัง Heated Jacuzzi ที่อยู่บนดาดฟ้า
ซึ่งเป็น Jacuzzi น้ำร้อน แช่ได้แม้เวลาอากาศหนาว

ปกติเค้าคิดค่าบริการนะครับ 1,500 บาทต่อชั่วโมง !!!
แต่ถ้าจอง Positano Villa ทั้งหลัง ก็จะได้ใช้ฟรีตลอดเวลา



เป็นอ่าง Jacuzzi ที่มีหลอดไฟใต้น้ำ เปลี่ยนสีได้ถึง 7 สี



บนนี้ จะเห็นวิว 360 องศา



วิวรอบๆ มองจากชึ้นดาดฟ้า Jacuzzi ครับ

จะเห็นถนนทางเข้าโครงการ
ตรงกลางด้านล่างจะเป็น บ้านพักอีก2แบบ คือ English Cottage, และ Toscana House

จะเห็นส่วนที่กำลังสร้างอยู่ด้านซ้ายมือ คือคอกแกะและสนามยิงธนู



ลงมาเดินดูรอบ Positano Villa บ้าง









ขับรถมาดูบ้าน Tuscany House บ้างครับ
จะเดินก็ได้ครับ แต่มีลิ้นห้อยแน่ๆ



บ้าน Tuscany จะมี 3ห้องนอน
เป็นบ้านชั้นเดียว



แต่ไม่ได้เข้าชมนะครับ
เห็นพนักงานยุ่งๆเลยไม่อยากกวน



ดูก็น่ารักดี
ดูจากภายนอกดูเล็กไปหน่อย

และที่ตั้งของบ้านนี้ก็อยู่บริเวณที่จอดรถหลักของโครงการ







เดี๋ยวเราไปชม English Cottage บ้าง
ซึ่งครอบครัวผมมาฝากท้องสำหรับ อาหารกลางวันที่นี่

ที่นี่นอกจากจะเป็นห้องอาหารแล้ว ยังเป็น ร้านกาแฟและเบเกอรี่อีกด้วย



ตามทางเดินจะมีต้นไฮเดนเยียร์เต็มไปหมด





มองย้อนกลับไป
ถ้าเพ่งมองด้านบนของรูป (ตรงกลาง) จะเห็นตึกที่พัก Positano villa ลิบๆครับ





ด้านหน้าของ English Cottage จะมีสวนแบบอังกฤษด้วย











มีที่นั่งพักชิวๆ จิบกาแฟ



ทุกวันเสาร์อาทิตย์ ช่วงเวลา 13.00-15.00 จะมีนักร้องมากล่อมเพลงยามจิบกาแฟที่นี่





กำลังทำคอกเลี้ยงแกะและสนามยินธนูครับ

ถ้าใครมาหลังวันที่ 18 ธันวา คงได้เห็นละ









เห็นว่าที่นี่รับ จัดงานแต่ง หรือมาถ่าย pre-wedding ด้วยครับ





เดี๋ยวเราเข้ามาชมด้านในกันบ้าง
(เฉพาะส่วนห้องอาหารนะครับ ส่วนที่เป็นห้องพักชั้น2ไม่ได้ไปชม)



มาชมด้านใน English Coffee House บ้าง



การตกแต่งที่สวยงามภายใน





มีขายของกระจุ๊กกระจิ๊กต่างๆด้วย
(เทียน ตุ๊กตา สมุดจด อื่นๆ)





ชั้น2 เป็นส่วนของห้องพัก











เรากลับขึ้นไปบนเขา ใกล้กับ Positano Villa จะมีจุดชมวิวดูพระอาทิตย์ตก



พระทิตย์จะตกต้านนี้ (ด้านหลังของ Positano Villa)
และพระอาทิตย
จะขึ้นที่หน้าห้อง Positano Villa เลย



วิวมองจากห้องนอนว่าดีแล้ว
มาเห็นวิวด้านนี่ ดีกว่าอีกอะ

วิวจากหน้าห้องจะเป็นวิว อำเภอสีคิ้ว
แต่วิวจากจุดชมวิวนี้จะเป็นฝั่งสระบุรี



จากจุดชมวิวนี้
จะเป็นหน้าผา มองเห็นวิวด้านล่าง
สวยมากๆครับ

ถ้าได้นั่งจิบไวน์ที่นี่มองพระอาทิตย์ตกกับคนรู้ใจก็คงดี(แต่คุณแฟนผมดันติดงาน ตามมาไม่ได้ แงแง -_-')



ซูมเข้าไป

เห็นพนักงานบอกว่า ถ้ามาดูวิวที่นี่ตอนกลางคืน
แหงนมองฟ้า จะเห็นดาวเต็มฟ้า
และถ้ามองลงไปด้านล่างจะเห็น "ดาวบนดิน" เพราะจะเห็นแสงไปจากบ้านข้างล่างระยิบระยับเต็มไปหมด (เดี๋ยวมีให้ชมครับ)





