Photobucket

Iced Tea ที่ Nepal - ตอนที่ 2

หลังจากหลับสบายทั้งคืน
เราก็ถูกปลุกด้วยเสียงคุ้นเคยจาก iPhone ที่ชาร์จแบตไว้เต็มตั้งแต่เมื่อคืน
ใครจะไปเนปาล ต้องรู้ไว้นิดนึงว่า
ที่เนปาลเค้าจ่ายไฟฟ้าเป็นเวลาเพราะกำลังการผลิตไม่พอค่ะ
ตอนเย็นก็จะจ่ายประมาณ 6 โมงเย็น - 5 ทุ่มหรือเที่ยงคืน
ที่จำได้แต่ตอนเย็นเพราะต้องชาร์จแบตกล้องและมือถือ
ส่วนตอนเช้านี่ไม่แน่ใจ เพราะตื่นเช้าไปตะลุยเที่ยวทุกวัน
ถ้าให้ชัวร์ ถามพนักงานที่โรงแรมดูว่าเวลาการจ่ายไฟเป็นยังไง

ประมาณ 6.30 น. คุณไกด์ก็มารอรับที่ข้างล่างเกสเฮ้าส์ตามนัด
พวกเราเดินฝ่าลมหนาวไปที่คิวรถบัส Kathmandu - Pokhara ซึ่งจอดเรียงรายบนถนน Kantipath
คุณไกด์ก็ซื้อตั๋วไว้เรียบร้อย เราเลยกระโดดขึ้นรถแบบตัวปลิิวได้เลย
แถมได้ที่นั่งแถวหน้า มีพื้นที่ยืดขาวางกระเป๋าเพิ่มอีกนิด

ขอสารภาพว่า มีรูปแค่รูปเดียวในเมมโมรี่การ์ดตั้งแต่ Kathmandu ถึง Pokhara
นั้นคือรูปชานมแก้วแรกที่ดื่มในเนปาล
มันอร่อยล้ำกว่าชานมแบบไทยหรือไต้หวัน
หวานมันและมีกลิ่นเครื่องเทศหน่อยๆ ภาษาเนปาลเรียกว่า "Masala Tea"

01 Masala Tea แก้วแรก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของภารกิจตระเวนชิม Masala Tea ตามร้านอาหารที่เข้าไปทาน :)

อย่างที่บอกว่าไม่ได้ถ่ายรูประหว่างการเดินทางไว้เลย
บรรยากาศก็ประมาณหมู่บ้านเล็กๆ สลับกับป่าต้นไม้เขียวๆ ลำธารกับน้ำใส บลาบลาบลา
ถึงจะไม่มีรูป แต่ก็มีเรื่องประทับใจระหว่างการเดินทาง...

...เป็นเรื่องราวแบบลืมไม่ลงถึงความติสท์ของผู้หญิงฝรั่งผมบลอนด์คนนึง

เราสนใจเธอเพราะเธอขึ้นมาบนรถประจำทางคนเดียว
เธอสวมเสื้อเชิ้ตธรรมดา กางเกงขาพองๆแบบอินเดีย และไม่ใส่รองเท้า ย้ำ! ไม่ใส่รองเท้า
สะพายกระเป๋าย่ามแบบพาดไหล่ใบเดียวเหมือนย่ามของเด็กวัด
มัดผมบลอนด์แบบเซอๆ นั่งแถวหน้าสุดริมหน้าต่าง
ใกล้พอที่เราจะมองเห็นการเคลื่อนไหว

รถบัสเคลื่อนตัวไปตามถนนไม่นาน เธอก็ยกขาพาดหน้าต่างห้องคนขับ
แกะถั่ว แล้วทิ้งเปลือกออกไปนอกรถ (ไม่ควรเลียนแบบอย่างยิ่ง)
ด้วยความคิดว่าฝรั่งที่ขึ้นรถบัสคันนี้ น่าจะไปลง Pokhara กันหมด
เลยคุยกันกับลูกพี่ลูกน้องว่า นางจะไปเทรคกิ้ง? สะพายย่ามใบเดียว จะเอาอยู่เหรอ?

