Group Blog
 
All Blogs
 
นักลงทุนรุ่นเยาว์

วันนี้ไปเจอนักลงทุนรุ่นเยาว์ คนหนึ่ง ก็เลยจะนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

เรื่องมันมีอยู่ว่า แฟน ผมเค้าชอบ อ่านการ์ตูนมั่กๆ เลยอ่ะ จนแม่เค้าบ่นว่าการ์ตูนจะเต็มบ้านอยู่แล้ว
จึงบังคับให้เอาการ์ตูนบางส่วนไปขาย และแล้ว “ความเหนื่อย” ก็กำลังจะมายืนเราโดยที่เราไม่ตั้งตัว

แน่นอน สักพักผมก็ได้โทรศัพท์ ครับ ว่า “เนี่ย แม่บอกให้เอาการ์ตูนบางส่วนไปขายอ่ะ ช่วยเอารถมาขนไปขายให้หน่อยสิ”
ในใจก็คิดว่า ก็ดีเหมือนกัน ให้แฟน ได้รู้จัก “งานขาย” และขนไปขายบางส่วนก็ไม่เท่าไหร่หรอก

พอรับปากเสร็จก็ ขับรถอย่างตั้งใจเพื่อไปช่วยขน ก็ถึงประมาณเกือบเที่ยง คิดว่าขนแป๊บเดียวแล้วจะไปหาอะไรกินกันข้างนอกต่อ

พอเจอหน้าปุ๊บก็ถามเลยว่า “ไหนล่ะที่จะให้ขน”
เค้าก็ชี้ให้ผมดูครับ ผมเห็นปุ๊บ ในใจก็คิดเลยว่า“โอ๋…. พระเจ้า จอร์จ มันยอดมากเลย มีเป็นพันกว่าเล่ม”
ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษเต็มขั้น จึงตอบไปว่า “โอเค รีบลงมือขนจะได้เสร็จ”

ปรากฎว่า ไม่สามารถยกขนได้เลยครับ เพราะว่า ต้องแยกการ์ตูนก่อน เนื่องจากว่า การ์ตูนแต่ละเล่มมีราคาไม่เท่ากัน แล้วยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เป็นชุด ต้องแยกออกมาเพื่อรวมกันเป็นชุด จึงจะขายได้ราคาดี

อยากจะบอกว่า….สบายเลยครับทั่น จัดถึงบ่าย สอง ก็ยังไม่เสร็จ
ไอ้เราก็จะเป็นลมเพราะไม่ได้กินข้าวเที่ยง ก็เลยบอกว่า “เราไปหาอะไรกินกันก่อนดีไหม”

สรุปคือไปกิน ร้านส้มตำข้างๆบ้าน หลังจากกินเสร็จ ได้พลังข้าวเหนียว ก็ไปขนต่อจนเสร็จบ่ายสาม
คำถามที่ตามมาคือ “แล้วเราจะไปขายที่ไหนดี”
ก็ได้ข้อสรุปว่าเราควรไปขาย”ร้านเช่าการ์ตูน” ดีกว่า ไปชั่งกิโลขาย หรือไม่ก็ไปขาย”เจเจ”

ผมก็เลยถามต่อว่า ”แล้วเคยไปขายที่ร้านไหนเหรอ เจเจน่ะ”
เธอจึงตอบอย่างมั่นใจว่า “ไม่รู้เพราะไม่เคยเอาไปขาย”
โห…เล่นเอาผมอึ้งไปสักพักนึงเลย แล้วจะทำไงดีเนี่ยกว่าจะหาร้านเจออีก จึงตอบกลับไปว่า “งั้นเราไปขายร้านเช่าการ์ตูนแถวนี้แหล่ะ เพราะมันก็เริ่มเย็นแล้ว กว่าจะไปถึง เจเจ หาร้านอีกเดี๋ยวจะไม่ทัน”

หลังจากออกสำรวจหาร้านเช่าการ์ตูนสัก 1-2 ร้าน บางร้านก็ไม่รับซื้อ บางร้านไม่มีที่จอดรถใกล้ๆ ก็ไม่ไหวเพราะต้องขนมาที่ร้านอีก