นั่งอาบแสงสวยๆยามเย็น



พระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า





ไปชมบรรยากาศยามค่ำบ้างครับ



ตอนกลางคืนยิ่งสวยกว่าตอนกลางวันอีกอะ





หน้าห้อง Pool front



















Heated Jacuzzi บนดาดฟ้า
ผมลองลงไปแช่น้ำร้อนๆ มีความสุขมาก แต่พอขึ้นมาปุ๊ปสั่นเป็นจ้าวเข้า
เพราะอากาศหนาวและลมแรงมากๆ



Jacuzzi มีหลอดไฟใต้น้ำ สามารถเปลี่ยนสีได้7สี
ตาลายกันไปทีเดียว





เดินออกไปด้านนอกท่ามกลางลมหนาว



... เพื่อจะไปดู ดาวบนดิน ที่จุดชมวิว
^^

(ถ่ายมาได้แค่นี้ครับ ของจริงสวยกว่านี้มากมาย)



ตื่นตอน 6 โมงเช้า กะจะถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นซะหน่อย
แต่อากาศปิด มองไม่เห็นไข่ดาวเลยทั้ง 2วัน



เห็นหมอกบางๆด้านล่าง

พนักงานบอกว่าถ้าเป็นปลายฝนต้นหนาว
หมอกจะหนามาก จนไม่สามารถมองเห็นบ้าน English cottage และ Tuscany House ด้านล่างได้เลย



ยามเช้าที่จุดชมวิว
หมอกบางๆ ท่ามกลาวอากาศ 12-15 องศา













ยามเช้า นี่คือจังหวะเดียว(ไม่เกิน 3นาที)ที่ได้เห็นไข่ดาวออกมาโชว์ตัว



ต้นไม้สวยๆ







ขอลากันด้วยภาพ หมอกบางๆยามเช้า



ข้อดีข้อด้อย
(ความคิดเห็นส่วนตัว จากประสบการณ์ในขณะที่ไปพักห้อง Pool front ครับ)

ข้อดี
- ห้องพักแบ่งการใช้งานได้ดี
* เตียงนอนสบายมากๆ (ปกติผมเป็นคนหลับยาก แต่นี่หัวถึงหมอนนอนหลับยาวเลยครับ)
* ห้องน้ำ ชอบพื้นไม้ครับ เวลาไปที่หนาวๆ เท้าเราเวลาโดนพื้นแล้วไม่ค่อยเย็น
* ชอบที่มีกระจกบานใหญ่ มองออกไปเห็นวิวภายนอกได้ชัดเจนและ panorama มากๆ

- วิวหน้าห้อง ผมพักแบบ Pool front แต่ก็ยังรู้สึกว่าวิวที่เห็นเป็นมุมสูง สวยอยู่ดี แถมยังมีพื้นที่ระเบียงหน้าห้องมากกว่าห้องชั้น 2 และ 3 (แต่ห้องชั้น 2 และ 3 ก็จะได้วิวที่ดีขึ้นไปอีก)

- ถ้าเป็นห้อง Hilltop จะมีอาหารเย็นเพิ่มมาให้ และสามารถให้จัด dinner ส่วนตัวที่ระเบียงชั้น 3ได้ (อาหารเย็นที่ให้มี สลัด สปาเก๊ตตี้ และ Chocolate Lava อย่างละที่เท่านั้น)

- ถ้าจอง Positano Villa ทั้งหลัง ก็เหมือนเราได้บ้านทั้งหลังส่วนตัวเลย ทานอาหารก็ทานกันเอง เพราะคนที่พักบ้าน English Cottage และ Tuscany House ไม่สามารถมาใช้ facility ที่ Villa ได้ แถมยังสามารถใช้ Heated Jacuzzi ได้ทั้งวัน (ราคาถ้าจ่ายเอง 1,500 บาทต่อ ชั่งโมง)

- ชอบวิวที่จุดชมวิว สุดยอดไปเลย สวยกว่าหน้าห้องพักอีก

- การบริการ: น้องพนักงานยังดูใหม่อยู่ แต่มีใจบริการเต็มที่ ยิ้มแย้มแจ่มใส ขออะไรได้หมด