...เธอดูเป็นศิลปินขนานแท้ แบบผู้หญิงติสแตกเดินทางคนเดียว

มาถึงบางอ้อ ว่าเธอไม่ได้ไป Pokhara แบบพวกเรา
เธอลงที่สถานีชื่อ ดุมเร่ - Dumre (ประทับใจถึงขนาดจำชื่อเมืองได้เลยนะ)
สภาพเมืองตรงท่ารถก็เป็นตลาด อีกฟากถนนเป็นบ้านคนปลูกติดๆกัน

มาค้นข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก็พบว่าเป็นเมืองสำหรับการเทรคกิ้งเหมือนกัน
และสามารถต่อรถไปเมืองลุมพินีวัน อีกหนึ่งเมืองยอดฮิตของทัวร์คนไทยได้ด้วย
แต่ ณ ตอนนั้น เรารู้สึกว่าเมือง Dumre นี่มันช่าง out of nowhere
เราไม่เห็นใครลงจากรถนอกจากสาวผมบลอนด์คนนี้
มองออกไปเห็นแต่ชาวเนปาลีเดินไปมา ไม่ยักกะเห็นฝรั่งผมทองหรือชาวเอเชียชาติอื่น

...จนถึงตอนนี้ยังคิดถึงและเป็นห่วงเธออยู่
ที่สำคัญคือนับถือความกล้าหาญในการเดินทางของเธอมาก
ขอให้เธอเดินทางปลอดภัย และเจอกับสิ่งที่เธอเดินทางเพื่อแสวงหาด้วย...

02 วิวจากดาดฟ้าที่พักเมือง Pokhara ของเรา

นาฬิกาเดินทางเลยเลข 2 ไปนิดๆ เราก็มาถึงท่ารถบัสเมือง Pokhara แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว

ประมาณว่ารถจอดตรงลานดินโล่งๆ แล้วคนขับก็ประกาศว่า Pokhara !
แน่นอน คุณไกด์เราก็ทำหน้าที่ได้ดีด้วยการติดต่อรถแท็กซี่มารับไว้เรียบร้อย
หลังจากแวะไปทำเอกสารขออนุญาต trekking เรียบร้อย รถแท็กซี่ก็พาไปส่งที่เกสเฮ้าส์ในเมือง
วันนี้ทั้งบ่ายเป็นชั่วโมงอิสระ กะว่าจะไปทะเลสาบ Phewa ที่เค้าว่าสวยนักสวยหนากัน
ว่ากันว่าในวันฟ้าใสแดดดี จะเห็นทะเลสาบล้อมรอบด้วยภูเขา
ซึ่ง...



เราไม่เห็น -_-'''

03 วัว สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาฮินดู เพราะตามตำนานโคเผือกเป็นสัตว์พาหนะประจำพระศิวะ

เดินออกจากที่พักไม่นานก็เจอทะเลสาบเฟวา - Phewa Lake
เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่มีชื่อเสียงของเมืองโพคารา
เรียกว่าเป็น landmark สำหรับนักท่องเที่ยว

มีแม่บ้านชาวเนปาลีมารวมตัวกันเพื่อรอเรือข้ามฟากไปวัด Barahi ซึ่งเหมือนเป็นเกาะอยู่กลางทะเลสาบแห่งนี้
จินตนาการว่าถ้าอากาศดี ฟ้าเปิด แล้วเห็นเทือกเขาเป็นทิวยาวล้อมทะเลสาบ คงเป็นวิวที่จับจิตจับใจมากๆ
ว่าแล้วก็เปิดรูปใน google ดูย้อมใจไปก่อน T.T

04 เรือสีสันสดใส จอดเรียงรายรอผู้โดยสาร

รูปข้างล่างนี้ถ่ายด้วย iPhone แล้วอัพโหลดด้วย WiFi ที่ร้านอาหารตอนค่ำๆ
เรียก Like ใน Instagram ได้พอสมควร
เป็นรูปนึงที่ส่วนตัวชอบในบรรดารูปทั้งหมดที่ถ่ายมาจากทริปนี้
ต้องขอบคุณธรรมชาติที่สร้างสรรค์ความงามของภูเขากับน้ำ
และขอบคุณ Instagram ที่สร้าง filter มาเสริมความงามของภาพได้อีก 30%++