สรุปก็ไปเจอร้านเล็กๆอยู่มุมถนนร้านหนึ่ง โดยมีเด็กผู้ชายคนนึงเป็นคนนั่งประจำร้านอยู่
ผมก็เลี้ยวเข้าไปในซอยเพื่อจอดรถแอบเข้าข้างทาง ส่วนแฟนผมก็ลงไปเจรจากับคนขาย

สักพัก เด็กผู้ชายที่เป็นคนอยู่ในร้านเช่า ก็เดินมาดูการ์ตูนพร้อมเครื่องคิดเลขและบรรดาเหล่าสมุน(เด็กๆน่าจะเรียนอยู่ ประถมปลายถึงม.ต้น) สัก 4-5 คน ที่ท้ายรถกระบะ ของผม

ผมดูหน้าก็ยังเด็กๆอยู่ ผมสั้นๆ น่าจะเรียนอยู่มัธยม แต่บุคคลิคท่าทาง คล่องแคล่ว ผสมกวนๆนิดๆ

หลังจากนั้นแฟนผมก็เริ่มสอบถามว่า”การ์ตูนแบบพวกนี้เนี่ย รับซื้อไหม” โดยผมก็เฝ้าดูอยู่ห่างๆ เพราะต้องการให้แฟนเรียนรู้เรื่อง “งานขาย”

เด็กคนนี้ก็บอกว่า”โหมีมาเยอะเหมือนกันนี่”
แฟนก็เลยถามไปว่า “แล้วรับซื้อยังไงบ้าง”
เด็กนี่ก็บอกว่า “ถ้าเล่มสภาพดีๆ ก็รับซื้อที่ 30% ของราคาขาย สภาพไม่ดีรับซื้อที่ 10% ส่วนพวกกระดาษเหลืองๆก็ไม่รับซื้อ เนื่องจากว่ามันเก่ามาก”

หลังจากนั้นก็หันไปบอกบรรดาลูกน้องว่า ”พวกมึงไปช่วยยกและเลือกดูสิ”

ในใจเราก็เริ่มคิดว่า ไอ้เด็กคนนี้มันท่าทาง มันตัดสินใจได้ มันน่าจะเป็นเจ้าของร้านจริงๆแหะ

หลังจากนั้น เด็กคนนี้ก็เริ่ม เลือกหนังสือ และต่อรอง ราคาซื้อ กับแฟนผม
ส่วนผมก็ไม่สนใจเท่าไหร่เพราะคิดว่า ให้แฟนฝึกการ “เจรจาต่อรอง” และผมก็คิดว่าถ้าผมไปต่อรอง ก็จะเป็นการเอาเปรียบเด็กกับ แค่เงินไม่กี่บาท และแฟนก็ไม่ได้เรียนรู้ด้วย

ผ่านไปสัก 15 นาที เห็นจะได้ การเลือกหนังสือ ทำท่าจะเสร็จลง แล้วแฟนผมก็ทำหน้างง ๆ
ผมจึงเดินเข้าไปถามว่า “เป็นไงบ้าง ขายได้เท่าไหร่”

ปรากฎว่ามีหนังสือที่ถูกเลือกซื้อออกไปเพียง 20% ของทั้งหมด
แฟนก็เลยกระซิบว่า”ได้มาประมาณ 550 บาท ที่เหลือเขาไม่เอาเพราะ บางชุดมีไม่ครบ บางเล่มชำรุด บางเล่มมีซ้ำในร้านบ้าง”

และแฟนก็บอกว่า “ตอนนับมันนับจำนวนเร็วมาก แล้วคูณออกมาเป็นตัวเลข แล้วบอกราคาเหมากองได้เร็วมาก ไม่รู้โดนโกงหรือป่าว”

อ้าว…ในใจก็คิดว่า ไหงงั้นเนี่ยน ปล่อยให้เด็กหลอกได้ไง ไอ้ตอนนับก็เห็นดูอยู่ด้วยกันก็น่าจะเห็น แต่แฟนผมเป็นคนที่คิดเลขช้า