ข้อด้อย
- อาหาร: ผมว่าคือจุดด้อยของที่นี่และควรปรับปรุงครับ
อาหารมีให้เลือกน้อยมาก (ทั้งอาหารฝรั่งและอาหารไทย) รสชาติวันแรกที่ทานอาหารเย็น ไม่ค่อยอร่อยอย่างแรง แต่วันที่2รู้สึกอร่อยขึ้น(ไม่รู้ว่าพ่อครัวคนเดียวกันรึเปล่า)
ราคาอาหารก็แพงสวนทางกับคุณภาพมากๆ (spagetthi ประมาณ 220-250, Pork chop 550, salmon steak 700, steakเนื้อ 600-850, มีตับห่านด้วย (แต่ราคา 1,200!!)
อาหารไทย อย่างของกินเล่นเช่นป่อเปี๊ยทอด ปีกไก่ทอด 120-150, ผัดกระเพรา หมูกระเทียมก็ 130-150บาท ปริมาณก็ไม่ได้เยอะอะไร
*** อยากให้ปรับปรุงเรื่องอาหารมากๆครับ เพราะถ้าราคาแบบโรงแรม 4-5 ดาว เรื่องความอร่อยและปริมาณต้องทำให้ลูกค้าพอใจมากกว่านี้ครับ

- อย่างที่บอกไปว่า อาหารวันแรก ทั้งอาหารเช้าและอาหารเย็นมาช้ามาก (แม้ว่าผมจะสั่งอาหารเย็นไว้ก่อนเกือบ 2 ชม และสั่งอาหารเช้าไว้ตั้งแต่เย็นวันแรก ก็ยังเสริฟช้ากว่าที่สั่งเกือบ 1 ชม)
* ถามพนักงานไป พนักงานก็ขอโทษ บอกว่าย้ายครัวไปด้านล่าง (English Cottage) เวลาจะยกอาหาร ต้องใช้ plastic ซีลจาน และให้รถกอล์ฟทยอยมาส่ง ซึ่งวันแรกรู้สึกว่ารถกอล์ฟแบทหมด เลยช้า
* ผมก็งงๆ คิดเอาเองว่า ในเมื่อทั้ง3วันที่ผมเข้าพัก ไม่มีลูกค้าที่ English Cottage และ Tuscany House เลย ทำไมไม่ย้ายครัวมาที่ Positano Villa ด้านบน เพราะที่ Villa นี้ก็มีห้องครับอยู่แล้ว ... เลยกลายเป็นว่า จ่ายเงินแพง แต่เหมือนได้ความสะดวกสบายไม่เต็มที่

- ราคา: ผมซื้อที่งานไทยเที่ยไทยเมื่อเดือนกันยา ในราคา 11,900 บาท ต่อคืน (เป็นราคารวมทั้ง3ห้องที่ Positano Villa แล้ว และเป็นราคาของวันธรรมดา) ซึ่งผมคิดว่าราคารับได้มากๆ เพราะหลังจากนี้ ราคาก็จะอัพขึ้นเรื่อยๆ
... แต่เรื่องคุณภาพของอาหารทำให้ความคุ้มค่ามันลดลงไปเล็กน้อย ถ้าปรับปรุงจุดนี้ได้ ผมว่าที่นี่จะสุดยอดมากๆครับ

สรุปความรู้สึกที่นี่คือ
ชอบทุกอย่าง พอใจทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องอาหารครับ

หวังว่าคงเป็นประโยชน์นะครับ

รีวิวนี้คงเป็นรีวิวสุดท้ายของปีแล้วครับ
ขอสวัสดีปีใหม่ให้เพื่อนๆทุกคน และครอบครัว มีความสุข สุขภาพร่างกายและจิตใจแข็งแรงตลอดไปครับ

ลาละครับ
^^


Create Date : 14 ธันวาคม 2553
Last Update : 14 ธันวาคม 2553 10:26:20 น. 4 comments
Counter : 14258 Pageviews.

 
ราคานี้ต่อสามห้องเราว่าโอเคจริงๆ ด้วยค่ะ

แต่ถ้าอาหารไม่เวิร์ค ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะคะ

รีวิวละเอียดดีมากๆ ค่ะ ชมๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 ธันวาคม 2553 เวลา:16:48:48 น.  

 
โห เป็น villa ที่ modern มากๆ เลยค่ะ อยู่โคราชนี่เอง
ถ่ายภาพตอนเย็นมาสวยมากเลย


โดย: Lovely December วันที่: 14 ธันวาคม 2553 เวลา:17:01:23 น.  

 
ตามมาชม สีคิ้ว ครับ


โดย: Kavanich96 วันที่: 15 ธันวาคม 2553 เวลา:8:18:46 น.  

 
ขอบคุณครับ ที่พักสวยมาก แต่ไม่เห็นน่าตาอาหารเลย
ผมดูเสร็จเดาไม่ผิดเลยว่า ต้องไม่ดีแน่ๆเลย ไมไ่ด้อยากจะทานให้ดู


โดย: YoRu IP: 113.53.233.105 วันที่: 22 มีนาคม 2555 เวลา:14:44:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chill up
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Friends' blogs
[Add Chill up's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.