05 ทะเลสาบ Phewa ยามเย็น

06 คนเนปาลนี่เค้าชิวกันสมคำล่ำลือ ขนาดเรือก็ปล่อยให้น้ำขัง ปล่อยให้ลอยไปกลางทะเลสาบ
สมกับเป็นประเทศที่ no problem จริงๆ

07 คนละไม้คนละมือ


08 ไม่ต้องพึ่งพา แอ๊บ-โด-มิ-ไน-เซอร์ จากทีวีไดเร็ก
ฝีพายที่นี่ใช้เรือเป็นทั้งเครื่องมือทำมาหากินและเครื่องออกกำลังกาย
หนุ่มๆสาวๆคนไหนอยากฟิตแอนด์เฟิร์ม และอยากเปิดประสบการณ์แปลกใหม่
เชิญลองซิตอัพบนเรือดูได้ค่ะ


09 ถ้าจะชิวกันขนาดนี้....


10 คนเรามีวิธีผ่อนคลายจากความเครียดแตกต่างกัน

บางคนชอบดูหนัง บางคนชอบไปสปา
บางคนชอบวาดรูป บางคนกลับชอบถ่ายรูป
บางคนยิ่งทำงานหนักยิ่งพอใจในตัวเอง ในขณะที่บางคนชอบนอนกลางวันเป็นชีวิตจิตใจ

อย่างสองคนนี้ คนนึงอ่านหนังสือ อีกคนขอเพียงนั่งเฉยๆ

แต่ทั้งคู่น่าจะมีความสุขจากการได้พักผ่อนเหมือนๆกัน
การเลือกทำสิ่งที่เราชอบ แน่นอนว่าตัวเรา ไม่ใช่คนอื่น ที่จะมีความสุขมากที่สุด
"ใช้ชีวิตให้คุ้มค่า ก่อนที่จะไม่มีชีวิตให้ใช้" คำคมจากฝรั่งที่น่าจะคุ้นหูหลายๆคน

เห็นแล้วก็อิจฉานะ ได้อ่านหนังสือท่ามกลางลมเย็นๆไม่พอ
ได้เห็นวิวเทือกเขาหิมาลัยเป็นของแถมอีกต่างหาก

หมดภารกิจที่ทะเลสาบ Phewa ก็เดินไปที่ถนนเส้นหลักซึ่งมีร้านขายอุปกรณ์ trekking ตลอดทาง
เราไปเช่าไม้เท้าสำหรับ trekking ซึ่งพบว่าช่วยในการทรงตัวได้มาก
ใครที่ไม่ได้ออกกำลังกายบ่อยๆจนร่างกายปราดเปรียว แนะนำว่าเช่าไม้เท้าไว้ซักอันดีกว่าค่ะ
ถึงเวลาถ้าไม่ใช้ ก็พับเก็บไว้กับเป้เดินทางได้
ราคาที่เราเช่าตกอยู่ที่ 25 Rs/วัน หรือประมาณ 8 บาท
5 วันก็แค่ 40 บาท โอ้ว......นี่มันราคาก๋วยเตี๋ยว 1 ชามที่เมืองไทยชัดๆ


11 เมฆกับหมอกเหมือนจะจับคู่เดินเล่นไปทั่วเมือง Pokhara ทั้งวัน
และดูเหมือนน้องฝนจะอยากมาเดินเล่นที่นี่ด้วยอีกคน

เรากับลูกพี่ลูกน้องเห็นท่าว่าฝนจะตก เลยรีบเดินกลับที่พักเพราะซักผ้าทิ้งเอาไว้
มา trekking ชนิดสมบุกสมบัน จะจัดเสื้อผ้าชนิด 7 วัน 7 สีก็เกรงใจตัวเองค่ะ
เลยซื้อกางเกงของ Uniqlo เป็นแบบแห้งเร็ว ใส่สบาย มาเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ 

ด้วยความที่ห้องพักเราอยู่บนชั้นดาดฟ้า เลยทำให้เห็นยอดเขา Machhapuchhre จากหน้าต่างห้องพัก
ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะได้เห็นมันอีกมั้ย เพราะสภาพอากาศดูขมุกขมัว เลยรีบวิ่งไปหยิบกล้องมาถ่าย
ยอด Machhapuchhre ถือว่าเป็นยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ ที่คนเนปาลเชื่อว่าเป็นที่อยู่ของพระศิวะ
จึงไม่อนุญาตให้ trekking หรือปีนเขาค่ะ