แต่ก็คิดว่าช่างมัน อย่างน้อยแฟนก็ได้เรียนรู้ว่า ถ้าต้องการทำธุรกิจ ค้าขาย เนี่ย ต้องแม่นเรื่อง “การคำนวนตัวเลข”
จึงตอบแฟนไปสั้นว่า “อืม… เหรอ” ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ

ระหว่างที่ผมคุยอยู่นั้น ไอ้เด็กคนนี้ มันก็บอกกับเด็กๆที่เป็นลูกน้องว่า “พวกมึง ขนเอาไปเก็บที่ร้าน แล้วถ้าจะเอาเล่มไหนก็มาเลือกมา …กูจะได้ซื้อมาให้ พวกมึงเช่าอ่าน”

เท่านั้นแหล่ะครับผมหูพึ่งเลย แล้วหันไปมองหน้า ในใจก็คิดไปว่า ไอ้เด็กเวรนี่ ….. มันมีเลือดพ่อค้าเต็มตัวจริงๆ
คิดดูแล้วกันว่า “บางเล่ม มันซื้อผมไป 3 บาท ถ้าเด็กๆพวกนั้นเช่าอ่าน 3 บาทต่อวันเลย ก็หมายความว่า มันคืนทุนตั้งแต่ วินาทีแรกที่ลงทุนซื้อเลย” สุดยอดจริงๆ

เอ….ผมก็เริ่มชักสนใจ อยากคุยด้วยแล้วสิ

แต่หลังจากนั้น เด็กคนนี้ก็หยิบโทรศัพท์ ขึ้นมาแล้วคุยกะใครไม่รู้
น่าจะเป็นแม่ของเขาเพราะเห็นบอกว่า “แม่มีคนมาขายการ์ตูนผมน่ะ”
“ช่วยเบิกเงินในบัญชีให้ผมหน่อยก็แล้วกันเดี๋ยวจะขับรถเข้าไปเอาที่บ้าน”
แล้วก็ต่อด้วยว่า “เออ…น่า ผมเป็นพ่อค้าอยู่แล้ว ซื้อมามีแต่กำไรไม่ขาดทุนหรอก”

ก็ลองไปคิดต่อดูเอาแล้วกันว่า แม่เค้าพูดอะไรกับเขา ก่อนที่เขาจะตอบไปตามที่ผมอธิบาย

แล้วมันก็ขับรถหายไป ระหว่างนั้นผมก็ถามแฟนว่า “เป็นไง คุยอะไรกันบ้าง”
แฟนเลยอธิบาย
น้องเค้าถามมาว่า “การ์ตูนเยอะอย่างนี้เนี่ย คุณซื้ออ่านเองทั้งหมดเลยเหรอ”
แฟนตอบกลับไปว่า “ป่าวหรอก บางเล่มเป็น ของพี่ๆ เขาซื้อมาไว้น่ะ”
เด็กมันก็ถามตอบว่า “มีเยอะขนาดนี้น่าจะเปิดร้านขายการ์ตูนเองนะ ลงทุนสักประมาณ สองหมื่น ซื้อบางเล่มที่ขาดหายไปให้ครบชุด ก็เปิดได้แล้ว”

แฟนเลยบอกต่อว่า “เคยคิดจะทำอยู่เหมือนกัน”
เด็กคนนี้สวนขึ้นมาทันทีเลย “แค่คิดอย่างเดียวได้ไง ต้องลงมือทำเลย เปิดที่บ้านก่อนก็ได้ เปิดมาเดี๋ยวก็มีพวกโง่ๆพวกนี้ เอาเงินค่าเช่ามาให้เราได้แหล่ะ” แล้วก็ชี้ไปทางๆเด็กๆที่มาด้วยกัน เล่นเอาแฟนผมอึ้งไปเลย

หลังจากกนั้น แฟนผมเล่าต่อว่า ก็ถามต้องเค้าต่ออีกนะว่า “วันๆนึงเนี่ยคนมาเช่าเยอะไหม”