ต้องขอบคุณทัวร์ที่เมืองไทย (ezytrekking) และคุณไกด์ Dharma ด้วยที่จัดการเรื่องที่พักให้ถูกใจขนาดนี้
เชื่อว่าทัวร์หลายสำนักก็จัดที่พักในลักษณะเดียวกัน คือมีดาดฟ้าให้ชมวิว
ถึงรูปจะไม่คมชัด แต่มันก็เป็นแรงบันดาลใจให้เรากลับไปบันทึกภาพนี้ใหม่อีกครั้ง


12 กองทัพต้องเดินด้วยท้อง (...ถ้าท้องไม่แตกไปซะก่อนนะ)

ประมาณ 1 ทุ่ม เรากับลูกพี่ลูกน้องก็ออกไปหาอาหารเย็นใกล้ๆทาน
คุณไกด์แนะนำว่ามีร้านอาหารจีนใกล้ที่พัก เห็นคนเอเชียไปกันเยอะ
แล้วก็จริงดังกว่า มีทั้งคนจีน คนญี่ปุ่นมาฝากท้องไว้ที่นี่

อาหารก็จานใหญ่ยักษ์มาก รสชาติอร่อยดี แถมมี WIFI ให้เล่นด้วย
อัพโหลดรูป แชทใน Whatsapp อะไรกันเรียบร้อย
ก็ไม่ลืมส่งข่าวคราวให้ป่าป๊าม่าม้าว่าสบายดี

กลับถึงห้องพักประมาณสองทุ่มนิดๆ เราก็จัดการชาร์จแบตเตอรี่อุปกรณ์ทุกสิ่งอย่างเป็นอันดับแรก
เพราะไม่รู้ว่าไฟฟ้าจะดับกี่โมง แล้วก็เป็นจริงดังคาด
22.30 น. เราเพิ่งจะกลืนวิตามินซีเข้าปาก ไฟก็ดับลง
เป็นอันว่าผ่านพ้นวันเดินทางไกลกว่า 200 กิโลเมตรจาก Kathmandu - Pokhara ได้ด้วยดี
ไม่มีท้องเสีย ไม่มีคลื่นไส้อาเจียร อุณหภูมิร่างกายยังปกติ

iPhone ถูกตั้งเวลาให้ส่งเสียงปลุกที่คุ้นเคยตอน 6.00 อีกครั้ง
เพื่อให้เราได้เจอกับประสบการณ์ trekking ครั้งแรกในชีวิตในวันพรุ่งนี้



Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2556 12:12:20 น. 2 comments
Counter : 1239 Pageviews.

 
อยากไปเนปาลสักครั้งนึงในชีวิต :)


โดย: แฟนlinKinPark วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:12:26:45 น.  

 
เข้ามาอ่านแล้วคิดถึงทะเลสาบเฟวามากคะ 55+
ไปนั่งล่องเรือแล้วคือ เหงามาก ไม่ไหว นึกว่าตัวเองไปถ่าย MV อยู่งั้นแหล่ะ

ปล. ชอบชาของเขาจริงๆ ค่ะ อร่อยมว๊ากกกกกก
อยากกินวันละหลายๆ เหยือกเลย ฮาาาา


โดย: Nepster วันที่: 11 มีนาคม 2556 เวลา:16:13:51 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Backlit.Iconic
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ค้นพบว่าการถ่ายรูปและการเดินทางทำให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้น เป็นงานอดิเรกที่ไม่เคยเบื่อ ชอบแวะเวียนไปชิมอาหารและขนมจากร้านบรรยากาศดีๆ ชอบงานสถาปัตยกรรมและการอ่านหนังสือ :)

ข้อความและภาพถ่ายทุกรูปในบล็อคนี้ขอสงวนลิขสิทธิ์ค่ะ ห้ามเผยแพร่ ดัดแปลง ลงในสื่ออื่นๆโดยไม่รับอนุญาต หากต้องการนำรูปหรือข้อความไปเผยแพร่หรือใช้ในทางพาณิชย์ กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อคที่ backlit.iconic@gmail.com หรือทางกล่องข้อความนะค่ะ

รับชมบล็อค wordpress ได้ที่ http://backliticonic.wordpress.com ค่ะ
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Backlit.Iconic's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.