แล้วก็หันมาถามผมว่า “รู้ไหมว่าน้องเค้าตอบว่ายังไง” ผมก็บอกว่า “จะไปรู้เหรอ”
น้องเค้าบอกว่า”คุณคิดว่ามีคนมาเช่าผมวันละเท่าไหร่ล่ะ”

เป็นไงล่ะ เอากะมันดิ ถามมันไปแทนที่จะตอบ กลับถามกลับมา

แต่แฟนผมก็ตอบกลับไปนะว่า”สัก 10-20 คนมั้ง”
มันก็ตอบว่า “คุณคิดว่าแค่นั้นเหรอ จริงๆ วันนึง ประมาณ 40-50 คน”

ยังไม่ทันได้คุยต่อ ไอ้เด็กนี่มันก็ขับรถมาจอด พร้อมเอาเงินมาให้แฟนผม
ผมก็ยิ้มให้เป็นการทักทาย

มันก็เลยถามว่า”ที่บ้านมีการ์ตูนอีกรึป่าว ถ้ามีจัดให้เป็นชุดด้วย ผมจะได้ซื้อเพิ่ม”

คราวนี้ผมคุยเองเลยครับ เนื่องจากชักสนใจในตัวมันแล้วสิ
ผมก็ตอบว่า”ไม่มีหรอก มีแค่นี้แหล่ะ” และคุยต่อว่า “เก่งจังนะอายุยังน้อยรู้จักหัดทำธุรกิจ เรียนอยู่มัธยมปลายรึป่าว”

มันก็อมยิ้มนิดนึงก่อนตอบว่า “ใช่ ผมเรียนอยู่ ม.4” ในใจคิดว่า ไอ้ตอนเรา อยู่ ม.4 ยังเตะบอลไปวันๆอยู่เลย
“เรียนที่ไหนล่ะ แล้วบ้านอยู่แถวนี้เหรอ” ผมถามต่อ
จึงได้คำตอบว่า “เรียน กรุงเทพคริสเตียน บ้านก็อยู่ซอยถัดไปนี่เอง”

ผมคุยต่อว่า ”อืมดีจัง ปกติที่เคยรู้จัก เด็กคริสเตียนอายุเท่านี้ไม่ค่อยมีใครสนใจทำงานหรอก เพราะบ้านมีฐานะอยู่แล้ว”
มันก็ตอบว่า”ช่าย เพื่อนๆตกเย็นมันยังไปนั่งเล่นเกมส์ไปวันๆเลย แต่ผมว่าง ไม่มีอะไรทำก็เลยมาเปิดร้านเช่าการ์ตูน”

“แล้วไปเรียนทำไงล่ะ” ผมก็พยายามถามต่อ
เด็ก:“จ้างคนเฝ้าไง”
ผม: “แล้วร้านเป็นของเราเองเหรอ”
เด็ก:“ช่าย …. ของผมเอง ลงทุนไป แสนกว่าบาท ทั้งค่าซื้อหนังสือและตกแต่งร้าน”
ผม: “รายได้ดีไหม”
เด็ก:“ก็ได้วันละ 400-700 บาท ตกเดือนละ 12,000-18,000”

ผม: “โห… อย่างนี้ไม่ต้องขอเงิน พ่อแม่ ใช้เลยสิ” แล้วจึงถามต่อว่า “เช่าที่หรือป่าวเนี่ย”
เด็ก:“ใช่ เดือนละ 8,000 บาท”
ผม: “แล้วทำมาได้นานรึยัง”
เด็ก:“สักพักนึงแล้ว”
ผม: “แล้วเริ่มต้นจากอะไรล่ะ”
เด็ก:“ชอบอ่านการ์ตูน…เมื่อก่อนต้องไปเช่า ร้านฝั่งตรงข้ามทุกวัน วันละ 30 บาท บางวันอ่านไม่จบหรือลืมคืน โดนปรับรวมต้องจ่ายเป็น 60 บาท แล้วเราจะไปเช่าทำไม ก็เลยเปิดเองเลยเพราะ ปกติต้องเสียตังค่าเช่าอยู่แล้ว”

ฟังเสร็จก็อึ้งเหมือนกัน เด็กอายุเท่านี้ ทำไมมันเก่งจัง แม้จะมีความมั่นใจในตัวเองมากไปหน่อย
เฮ้อ….. เด็กสมัยนี้ เก่งๆ กันเยอะเลย

คุยไปสักพักก็จะกลับ เด็กคนนี้ก็บอกว่า “มีการ์ตูนครบชุดหรือสภาพดีๆ ก็เอามาขายอีกนะ”

เป็นอันเสร็จภาระกิจ ตอนแรกกะจะให้แฟนคุยและเรียนรู้ด้วยเอง สุดท้ายเป็นว่า ผมเป็นคนแย่งซักถามเด็กคนนี้ด้วยความอยากรู้ซะเอง แฮะๆๆ



Create Date : 16 มกราคม 2549
Last Update : 17 มกราคม 2549 10:13:24 น. 9 comments
Counter : 396 Pageviews.

 
สนุกดีจัง เด็กคนนี้เก่งนะ อ่า ที่บ้านคุณ จขบ มีการ์ตูนเยอะมากๆเลย คิดเป็นเงินคงหลายเท่ากับราคาขายนะนี่


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 16 มกราคม 2549 เวลา:8:56:56 น.  

 
ยาวมาก............... กว่าจะอ่านจบ.........

เหนื่อยอ่า.......


โดย: นอร์ธ (theewin ) วันที่: 18 มกราคม 2549 เวลา:1:54:33 น.  

 
ชอบมากเลยอ่ะค่ะ เรื่องนี้ น้องร้านเช่าการ์ตูนน่ารักดี


โดย: หนอนปล่าจ่อมน้อย (easyfreedom1978 ) วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:13:15:58 น.  

 
สนใจจะเปิดร้านเช่าการ์ตูนพออ่านเรื่องนี้แล้วเป็นกำลังใจให้มาก


โดย: นู๋รักการ์ตูน IP: 202.8.84.29 วันที่: 5 กรกฎาคม 2549 เวลา:0:23:09 น.  

 
ถ้า "บ้าน" เปิดทางอิสระให้ทำ มันก็ทำกันได้

ไม่ใช่ว่าคนไม่ทำ คือคนไม่เก่ง

คนรู้จักของน้อง ก็เด็กผู้หญิงมอสอง ก็ถือเป็นเจ้าของเองเหมือนกัน

ถ้าเขาพูดเหมือนที่เล่าเป๊ะๆนี่ ก้าวร้าวเหมือนกันนะ

ว่าแต่ มกราคม 2549 ยุคสมัยที่ร้านรับซื้อแพงๆมีเป็นสิบ คุณยังรู้จักแค่ เจเจ เองเหรอ


โดย: คนไม่ต้องเก่ง ได้ทำเลดีมันก็กำไรแล้ว IP: 61.19.228.46 วันที่: 22 กรกฎาคม 2549 เวลา:12:18:11 น.  

 
ความคิดดีมั้กมาก


โดย: หมูบิน IP: 58.8.163.119 วันที่: 31 มกราคม 2550 เวลา:22:20:34 น.  

 
อนาคตของชาติ
ยอมรับว่าเด็กคนนนี้คิดได้ไกลมาก
ไกลกว่าเราเยอะ
" แค่คิดอย่างเดียวได้ไง ต้องลงมือทำเลย "
อืม เด็กกว่าเราตั้งเยอะ ยังคิดได้ 555


โดย: Mr.ใหม่_01 วันที่: 30 มีนาคม 2550 เวลา:18:03:08 น.  

 
เก่งจังนะตัวแค่เนี้ย


โดย: ซองยาคุม IP: 222.123.202.146 วันที่: 27 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:18:50 น.  

 
อ่านแล้ว รู้สึกชีวิตไร้สาระจัง ToT


โดย: อยู่ที่ความคิด IP: 202.12.74.161 วันที่: 11 ตุลาคม 2554 เวลา:12:58:36 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nara80
Location :
ปทุมธานี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




Friends' blogs
[Add nara80's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.